วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 8

บทที่ 8 - กลับบ้าน (2)


“ฮ้า วูจิน เธอยังไม่ตาย”
ครูประจำชั้นสมัยเขาอยู่ ม.ปลายปี 3 มองเขาเหมือนเห็นผี วูจินหัวเราะแห้งๆ คนนับไม่ถ้วนตายไปตอนเกิดดันเจี้ยนระเบิดครั้งแรก ดูเหมือนวูจินจะถูกนับเป็นหนึ่งในนั้น


มาเจอกันอีกครั้งหลังจากเวลาของด้านเขาผ่านไป 20 ปีแล้ว ดังนั้นวูจินจึงไม่รู้สึกซาบซึ้งอะไรนัก ครูมองหาข้อมูลของวูจินในบันทึกนักเรียน


“โอ๊ะ นี่ไงเบอร์โทรของทางบ้านเธอ”


กริ๊ง


ครูโทรไปทันที เบอร์โทรศัพท์อาจจะยังไม่เปลี่ยนหรือเปลี่ยนแล้วก็ได้
เขาจะได้ยินเสียงแม่ไหม? เบอร์เปลี่ยนไปแล้วหรือยัง?
วูจินนั่งบนโซฟาตัวตรงข้าม ใจเต้นโครมคราม


[ฮัลโหล?]


ครูประจำชั้นได้ยินเสียงของผู้หญิงวัยกลางคนที่เหนื่อยล้า เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เอาไว้ใช้กับผู้ปกครองโดยเฉพาะ


“ฮัลโหลครับ ผมชื่อลี-ซางวู เป็นครูโรงเรียนมัธยมปลายมิโด”
[คะ? โรงเรียนมิโด?]


เสียงสั่นๆฟังเหมือนเสียงของแม่ในความทรงจำเลือนรางของเขา วูจินใจเต้นแรงขึ้นอีก เขารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก


“ครับ ไม่ทราบว่าคุณใช่คุณนายลี-ซุกยุงหรือเปล่า?”
[ค่ะ ใช่ค่ะ มีอะไรหรือคะ? ถ้าเป็นโรงเรียนมิโดอย่างนั้นก็เป็นโรงเรียนที่ลูกคนโตของเรา…]


เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย วูจินรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น ต่อให้ถูกฟาดด้วยแส้จังๆเขายังไม่เจ็บเท่านี้


วูจินแย่งโทรศัพท์มา พูดเสียงสั่น


“แม่”
[...]


ไม่มีเสียงจากปลายสาย แต่ใครก็บอกได้ว่าเธอต้องประหลาดใจมาก การที่ความรู้สึกส่งผ่านมาถึงเขาได้ขนาดนี้แสดงว่าแม่ต้องตกใจมาก


“แม่ ผมวูจิน คัง-วูจิน”


ร่ายคาถาขั้นที่ 9 ยังไม่ยากเท่าเอ่ยคำว่า “แม่” นี้ ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกในลำคอของเขาและแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว แทนที่จะได้ยินเสียงพูดเขากลับได้ยินแต่เสียงสะอื้นจากปลายสาย


[วู...วูจิน? วูจินของเราจริงๆเหรอ? เธอเป็นวูจินของเราจริงใช่ไหม?]


วูจินฟังเสียงครวญของแม่แล้วก็เลิกคิดเรื่องกลั้นน้ำตา ความเศร้าเปลี่ยนเป็นความดีใจเมื่อน้ำตาเขาไหลลงมา


“ผมกลับมาแล้ว”
[ฮึก ฮือๆ วูจินของแม่]


เขาดิ้นรนมา 20 ปีเพื่อเวลานี้


“แม่ย้ายไปไหนแล้ว? ผมจะไปหา”
[ไม่ แม่ไปเอง เดี๋ยวแม่ไปเลย อย่าขยับไปไหนนะ]


เขาได้ยินเสียงแม่ลนลาน วูจินยื่นโทรศัพท์คืนครู


“ฮู้ว”


เขาสูดหายใจลึกเพื่อให้น้ำตาหยุดไหล


พอครูได้โทรศัพท์คืนก็พยายามพูดให้แม่ใจเย็นลง หลังจากคุยอีกสักพักก็วางสาย วูจินมองแล้วเตือนตัวเองให้รีบซื้อโทรศัพท์


“อีกประมาณสองชั่วโมงนะ”
“ฮู้ว ขอบคุณครับครู”
“อืม ครูก็ไม่ได้ทำอะไรมาก เธอยังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว”
“ถ้าขอดูรอบๆโรงเรียนจะเป็นอะไรไหมครับ?”
“ตามสบายเถอะ”


วูจินคิดว่าถ้านั่งแต่ในห้องถึงสองชั่วโมงต้องเบื่อแน่ ดังนั้นเขาจึงเดินออกจากห้องพักครู


“เฮ้อ ไปหาเจมินแล้วกัน”


ถ้าแม่มาถึงเขาต้องคืนเงินที่ยืมเจมินมา เขารู้สึกอายที่ต้องขอเงินจากพ่อแม่ทั้งๆที่ตัวเองก็อายุ 24 แล้ว แต่เขาตั้งใจจะตอบแทนด้วยการเป็นลูกที่ดีไปชั่วชีวิต


ตอนนั้นถึงเวลาพัก นักเรียนออกมาเต็มทางเดิน เขาเดินเบียดผ่านบรรดานักเรียนไป เขากล้าออกมาเดินในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นแบบที่ใส่ตอนนอนดังนั้นนักเรียนหลายคนจึงมองเขา


“ว้าว หล่อจัง”
“สูงจัง เห็นว่าเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเราแน่ะ”


นักเรียนหญิงกระซิบคุยกันและปรบมืออย่างถูกใจ


“ว้าว พี่ท่านแต่งตัวโคตรเรียบ”
“กล้ามเน้นๆ ไปทำอะไรมาวะ?”


นักเรียนชายล้อวูจินลับหลัง


วูจินไม่สนใจ เขาเห็นห้องเรียนของเจมินแล้ว ขนาดไปเข้าห้องน้ำช่วงพักเจมินยังไปไม่ได้เพราะนักเรียนคนอื่นล้อมเขาไว้


“เฮ้ เจมิน”


วูจินเข้าไปหาเจมินอย่างสนิทสนมทำให้คนอื่นๆที่ล้อมเขาไว้ประหลาดใจ ซูฮยุคและนักเรียนที่โดนวูจินล้มพยายามหลบตา นักเรียนคนอื่นจ้องวูจินเขม็งแล้วพูดกวนๆ


“ใครวะ?”
“ว้าว นายไม่กล้าอยู่คนเดียวจนต้องเรียกพี่มาด้วยเลย?”


พวกเขามีกันตั้งเจ็ดคน พวกเขามองวูจินแล้วยิ้มแสยะ เจมินสบตาวูจินอย่างกังวลแล้วส่ายหน้าช้าๆแต่วูจินตะโกนขึ้น


“ใครทำตัวเป็นนักเลงตามฉันไปที่ดาดฟ้าให้หมด”


วูจินเดินนำหน้าไปอย่างถือดีโดยมีเจมินเดินคอตกตามไป อันธพาลที่เหลือมีสีหน้างงงวยก่อนจะตามพวกเขาไป


“เอ้า อัดพวกแม่งให้น่วมกันดีกว่า เฮ้ย ไปเรียกเด็กห้องอื่นมาด้วย”


ซูฮยุคตามขึ้นดาดฟ้าไปเงียบๆ มีนักเรียนมากกว่า 20 คนที่มา ดังนั้นเขาพยายามลบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานออกไปจากสมอง


‘ใช่แล้ว ตอนนั้นเราแค่เผลอไป คนเยอะเท่านี้ไอ้เวรนั่นจะทำอะไรได้’


อันธพาลมากกว่ายี่สิบคนรวมทั้งซูฮยุคเหยียบพื้นดาดฟ้า


****


“หนึ่ง”


เสียงเย่อหยิ่งของวูจินดังขึ้น


“เราคือ”


อันธพาลทั้งหลายเรียงแถวหน้ากระดาน พวกเขากำลังวิดพื้น


“สอง”


“ลูกน้องเจมิน”


นักเรียนยี่สิบห้าคนเรียงแถววิดพื้นพร้อมเพรียงกัน กระทั่งโดเจมินยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง


'เขาไปเรียนอะไรมาจากภูเขาจิรินะ?'


ต้องเรียนศิลปะการต่อสู้มาแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาจะล้มอันธพาลยี่สิบห้าคนภายในพริบตาเดียวได้อย่างไร?


ในเวลาไม่เกิน 1 นาที เขาก็จัดการให้นักเรียนทั้งหมดวิดพื้น 50 ที แต่ยังไม่จบเท่านี้ เมื่อแขนของพวกเด็กๆเริ่มสั่น วูจินก็เรียกพวกเขามารวมตัวกัน


“เฮ้ย มานี่ให้หมด”


ใบหน้านักเรียนแดงก่ำ วูจินยิ้มเยาะเมื่อเห็น เพราะที่นี่เป็นโลกเขาเลยยั้งมือไว้ ถ้าเป็นที่โลกอัลเฟนพวกนี้ลุกไม่ขึ้นไปแล้ว


ถ้าเป็นที่นั่นเขาจะฆ่า เปลี่ยนศพให้เป็นอันเดดทาสของเขา จากนั้นเพียงใช้เวทมนตร์อีกนิดก็กักขังวิญญาณพวกเขาไว้ได้


“นี่อะไรรู้ไหม?”
“แป๊บ… แป๊บเหล็ก”
“ถูกต้อง คนที่ใช้เจ้านี่นี่หมดทางเยียวยาแล้ว”


เด็กบ้าบางคนเอาท่อเหล็กมาเพื่อตีวูจิน เขาจับแล้วออกแรงเบาๆบิดมัน ไม่พอ เขาจับปลายแต่ละข้างของท่อเหล็กที่งอยืดออก


กึดๆๆ


ท่อเหล็กยืดออกเหมือนเป็นแท่งคาราเมล พอมันยืดจนสุดแล้วรับแรงดึงต่อไปไม่ไหวก็ขาดออก พวกอันธพาลมองเขาเหมือนวิญญาณถูกกระชากขาดตามไปด้วย จากนั้นวูจินโยนท่อเหล็กทิ้งไป


แก๊งๆ


วูจินยกแขนพาดไหล่เจมินที่ยืนอยู่ข้างๆ


“พวกนายไม่กวนเจมินแล้วนะ?”
“ไม่กวนแล้วครับ”
“ไม่กวนเด็ดขาดครับ”


วูจินพยักหน้าอย่างพอใจแล้วตะโกน


“แล้วอย่าโดดเดี่ยวเขาด้วย พวกนายทำตัวดีๆกับเขา เข้าใจไหม?”
“เข้าใจครับ!”
“เอาล่ะ กลับไปเรียนได้”


พวกอันธพาลได้ยินคำสั่งของวูจินแล้วก็โล่งใจที่ตัวเองยังไม่ตาย จากนั้นก็แย่งกันออกไปจากดาดฟ้า เจมินมองวูจินด้วยสีหน้าสิ้นหวัง


“ทีนี้ผมจะมาโรงเรียนได้ยังไง…”


ข่าวลือต้องกระจายไปทั่วโรงเรียนแน่ วูจินมองสีหน้าขมขื่นของเจมินแล้วยิ้มกว้าง


“ไม่ใช่ว่านายมาเรียนอย่างเดียวเหรอ? คราวนี้ก็ไม่มีใครแกล้งนายแล้ว”


เอ๊ะ? เอ๋? ทำไมมันฟังขึ้น


เขามาเพื่อเรียน แล้วจะสนทำไมถ้าหาเพื่อนไม่ได้?


วูจินเห็นเจมินทำหน้ายุ่งยากใจก็ตบบ่าปุบๆ


“อ้อ ฉันติดต่อกับแม่ได้แล้ว เดี๋ยวจะคืนเงินให้”
“ไม่...ไม่ต้องหรอกครับพี่”
“มันไม่ดีนะ”


วูจินกำลังดีใจที่จะได้เจอแม่ตัวเอง เจมินเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่กริ่งเข้าเรียนจะดังเสียที เขาอยากเลิกคุยกับวูจินเร็วๆ


“ฉันต้องตอบแทนที่นายช่วยไว้ ยอมให้คนแปลกหน้าค้างคืนนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ”
“ฮะๆ แต่พี่ช่วยผมก่อน วันนี้ก็ด้วย”


อนาคตเขาคงถูกเพื่อนๆหลบหน้า แต่ไม่ใช่เรื่องแย่นัก พวกอันธพาลคงไม่มาตอแยเขาอีก


ถ้าพวกเขาจะแกล้งอีกก็คงใช้วิธีแกล้งแบบอ้อมๆ


“ดี นายคิดแบบนี้ก็ดี ถ้าฉันซื้อมือถือจะติดต่อนายนะ ถ้าไอ้เด็กบ้าพวกนั้นมากวนอีกนายก็โทรหาฉัน”


วูจินล้วงกระดาษจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาโบก


‘ฮ้า ยังเก็บไว้อยู่เหรอ’


มันเป็นเบอร์ที่เจมินเขียนมั่วๆ เขารู้สึกละอายใจเลยหัวเราะแหะๆ


“ครับพี่ ดีใจด้วยที่ได้เจอกับคุณแม่”
“ฮะๆ ขอบใจ นายก็ตั้งใจเรียนล่ะ ขอให้หางานในบริษัทดีๆได้”


พอกริ่งดัง เจมินก็ถือโอกาสก้มหัวบอกลา จากนั้นวิ่งกลับห้อง วูจินยังอยู่ที่เดิม ยิ้มกริ่ม


“อากาศดีแฮะ”


คงเพราะมีรถน้อยลง ท้องฟ้าเหนือกรุงโซลวันนี้ดูกระจ่างตา


วูจินยืนอยู่ครู่ จากนั้นเขาเห็นรถแท็กซี่จอดตรงประตูหน้าโรงเรียน หัวใจเขาแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเร่งฝีเท้ามุ่งหน้ามาที่โรงเรียน


“แม่…”

วูจินสงบใจแล้วเดินไปยังห้องพักครู





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น