วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 5

บทที่ 5 - ดันเจี้ยนที่ปิดตัวแล้ว

[เรียกทหารโครงกระดูก]
ใช้ซากศพของสัตว์ประหลาดเรียกทหารโครงกระดูก [โจมตี 5 ความเร็ว 8 ร่างกาย 5] ออกมา
ใช้แต้มเวทย์ : 1 ต้องการค่าบงการ : 1

วูจินเลเวลอัพอีก 2 ครั้งจากการสังหารแดรบบิท 27 ตัว ตอนนี้เขาเลเวล 3 เมื่อเลเวลอัพเขาจะได้แต้มสำหรับเพิ่มค่าสถานะเลเวลละ 5 แต้ม และเขาเอาแต้ม 10 แต้มนี้ไปเพิ่มค่าเวทย์กับค่าบงการ

เวทย์ : 15 บงการ : 14

ถ้าเรียกทหารโครงกระดูกมา 15 ตัวเขาจะเก็บมันไว้ได้เพียง 14 ตัว ตัวที่เขาเรียกมาเกินค่าบงการจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่เขาควบคุมไม่ได้

"ลุกขึ้นพวก"

วูจินเคยไปถึงจุดสูงสุดของเนโครแมนเซอร์มาแล้ว หลังจากข้ามมิติเขาต้องเริ่มใหม่จากหนึ่ง แต่นี่เป็นสิ่งที่เขาเคยผ่านมาแล้ว ทักษะพวกนี้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องคาถาหรือคำเรียก

เขาใช้แค่ใจก็สามารถควบคุมเวทมนตร์ที่คุ้นเคยและเชี่ยวชาญได้

ครืน

แดรบบิทสามตัวใกล้ๆระเบิดและทหารโครงกระดูกสามตัวก็ถูกเรียกออกมา พวกมันอ่อนแอมากดังนั้นพอเลเวลเขาสูงขึ้นก็ไม่ค่อยใช้มันนัก ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกยินดียิ่งนักเมื่อได้เห็นพวกมันอีก

"ไปกันเถอะ"

เขายังไม่มีเวทย์สนับสนุน แต่สู้กับแดรบบิทย่อมไม่มีปัญหา วูจินกับทหารโครงกระดูกก้าวลงบันได ทำให้แดรบบิทวิ่งมาทางพวกเขา

"โจมตี!"

"คี๊ค!"

ทหารโครงกระดูกร้องแล้วพุ่งไปข้างหน้า แกว่งไกวมีดกระดูกขู่ขวัญ

ปึก!

"คี๊!"

ทหารโครงกระดูกโดนแดรบบิทโหม่งใส่ก็ลงไปกองแล้วหนึ่ง ที่เหลือโชคดีโดนแค่กัดแขนกับขา

ทหารโครงกระดูกตัวมีแต่กระดูก ดังนั้นการกัดจึงไม่มีผล พวกมันอ่อนแอมากและการโจมตีก็แสนเบา พวกมันฟันด้วยมีดกระดูกทื่อๆแต่ไม่ได้ผลกับแดรบบิทนัก

ถึงอย่างนั้นพวกมันก็กันการโจมตีครั้งแรกของแดรบบิทไว้ได้ มันทำหน้าที่ได้ดีแล้ว

ปึก ปึก!

วูจินเหวี่ยงค้อน หัวแดรบบิทแหลกไปทีละตัวๆ พริบตาเดียวเขาก็สังหารกระต่ายไปสามตัว แล้วใช้มันเรียกทหารโครงกระดูกเพิ่มมาอีกสามตัว

"เคะ เคะ เคะ"

พังไปหนึ่ง สร้างใหม่อีกสาม ทหาารโครงกระดูกทั้งห้าตัวเรียงเป็นกำแพงมั่นคงตรงหน้าวูจิน วูจินใช้ความคิดสั่งพวกมันขณะเขารุดไปข้างหน้า

"ควี๊ก"

ฝูงแดรบบิทวิ่งออกมาจากหน้าต่างรถไฟแตกๆ พวกมันมีเยอะจนวูจินชะงัก

"หยุดมันไว้!"

ทหารโครงกระดูกห้าตัวยืนเรียงกันเป็นด่าน

ปึก ปึก ปึก!

พวกแดรบบิทกรูกันเข้าหาทหารโครงกระดูก แล้วโหม่งใส่

ฟุ่บ!

ทหารโครงกระดูกตัวตรงกลางล้ม แดรบบิทตัวหนึ่งฝ่าด่านเข้ามาได้ มันพุ่งใส่ศีรษะวูจินอย่างแม่นยำ

วูจินเหวี่ยงค้อนวูบเหมือนตนเป็นคนตีลำดับที่สี่ (ดูอ้างอิง1)

"เพิ่มอีกหนึ่ง!"

ซากแดรบบิทกระเด็นไป ศพระเบิดออกกลายเป็นทหารโครงกระดูกอีกตัว

วูจินมุ่งไปทางพวกแดรบบิทที่กำลังติดพันกับทหารโครงกระดูก เหวี่ยงค้อนลงด้วยท่าทางไม่ต่างกับนวดข้าว

"ตาย ตายซะ!"

ปึก ปึก ปึก!

เขาจบชีวิตแดรบบิทพร้อมเรียกทหารโครงกระดูกเพิ่มอีก

[เวทย์ไม่เพียงพอ]

วูจินมีแต้มเวทย์ 15 แต้ม

ถ้าเรียกทหารโครงกระดูก 15 ครั้ง เวทย์เขาจะหมด เวทย์จะฟื้นฟูเรื่อยๆ แต่ก็สามารถใช้ไอเทมและทักษะฟื้นฟูได้ด้วย

หากเขาเพิ่มสถานะ [ฟื้นฟูเวทย์] เวทย์ก็จะฟื้นฟูเร็วขึ้น สำหรับนักเวทย์แล้วสถานะที่สำคัญที่สุดมีสามอย่างคือ ความรู้ เวทย์ และฟื้นฟูเวทย์

สถานะ [ฟื้นฟูพลัง] จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับอัตราการฟื้นฟูพลังของเขา ซึ่งต้องใช้เมื่อจะใช้ทักษะรักษา หรือทักษะต่อสู้กายภาพ นี่เป็นสถานะหลักของนักรบ

วูจินมีค่าสถานะทั้งสองค่าละ 10 เมื่อผ่านไปสักพัก ฟื้นฟูเวทย์จะฟื้นเวทย์ครั้งละ 10 แต้ม แต่ที่สำคัญกว่าคือฟื้นฟูพลัง 10 แต้ม

ผ่านไปหนึ่งวัน บาดแผลเล็กน้อยจะหายไปโดยไม่หลงเหลือรอยแผลไว้เลย

"ตายให้หมด!"

เขาเชื่อใจค่าฟื้นฟูพลังของตัวเอง ดังนั้นจึงกระชับค้อนมั่นมุ่งจู่โจม

วูบ ปึก! วูบ ปึก!

ความเคลือนไหวของเขาเหนือขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้ว ทุกครั้งที่เหวี่ยงค้อนลงต้องมีแดรบบิทตาย

แดรบบิทกว่ายี่สิบตัวเต็มทางรถไฟใต้ดินถูกสังหารหมด

[เลเวลอัพ]

พอวูจินอัพถึงเลเวล 4 แต้มเวทย์ที่มีไม่เยอะของเขาก็ฟื้นคืนจนเต็ม

"ฮ้า หิวน้ำชะมัด"

วูจินมองรอบๆสถานีที่ตอนนี้เต็มไปด้วยซากแดรบบิทแล้วเดินไปทางตู้กดน้ำ งัดประตูตู้พังๆออก

ครึ่ก

เขาใช้พลังเหนือมนุษย์ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างประตูตู้กดน้ำจนเห็นกระป๋องน้ำ เขาหยิบกระป๋องโคล่า เป่ามัน

ฝุ่นที่เกาะลอยฟุ้ง มันดูปิดแน่นดีเขาน่าจะดื่มได้

กริ๊ก ฟู่

วูจินเปิดกระป๋องแล้วดื่มโค้กอุ่นๆ

"ฮ้า เอิ๊ก"

แก๊สทำให้เขาเรอออกมาอย่างพอใจ วูจินยิ้มกริ่ม

เขาสังหารสัตว์ประหลาดในสถานีรถไฟใต้ดินที่กลายเป็นดันเจี้ยน มันเกือบทำให้เขานึกว่ายังอยู่ที่โลกอัลเฟน แต่น้ำอัดลมสุดสดชื่นที่ไม่ได้ดื่มมา 20 ปีช่วยยืนยันว่าเขากลับถึงโลกแล้วจริงๆ

"ต้องรีบกลับบ้านจริงๆล่ะ"

แต้มเวทย์ของวูจินกลับมาเต็มใหม่ เขาจึงใช้ทักษะหาของ

"ฮืม"

ตรงประตูหัวรถไฟเขาเห็นแสงประกายจางๆ พอเดินไปใกล้ก็เห็นพลอยขนาดเท่านิ้ว

เมื่อวูจินหยิบมันขึ้นมาพลอยก็ส่องแสงจางๆสีเขียว

วูจินเอามันกลับไปยังที่ๆเขามาถึงทีแรก พอใกล้ถึงบาเรีย รีเทิร์นสโตนก็ปล่อยแสงไปแตะบาเรียแล้วแตกออก

ซ่า ซ่า

เมื่อเห็นบาเรียหายไป วูจินก็เดินขึ้นบันไดทางออกที่หนึ่งของสถานีกวาชุน

******

"โฮ่ นึกว่าราดซะแล้ว"

โอจูนวอน ข้าราชการระดับ 9 หลังการพิชิตดันเจี้ยนเขาก็ได้รับมอบหมายให้มาประจำการ [สถานีกวาชุนทางออกที่ 1] ดันเจี้ยนที่ปิดแล้ว ในฐานะผู้ควบคุมการเข้าออก เขามาประจำการที่แห่งนี้ได้หนึ่งเดือนแล้ว

หนึ่งเดือนนี้ไม่เกิดเหตุร้ายใดๆ และพรุ่งนี้เขาจะกลับสำนักงานใหญ่ แต่หลังกลับมาจากห้องน้ำเขารู้สึกเหมือนฟ้ากำลังถล่ม

"อะ อะไรนี่"

ห่วงคล้องตรงประตูทางเข้าถูกถอดออก

เขาหน้ามืด

"พ...พลเรือนเข้าไปในนั้นเหรอ ชิบแล้วกู"

เขาไม่คิดว่าเราส์จะเข้าไปในดันเจี้ยนที่ถูกปิดแล้ว [สถานีกวาชุนทางออกที่ 1] ไม่ใช่จุดที่มีไอเทมวัตถุดิบดรอป เป็นเพียงดันเจี้ยนที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดระดับต่ำ แดรบบิท

เว้นเสียแต่ว่าเราส์มือใหม่เข้ามาฝึกเขาก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครมาใช้ดันเจี้ยนที่ไม่ดรอปของมีค่าอะไร เราส์ไม่เข้าไปเสี่ยงชีวิตเปล่าๆ

ยิ่งกว่านั้น ถ้าเป็นเราส์ก็ต้องยื่นคำขอเข้าดันเจี้ยนก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่เขามาประจำการที่นี่

เขามองข้ามประตูไปเห็นบาเรียถูกสร้างขึ้น นั่นเป็นสัญญาณว่ามีใครเข้าไปในดันเจี้ยน

"ชิบหาย ต้องรีบขอความช่วยเหลือ"

กับเราส์แล้วแดรบบิทเป็นสัตว์ประหลาดระดับต่ำ แต่กับพลเรือนธรรมดามันเป็นสัตว์ร้ายน่ากลัว โอจูนวอนกำลังจะแจ้งเหตุแต่บาเรียกลายเป็นกลุ่มควันและชายคนหนึ่งเดินออกมา

"หา?"

จูนวอนนิ่งอึ้งยังไม่ทันได้กดปุ่มส่งสัญญาณ วูจินเดินออกมาช้าๆ เขาสบตากับจูนวอนอย่างประหลาดใจ

"อ๊ะ ผมเปิดประตูเข้าไปเพราะอยากรู้..."

"คุณ คุณเป็นเราส์เหรอ" (ดูอ้างอิง2)

วูจินไม่เข้าใจคำถาม ก่อนเขาจะตอบ จูนวอนก็โพล่งขึ้น

"โอย คุณทำผมอายุสั้นไป 10 ปีเชียว ช่วยกรอกข้อมูลการเข้าตรงนี้ที เฮ้อ โชคดีจริงๆ ทำไมคุณเข้าไปในดันเจี้ยนที่ไม่ให้อะไรเลยแบบนั้นล่ะ เคลียร์ได้คนเดียวแบบนี้ก็แสดงว่าต้องเก่งพอตัว"

เขาส่งบันทึกการเข้าดันเจี้ยนให้วูจิน วูจินเขียนชื่อกับข้อมูลอื่นลงไปส่งๆ ปิดปากเงียบ

'ทำไมเหรอ? ก็อยากขึ้นรถไฟกลับบ้าน'

เขาไม่มีคำอธิบายเหมาะๆดังนั้นจึงคิดว่าเงียบไว้ดีกว่า อย่างไรเสียจูนวอนก็หาข้ออ้างให้แล้ว หลังจากลงชื่อเรียบร้อย วูจินก็ถามอย่างมั่นใจ

"ผมไปได้แล้วใช่ไหม?"

"อ๊ะ ไปได้เลยครับ"

วูจินเดินไปได้สองสามก้าวก็หันกลับมาถาม 5 ปีไม่ใช่ช่วงเวลาสั้นๆอย่างที่เขาคิดเสียแล้วในเมื่อเกิดมีดันเจี้ยนกับเราส์ขึ้นมา

"เดี๋ยวนี้ค่ารถเมล์เท่าไหร่แล้ว?"

"หา?"

อะไร เขาได้ยินมาว่าเราส์เกือบทุกคนรวยนี่นา



-------------------------------------------
1.พูดถึงเบสบอลค่า ปกติแบตเตอร์ที่สี่จะเก่งสุด เพราะหน้าที่คือหวดลูกให้โดน ให้ไกลๆจะได้ส่งรันเนอร์สามคนก่อนหน้าเข้าโฮมไปให้หมด เลยมีชื่อเล่นว่า "คลีนอัพ ฮิตเตอร์" แบบในคนแปลภาษาอังกฤษใช้ ทีนี้เห็นวิกิว่าในเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นเขาก็เรียกแบตเตอร์สามคนแรกว่าคลีนอัพเหมือนกันเราเลยเปลี่ยนเป็นคนตีลำดับที่สี่ค่ะ
2.Roused - ช่อง3ของ rise แปลว่าถูกปลุก ถูกกระตุ้น จริงๆสำนวนเกาหลีไม่มีการใช้ภาษาอังกฤษ แต่เรานึกคำแปลไทยเท่ๆไม่ออก ขอทับศัพท์ภาษาอังกฤษนะ

----------------------------------------------





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น