บทที่
13 - สถานีชินริมทางออกที่ 7
วูจินถามซุงกูอย่างระวัง
“เฮ้
นายได้ยินเสียงนั่นไหม?”
“หืม
เสียงแบบไหน? เสียงลมเหรอ?”
“...อื้ม
ลมพัดแรงนะ”
ดูเหมือนจะมีแต่เขาที่ได้ยินเสียงประกาศนั่น
ดันเจี้ยนของโลกนี้กับโลกอัลเฟนใกล้เคียงกันมากแต่ไม่ใช่ทุกคนที่โดนผลกระทบ
“เอาล่ะ
เข้าประจำตำแหน่งกัน”
พอได้ยินเสียงของเบโดซู
สมาชิกทีมสี่คนก็เดินไปข้างหน้า
พวกเขาทั้งสี่เป็นนักสู้ระยะใกล้จึงแบกโล่ที่ดูทนทานไว้
เบโดซูกับอีกคนไปประจำที่ด้านหลังคนทั้งสี่
เบโดซูเป็นเราส์ที่มีพลังจุดไฟ
อีกคนมีธนู
ดังนั้น
รูปแบบของทีมนี้คือนักสู้ระยะประชิดสี่คนกับนักสู้ระยะไกลสองคน
“อ่า
พวกนายสองคนยังใหม่ งั้นช่วยไปยืนด้านหลังนะ พยายามไปพร้อมๆกัน
เดี๋ยวเลี้ยวตรงหัวมุมนั่นจะมีก็อบลิน 4 ตัวถูกเรียกออกมา”
นี่เป็นครั้งแรกที่เบโดซูเข้าดันเจี้ยนสองดาว
แต่ดูท่าทางเขาจะศึกษามาอย่างดี เขารู้จักที่แห่งนี้เหมือนเนื้อหาในคู่มือ
“กี๊ก?”
พอพวกเขาเลี้ยว ก็อบลิน 4 ตัวก็พุ่งเข้าใส่
ก็อบลินเป็นมอนสเตอร์ตัวเล็กหน้าตาน่ากลัวถือกระบองสั้น
ตึง
ตึง
กระบองถูกโล่กันไว้จึงไม่สร้างความเสียหายมาก
จังหวะนี้พลังเพลิงของเบโดซูก็สว่างวาบ
ฟู่ว
ไฟลุกพรึ่บตรงหน้าพวกมัน
ก็อบลินตาพร่าจากนั้นก็แตกขบวน
ตอนนั้นเองนักรบระยะใกล้กระชับอาวุธแล้วเดินเข้าไปใกล้
ฉัวะ!
พวกเขาฟันใส่ก็อบลินอย่างไร้ความปราณี
ก็อบลินตัวหนึ่งพยายามหนีแต่แล้วศรดอกหนึ่งก็ปรากฏเหมือนภูติพราย บินมาปักใส่หัวมัน
แม้ไม่เข้าขั้นนักกีฬาโอลิมปิก
แม้จะอยู่แค่แรงค์ F
แต่นักธนูก็ยังเป็นเราส์
นี่เป็นการโจมตีที่คุกคามมอนสเตอร์ได้อย่างเหลือเฟือ
ก็อบลินกลายเป็นกองเลือดเนื้อ
พวกเขาตัดหัวมันออก วูจินกับซุงกูชมดูอยู่เงียบๆ
วูจินเคยเห็นมากกว่านี้มาแล้ว
ดังนั้นจึงไม่คิดอะไร ฮังซุงกูก็มีประสบการณ์จากดันเจี้ยนหนึ่งดาวเช่นกัน
เขาจึงเพียงขมวดคิ้ว เขาไม่ทำเรื่องน่าขายหน้าอย่างอาเจียนแห้ง
“โชคดีจริง ได้บลัดสโตนมาสองก้อน
ถ้าก้อนขนาดนี้น่าจะได้อย่างน้อย 20”
คำพูดของเบโดซูทำเอาวูจินประหลาดใจ
บลัดสโตนก้อนเล็กกว่านิ้วเสียอีกแต่ราคาตั้ง 20 คิดถูกจริงๆที่ตัดสินใจมาเข้าดันเจี้ยนแม้จะหมายถึงต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม
“แสนวอนไม่แพงอย่างที่คิดแฮะ”
วูจินรู้สึกตลกตัวเองที่ก่อนหน้านี้มองว่าเงินหนึ่งแสนเป็นเรื่องใหญ่
“เอาล่ะ
เดี๋ยวเลี้ยวหัวมุมหน้ามาช่วยกันสู้นะ พวกนายมีพลังอะไรนะ?”
“ฉันเรียกลูกไฟได้ ถ้ายิงไปลูกนึง
รออีกสามวิจะยิงได้อีกลูก ฉันยิงได้ทั้งหมด 6 ลูก”
“ดี แล้วของนาย?”
เบโดซูมองวูจิน
วูจินมองรอบตัวแล้วยกมือไปทางศพศพหนึ่งของก็อบลิน
โพละ
“เคะๆๆๆ”
ทหารกระดูกตัวหนึ่งปรากฏตัว
ทุกคนตกใจแล้วหันมาทางวูจิน
“โฮ่ นายเป็นพวกผู้อัญเชิญนี่เอง
แล้วมีความสามารถอย่างอื่นไหม?”
วูจินหยิบกระบองของก็อบลินขึ้นมาเหวี่ยง
“นอกนั้นก็
ฉันมีแรงพอจะปกป้องตัวเองได้”
คนในทีมวุ่นอยู่กับการมองทหารโครงกระดูก
“เพิ่งเคยเห็นเนโครแมนเซอร์เป็นครั้งแรกเลย”
“ว้าว น่าทึ่ง”
“น่าจะใช้หาของหรือลาดตระเวนได้นะ?”
ขณะทุกคนออกความเห็นของตัวเอง เบโดซูก็จัดตำแหน่งใหม่
“พวกเราจะใช้ตำแหน่งเดิม
แต่อสูรของคุณคังจะไปอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนคุณฮงจะยิงลูกไฟเมื่อฉันให้สัญญาณ”
วูจินเดินเลี้ยวตรงหัวมุมอย่างระมัดระวังพร้อมทั้งเปิดหน้าต่างทักษะของตัวเองขึ้นมา
จากนั้นเพิ่มระดับทักษะเรียกทหารโครงกระดูก
[เรียกทหารโครงกระดูก เลเวล 9]
บูชายัญศพของมอนสเตอร์เพื่อเรียกทหารโครงกระดูกที่มีสถานะ
[โจมตี14 ความเร็ว17 ร่างกาย14] ออกมา
ต้องการเวทย์: 1, บงการ: 1
เขาใช้แต้มทักษะไป 8
แต้มเพื่อเพิ่มระดับทักษะ ความสามารถของทหารโครงกระดูกพุ่งพรวด
ตอนนี้มันมีความสามารถในการต่อสู้สูงกว่ามนุษย์ผู้ใหญ่มาก
ถ้าทักษะขึ้นไปถึงระดับ 10
รูปร่างภายนอกของทหารโครงกระดูกจะเปลี่ยนไป
ถ้าคนอื่นเห็นเป็นไปได้ว่าต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งวูจินขี้เกียจอธิบายจึงเพิ่มระดับทักษะแค่ให้ถึงระดับ 9
‘เท่านี้น่าจะเอาอยู่’
วูจินตั้งใจจะไม่ทำอะไรมาก
เขาแค่จะหาเงินให้มากๆหน่อย เมื่อได้เงินพอแล้วเขาตั้งใจจะตีดันเจี้ยนเอง
“หัวมุมหน้ามีก็อบลิน 6 ตัว!”
ทหารโครงกระดูกขึ้นไปล่อศัตรูข้างหน้าตามคำสั่งของเบโดซู
จากนั้นนักสู้ระยะใกล้ยกโล่แข็งแรงตั้งรับ
ลูกไฟของซุงกูมีประสิทธิภาพเกินคาด
ฟู่ว บูม
ขบวนก็อบลินแตกกระเจิงเมื่อลูกไฟขนาดเท่าศีรษะพุ่งไปทางพวกมัน
พลังจุดไฟของเบโดซูไม่ทำอันตรายโดยตรง
แต่ใช้สร้างโอกาสบุกจู่โจมได้ดี
ไฟปะทุขึ้นตรงหน้าก็อบลินอย่างกะทันหัน
ขณะที่พวกมันกำลังตกใจ นักสู้ระยะใกล้จะวิ่งเข้าไปโจมตี
วูจินก็ช่วยสู้ด้วย
เขาใช้ทหารโครงกระดูกสังหารพวกก็อบลิน
“โครงกระดูกขยับตัวเร็วกว่าที่คิดแฮะ”
“มันตีแรงด้วยนะ นี่ถือว่าเก่งกว่าแรงค์
F ทั่วไปหรือเปล่า?”
ทีมของเบโดซูยอมรับวูจินกับซุงกู
ยิ่งสู้ก็ยิ่งเข้าขากันมากขึ้น ความเร็วในการล่ายิ่งเพิ่มขึ้น
เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่เคลียร์ดันเจี้ยนตั้งแต่แรก
พวกเขาตั้งใจจะสังหารมอนสเตอร์ทุกตัวเพื่อหาบลัดสโตน
พวกเขาไม่ได้รีบไปเอาหินรีเทิร์นสโตนตรงชั้นล่างสุด
แต่สู้กับทุกสิ่งที่ขวางหน้าระหว่างเดินลงไป
พวกเขาสู้กับมอนสเตอร์จำนวนมาก
ดังนั้นวูจินจึงอัพเลเวลอีกครั้งกลายเป็นเลเวล 5
ก็อบลินยังให้ค่าความสำเร็จตัวละสองแต้ม มากกว่าแดรบบิทอีก
วูจินใช้ทหารโครงกระดูก
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรทำนัก ทีมนี้ต่อสู้ร่วมกันในดันเจี้ยนหนึ่งดาวมาแต่แรกจึงมีจังหวะของตัวเอง
เนื่องจากนี่เป็นดันเจี้ยนสองดาว
เบโดซูจึงระวังตัวมากแต่แล้วก็ค่อยๆมั่นใจมากขึ้น อัตราการดรอปของบลัดสโตนในดันเจี้ยนหนึ่งดาวเทียบกับที่นี่ไม่ติด
พวกเขาเก็บบลัดสโตนได้ 17 ก้อนแล้ว
มันมีขนาดต่างกันไป แต่ถ้าเอาไปแลกเงินต้องได้ไม่ต่ำกว่า 400
เมื่อเอามาแบ่งกันในทีม สมาชิกแต่ละคนจะได้ไม่ต่ำกว่า 100
แน่นอนว่านี่นับแค่บลัดสโตนที่มีอยู่ตอนนี้
พวกเขายังมีมอนสเตอร์ให้ฆ่าอีกมาก ดังนั้นก็ยังหาเงินได้อีกมาก
‘ดันเจี้ยนสองดาวคือขุมทองชัดๆ’
สมาชิกทีม 6 คนเป็นตัวหลักอยู่แล้ว
แต่ความอันตรายลดลงเพราะทหารโครงกระดูกของวูจินเป็นตัวรับความเสียหายแทน
ลูกไฟของซุงกูก็ช่วยได้มาก
ทั้งคู่มีพลังที่มีประโยชน์
คงมีทีมที่อยากได้พวกเขา แม้แต่เบโดซูก็คิดจะชวนพวกเขาหลังวิ่งดันเจี้ยนเสร็จแล้ว
“นี่เป็นชั้นสุดท้ายแล้ว
พยายามกันอีกนิดนะ”
พวกเขาต้องเคลียร์ดันเจี้ยนแล้วออกไปภายในหนึ่งชั่วโมง
ดังนั้นเวลาพักจึงสั้น
ทั้งทีมอยู่ในห้องกว้างแห่งหนึ่งและกำลังจะเดินลงบันไดสู่ชั้นสุดท้าย
ปากทางมีก็อบลิน 5
ตัวกับฮอบก็อบลิน 1 ตัวยืนอยู่ ฮอบก็อบลินตัวใหญ่กว่ามาก มันถือไม้เท้าอันใหญ่
“เข้าไปเถอะ
ใช้รูปแบบขบวนพื้นฐานของพวกเรา”
วูจินหันมาอย่างสงสัยเมื่อได้ฟังคำพูดมั่นใจของเบโดซู
เขาเคยสู้กับกองทัพจอมมารในโลกอัลเฟน
ปะทะกับมอนสเตอร์มานับไม่ถ้วนซึ่งรวมถึงฮอบก็อบลินด้วย
ไอ้พวกนี้เทียบกับก็อบลินธรรมดาแล้วยุ่งยากกว่ามาก
ไม่ใช่เพราะตัวใหญ่กว่า เพราะมันมีภูมิปัญญาสูงสุดในหมู่ก็อบลิน มันเป็นนักเวทย์
ยิ่งกว่านั้น...
‘แบบนี้ไม่ไหวหรอก’
วูจินเดาะลิ้นเมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมขยับไปข้างหน้า
“น่าจะระวังกันมากกว่านี้หน่อยนะ?”
คำพูดของวูจินทำให้เบโดซูพยักหน้ารับ
แต่สีหน้าเขายังมั่นใจเต็มเปี่ยม
ความสำเร็จอย่างราบรื่นตลอดทางทำให้เขาลืมไปว่านี่เป็นครั้งแรกที่เข้าดันเจี้ยนสองดาว
“ฉันอ่านคู่มือมาดีแล้ว
ไอ้เวรนี่โจมตีเวทย์เป็นหลัก จองชูลมีพลังสร้างบาเรียได้
ระหว่างที่พลังโจมตีของมันถูกบาเรียบล็อกเราจะวิ่งเข้าไปโจมตี ชนะชัวร์”
จองชูลเป็นนักสู้ระยะประชิดที่ถือโล่
วูจินฟังแล้วยักไหล่ไม่ค้าน เบโดซูเป็นหัวหน้าทีมส่วนเขาแค่ติดท้ายมา
แน่อยู่แล้ว
ถ้าเกิดอะไรขึ้นหัวหน้าทีมต้องรับผิดชอบ
“มาแล้ว บล็อก!”
จองชูลปล่อยพลังตามคำสั่งของเบโดซู
บาเรียสีเทาแผ่ออกปะทะกับสายฟ้า
ซี่ๆๆ
บาเรียหายไปพร้อมๆกับสายฟ้า
“ดีล่ะ ไปกันได้!”
เบโดซูใช้พลังจุดไฟรบกวนการมองเห็นของฮอบก็อบลิน
จากนั้นคนในทีมก็พุ่งเข้าไป แม้แต่ซุงกูก็โยนลูกไฟใส่ฮอบก็อบลิน
‘ก็ยังอันตรายอยู่ดี’
ฮอบก็อบลินฉลาดมาก
มากพอจะร่ายเวทได้ แล้วเวทมนตร์ก็ไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้มันอันตราย
“กี๊ กี๊ก”
ฮอบก็อบลินเปล่งเสียงข่มขวัญแล้วก็อบลินใกล้ๆก็รวมกลุ่มกัน
พวกก็อบลินถือโล่หยาบๆกับกระบอง
โล่ทำเองนั้นทำมาจากป้าย
ชั้นวางหนังสือพิมพ์และของต่างๆ
จากนั้นพวกมันดึงท่อนเหล็กซึ่งซ่อนไว้ในตัวออกมาเตรียมฟาด
“โจมตี! เราแค่ต้องฆ่าฮอบก็อบลินก่อน”
นักธนูเล็งยิงไปที่ฮอบก็อบลิน
แต่มันหนีไปหลบหลังราวบันไดเรียบร้อยแล้ว
ซ้ำร้ายพวกก็อบลินถูกไฟบอลแต่ไม่แตกขบวนอย่างที่เคย พวกมันยืนตั้งโล่เป็นแถวมั่นคง
พวกก็อบลินกับทีมเราส์ปะทะกัน
“นี่
พวกแม่งนี่ไม่เหมือนเคยหรือเปล่า?”
พวกก็อบลินที่พวกเขาสู้อยู่นี้มีพลังและรูปร่างเหมือนก็อบลินกลุ่มก่อนๆ
แต่ที่ต่างไปคือพวกมันสู้อย่างฉลาด
ทั้งทีมรู้สึกถึงอันตรายเมื่อพวกเขาเริ่มตกเป็นรอง
พวกก็อบลินที่หลบซ่อนตัวอยู่ยิงเข็มอัมพาต
อาวุธพิเศษของพวกมัน บางตัวก็ใช้เข็มพิษ
“อ๊ะ เจ็บ อะไรนี่?”
“อึ๊ก ร่างฉัน”
พวกเขาไม่ได้อัมพาตทั้งตัว
แต่ตำแหน่งที่โดนเข็มกลายเป็นแข็งทื่อ แม้จะชั่วคราวแต่ในการต่อสู้ที่อาวุธเหวี่ยงฟาดกันมั่วก็อันตรายยิ่ง
ปึก!
“อั๊ก?”
หนึ่งคนล้มลงเมื่อถูกกระบองจากก็อบลินฟาด
เบโดซูหายใจไม่ออกเหมือนหัวใจถูกบีบ ไอ้พวกนี้ที่แค่เขาฟันดาบใส่ครั้งเดียวก็ตายแล้วกลับตอบโต้เป็นกลุ่มก้อน
การสู้กับพวกมันกลายเป็นยุ่งยากมาก
‘ชิ ถึงได้บอกไงว่าไม่ไหวแน่’
ฮอบก็อบลินนั้นอันตราย
ไม่ใช่เพราะตัวใหญ่หรือใช้เวทมนตร์ได้
เพราะพวกมันฉลาดกว่าจึงสามารถสั่งการก็อบลินตัวอื่นๆได้ต่างหาก พวกก็อบลินไม่ใช่มอนสเตอร์หนึ่งดาวอีกต่อไปเมื่อมีหัวหน้า
มันกลายเป็นกองทัพที่เคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียว
“ถ... ถอย!”
เบโดซูตะโกนจากข้างหลัง
นักสู้ข้างหน้าแย่งกันหนี แต่สมาชิกทีมคนหนึ่งหมดสติไปแล้ว ถ้าพวกเขาหนี
คนๆนั้นต้องตายแน่นอน
วูม ปัง!
ทันทีที่ช่วงคูลดาวน์หมดซุงกูก็โยนลูกไฟใส่พวกก็อบลินที่ไล่ตามพวกเขามา
ก็อบลินสองตัวรีบถอยเมื่อติดไฟ พวกนักสู้ฉวยโอกาสนี้ถอนตัว
“ไม่ไหวแน่ หนีกันก่อนเถอะ!”
“แล้วจองชูลล่ะ?”
“เขาตายแล้ว! ไม่เห็นเหรอ?”
เสียงตะโกนเดือดดาลของเบโดซูทำให้สีหน้าคนในทีมแข็งทื่อ
พวกเขารู้สึกผิดกับเพื่อนร่วมทีม แต่ก็กลัวและไม่อยากตาย สีหน้าพวกเขาจึงเลวร้ายมาก
แต่ถึงจะลังเลการตัดสินใจของพวกเขาก็ชัดเจน
ไม่มีอะไรสำคัญกว่าชีวิตตัวเอง
“ถอย!”
สมาชิกทีมวิ่งหนีตามเสียงตะโกนของเบโดซู
แต่ใช่ว่าพวกก็อบลินจะอยู่เฉย
ซี่ๆๆ
ฮอบก็อบลินปล่อยสายฟ้า
มันโดนร่างซุงกูพอดี
ซุงกูอ้าปากแต่ไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้อง
เขาตาเหลือก
“เชี่ย รีบหนีเร็ว!”
ซุงกูไม่ใช่สมาชิกแรกเริ่มของทีมดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกอะไรมาก
เมื่อเราส์ตัดสินใจจะเข้าดันเจี้ยนก็เหมือนตายไปครึ่งตัวแล้ว
เขาแค่โชคไม่ดี
“กี๊ก กี๊ก!”
พวกก็อบลินไล่ตามไป แต่ไม่นานก็กลับมาอยู่รอบๆฮอบก็อบลิน
วูจินซึ่งหลบอยู่หลังเสาต้นหนึ่งก็เลิกหลบ
“ไม่ได้ล่าฝูงมอนมานานแล้วสิ”
มีคนเคราะห์ร้าย 2 คน
ที่เหลือหนีไปหมด วูจินหัวเราะระหว่างมองไปทางกลุ่มก็อบลิน
ก่อนนี้เขาสนุกกับการทำตัวเป็นผู้ชม
แต่ได้เวลาแสดงเองแล้ว
-----------
...ตีก็อบลินสี่ตัวตกบลัดสโตนมาสองก้อนเรียกโชคดีแสดงว่ามันตกน้อย
บลัดสโตนก้อนละ 20 ค่าเข้าดันหนึ่งแสน
ถ้าจะเอาให้คุ้มค่าเข้าก็ต้องเก็บให้ได้มากกว่าห้าพันก้อน
คือต้องฆ่าก็อบลินมากกว่าห้าพันตัวมากๆ ...ไม่ใช่ละ เดาว่าน่าจะเป็นภาษาปากค่ะ 20
ของเค้าอาจจะหมายถึง 200 หรือ 2000 วอน - ไอ 400 แบ่งเป็นเก้าส่วนแจก 8 คนได้คนละเกิน 100
ก็ด้วย มันคงมีสูตรคำนวณอะไรบางอย่างที่เราไม่เข้าใจ
ใจจร๊๊า
ตอบลบแปลดีครับ
ตอบลบอันนี้งงอยู่เหมือนกันคับ มันจะนับเป็น1คือ1000w มัย มันถึงจะคุ้มกับค่าเข้าดันเจี้ยน เก็บมา17ก้อน=17x20x1000w 340000w ก็ยังน้อยอยุ่ 5555
ตอบลบขอบคุณมากครับ
ตอบลบ