วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 169

บทที่ 169 – การสร้างใหม่ (2)


คนแคระโนซามเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศกรรมเครื่องจักร เขาออกไปตรวจดูเรือบรรทุกเครื่องบินแล้วกลับมารายงานบิบิ

“ยอดเยี่ยม วิทยาการของโลกทำให้ข้าประหลาดใจนัก”

“เหรอ? มันจะบินได้ไหม?”

“มันไม่เหมาะกับการบิน... เรือนี้ใช้สำหรับลอยบนน้ำ...”

“อะไรนะ? นายกำลังจะบอกว่ามันบินไม่ได้เหรอ?”

บิบิถลึงตาใส่โนซาม เขาค้อมศีรษะลงอย่างตกใจ สำหรับผู้อพยพแล้วผู้จัดการมิติมีอำนาจเป็นลำดับสองรองจากลอร์ดมิติ

“ข้าจะพยายามเต็มที่”

“ดี รีบๆซ่อมมันนะ เราว่ามันบินไม่ได้เพราะมันเสียอยู่”

“...”

“นายจะบอกว่าซ่อมไม่ได้เหรอ?”

“ไม่...ไม่ขอรับ ข้าจะพยายามเต็มที่”

“ถ้าต้องการอะไรก็บอกได้เลย เราได้สิทธิ์ใช้แต้มได้ไม่จำกัด”

“โฮ่”

โนซามค้อมศีรษะต่ำลงอีก ถ้าลอร์ดมิติให้เธอใช้แต้มได้ไม่จำกัดหมายความว่าเธอเป็นคนสนิทของเขา ผูกมิตรกับเธอไว้มีแต่ได้ไม่มีเสีย

“ข้าจะส่งพิมพ์เขียวออกมาในไม่นาน”

“ดี เราจะรอนะ”

บิบิตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง

โนซามคำนับ ตอนเขากำลังจะออกไปก็เจอกับจุงมินชานตรงประตู ทั้งสองทักทายกันอย่างไม่คุ้นเคย มินชานเข้ามาหาบิบิ

“พ่อบ้านบิบิ พวกที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาบนดาดฟ้าพวกนั้นมันอะไร?”

“คิดว่าอะไรล่ะ? สถานที่สำคัญทั้งนั้นเลยนะ”

เธอซื้ออาคารหลายแห่งมาจากร้านค้ามิติมาตั้งบนดาดฟ้า เธอจ้างคนงานใหม่และประชากรในอลันดาลย่อมจะเดินทางไปมาระหว่างอาณานิคมกับอาณาเขตมิติด้วย

“ถ้าคุณสร้างอาคารพวกนั้นบนดาดฟ้าทั้งหมด แล้วจะทำยังไงกับเครื่องบิน?”

ถ้ารันเวย์ถูกสิ่งก่อสร้างยึดที่ไปก็จะเหลือเพียงที่ว่างพอให้ใช้เฮลิคอปเตอร์ มินชานไม่รู้ว่าบิบิวางแผนอะไรไว้เขาจึงมาถาม

“อ๋อ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เจ้านายจะให้เฮลิ-อะไรนั่นกับโดลเซ เขาว่าใช้ไวเวิร์นดีกว่า”

บิบิได้ฟังแผนการจากวูจินแล้ว ไวเวิร์นสามารถบินขึ้นได้ตรงๆจึงไม่ต้องใช้รันเวย์ ส่วนนอกของเมืองอาณานิคมให้บิบิตกแต่งได้ตามดุลยพินิจของเธอ

“อืม ถ้าเราใช้พวกไวเวิร์น...”

มินชานคิดแล้วพยักหน้า

แต่ว่า พวกอาคารเหล่านี้มันเกี่ยวอะไร...

“ทำไมคุณสร้างคาเฟ่กับร้านขนม...”

เขาจะเข้าใจถ้าเป็นรังไวเวิร์นหรือลานฝึก ทำไมการสร้างคาเฟ่ถึงเป็นสิ่งแรกในกำหนดการไปได้?

“มันสำคัญมากนะ”

“...”

มินชานอึ้งไปกับคำยืนยันหนักแน่นของบิบิ ในตอนนี้ ร้านอาหาร,ที่พักผ่อนหย่อนใจและพิพิธภัณฑ์,ห้องสมุด ถูกสร้างในตัวเรือแล้ว

แต่บิบิเติมดาดฟ้าเรือด้วยสิ่งก่อสร้างที่ไม่เกี่ยวกับการสู้รบ ยิ่งกว่านั้นเผ่าพันธุ์อื่นข้ามมาจากอาณาเขตมิติ และคนของอลันดาลไม่ชินกับภาพที่เห็น เขากลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่ม

“ที่สำคัญคือคนของเราคุยกับคนในอาณาเขตมิติไม่รู้เรื่อง...”

“อ้อใช่ เราต้องขายยาแปลภาษา”

บิบิแก้ปัญหาโดยตรง

ง่ายอย่างนี้เลยเหรอ?

มินชานพูดไม่ออก บิบิซื้อร้านขายยาแปลภาษาจากร้านค้ามิติทันที เธอจะสร้างมันตรงฐานหอบังคับการนี่เลย

อย่างไรเสียเมืองอาณานิคมก็สร้างขึ้นด้วยการใช้แต้ม ถ้าบิบิทำพิมพ์เขียวเสร็จ ร้านขายยาก็จะสร้างเสร็จภายในหนึ่งวัน

“นายไปบอกคนในอาณาเขตมิติให้ซื้อยาแปลภาษากิน ซื้อด้วยหินบลัดสโตนนะ”

นายกฯมินชานกับพ่อบ้านบิบิคุยถึงปัญหาต่างๆเป็นนาน

ขณะนี้ เมืองที่คนในอาณาเขตมิติกับคนของโลกสามารถรวบรวมบลัดสโตนบนโลกได้กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้น

วิ้ง

“หือ? นั่นอะไร?”

บนดาดฟ้าด้านล่างของหอบังคับการเกิดอุโมงค์ใหม่ ที่สะดุดตาคืออุโมงค์ใหม่นี้สีต่างไปจากอุโมงค์สีแดงที่อยู่ข้างมัน

“ท่าทางเจ้านายจะสร้างอาณานิคมในอัลเฟนแล้ว แต่ว่ายังใช้งานไม่ได้นะ”

เรือบรรทุกเครื่องบินมีอุโมงค์หลายอุโมงค์

อุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับอาณาเขตมิติอลันดาล, สถานีโซลทางออกที่ 1 และเสานีเซียบนโลกจาคุ
เมื่ออุโมงค์ใหม่นี้เปิดเต็มที่ เส้นทางสู่อัลเฟนจะเกิดขึ้น

“งั้นถ้าผ่านอุโมงค์นี่จะไปถึงอัลเฟนเหรอ?”

“อื้ม แต่นายต้องได้รับอนุญาตจากเจ้านายก่อน”

“พระราชาสร้างอาณานิคมสำเร็จแล้วหรือนี่”

“ของมันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

เทียบกันแล้ว บิบิศรัทธาในตัวคังวูจินลึกซึ้งยิ่งกว่าใคร เธอเป็นอสูรรับใช้ตนแรกของเขาและอยู่เคียงข้างเขานานที่สุด

มินชานหัวเราะพลางพูด

“ผมจะไปเตรียมทีมที่สอง”

อีกไม่นาน เชฮีซอล บลังกาและหน่วยแฟนธ่อมก็จะต้องผ่านอุโมงค์ไป

“เอาสิ”

บิบิตอบรับแล้วเปิดร้านค้ามิติ เธอเริ่มงานตกแต่งเรือบรรทุกเครื่องบิน

แต้มอาณาเขตมิติลดลงฮวบฮาบ

***

ต้นไม้ต้นหนึ่งถูกนำมาปลูกเหนือภูเขาเซารุส ลาตาชาตกตะลึงเมื่อเห็นว่ามันโตเร็วขนาดไหน

“ทำไมเจ้าถึงมีต้นไม้โลกได้...”

พฤกษาแห่งชีวิต

มารดาต้นไม้โลกสื่อสารกับโลก แต่เนโครแมนเซอร์ผู้เรียนรู้ความตาย คนที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับต้นไม้โลกที่สุดกลับเป็นคนปลูกมัน

แน่นอน มันเป็นแค่สัญลักษณ์ที่ถูกเลือกให้อาณานิคม ไม่มีความหมายอะไรนักสำหรับวูจิน แต่คนอื่นคิดไม่เหมือนเขา

“ตราของสหพันธ์เป็นแบบไหนแล้วนะ?”

ผู้กล้าของอัลเฟนประหลาดใจกับคำถามของวูจิน

“แปลกใจอะไร? พวกนายคิดว่าถ้าฉันชูธงของฉันจะมีคนมารวมกันเหรอ?”

พวกเขาต้องทำให้เป็นที่รู้กันว่าใครอยู่ในภูเขาเซารุส วูจินไม่ได้เลือกที่นี่เพราะศัตรู เขาสร้างอาณานิคมที่นี่เพราะนึกถึงสมาชิกสหพันธ์ที่เหลือรอดอยู่

“ใช่...ใช่แล้ว เราต้องประกาศไปว่าสหพันธ์ยังอยู่ดี”

ที่น่าตกใจคือคำพูดเหล่านั้นมาจากปากของผู้ไม่ตาย

ตอนนี้ คนที่ทำทุกอย่างอย่างมีเหตุผลคือผู้ไม่ตาย

เมโลดี้มองวูจินแล้วแนะขึ้น

“คุณควรชูธงอลันดาลนะคะ”

“อืม ถ้าทำอย่างนั้น คนจะไม่หลีกห่างจากที่นี่เหรอ?”

“อา...”

เมโลดี้ถอนหายใจ แค่มองหน้าเหล่าผู้กล้าเธอก็รู้ว่าทุกคนเกรงกลัววูจินลึกซึ้ง เธอตระหนักว่าความคิดที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปมากขนาดไหน

‘คุณคังวูจินไม่ใช่คนไม่ดี’

ไม่ใช่สิ เขาอาจไม่ใช่คนดี แต่ไม่ใช่เนโครแมนเซอร์ที่น่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อแบบที่เธอเคยคิด อย่างน้อยเขาเป็นคนที่สามารถคุยด้วยได้

เธอเฝ้ามองวูจินตอนอยู่ข้างกายเขาบนโลก และนี่เป็นความรู้สึกของเธอ

“เอาล่ะ ใช้อันนี้ด้วย”

วูจินหยิบธงที่บิบิซื้อไว้ออกมา มันมีรูปแมวทำท่าเหมือนกำลังคำราม ต่างจากสัญลักษณ์ที่แสดงถึงอลันดาลในอัลเฟนค่อนข้างมาก

“หัวหน้านักบวชของลีเซียยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?”

“เขาพยายามต่อต้านกองทัพผีดิบ...”

ดูเหมือนเขาจะฆ่าไปแล้ว วูจินหัวเราะแห้งๆ

“ไม่มีผู้สืบทอดเหรอ?”

“...”

เมโลดี้เพิ่งกลับมาจากโลกพร้อมกับวูจิน เธอไม่มีคำตอบ

ลาตาชาเป็นคนตอบ

“หัวหน้านักบวชที่ได้รับไอเทมศักดิ์สิทธิ์จากลีเซียพักอยู่ทางเหนือ เมืองลิทาน”

“โฮ่ ดี เธอนำทางสิ”

“ทำ...ทำไมข้าต้อง...”

“ไปเถอะน่า”

“...”

ลาตาชาขมวดคิ้วแต่เธอไม่มีทางเลือก เธอออกเดิน

“อาณานิคมจะทำงานในอีกหนึ่งวัน ปกป้องมันดีๆล่ะ”

อาณานิคมของเขาเพิ่งสร้าง จนกว่ามันจะทำงานวูจินไม่มีอะไรให้ทำที่นี่ เขาจะสร้างเมืองทีหลังผ่านร้านค้ามิติ

ตอนนี้เขาควรออกไปหาไอเทมจำเป็นดีกว่า

“ฉันจะออกไปเก็บกวาดข้างนอก พวกนายพักผ่อนสักหน่อย ไว้ฉันจะกลับมา”

กองทัพของโกชูชูสลายไปแล้ว และเขายังยึดอาณานิคมของจูเลียลมา

ลอร์ดมิติในแถบนี้ตายไปสองตน แต่ลูกน้องยังอยู่ แต่วูจินไม่จำเป็นต้องไล่ล่าพวกมันเมื่อไม่มีลอร์ดมิติแล้ว มีซุงกูและผู้กล้าของอัลเฟนก็เพียงพอกับการจัดการพวกมัน

สิ่งสำคัญคือเขาสร้างฐานทัพขึ้นที่นี่ เขาต้องมีเมืองอาณานิคมหรือไม่ก็เมือง

เมื่อเวลาผ่านไป มอนสเตอร์จะมารวมตัวกันที่ภูเขาเซารุส

ขณะที่วูจินเดินแผนยึดดันเจี้ยนและอาณานิคมของลอร์ดมิติตนอื่น พวกมันจะเริ่มทำการโต้ตอบ

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”

“...”

ลาตาชามองต้นไม้โลกอีกครั้งแล้วลอยตัวขึ้น

“ตามข้ามา”

ร่างของเธอถูกห่อหุ้มด้วยสายลมแรงขณะลอยไปกับภูติลม วูจินขี่ชิงชิงตามไป

เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว เมโลดี้คลี่ผืนธงออก

“หืม? นี่เป็นสัญลักษณ์อลันดาลจริงๆเหรอ?”

“ให้สองอย่างนี้มารวมกันมันออกจะ...”

คนสติดีที่ไหนจะคิดถึงอลันดาลเมื่อเห็นภาพแมว? เมโลดี้เห็นมันหลายครั้งแล้วแต่ก็อดหัวเราะไม่ได้

“ชักธงขึ้นเถอะ”

“อืม”

“เราต้องป่าวประกาศการร่วมมือกันระหว่างสหพันธ์ของอัลเฟนกับอลันดาล”

พวกเขาชักธงที่แสดงถึงกองกำลังสองกองกำลังตรงหน้าต้นไม้โลกที่โตเหนือยอดเขาเซารุส

“แล้วทำไมผู้ไม่ตายถึงไปหาหัวหน้านักบวชของลีเซีย?”

“นั่น...”

เวลาเราคาดเดาถึงพฤติกรรมของคนๆหนึ่ง เรามักจะคิดถึงสิ่งที่เขาทำในอดีต ในอดีต...

ผู้ไม่ตายข่มขู่ ปล้นและฆ่าตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงมีสีหน้าเคร่งเครียด

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ไม่ตายกับนักบวชที่บูชาพระเจ้านั้นย่ำแย่เป็นพิเศษ

“หรือว่า... หรือเขาคิดจะขโมยไอเทมศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว...”

ทัวริคเป็นพระของเทพสเกีย เขาหน้ามุ่ย เขาเคยเจอมากับตัวแล้ว

ทัวริคกัดฟันเมื่อนึกถึงตอนที่ไอเทมศักดิ์สิทธิ์ รองเท้าบูทของสเกียถูกถอดออกจากเท้าของเขา

“ดูเหมือนเขายังคิดจะรวบรวมไอเทมศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิม”

ในอดีตนี่เป็นหัวข้อที่ถูกกล่าวถึงเป็นเวลานาน นิสัยประหลาดชอบสะสมไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของผู้ไม่ตาย

เขาหักกิ่งต้นไม้โลก ขโมยไอเทมศักดิ์สิทธิ์จากวิหารทุกแห่ง...

กองทัพผู้ไม่ตายกลายเป็นปัญหาใหญ่เมื่อเขาเริ่มรวบรวมสมบัติเหล่านี้

ทัวริคก้มมองรองเท้าบูทของเขา

รองเท้าบูทของสเกียทำให้คนใส่วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่เหนื่อย สมเป็นไอเทมของเทพแห่งการผจญภัย

ไอเทมศักดิ์สิทธิ์จะถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อเกิดหัวหน้านักบวชคนใหม่

รองเท้าของเขาเป็นคู่ที่ 21 สร้างขึ้นหลังจากผู้ไม่ตายขโมยคู่ก่อนไป รองเท้านี้เป็นสมบัติยืนยันว่าเขาเป็นพระองค์แรกของเทพสเกีย

“ทำไมเขาไม่ต้องการไอเทมของข้า?”

ถ้าเขายังต้องการไอเทมศักดิ์สิทธิ์ ไอเทมของทัวริคควรเป็นไอเทมแรกที่ถูกเอาไป การที่ผู้ไม่ตายไม่ทำแบบนั้นทำให้ทัวริครู้สึกแปลก

“อืม ข้าก็ไม่รู้”

พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมผู้ไม่ตายไปหาหัวหน้านักบวชของลีเซีย แต่ต้องไม่ใช่เพราะจะไปขโมยไอเทมอย่างไร้เหตุผลเหมือนเมื่อก่อนแน่ พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน

น่าจะเป็นเช่นนั้น...

***

พวกเขามาถึงทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในแถบเหนือ

“นี่คือทะเลสาบลิทานเหรอ?”

“ใช่”

“มีเมืองตรงนี้เหรอ?”

“ที่นี่คือเมืองสุดท้ายที่ยังไม่ถูกทำลายของสหพันธ์ แต่มีเพียงคนที่ถูกเลือกเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้”

ทะเลสาบลิทานกว้างใหญ่เหมือนทะเล มีเกาะตั้งอยู่โดดเดี่ยวเหนือผืนน้ำ

“ต้องถูกเลือกด้วย?”

“มังกรวารีขัดขวางผู้บุกรุกไม่ให้เข้าไปในทะเลสาบ”

เพราะเหตุนี้เมืองลิทานจึงหลบเลี่ยงการบุกรุกของลอร์ดมิติมาได้ ขณะเดียวกันก็มีคนจากสหพันธ์ไม่มากนักที่เข้าไปได้

นี่เป็นฐานลับของพวกเขา และยังเป็นสถานที่ส่งเสบียงหลักที่สุดท้ายของสหพันธ์

ลาตาชานั่งลงตรงท่าเรือแล้วหันไปมองวูจิน

“แม้แต่ข้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ยามของเกาะลิทานคงเห็นพวกเราแล้ว อีกไม่นานคงมีคนมาคุยกับเรา”

วูจินขมวดคิ้ว

“ต้องรอด้วยเหรอ?”

“นี่เป็นทางเดียวที่เจ้าจะได้เจอกับหัวหน้านักบวชของลีเซีย”

ถ้าขึ้นเกาะลิทานไม่ได้ก็ต้องรอคนบนเกาะออกมา

แต่วูจินยิ้มพลางคว้าคอเสื้อของลาตาชา

“เจ้า...เจ้าจะทำอะไร?”

“ในโลกนี้ไม่มีหรอก ทางเดียวอะไรนั่นน่ะ”

มันเป็นสองทาง มีหรือไม่มี

แทนที่จะเดินบนทาง ผู้ไม่ตายมักจะสร้างเส้นทางของตัวเอง เขาจับคอเสื้อลาตาชาแล้วชิงชิงก็บินขึ้น

“มังกรวารีจะโจมตี...”

ลาตาชาห้อยต่องแต่ง เธอหน้าซีด ในทะเลสาบเริ่มเกิดน้ำวน 17 น้ำวน

เหล่ามังกรวารีเตรียมโจมตีด้วยลมหายใจมังกร






                                           สารบัญ                                         บทที่ 170


บิบิคิดว่าเรือบินได้เพราะเข้าใจคำว่าเครื่องบิน แต่ไม่เข้าใจคำว่าบรรทุกค่ะ เหมือนเราเลย XD ตอนแรกเราก็แปลไปว่าวูจินจะเอาเครื่องบินเหมือนกัน
ทำไมวูจินไม่เอารองเท้าของทัวริค – เพราะมีอยู่แล้ว

6 ความคิดเห็น:

  1. หนีไปซะเจ้ามังกรรรร

    ตอบลบ
  2. 'เข้าไปคุย'ตามสไตล์วูจิน วินาศสันตะโลชัวร์ๆ

    ตอบลบ
  3. ถ้าเรือนี่มันกลายเป็นเรือบินจริง ๆ นี่ฮาเลยนะ...

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถึงไม่ใช่เครื่องบิน คนแคระต้องทำให้บินได้แน่ๆ

      ลบ
  4. ตรวจพบเมืองโง่ๆให้พังเล่น 1ea

    ตอบลบ
  5. บิบิ มีการเถียงผู้เชี่ยวชาญด้วย555

    ตอบลบ