บทที่ 10 - ทางสู่ดันเจี้ยน
วูจินมองโทรศัพท์แล้วยิ้ม
“ดีมาก”
เด็กนั่นจงใจให้เบอร์ปลอมเขา...
วูจินไม่กังวลว่าจะไม่ได้เจอเจมินอีกเพราะรู้จักบ้านอยู่แล้ว
ทีแรกเขาคิดว่าจะถามเจมินว่าขออยู่ด้วยสักสองสามวันอย่างไรดี
แต่เห็นอย่างนี้ เขาขอหน้าด้านอีกสักนิดน่าจะได้
ก็ได้ข้ออ้างชั้นดีมาแล้วนี่นา
วูจินเดินไปทางบ้านเช่าของเจมินอย่างสบายใจ
*****
“เฮ้อ”
โดเจมินถอนหายใจเมื่อเห็นนักเรียนคนอื่นค่อยๆหลบสายตาเขา
พวกอันธพาลไม่มารบกวนเขาแล้วนี่ดีอยู่
แต่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นก็หลบเลี่ยงเขาไปด้วย ยกเว้นคนๆหนึ่ง
เขากำลังกินมื้อเที่ยงอย่างโดดเดี่ยวบนโต๊ะสำหรับ 6 คน
แล้วคนๆหนึ่งก็วางถาดอาหารลงตรงหน้าเขา
“นี่ ฉันได้ยินว่าพี่ชายนายจัดการกับพวกนักเลงหมด
จริงเหรอ?”
เจมินถอนหายใจเมื่อลีซุลกิถาม เขายอมรับว่าซุลกิน่ารัก
แต่เขาต้องตั้งใจเรียน ถ้าเขาคบกับใครก็เหมือนทรยศต่อพี่สาวที่ต้องทำงานหนัก
“กินข้าวเถอะ”
“ฮิๆ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายเหรอ?”
เดาว่าคงมีข่าวลือแปลกๆ
ไม่ทันเจมินจะอธิบายซุลกิก็หัวเราะเบาๆ
“ฮุๆ นึกว่านายดีแต่หล่อ ไม่นึกว่าจะมีคนคุ้มครองด้วย
ลีซูฮยุคไม่มากวนพวกเราอีกแล้ว”
เหตุผลที่เขาพยายามอยู่ให้ห่างจากซุลกิไม่ใช่เพราะไม่อยากทรยศความหวังดีของพี่สาวอย่างเดียว
ทุกคนในโรงเรียนรู้ว่าจอมอันธพาลลีซูฮยุคชอบซุลกิ
แต่ซุลกิไม่ชายตามองซูฮยุค เธอตามแต่สุดหล่อเจมิน
ดังนั้นแน่นอนว่าซูฮยุคไม่ใจดีกับเจมิน
กับซุลกิ เจมินทำตัวเย็นชาใส่ เพราะต้องระวังไม่ให้ซูฮยุคหาเรื่อง
‘ฉันไม่ต้องระวังตัวอีกแล้ว’
วูจินไม่ใช่ญาติผู้พี่ของเขา
แต่ถึงข่าวลือจะผิดๆแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ พวกอันธพาลทำอะไรเขาไม่ได้
เจมินตัดสินใจจะมองในแง่บวก
เขาไม่ต้องระแวงตัวแจอีกต่อไป
“นายชอบฉันไหม?”
เจมินมองเธออึ้งๆเมื่อถูกถามดื้อๆ
ทำไมยัยนี่ตรงขนาดนี้?
ซุลกิขมวดคิ้วเรียว แล้วทำปากยื่น
“ทำไม? ฉันไม่น่ารักเหรอ?”
น่ารักสิ แต่เขาไม่กล้าพูด
“เอ่อ กินข้าวเถอะ”
เรื่องเรียนต้องมาก่อน
หลังจากได้งานทำแล้วค่อยมีความรักยังไม่สาย หลังช่วงพักกลางวันซุลกิกวนเขาต่อเป็นนานกว่าเจมินจะหลุดออกมาได้
เขามุ่งหน้าไปยังโรงเรียนสอนพิเศษ
กริ๊ง
“พี่”
พี่ของเขา โดจิวอน
จะโทรหาเขาช่วงที่กำลังไปโรงเรียนสอนพิเศษเสมอ
[ช่วงนี้มีเรื่องอะไรบ้าง?]
“ไม่มี อ๊ะ เมื่อวานผมเจอพี่ชายพิลึกคนหนึ่ง
เขาบอกว่าแก่กว่าผม 5 ปีเป็นนักเรียนเก่าโรงเรียนผม พี่รู้จักไหม
เขาบอกว่าชื่อคังวูจิน”
พี่สาวเขาก็เคยเรียนโรงเรียนมัธยมปลายมิโด
จะว่าไปพี่เขาก็แก่กว่าเขา 5 ปีเหมือนกัน ดังนั้นก็น่าจะเคยอยู่ชั้นเดียวกับวูจิน
[หืม วูจิน?
เด็กที่จู่ๆก็หายตัวไปก่อนเกิดดันเจี้ยนระเบิด...]
จิวอนจำวูจินได้ แต่ที่จำได้ก็เพราะทั้งโรงเรียนรู้ว่าเขาหายตัวไป
เธอไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว
“อ้อ
พี่รู้จักเขาด้วย ไว้วันหยุดพี่กลับบ้านผมจะเล่าให้ฟัง พี่เขาช่วยผมไว้...”
[เอาสิ เจมิน
เวลาพักพี่หมดแล้ว ขยันเรียนนะ]
พี่สาวเขาต้องทำงานหนักในโรงงานตั้งแต่ตอนเธอเรียนมัธยมปลายปี
3
พี่สาวเขาเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เขาไปโรงเรียนได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
เจมินยังได้เรียนโรงเรียนสอนพิเศษอีก พี่สาวซึ่งแก่กว่าเขา 5
ปีเป็นทั้งพ่อและแม่ของเขา
เธอเป็นแรงผลักดันให้เขาขยันเรียน
“เออ
เขาบอกว่าจะคืนเงินให้เรานี่ แต่แล้วก็ไปเฉยเลย...”
พอคิดถึงวูจินเจมินก็เผลอยิ้มออกมา
วูจินเหมือนคนพิลึกแต่ดูไม่เหมือนคนเลว
ถึงตอนสู้กับพวกอันธพาลจะน่ากลัวมากแต่เขาใจดีกับเจมิน
วูจินล้มพวกอันธพาลให้เขาก็คุ้มกับเงิน
7,300 วอนแล้ว เขาไม่คิดจะเอาเงินคืนตั้งแต่แรก แต่วูจินบอกจะคืนเงินให้ตั้งหลายครั้งแต่แล้วก็จากไปโดยไม่ทำตามที่บอก
คิดแล้วเจมินก็หัวเราะ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
กลับจากเรียนพิเศษ วูจินกรอกพาสเวิร์ดประตูหน้าบ้านแล้วลากฝีเท้าเข้าบ้าน
จากนั้นก็ตาเหลือก
“เอ๊ะ?”
เขาเห็นรองเท้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งกว่านั้น
เจ้าของรองเท้ากำลังนอนกินส้มบนเตียงเขา
“เจมินกลับมาแล้วเหรอ?”
“พ... พี่ ทำไมรู้พาสเวิร์ดได้ล่ะ?”
“เห็นตอนที่นายกดคราวที่แล้วไง”
“นี่... เขาเรียกบุกรุกนะ”
“อ้า ฉันจะโทรบอกนายแล้วล่ะ แต่เป็นคนอื่นรับ”
“นั่น... นั่นมัน”
เจมินพูดตะกุกตะกักเหมือนคนมีความผิด
ตอนนั้นเขานึกว่าจะโดนไถเงินอีก
ดังนั้นเลยให้เบอร์ปลอมไป...
“อีหนูเอ๊ย นึกว่าฉันจะตีนายเหรอไง? มานี่ ถามอะไรหน่อย”
เจมินกำลังตกใจจึงนั่งตัวเกร็ง
ดูแล้วไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของบ้านกันแน่ วูจินโยนส้มเข้าปากพลางถาม
“นายบอกว่าเราส์หาเงินได้เยอะใช่ไหม?”
“ใช่... ใช่ครับ”
“ที่ฉันอ่านมันมีกิลด์ มีรวมกลุ่มและอีกหลายอย่าง อย่างการร่วมมือกัน
แล้วยังอ่านเจอว่ามีดันเจี้ยนที่ห้ามคนทั่วไปเข้าและมีกิลด์คุมอยู่ อธิบายสิ”
เป็นคำถามที่ไม่มีที่มาที่ไปทำให้เจมินงง
“ทำไมจู่ๆก็ถามล่ะครับ?”
“ฉันจะตีดันเจี้ยน”
“พี่ก็เป็นเราส์เหรอ?”
เจมินถามอย่างแปลกใจแต่แล้วก็นึกอยากเตะตัวเอง วูจินล้มอันธพาลยี่สิบคนในพริบตา
เขาจะทำแบบนั้นได้อย่างไรถ้าไม่ใช่เราส์
ตอนแรกเขานึกว่าวูจินเรียนศิลปะการต่อสู้มาจากภูเขาจิริเสียอีก
เชื่อเข้าไปได้
“ฉันแค่ต้องใช้เงิน นายรู้อะไรมั่งบอกมา”
“ถ้าพี่อยากเข้าดันเจี้ยนก็ต้องขึ้นทะเบียนเป็นเราส์กับองค์กร”
ตั้งแต่แรกเจมินก็สนใจเรื่องของเราส์กับกิลด์มากอยู่แล้ว
ไม่สิ ต้องบอกว่าผู้ชายรุ่นเขาสนใจเรื่องนี้กันทั้งนั้น
วูจินฟังคำอธิบายแสนกระตือรือร้นเงียบๆไปปอกส้มอีกผลไป
“งั้นฉันก็แค่ต้องลงทะเบียนเป็นเราส์ก็ตีดันเจี้ยนได้เลย
แล้วถ้าตีคนเดียวก็หาเงินได้เยอะสุด?”
เจมินฟังแล้วอยากตีอกชกหัว
นี่ฟังที่อธิบายหรือเปล่าเนี่ย?
“ถึงค่าเช้าดันเจี้ยนจะเท่ากันไม่ว่าจะเข้าไปกี่คน
แต่คนเดียวอันตรายเกินไปนะครับ เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือเข้ากิลด์ ไม่อย่างนั้นไปหางานกับองค์กรหรือหน่วยงานราชการดีกว่า”
“แต่ได้ยินว่าถ้าจะเข้ากิลด์ต้องสอบนี่?
ฉันไม่มีเวลารอฟังผลหรอก แล้วทำงานกับองค์กรหรือรัฐบาลนี่รับเงินเป็นเดือนไม่ใช่เหรอ?
ฉันก็รอไม่ไหวอีก”
เจมินส่ายหน้า
“ถ้าอย่างนั้นอย่างน้อยก็ตั้งปาร์ตี้เถอะครับ
ดันเจี้ยนมันอันตรายจริงๆนะ อ้อ พี่บอกว่าซื้อมือถือแล้ว
อย่าลืมดาวน์โหลดแอพนี้นะครับ”
“แอพ?”
วูจินไม่คุ้นกับสมาร์ทโฟน เจมินเลยช่วยดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นให้
“ผมทำให้ เอ๊ะ นี่มันแกลเลอรี่ 1 ว้าว
เดี๋ยวนี้ยังมีคนใช้อยู่อีกแฮะ คนที่บ้านยกให้เหรอครับ?”
“มัน มันรุ่นล่าสุดไม่ใช่เหรอ?”
“หา? ถ้าเป็นเมื่อ 4 ปีก่อนก็ใช่อยู่หรอกครับ เดี๋ยวนะ
พี่ซื้อมือหนึ่งเหรอ?”
เห็นท่าทางของเจมินวูจินก็รู้ว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว
‘ไอ้คนขายนั่น’
หลอกขายจ้าวแห่งเนโครแมนเซอร์
เรื่องแบบนี้ไม่มีใครคิดไปถึงด้วยซ้ำถ้าเป็นที่โลกอัลเฟน
“เฮ้อ ช้าจัง เอาเถอะ นี่คือฟอรั่มดันเจี้ยนครับ
ตอนแรกมันเป็นแอพรวบรวมข้อมูลสถานีรถไฟใต้ดิน แต่องค์กรเราส์ซื้อมันแล้วปรับปรุงใหม่
ตอนนี้กลายเป็นแอพที่จัดการทุกอย่างเกี่ยวกับดันเจี้ยน”
เจมินร่ายยาวถึงข้อมูลที่เขามี อย่างที่บอก
ฟอรั่มดันเจี้ยนเป็นแอพที่ครอบคลุมทุกอย่าง
มันมีส่วนประกาศหาสมาชิกเข้าตีดันเจี้ยน มีระบบที่ทำให้สามารถรู้ว่าดันเจี้ยนไหนมีเวลาเข้าตีเท่าไหร่
มันยังประกาศเตือนล่วงหน้าว่าดันเจี้ยนไหนจะระเบิดด้วย
“พอพี่ลงทะเบียนเป็นเราส์แล้ว
จะใช้ไอดีของเราส์ล็อกอินได้ มันจะบอกสถิติคนที่ตีดันเจี้ยนไม่ผ่านด้วย”
“อืม”
วูจินง่วนอยู่กับแอพเพื่อเรียนรู้ว่ามันใช้อย่างไร
“ตกลงว่าฉันแค่ต้องหาว่าดันเจี้ยนไหนกำลังอยู่ในขั้นเข้าตี
แล้วฉันก็ตีได้เลย?”
“ผมได้ยินมาว่าถ้าเป็นเหมืองที่ถูกพิชิตแล้วจะปลอดภัยนะ”
มันแสดงข้อมูลของเหมืองที่ถูกพิชิตแล้ว ให้ที่อยู่ของรีเทิร์นสโตนซึ่งเป็นของสำคัญที่สุด
ยังมีรายชื่อสัตว์ประหลาดที่ปรากฏในดันเจี้ยนและยังหากลุ่มปาร์ตี้ได้ง่าย เทียบกับดันเจี้ยนที่ยังไม่ถูกพิชิตมันจึงปลอดภัยกว่า
ปัญหาคือเขาต้องส่งของที่หาได้จากดันเจี้ยนในจำนวนที่กำหนดให้กับกิลด์หรือเราส์ที่พิชิตดันเจี้ยนได้เป็นกิลด์แรกหรือคนแรก
เขายังต้องจ่ายค่าบริการให้องค์กร แล้วยังค่าธรรมเนียมอีกจำนวนหนึ่งให้เราส์คนแรกที่พิชิตดันเจี้ยนอีก
วูจินยังไม่ได้พลังคืนมา
ดังนั้นเขาจึงคิดว่าการเข้าดันเจี้ยนที่ถูกพิชิตและสำรวจแล้วเป็นทางเลือกที่ดี
แต่การต้องจ่ายค่าเข้าดันเจี้ยนเป็นภาระพอสมควรสำหรับเขาตอนนี้
ถ้าเป็นช่วงเข้าตีดันเจี้ยน ชีวิตของทุกคนขึ้นอยู่กับว่าจะตีสำเร็จหรือไม่
ดังนั้นจึงไม่มีค่าใช้จ่าย แต่เหมืองเป็นเหมืองทองให้คนหาไอเทม
ชิ้นส่วนศพมอนสเตอร์และบลัดสโตน
ดังนั้นจึงมีการเรียกร้องค่าธรรมเนียมและค่าเข้าในอัตราสูงมาก
“ดันเจี้ยนที่ฉันเข้าไปหาเงินได้พอสมควรมีค่าเข้าเกิน
100,000 วอนเหรอ”
“ใช่ครับ...”
ดันเจี้ยนที่ค่าเข้าเกิน 100,000 มีเยอะมาก
แต่ไม่มีที่ไหนน้อยกว่านั้น
ดันเจี้ยนที่ค่าเข้าฟรีคือเหมืองร้างเหมือนดันเจี้ยนสถานีกวาชุนทางออกที่ 1
ซึ่งไม่สามารถหาเงินจากที่นั่นได้
วูจินมีทางเลือกสองทาง จะท้าทายดันเจี้ยนที่อยู่ระหว่างเข้าตีเพื่อผลตอบแทนมหาศาลหรือจะเข้าเหมืองที่เสี่ยงน้อยกว่าแต่ผลตอบแทนก็น้อยตาม
พอนึกถึงครอบครัวเขาก็ตัดสินใจอย่างเจ็บปวดว่าจะไม่เลือกทางเสี่ยง
เขาไม่ใช่ตัวแทนความยุติธรรม
ไม่มีเหตุผลที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อพิชิตดันเจี้ยนที่กำลังจะระเบิด
แต่เขากลับไปขอเงินค่าเข้าดันเจี้ยนจากแม่ไม่ได้...
“ขอยืมเงินหน่อยสิ”
“....”
กับคำพูดตรงไปตรงมาของวูจิน
เจมินเกิดความรู้สึกว่าเขาตกลงสู่กับดับที่ไม่มีทางหลุดรอดไปได้
ขอบคุุณมากนะคับสนุุกมาก
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ