บทที่ 16 - ดาบนี้คืนสนอง (2)
“ครับ ใช่ครับ”
วูจินเพิ่งจะเอาเงินของสมาชิกทีมเบโดซูไปและกำลังอารมณ์ดี
ถ้าใครมามองหน้าเขาตอนกำลังนับเงินจะไม่เห็นสักนิดว่าเขากำลังรู้สึกผิด
ซุงกูกลัวจนไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียงคราง เขาแค่ยืนเฉยๆ
ซุงกูเข้าดันเจี้ยนหนึ่งดาวจนช่ำชอง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนถูกฆ่าต่อหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น การฆ่านี้ยังเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของคนๆหนึ่ง
วูจินไม่มีท่าทางแปลกไปแม้จะเพิ่งฆ่าคน
เหมือนเขาเคยเจอกับเหตุการณ์เล็กน้อยแบบนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว
“พวกมันพกเงินไว้เยอะดี”
วูจินรู้สึกดีที่ได้ลาภลอยถึงเก้าแสนวอน
ซุงกูสะอึกเมื่อได้ยินวูจินฮัมเพลง
“เพราะฉันนายเลยเกือบตาย”
“ไม่หรอกครับ”
ถ้าไม่ใช่วูจินช่วยไว้
เขาคงตายไปตั้งแต่ตอนถูกทิ้งไว้กับพวกมอนสเตอร์แล้ว
“งั้นนายน่าจะจ่ายเพิ่มนะ”
“ห๊ะ?”
“ฉันช่วยนายสองครั้งแล้ว”
“....”
เท่ากับเขาจะเอา 4
ต่อให้ถอนเงินในบัญชีธนาคารมาทั้งหมดก็รวมได้ไม่ถึง 40
ล้านวอนหรอก ซุงกูแทบร้องไห้ วูจินดึงลูกธนูออกจากบ่าให้อย่างสบายใจ
แล้วรวบรวมวิญญาณของเบโดซูและคนในทีมที่ยังไม่สลายไปมาใช้รักษาแผลให้ซุงกู
“อุ๊บ”
ซุงกูรู้สึกมีบางอย่างเข้ามาในตัว
เขาร้องเมื่อรู้สึกถึงร่างกายฟื้นตัวรวดเร็ว
การรักษาคราวนี้ดีกว่าครั้งก่อนๆอย่างเทียบไม่ติด
สกัดวิญญาณจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นถ้ามันมาจากวิญญาณชั้นสูง
แน่นอน วิญญาณมนุษย์ย่อมเป็นแหล่งพลังงานดีกว่าวิญญาณสัตว์ประหลาด
“ขอบคุณครับ”
“อ๊ะ ไม่เป็นไร ฉันเก็บเงินอยู่แล้วล่ะ”
“ครับ...”
ซุงกูเก็บบลัดสโตนที่หล่นอยู่อย่างว่องไวจากนั้นตามวูจินไป
เมื่อพวกเขาออกมาจากดันเจี้ยนก็ถูกพนักงานมองตาค้าง
“เอ๊ะ ทำไมออกมาแค่สองคนล่ะ”
“คนอื่นถูกมอนสเตอร์จัดการหมด”
วูจินพูดอย่างใจเย็น พนักงานหรี่ตามอง
“ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกนายถึงรวบรวมบลัดสโตนมาได้ขนาดนี้?”
“ถึงคนอื่นจะตายก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่เหลือจะต้องทิ้งของมีค่าไว้ไม่ใช่เหรอ?”
คำตอบแน่วแน่ของวูจินยิ่งทำให้พนักงานหรี่ตาลงอีก
จากที่เขาดู สองคนนี้คงหักหลังคนที่เหลือเพื่อเอาผลประโยชน์ไว้ฝ่ายเดียว
แต่เขาไม่มีอะไรมายืนยันความเชื่อของตัวเอง
“ฮึ่ม เซ็นตรงนี้ก่อนไป
ในกรณีที่มีการสอบสวนเรื่องนี้อาจมีตำรวจติดต่อพวกคุณทีหลัง”
วูจิน ซุงกูเซ็นบัญชีบันทึกเข้าออกที่ถูกส่งมาให้
จากนั้นพนักงานก็ปั๊มตราที่มีคำว่า “เสียชีวิต”
ตรงหน้าชื่อของเราส์ที่เข้าไปในดันเจี้ยนกับพวกเขา
ที่ไหนมีสถานีรถไฟใต้ดิน
ใกล้ๆนั้นจะมีร้านรับซื้อขายบลัดสโตนเสมอ
ราคาของหินบลัดสโตนแทบไม่เคยลดลง
ร้านรับซื้อขายหินบลัดสโตนจะหักภาษีและค่าคอมมิชชั่นที่ต้องส่งให้กับคนที่เคลียร์ดันเจี้ยนได้คนแรก
เงินที่เหลือจึงโอนเข้าบัญชีธนาคารของลูกค้า
เมื่อวูจินออกจากร้านรับซื้อขายของสถานีชินริม
เขายิ้มกว้างจนปากแทบจะแตะหู
“เข้าดันเจี้ยนครั้งเดียวได้เกินสิบสามล้านวอน”
บลัดสโตนราคาสิบสองล้านสามแสนวอน และเงินเก้าแสนวอนจากกระเป๋าตังค์พวกนั้น
ที่จริงเงินจำนวนนี้ต้องแบ่งกับคนแปดคน แต่ช่างมันเถอะ
ข้อใหญ่ใจความคือเขาได้เงินมาสิบสามล้านวอน
แถมถ้ารวมอีกสี่ล้านวอนที่เป็นค่าช่วยชีวิตซุงกู
เท่ากับเขาได้ราวๆสิบเจ็ดล้านวอน
‘คราวหน้าฉันจะเข้าดันเจี้ยนคนเดียว’
ถ้าเข้าดันเจี้ยนครั้งเดียวก็ทำเงินได้ขนาดนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเข้า
เขาสามารถเคลียร์ดันเจี้ยนได้ภายในกำหนดเวลา 1
ชั่วโมงดังนั้นถ้าเข้าไปคนเดียวจะได้กำไรกว่า
วูจินยกแขนคล้องคอซุงกู
“ใส่เบอร์โทรนายลงไป”
“ครับๆ”
เมื่อฮงซุงกูบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเขา
วูจินก็กดโทรออกทันที พอได้ยินเสียงริงโทนดังจากกระเป๋าของซุงกูเขาก็ตัดสาย
“ดีๆ
นายมีเลขบัญชีของฉันแล้วใช่ไหม?”
“ครับ
ผมจดไว้เรียบร้อยแล้ว”
“ดี เดินทางดีๆล่ะ”
วูจินดึงแบงค์หมื่นวอนออกจากกระเป๋าเงินที่ใส่เงินไว้เพียบ
ซุงกูพยายามปฏิเสธแต่วูจินยัดใส่มือเขาจนได้
“ใช้เป็นค่ารถ”
“ขอบ...ขอบคุณครับ
ลูกพี่”
“อ้อ อย่าลืม
ฉันน่ะเกลียดคนที่หักหลังฉันที่สุด”
“ผม...ผมจะจำให้ขึ้นใจเลยครับ”
ซุงกูก้มศีรษะจนวูจินที่แสนอารมณ์ดีจากไป
เขาทำหน้าเหมือนคนสูญเสียบ้านช่อง
“ตั้งสี่...
กินแกลบแน่เรา”
ฮงซุงกูเป็นเราส์มาสองเดือน
และหาเงินได้มากกว่าคนในวัย 21 เช่นเดียวกับเขาทั่วไป ถึงอย่างนั้น
เงินที่เขาหามาก็ไม่ได้หามาง่ายๆ
สองเดือนที่ผ่านมานี้
เขาเข้าดันเจี้ยนหนึ่งดาวทุกวัน ผลคือเขาเก็บเงินได้มากกว่า 30,000,000 วอน พลังไฟมีประสิทธิภาพขึ้น
และเวลาคูลดาวน์ของเวทไฟก็ลดลง
เป็นเงินที่น่าทึ่งเมื่อเทียบกับคนทั่วไป
แต่มันเป็นเงินที่เขาเสี่ยงชีวิตหามา
เมื่อคิดว่าต้องเสียเงินที่หามาอย่างยากลำบากนี้ไปในครั้งเดียวเขาก็ปวดกระเพาะ
แต่ถึงอย่างนั้น
เขาก็ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ เงินจะเอามาเทียบกับชีวิตได้อย่างไรเล่า?
เงินที่ขาดไปเขาคงจะหายืมได้
“ฮือ ที่เขาบอกว่า 4
ปึกนี่คงจะไม่ได้หมายถึง 4 ปึกใหญ่นะ”
จะสี่สิบล้านหรือสี่ร้อยล้าน
เขาก็ให้เท่าที่ให้ได้เท่านั้น สี่ร้อยล้านนี่เขาไม่มีปัญญาหามาได้หรอก
หวังว่าวูจินคงไม่ตีค่าชีวิตเขาไว้สูงขนาดนั้น
ซุงกูมุ่งไปทางธนาคารเพื่อถอนเงินทั้งหมดในบัญชี
***
วู-ซุงฮุนเป็นเจ้าของร้านขายโทรศัพท์มือถือที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง
เขามีประสบการณ์เป็นพนักงานขาย 8 ปี และใช้เงินที่สะสมมาเปิดร้านแห่งหนึ่ง
ไม่นานร้านของเขาก็มั่นคง
“ฮ้าว วันนี้ไม่มีลูกค้าเลย”
ซุงฮุนหาว แต่แล้วประตูกระจกก็เปิดออกและชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“ห้องน้ำอยู่ไหน นี่เหรอ?”
ชายคนนั้นกระชากประตูที่อยู่หลังเคาน์เตอร์เปิดแล้วเข้าไป
ซุงฮุนมองอย่างตกใจ คงเพราะตกใจเกินไปจึงพูดไม่ออก
“อะไรนี่ ไอ้บ้านี่ใคร”
ซุงฮุนลุกขึ้น แล้วพูดด้วยเสียงรำคาญ
“คุณครับ นั่นเป็นห้องเก็บของ ออกมาเถอะ”
“...”
ไม่มีเสียงตอบรับหรืออะไรเลย
เส้นเลือดตรงขมับซุงฮุนเต้นตุบๆ
เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าชายคนนั้นคงไม่ปล่อยหนักปล่อยเบาในห้องเก็บของเลยเปิดประตู
“เฮ้อ ออกมา...”
มือข้างหนึ่งคว้าเสื้อซุงฮุน เขาถูกลากเข้าไปข้างใน
พอถูกโยนใส่กล่องเก็บสินค้าเสียงดังโครมซุงฮุนก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
‘คนบ้า
นี่มันคนบ้าชัดๆ’
ซุงฮุนหาตัวศัตรูเจออย่างรวดเร็ว ไม่ใช่
เป็นศัตรูที่คว้าคอเสื้อเขาก่อน ร่างเขาถูกยกขึ้นจนปลายเท้าแตะไม่ถึงพื้น
ซุงฮุนดิ้นพล่าน
‘ฮะ แรงบ้าอะไรขนาดนี้’
ซุงฮุนเป็นชายร่างใหญ่
แต่ศัตรูแข็งแรงกว่าเขา แล้วยิ่งถูกคว้าคอจนหายใจแทบไม่ออกทำให้เรี่ยวแรงเขาเหือดหาย
ฟุ่บ ผัวะ!
จู่ๆซุงฮุนก็ถูกตบหน้าจนลืมไปว่าจะพูดอะไร
ในหูมีเสียงวี้ๆ เขาคิดอะไรไม่ออกแล้ว
ผัวะ!
พอถูกตบหน้าอีกทีซุงฮุนก็ได้สติ
เขาหวาดกลัว พยายามอ้าปาก
“ช่วย ช่วยด้วย”
ผัวะ!
อีกหนึ่งมือแทนคำตอบ
ซุงฮุนรู้สึกสิ้นหวังเมื่อแก้มชาด้านของเขาถูกตบอีก
“มันบ้าไปแล้ว
ถ้าฉันไม่ระวังต้องตายจริงแน่”
เขาเคยเห็นในทีวีนี่?
ความรุนแรงอย่างไม่มีเหตุผล คนบริสุทธิ์ถูกทำร้ายอย่างไม่มีที่มาที่ไป หรือมีใครส่งนักฆ่ามาฆ่าเขา
จะว่าไป ศัตรูคงเข้ามาที่ห้องเก็บของเพราะไม่มีกล้องวงจรปิด
เขาแน่ใจแล้วว่าการทำร้ายนี่มีการวางแผนมาก่อน
“เฮ้ยนาย”
“ครับ!”
เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายพูดแทนที่จะลงไม้ลงมือ
ซุงฮุนตอบตามสัญชาติญาณ
โครม
ชายคนนั้นโยนเขาใส่กำแพงอีกแล้ว
“อั้ก”
“ลุกขึ้น ยืนตรง”
“ครับ”
เขาออกจากกองทัพมานานแล้วแต่สัญชาติญาณเอาตัวรอดรื้อฟื้นมันคืนมา
หากร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว
เขาคิดว่าเขาต้องถูกตีจนตาย
ชายคนนั้นแผ่กลิ่นอายแบบนั้น
ท่าทางเขาเหมือนหัวหน้ามาเฟียที่มีคนหลายร้อยคนใต้อาณัติ
“ฉันเกลียดพวกที่แทงฉันข้างหลัง
แล้วฉันก็เกลียดพวกที่กล้าหลอกฉัน”
“...”
เราไม่เคยเจอกันมาก่อน
แล้วซุงฮุนจะแทงเขาข้างหลังได้อย่างไร
แต่ซุงฮุนกลัวเกินกว่าจะบอกว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์
วูจินมองเขาเขม็ง
“ไม่ตอบเหรอ?”
“ผม ผมขอโทษครับ”
เขาอยากรู้จริงๆว่าเขาทำอะไรผิด
“ฮู้ว ก็ได้
ถือว่าวันนี้นายโชคดี”
“...”
“ถ้าเป็นที่อัลเฟน
ฉันคงเชือดนายทันที”
“...”
ซุงฮุนไม่เข้าใจจริงๆว่าเจอเรื่องแบบนี้แล้วถือว่าโชคดีได้อย่างไร
“จงขอบใจซะที่นายเกิดในเกาหลี”
“ครับ!
สาธารณรัฐเกาหลีจงเจริญ!”
“อย่าเว่อร์”
“ครับ”
วูจินอยู่ในประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน
ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและจริยธรรมของที่นี่ ดังนั้นเขาจึงฆ่าชายคนนี้ทิ้งเพราะความผิดเล็กน้อยไม่ได้
วูจินตัดสินใจจะจบเท่านี้
ตุบ
โทรศัพท์มือถือถูกวูจินโยนลงตรงเท้าซุงฮุนพอดิบพอดี
“เมื่อวานนายขายโทรศัพท์รุ่นล่าสุดนี่ให้ฉัน”
“...”
ฉิบ
ในที่สุดซุงฮุนก็จำชายคนนี้ได้
ชายที่ดูเหมือนคนบ้านนอกเพิ่งเข้าเมือง และเขาขายโทรศัพท์ราคาไม่ถึง 10,000
วอนไปในราคา 90,000 วอน เขารู้สึกดีขนาดจำชื่อชายคนนั้นได้
‘ไอ้โง่เมื่อวานคือหมอนี่เหรอ?’
ทำไมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?
ไอ้โง่เมื่อวานหวนคืนมาอย่างยมทูต
แถมยังดูท่าทางเหมือนจะเป็นเราส์ด้วย
ถ้าเขารู้ว่าชายคนนี้เป็นเราส์เขาคงไม่หลอกขายอะไรโง่ๆแบบนั้น
“ฉันเพิ่งซื้อมือถือรุ่นล่าสุดไป...”
“...”
“แต่พอกลับถึงบ้าน
ก็ถูกบอกว่ามันเป็นรุ่นเก่า”
“นั่น นั่นมัน...”
“เป็นความผิดพลาดจากทางนาย?”
นี่เป็นสถานการณ์คับขันที่กำหนดความเป็นความตายของเขา
ดังนั้นสมองเขาจึงคิดเร็วจี๋ วูซุงฮุนมีประสบการณ์ค้าขายมา 8 ปี ดังนั้นจึงแน่นอน
เขารู้ว่าวูจินต้องการอะไร
“ผม ผมต้องทำพลาดแน่ๆ”
“นั่นไงฉันว่าแล้ว”
ถุย
นายอัดชาวบ้านขนาดนี้เพราะเขาทำพลาดเรอะ?
“เอาอันอื่นมาให้ฉัน”
“รุ่นไหน...”
“ฉันจะรู้เหรอ?
นายก็เลือกสิ”
“...”
“เอาที่แพงสุด”
“...”
วูซุงฮุนคิดหนัก
แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเอาสมาร์ทโฟนอันหนึ่งที่เขาเก็บไว้ในสต็อกออกมา
***
วูจินเดินหน้าชื่นออกมาจากร้านขายโทรศัพท์มือถือ
“โฮ่
โลกนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะ”
รอไม่ถึงหนึ่งวินาทีแผนที่ก็เปิด
ระบบค้นหาที่อยู่ของเขาแล้วชี้ทางให้พร้อมกัน อินเตอร์เน็ตไวมาก
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาพอใจ
“ฮะๆ
โทรศัพท์รุ่นล่าสุดนี่ล่ะดีที่สุด”
วูจินเปิดรายชื่อผู้ติดต่อ
[แม่][โดเจมิน][เจมินตัวจริง][สี่ล้าน][คนขายโทรศัพท์]
“หมอนั่นโอนข้อมูลมาเรียบร้อย”
สำหรับคนในยุคสมัยใหม่
รายชื่อผู้ติดต่อแสดงความสัมพันธ์ของคนๆนั้น
วูจินยิ้มเมื่อมองลิสต์หมายเลขโทรศัพท์ เขาบอกคนขายโทรศัพท์ว่าจะกลับมาอีก
เขาสั่งวูซุงฮุนให้ใส่เบอร์โทรของตัวเองลงไปจากนั้นก็เตือนไม่ให้เปลี่ยนเบอร์ทีหลัง
วูจินโทรหาแม่ถามถึงที่อยู่ของร้านอาหารที่ทำงานอยู่
มันไม่ไกลจากบ้านเขา วูจินเดินตัวปลิวกลับบ้าน
‘หึๆ
ไว้เก็บเงินได้มากกว่านี้หน่อยเราก็จะมีมากพอย้ายบ้าน แต่ก่อนอื่นฉันน่าจะบอกให้แม่เลิกทำงานที่นั่น?’
วูจินไม่ค่อยชอบที่ทำงานของแม่
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไปเยี่ยมที่นั่น
ดังนั้นเขาจึงซื้อเครื่องดื่มมาหนึ่งกล่อง
[ร้านอาหารซุงมี]
“ที่นี่เหรอ?”
ประมาณบ่าย 4
โมงวูจินก็เจอร้านอาหารแห่งนี้
ทั้งๆที่น่าจะเป็นช่วงว่างแต่ร้านอาหารเล็กๆนี้ก็มีคนอยู่ครึ่งร้าน
กริ๊ง
“ยินดีต้อนรับค่ะ”
พอได้ยินเสียงประตูเปิด
สาวน้อยตรงเคาน์เตอร์ก็ส่งเสียงต้อนรับโดยอัตโนมัติโดยที่สายตายังไม่ละไปจากโทรศัพท์มือถือ
ซุงมีกำลังเล่นเกม
เธอปิดมันอย่างไม่เต็มใจก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“มากี่ท่าน...”
เธอพูดไปตามความเคยชิน
แต่แล้วก็ลืมตากว้าง
เขามีร่างกายกำยำ
บ่ากว้างเข้ากันกับร่างสูง ใบหน้าไม่หล่อเหลาแต่ดูดี บรรยากาศรอบตัวเขาดูกดดัน กลิ่นอายมืดทะมึนรอบตัวเขาทำให้ดูหล่อร้าย
แต่หน้าของเขา...
“พี่วูจินเหรอ?”
“เอ๊ะ
ทำไมเธออยู่ที่นี่ล่ะซุงมี?”
วูจินนึกถึงชื่อร้านอาหารแห่งนี้แล้วก็เข้าใจ
“แม่ฉันทำงานที่ร้านเธอเหรอ?”
“เอ๊ะ? แม่พี่?”
“หมายถึงคุณลีซูกยุงน่ะ”
“แม่ครัวเหรอคะ?”
ซุงมีตาค้าง
แม่ครัวคนนั้นเป็นแม่ของวูจิน
แล้วยัง...
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่คะ?
ฉันแน่ใจว่าเมื่อห้าปีก่อน...”
วูจินยิ้ม
“คัมแบ็คโฮม”
“อา...”
เสียงอุทานหลุดจากปากของซุงมี
รักแรกของเธอที่หายตัวไป
5 ปีกลับมาแล้ว
อ่านแล้วชอบมากกก พล็อตสนุกโเนใจค่ะเรื่องนี้
ตอบลบ#ขอบคุณที่แปลให้อ่านค่ะ
^^ ชอบเหมือนกันค่ะ พระเอกแรงมาก
ลบอ่านๆมาตั้งแต่ตอนก่อนๆล่ะ หวังอย่างเดียว หวังว่าจะไม่การเหยียดกันจนเกิน(ปกติ แบบจงใจให้เห็นชัด ด่านั้นนู่นนี่) คือคนเขียนอวยประเทศตัวเองรับได้(ใครๆก่ทำ) แต่อย่าให้มีการไปพลาดพิงปรเทศอื่นจนแม้แต่เด็กก่อ่านปุบแล้วรู้เลยก่แล้วกัน
ตอบลบ