วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 7

บทที่ 7 - กลับบ้าน

ไม่น่าเลย
กระทั่งตอนที่เจมินใส่รหัสผ่านหน้าประตู เขาก็ยังคิดว่าไม่น่าเลย
"เขาไม่ใช่คนพิลึกจริงๆใช่ไหม บางทีเขาคงเพิ่งมาถึงที่นี่วันนี้ ก็เลยยังหาที่พักไม่ได้?"
วูจินเล่าเรื่องที่ฟังแล้วน่าจะเชื่อถือได้ให้ฟัง
เขาบอกว่าตัวเองเสียความทรงจำจากเหตุการณ์ดันเจี้ยนระเบิดเมื่อ 5 ปีก่อน จากนั้นก็ไปอยู่ในภูเขาจิริ กราบนักบวชลัทธิเต๋าผู้หนึ่งเป็นอาจารย์ 
ขณะรับใช้นักบวชลัทธิเต๋าผู้อารมณ์แปรปรวนจู่ๆความทรงจำเขาก็กลับมา ดังนั้นเขาจึงกลับโซลและกลับมาที่โรงเรียนซึ่งเป็นที่ๆเขาเสียความทรงจำไป
พล็อตเรื่องที่ขนาดละครช่องหลากสียังไม่ใช้ เจมินยืนหน้ารั้วพลางมองวูจิน
"ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็น่าจะไปหาตำรวจ"เจมินเสนอความคิดนั้นออกมาไม่ได้เลย เพราะเมื่อเสียงไซเรนรถตำรวจดังผ่านไป วูจินก็ปล่อยหมัดหวือๆใส่แมลงวัน
เจมินคิดว่าแค่หมัดเดียวนั่นถ้าโดนเขาต้องสลบเหมือดแน่ ไม่สิ ตายแน่...
"เฮ้อ ช่างมันเถอะ ถ้าเขาจะทำร้ายเราก็ทำไปนานแล้ว"

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ประตูเปิด วูจินเดินตามเจมินเข้าไปแล้วยิ้มกว้าง
"ว้าว บ้านสวยนี่"
บ้านวูจินเป็นบ้านเดี่ยวแบบสตูดิโอทั่วไป เมื่อราคาที่ดินในโซลถูกมาก บ้านว่างเพิ่มขึ้นค่าเช่าก็ถูกตาม แต่ค่าไฟค่าแก๊สกลับแพงขึ้น ดังนั้นคนที่อาศัยในเมืองนี้ก็ยังลำบากอยู่
สัตว์ประหลาดทำลายโครงสร้างพื้นฐานในเมืองเสียหายหมด ดังนั้นค่าสาธารณูปโภคทั้งหลายจึงแพงขึ้น
ห้องนี้กว้างใหญ่ทีเดียว ยังมีที่ว่างเหลือเฟือแม้จะวางเตียงกับโต๊ะเข้าไปอย่างละตัวแล้ว
"ฮะๆๆ ขอรบกวนสักวันนะ ขออาบน้ำก่อนนะ?"
วูจินพูดอย่างไม่เกรงใจพร้อมทั้งเดินเข้าห้องน้ำ เขาถอดชุดฟางออกแล้วเปิดฝักบัว 
เจมินฟังเสียงประหลาดๆที่ดังออกมาเป็นระยะๆอย่าง "ฮ้า อืม สบายจัง" แล้วได้แต่ถอนหายใจ
"เฮ้อ... คิดถูกหรือเปล่านี่"
พวกเขาคุยกันหลายเรื่องระหว่างเดิน วูจินดูไม่เหมือนคนเลว แต่นั่นก็เป็นแค่ความรู้สึกของเจมิน
ถึงวูจินจะดูไม่เหมือนคนเลว แต่เขาพิลึกแน่นอน เจมินถูกวูจินชักจูงไปตามใจ ก่อนจะรู้ตัวพวกเขาก็มาอยู่ในบ้านแล้ว
เจมินเคี้ยวข้าวปั้นจากร้านสะดวกซื้อ นี่เป็นข้าวเย็นของเขา เงินเขาถูกวูจินไถไปเลยซื้อข้าวดีๆกว่านี้ไม่ได้
"ฮู้ว สดชื่น นี่ นายมีเสื้อไม่ใช่แล้วบ้างหรือเปล่า?" 
"...รอแป๊บครับ"
วูจินทำตัวเหมือนมาเยี่ยมญาติสนิท เจมินไม่สบายใจแต่เรื่องมันก็มาถึงขึ้นนี้แล้วน่ะนะ เขาส่งเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำให้วูจิน
"คุณมีกางเกงในหรือเปล่าครับ?"
"ฉันรบกวนนายเยอะแล้ว ถ้าเอากางเกงในนายมาใส่ด้วยนี่ก็เริ่มเกรงใจแล้วล่ะ"
วูจินหัวเราะฮ่าๆพลางใส่ชุด จากนั้นเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาดื่มอึ้กๆ เจมินไม่เหลือแรงจะแปลกใจกับท่าทางสบายใจเหมือนอยู่บ้านของวูจินแล้ว
"เฮ้อ ผมต้องทบทวนบทเรียนแล้ว"
"ได้ ฉันไม่กวนหรอก เรียนไปตามสบายเลย ขอใช้คอมพิวเตอร์ได้ไหม?"
'คุณขอทุกอย่างเลยนะครับ'
"...ได้ครับ"
เจมินหันจากโต๊ะคอมพิวเตอร์ไปกางโต๊ะตัวเล็กที่เขาใช้กินข้าวแล้วเปิดหนังสือ จากนั้นก็เรียนหนังสืออย่างมุ่งมั่นจนน่ากลัว

หลังจากพ่อแม่เขาเสียชีวิต พี่สาวกลายเป็นคนในครอบครัวคนเดียวที่เขามี 
สตูดิโอแห่งนี้และกระทั่งการที่เขาสามารถเรียนมัธยมปลายได้ก็เพราะพี่สาวเขาเสียสละ เวลานี้พี่เขาก็กำลังทำงานตัวเป็นเกลียวอยู่ในโรงงาน ทางเดียวที่จะตอบแทนพี่เขาได้ก็คือการตั้งใจเรียน
เจมินคร่ำเคร่งจนวูจินไม่กล้าคุยด้วย
"ว้าว ไม่ได้มีดีแต่หน้าตาแฮะ"

วูจินเปิดคอมพิวเตอร์ เข้าไปในเว็บไซต์ที่รู้จักดี เขาค้นหาเกี่ยวกับดันเจี้ยน 
อินเตอร์เน็ตเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งถ้าอยากรู้ว่า 5 ปีที่ผ่านมานี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
"ไหนๆ เหตุการณ์ดันเจี้ยนระเบิด 5 สิงหา เฮ้ย ฉันก็โดนเรียกตัวไปช่วงนั้น"
เขาถูกเรียกตัวไปที่โลกอัลเฟน สถานีรถไฟใต้ดินของโลกกลายเป็นดันเจี้ยน สองเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใกล้กันมากจนไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญ เขาจำได้ไม่ชัดเจนนักแต่ลางสังหรณ์บอกว่ามันน่าจะเกิดขึ้นวันเดียวกัน
'หมายความว่ามันมีความเกี่ยวข้องกัน'
ทำไมเขาถึงถูกเรียกตัวไปต่างโลกระหว่างเกิดดันเจี้ยนระเบิด? เขายังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงเลย เขาได้แต่ดิ้นรนเอาตัวให้รอดและคิดอยากกลับบ้าน
เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
'เราส์ อะไรกัน พวกเขามีพลังพิเศษ'
วูจินแปลกใจเมื่อได้ข้อมูลของเราส์ พวกเขาสามารถใช้ทักษะพิเศษเช่นเทเลพอร์เทชั่น จุดระเบิด ความเร็วเหนือมนุษย์ ฯลฯ
ความสามารถของเราส์ก็ว่ายอดแล้ว ที่สำคัญกว่าคือพวกเขาสามารถใช้อาร์ติแฟค เครื่องมือเวทย์ที่ได้มาจากดันเจี้ยนด้วย
ถ้าพวกเขาใช้อาร์ติแฟคได้ย่อมหมายถึงพวกเขามีพลังเวทย์ จะว่าพวกเขาเป็นนักเวทย์ก็ไม่ผิด
"โลกจริงมีนักเวทย์ด้วย"
เขาเป็นเนโครแมนเซอร์ระดับแนวหน้า มีค่าสถานะต่างๆสูงเยี่ยม ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังประหลาดใจจริงๆเนื่องจากดันเจี้ยนพวกนี้อยู่ใต้ดินจึงไม่สามารถใช้อาวุธปืนหนักได้ ด้วยเหตุนี้เราส์จึงเป็นผู้กล้าของโซลรวมถึงผู้กล้าของโลกจริง
ถ้าปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ดันเจี้ยนก็คือระเบิดเวลาดีๆนี่เอง
ยิ่งกว่านั้น ดันเจี้ยนยังเปลี่ยนแปลงไปมา

ดันเจี้ยนถูกแบ่งเป็นสามประเภท วิธีการสยบก็แตกต่างกันไปตามประเภท
ดันเจี้ยน - คือดันเจี้ยนแบบมีกำหนดเวลา เมื่อมันถูกสร้างขึ้น เวลาหนึ่งเดือนจะถูกนับถอยหลัง หากสามารถเคลียร์ก่อนเวลาจะหมด มันจะเปลี่ยนเป็นเหมือง หากเคลียร์ไม่ทัน ดันเจี้ยนจะแตก
เหมือง - ทีแรกเป็นชื่อที่เรียกเล่นๆ แต่เนื่องจากเรียกกันจนคุ้นจึงกลายเป็นชื่อที่เรียกทั้งในทางการ 
ดันเจี้ยนที่ถูกพิชิตจะมีแต่สัตว์ประหลาดพื้นฐาน ในดันเจี้ยนประเภทนี้จะเริ่มมีการสำรวจ สัตว์ประหลาดพื้นฐานมีของมีค่า และบางครั้งก็เจออาร์ติแฟค
เมื่อเวลาผ่านไป อย่างน้อยสุดคือสองวัน อย่างมากสุดคือสองเดือน เหมืองจะถูกรีเซ็ทกลับเป็นดันเจี้ยนอีก ดังนั้นคนของรัฐบาลจึงถูกส่งมาเฝ้าระวังดันเจี้ยนแต่ละแห่ง
ดันเจี้ยนแตก - เป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่สามารถพิชิตดันเจี้ยนได้ก่อนเวลาจะหมด และตามชื่อ ดันเจี้ยนจะระเบิดออก บาเรียจะแตกสลาย สัตว์ประหลาดข้างในหลุดออกมาสู่โลกภายนอก
ที่วูจินเพิ่งเข้าไปคือ [สถานีกวาชุนทางออกที่ 1] มันเป็นเหมือง แต่สัตว์ประหลาดพื้นฐานมีระดับต่ำมากจนในร่างไม่มีบลัดสโตน ตัวแดรบบิทก็ไม่มีค่าอะไรอื่น เมื่อถูกมองว่าไม่มีค่าเหมืองแห่งนี้จึงเป็นเหมืองร้าง บางครั้งก็มีเราส์มือใหม่เข้ามาฝึกฝนแต่น้อยครั้งมาก

จากนั้นวูจินค้นหาข้อมูลของกิลด์แฮมเมอร์
เขาแค่อยากรู้เฉยๆว่าตึกที่มาแทนที่อพาร์ทเม้นท์บ้านของเขานั้นมันอะไร
เจมินที่ก้มหน้าก้มตาจนเมื่อยคอเงยหน้าขึ้นมาพอดี เขามองหน้าจอแล้วเบิกตากว้าง
"หา ลุงรู้จักแฮมเมอร์กิลด์ด้วยเหรอครับ?"
"หือ เฮ้ย เรียกพี่สิ นายรู้จักเหรอ?"
"แน่อยู่แล้วครับ นั่นน่ะหนึ่งในสามกิลด์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในเกาหลี"
ดวงตาเจมินเปล่งประกายวิบวับเมื่อพูดถึงกิลด์แฮมเมอร์ กิลด์ฮวาราง และกิลด์ KH กิลด์ขาใหญ่ของเกาหลี
"เป็นบริษัทเหรอ?"
"อืม ไม่เชิงครับ ตอนแรกมันเป็นที่รวมกลุ่มของเราส์ แต่ตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นบริษัทแล้ว ไม่สิ ผมควรจะพูดว่าเป็นสหภาพขนาดใหญ่ของเราส์?"
เจมินเอียงคออย่างงุนงงกับคำอธิบายของตัวเอง แล้วเริ่มพูดใหม่
"กับเราส์แล้ว มันคือสหภาพ ส่วนกับคนธรรมดาอย่างผม มันเป็นบริษัท เป็นบริษัทในฝันของผมเลย ถ้ามีแต่ความสามารถธรรมดาเข้าไปไม่ได้หรอก"
เจมินมีกิลด์ใหญ่ทั้งสามกิลด์เป็นเป้าหมายจึงเรียนอย่างหนัก สวัสดิการของพนักงานที่นั่นยอดเยี่ยมและรายได้ก็สูงทีเดียว ถ้าเขาได้ทำงานที่นั่นก็จะตอบแทนบุญคุณของพี่สาวได้
"โฮ่ งั้นเหรอ?"
วูจินมองเจมินที่ดวงตาวิบวับและพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่แล้วรู้สึกไม่คุ้น เลยเปลี่ยนเรื่อง
"ว่าแต่ ไอ้เด็กเปรตพวกนั้นจะมายุ่งกับนายอีกไหมพรุ่งนี้?"

สีหน้าของเจมินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่อคิดถึงนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นของลี-ซูฮยุค วันนี้เขารอดมาได้เพราะวูจิน แต่ดูท่าว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปชีวิตในโรงเรียนเขาจะกลายเป็นนรก
เห็นอย่างนั้นวูจินจึงพูดอย่างใจเย็น
"เฮ้ ฉันมีธุระต้องไปที่โรงเรียน งั้นพรุ่งนี้ก็ไปด้วยกัน ฉันจะแก้ปัญหาให้นายเอง"
"ด...ด้วยกัน?"เจมินรู้สึกกังวลเมื่อเห็นท่าทีเชื่อมั่นของวูจิน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น