วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 3

บทที่ 3 - เลเวลอัพ!

"ฮ้า ดันเจี้ยนที่ว่านี่ดันเจี้ยนจริงๆเหรอ?"

เขานึกว่าเป็นสแลงเสียอีก ดูเหมือนจะไม่ใช่

ขมับเต้นตุบๆ เขานวดมันเบาๆ

วูจินถอนหายใจแล้วสำรวจข้อความที่ปรากฎต่อหน้า

[ดันเจี้ยนแห่งนี้ถูกครอบครองแล้ว มอนสเตอร์ธรรมดาจะถูกเรียกมา]

นี่เป็นสถานการณ์ที่ชวนให้ตกตะลึง แต่วูจินไม่ตกใจ กลับกัน เขารู้สึกคุ้นเคย

"นี่มันเหมือนที่โลกอัลเฟนเกินไปหน่อยไหม?"

วูจินเคยดิ้นรนเอาตัวรอดในที่นั่น โลกอัลเฟนไม่ผิดแผกไปจากโลกเกมอื่นๆ ไม่ใช่สิ เขาควรจะบอกว่ามันเป็นอีกโลกที่มีระบบเกมเป็นระบบหลัก?

"โลกเปลี่ยนไปเหรอ? หรือมันเกิดขึ้นเฉพาะกับฉัน?"

วูจินสงสัยแต่ไม่รู้คำตอบ เขาแค่อยากจะขึ้นรถไฟแต่กลับเข้ามาในดันเจี้ยนแห่งหนึ่ง เท่าที่ดู 5 ปีที่ผ่านมาโลกต้องเจอกับจุดเปลี่ยนอะไรสักอย่าง

"กลับออกไปก่อนดีกว่า"

ถ้าขึ้นรถไฟไม่ได้อย่างนั้นก็ใช้รถเมล์แทนแล้วกัน พอวูจินหันกลับ บาเรียล่องหนก็ขวางทางเขาไว้

[ท่านไม่มี ริเทิร์น สโตน]

"หา ฮึ้ย"

วูจินเกาศีรษะ เขาไม่รู้ว่ารีเทิร์น สโตน เป็นอย่างไร ตอนนี้เขามืดแปดด้าน

"ที่ประตูล็อกก็เพราะแบบนี้เอง"

ความสงสัยทำให้เขาเปิดประตูเข้ามาในที่นี่ เขาอยากกลับ แต่ตอนนี้โดนขังแล้ว ไม่มีทางเลือกนอกจากหาสิ่งที่เรียกว่า รีเทิร์น สโตน เพื่อออกจากที่นี่

"ขอคิดก่อน"

เขาสูญเสียเวทมนตร์ไป ไม่รู้ทำไมแต่ร่างกายยังแข็งแกร่งเหมือนเดิม ยิ่งกว่านั้นเขามีประสบการณ์เอาชีวิตรอดมากกว่า 20 ปี

เขาสำรวจร้านขายของร้าง เจอเสาแขวนเสื้อ

กริ๊ก กริ๊ก

เขาดึงเสาออกมาจากที่แขวนเสื้ออย่างสบายๆมาทำเป็นกระบองแบบง่ายๆ แต่เขาไม่พอใจ

"มันเบาเกิน"

เขามองทั่วร้านที่อยู่ติดกัน ท่ามกลางกองรกๆเขาเห็นค้อนอันหนึ่ง

วูม วูม

"อันนี้น่าจะใช้ได้"

วูจินเอาค้อน จากนั้นเหวี่ยงเก้าอี้ตัวหนึ่งกระแทกพื้นพัง ดึงพนักออก เกลาๆขัดๆหน่อยก็ได้โล่ที่น่าจะรับการโจมตีได้สักสองสามที

"ไปได้ยังนะ?"

เขาไม่รู้ว่ารีเทิร์น สโตนเป็นอย่างไร แต่ได้ข้อมูลว่ามอนสเตอร์ธรรมดาถูกเรียกออกมา เขาไม่แน่ใจว่าที่เตรียมตัวนี้เพียงพอไหมดังนั้นจึงลังเล แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่อาจถอยหลังกลับ

เขาไม่มีทางเลือกนอกจากไปต่อ

วูจินพึ่งแสงไฟติดๆดับนำทาง จากนั้นก็รู้สึกแปลกๆจากทางห้องน้ำของสถานี เหมือนใครกำลังจ้องเขาอยู่

เขาค่อยๆก้มลง หยิบเศษกระเบื้องแล้วโยน

เกร๊ง

เสียงกระเบื้องชนประตูกระจกทำให้มันไหวตัว

"คูรู"

มันส่งเสียงแหลมประหลาด มันมีรูปร่างพิลึกจนไม่มีใครคิดว่าสิ่งมีชีวิตนี้มีอยู่บนโลก มันเหมือนสุนัขแต่มีหูยาวใหญ่เหมือนกระต่าย

มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรมีอยู่บนโลก แต่วูจินรู้จักสัตว์ประหลาดตัวนี้ดี เขาเผชิญหน้ากับตัวแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนในโลกอัลเฟน

"แดรบบิท"

"กว๊าา"

แดรบบิทวิ่งแสยะเขี้ยวขู่ มันใช้ขาหลังซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของร่างกายกระโจนเข้าใส่ นี่เป็นท่าถนัดของแดรบบิทแล้วก็เป็นท่าจู่โจมเดียว

บูม

ทันทีที่เขาใช้โล่กันได้ก็เหวี่ยงค้อน

"กกรู๊กกก"

มันถูกเขาทุบจนกลิ้งบนพื้นพร้อมส่งเสียงโหยหวน วูจินไม่หยุด เขาวิ่งไปกดคอมันไว้แล้วใช้ส่วนของค้อนที่ใช้งัดตะปูแทงมัน

ตอนที่สัตว์ประหลาดที่คุ้นเคยโผล่ออกมาเขาไม่รู้สึกถึงอันตรายนัก แต่เขาก็ไม่วางใจ ถ้ามีโอกาสก็ต้องฆ่าให้ตายสนิท

นี่เป็นกฎพื้นฐานและสำคัญที่สุดที่ต้องรักษาไว้หากอยากรอดจากสัตว์ประหลาด

ร่างแดรบบิทอ่อนลงพร้อมเสียงครางแผ่วๆเหมือนลม หลังจากนั้นวูจินรีบตรวจสอบรอบๆตัว แดรบบิทมักจะไปไหนมาไหนเป็นคู่

อย่างที่คาด แดรบบิทอีกตัวกระโดดออกมา อ้าปากกว้างน่ากลัวพุ่งใส่เขา โล่ที่เขาทำจากพนักเก้าอี้พังไปกับการโจมตีก่อนหน้านี้แล้ว

วูจินเงื้อค้อนแล้วเหวี่ยง

กึ้ง!

"กี๊กกก"

ค้อนแทงเข้าไปในปากแดรบบิทอย่างแม่นยำไปโผล่ยังอีกด้านของหัวมัน เขากะจังหวะแทงสวนได้อย่างงดงาม

"ทำไมถึงรู้สึกเหมือนเดจาวู?"

วูจินนึกถึงครั้งแรกที่เขาถูกเรียกไปยังโลกอัลเฟน เขาทั้งตกใจและหวาดกลัว แต่สถานการณ์ของเขาตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนมากนัก

"มอนสเตอร์ของโลกอัลเฟนมาที่นี่ได้ยังไง? ดันเจี้ยนนี่ก็ด้วยมันดูผิดที่ผิดทางสุดๆ"

เขารู้สึกถึงอันตราย ความรู้สึกนี้เขาคุ้นเคยมาก

ข้อความที่ปรากฎต่อหน้า สัตว์ประหลาดที่จู่ๆก็ปรากฎตัวไม่ใช่เรื่องแปลกในโลกอัลเฟน แต่ที่นี่เป็นโลก

ประเด็นคือที่นี่เป็นสถานีรถไฟใต้ดินของโลก

"ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆคงเลเวลอัพ"

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมวูจินถึงเอาตัวรอดในโลกอัลเฟนได้

ที่นั่นเหมือนโลกเกม ไม่ใช่ วูจินคิดแบบนั้นเพราะเขาเป็นคนจากโลกนี้ซึ่งคุ้นเคยกับเกม

มันอาจเป็นกฎธรรมชาติของโลกที่นั่น แต่มันเหมือนเกมสำหรับวูจิน ความแตกต่างอย่างเดียวคือโลกนั้นไม่ใช่โลกความจริงเสมือน มันเป็นของจริง

มีเลเวล และวูจินก็พัฒนาเป็นเนโครแมนเซอร์เลเวลเต็ม เขาไปไม่ถึงจุดหมายแต่ได้เจอแอดมินแห่งห้วงมิติ ดังนั้นเขาจึงกลับมาอย่างไม่ผิดหวังนัก

เขาสูญเสียเวทมนตร์ทั้งหมดที่ฝึกมา แต่เขาไม่สนใจ เขานึกว่าความสามารถนั้นไม่จำเป็นอีกในโลกที่เขาไม่ต้องเสี่ยงชีวิตอีกแล้ว

แต่แล้วเขาก็มาอยู่ในดันเจี้ยนและเขาอยากได้เวทมนตร์กลับคืนมา ถ้าเป็นระดับแดรบบิทเขายังสู้กับมันได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งกว่าอย่างนั้นก็อันตรายเกินไป

สถานการณ์ที่ดีกับเขาที่สุดคือได้รีเทิร์นสโตนมาโดยไม่เจอสัตว์ประหลาดเก่งๆ

"ถ้าที่นี่เหมือนกับอัลเฟน มอนสเตอร์ก็น่าจะมีของ หรือไม่ก็น่าจะมีพลังงานอะไรออกมา"

ถ้าเป็นหินหรือไอเทมที่มีความสามารถพิเศษอย่างนั้นมันก็น่าจะปล่อยพลังงานออกมา เขามองสัตว์ประหลาดทั้งสองตัว แต่ในตัวมันไม่มีอัญมณีเวทมนตร์ที่เรียกว่าบลัดสโตน

"ไร้ประโยชน์ว่ะพวกนี้"

วูจินทิ้งซากแดรบบิทไว้ตรงนั้นแล้วไปหลบในเสาข้างๆ เขาคิดว่าถ้าสัตว์ประหลาดใกล้ๆถูกกลิ่นเลือดล่อเข้ามาก็ดี แต่ถึงไม่มีตัวอะไรโผล่ออกมาเขาก็จะเริ่มค้นหาใหม่เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้ว

"คิวรีก?"

แดรบบิทสองตัวออกมา มันเดินวนรอบซากแดรบบิท มันเหมือนสุนัขแต่ประสาทรับกลิ่นไม่ได้ดีเท่า พวกมันใช้การฟังในการตรวจสอบสิ่งรอบๆตัว

แครก

วูจินจงใจเหยียบเศษกระเบื้องแรงๆเพื่อเผยตัว

"ควี๊!"

แดรบบิทวิ่งมาทันที แล้วกระโจนใส่วูจิน

วูจินกระชับค้อนแล้วเหวี่ยงไม้

ปึก ปึก!

แดรบบิทสองตัวกระโดดไม่พร้อมกัน เขาทุบหัวมันแหลกทีละตัวๆ แล้วข้อความก็ปรากฎขึ้นต่อหน้า

[เพิ่มระดับ!]






---------------------------------------------------

บทที่ 2                                                  สารบัญ                                         บทที่ 4











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น