วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 168

บทที่ 168 – การสร้างใหม่ (1)


กองทัพโกชูชูถูกทำลาย

ไม่ใช่ถูกต้านทาน พวกมันไม่มีโอกาสถอยด้วย มันแค่ถูกทำลายไปทั้งอย่างนั้น

ศพบนอาณาเขตที่สลายไปของโกชูชูถูกปลุกเป็นผีดิบ และผู้ไม่ตายเป็นผู้นำทัพ

ผู้หลบหนีจากการบุกโจมตีของโกชูชูต่างสับสน

“ข้าไม่เชื่อ นี่ต้องเป็นบทแรกของหายนะ”

“นั่นสิ ผู้ไม่ตายมีเหตุผลอะไรถึงช่วยเรา?”

คนพวกนี้หวาดกลัวและปฏิเสธผู้ไม่ตายจนแทบเป็นสัญชาติญาณไปแล้ว คนมากมายสูญเสียครอบครัวไปในการทำสงครามกับอลันดาล พวกเขาไม่สามารถแม้แต่เก็บศพคนเหล่านั้นเพราะถูกทำให้กลายเป็นผีดิบ

เมโลดี้รวบรวมคนมาอย่างลำบาก พวกเขากำลังคุยกันเสียงเบา พวกเขากำลังกระสับกระส่าย

เหล่าผู้กล้าที่เป็นความหวังของสหพันธ์ก็สับสนเช่นกัน

“เขามีเป้าหมายอะไร?”

“ข้าไม่เชื่อ ท่านจะบอกว่าเขาทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ไม่หวังผลตอบแทนเหรอ?”

เมโลดี้อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

เธอเข้าใจดีที่คนของเธอรู้สึกสับสน เธอก็ถูกทำให้ผู้ไม่ตายประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน

เธอมองผู้กล้า 6 คนที่มาอยู่ที่นี่

กราแฮม ทัวริคและลาตาชา นอกจากนั้นยังมี คอนทซ์ กษัตริย์หนุ่มของอาณาจักรฮอนชู ครูเกอร์ หัวหน้าเผ่าออร์ค และราอูล ราชาคนแคระ

“มีเรื่องที่พวกท่านควรรู้ไว้”

“...”

“ผู้ไม่ตายเป็นมนุษย์ เขาเหมือนกับพวกเรา”

“ไร้สาระ!”

“อารมณ์ขันของท่านย่ำแย่มาก ท่านเสียงแห่งอาเรีย!”

เมโลดี้พูดเสียงดังขึ้น

“ข้าเดินตามคำพยากรณ์ของเทพี ข้าถูกนำทางไปยังโลกและเห็นตัวตนที่แท้จริงของผู้ไม่ตาย พวกเราต่างหากที่เข้าใจเขาผิด”

“...”

ราชาคนแคระ ราอูลถามขึ้น

“ที่นั่นเขาเป็นอย่างไร ใจร้อนน้อยกว่า โหดร้ายน้อยกว่า เผด็จการน้อยกว่าที่นี่หรือ?”

“บนโลกเขา...”

เมโลดี้ทวนคำถามแล้วเม้มปาก

บนโลกเขาทั้งใจร้อนและเป็นเผด็จการ เขาทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการ

“ข้าว่าแล้ว ผู้ไม่ตายคือผู้ไม่ตาย เขาคือตัวตนของหายนะ เราไม่เต้นรำยินดีหรอกเพราะเขาเป็นตัวตนอันเลวร้าย เราสูญเสียมากเกินกว่าจะยินดี”

คำพูดของเขาถูกต้อง แต่ว่า...

“แต่ว่า เขากำลังช่วยเราจริงๆ”

“...”

นั่นคือความจริง ตอนนี้อาณานิคมของโกชูชูกำลังถูกล้มล้างไป ดันเจี้ยนทั้งหมดของโกชูชูถูกพิชิตและมันไม่มีฐานทัพบนโลกนี้อีกแล้ว ถ้าต้องการกลับมาที่อัลเฟน โกชูชูต้องใช้ดันเจี้ยนอื่นซึ่งมันจะยังอีกนาน

สรุปคือลอร์ดมิติที่สร้างความหวาดกลัวในดินแดนแถบนี้จากไปแล้ว เพราะเหตุนี้คนที่หนีไปจึงสามารถมารวมกันที่นี่
ในนี้มีคนจำนวนพันกว่าคน พวกเขาไม่อยากเหนื่อยและกลัวอีกแล้ว

“เขาคือความหวังของเรา... นี่คือคำของเทพีข้า”

เหล่าผู้กล้ายังไม่พอใจแม้จะฟังคำขอร้องของเมโลดี้แล้ว คำพูดของเธออาจเป็นความจริงแต่ความรู้สึกเป็นศัตรูของพวกเขาที่มีต่อผู้ไม่ตายมันมากเกินไป ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังไม่อาจเก็บซ่อนความกลัวและระแวงต่อผู้ไม่ตายได้

“ข้าเกรงว่ามันจะเหมือนเอามังกรมาไล่ไวเวิร์น”

“นั่นน่ะสิ อนาคตของพวกเรายังไม่แน่นอนถ้าเราพึ่งเขา”

เมโลดี้หน้าเครียดลงเล็กน้อยขณะพูด

“ที่สำคัญคือเขาเสียสละเพื่อพวกเรา”

“หือ? ผู้ไม่ตายต้องเสียสละอะไร?”

“...”

ขณะพวกเขาสนทนากันวกไปวนมา ม้าปีศาจตัวหนึ่งวิ่งมาทางพวกเขา เมื่อผู้ไม่ตายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เหล่าผู้กล้าจับอาวุธในมือแน่นอย่างไม่ตั้งใจ

“โย่”

วูจินลงจากหลังชิงชิงมายืนท่ามกลางพวกเขา

“พวกนายทำอะไรกันอยู่?”

“...”

วูจินขมวดคิ้ว พวกเขาบ้างก็มองหน้ากันเอง บ้างก็ก้มหน้ามองพื้น

“บรรยากาศแบบนี้มันอะไร?”

ผู้กล้าตัวเกร็งกับคำพูดเล่นของวูจิน เมโลดี้ตอบเบาๆ

“พวกเขายังรู้สึกแปลกๆที่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านผู้ไม่ตายค่ะ... อีกหน่อยพวกเขาจะชินเอง...”

“อ๋อ”

วูจินยิ้มมองพวกคนที่ไม่อาจสบตาเขา

“เราเคยสู้กันเกือบตาย แต่จู่ๆฉันกลับมาทำตัวสนิทกับพวกนาย แบบนั้นใช่ไหม?”

“...”

“สหพันธ์ นี่คือกองกำลังผสมนะ มีใครไม่เคยเป็นศัตรูกันบ้าง อย่าทำตัวเป็นเด็กน่า”

วูจินกวาดตามองพวกเขาทีละคนจนหยุดที่ลาตาชา

“เธอยังไม่เลิกทำตัวแบบนี้เหรอ?”

วูจินใช้นิ้วสองนิ้วชี้ไปที่ตาเธอ ลาตาชาเงยหน้ามองเขา

“ถ้ายังจ้องฉันแบบนี้อีก ฉันจะเลาะกระดูกเธอออกมาแขวน”

“...”

ด้วยศักดิ์ศรีลาตาชาจึงไม่หลบตา แต่ดวงตาเธอสั่น ดวงตาของผู้ไม่ตายบอกว่าเขาเอาจริง

“คนแค้นไม่ได้มีแต่พวกนายข้างเดียว ฉันจะกลบฝังความแค้นที่มีต่อพวกนาย เพราะงั้นต่างคนต่างห้ามใจตัวเองไว้ หรือถ้าไม่ไหวจริงๆก็มาสู้ฉันได้ พวกนายคิดว่าฉันฆ่าเพิ่มอีกคนสองคนมันจะต่างจากเดิมมากเหรอ?”

“...”

ผู้ไม่ตายอาจเป็นคนเดียวในโลกที่พูดคำเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่สิ ต่อให้หาไปทั่วมิติก็มีเขาแค่คนเดียว

“ถ้าไม่อยากตาย อย่ามองฉันแบบนั้น โอเค้?”

“...”

“ไม่ตอบเหรอ?”

“...เข้าใจแล้ว”

ลาตาชาเค้นคำตอบออกมา วูจินยิ้ม

“ดีล่ะ ฉันอยากฟังพวกนายเสนอความเห็นเรื่องอาณานิคม”

“อาณานิคมอะไร?” 

“ฉันต้องตั้งฐานหลักให้กองกำลังทั้งหมดของสหพันธ์มารวมกัน”

ผู้กล้ามองหน้ากัน พวกเขามีสีหน้าสดใสขึ้น พวกเขากำลังจะสร้างกองกำลังของสหพันธ์ที่กระจัดกระจายไปแล้วขึ้นมาใหม่...

“ต้องเป็นที่ๆง่ายต่อการป้องกันใช่ไหม?”

ราชาคนแคระเริ่มร่างแผนที่ลงบนพื้น

“ตรงนี้มีหุบเขาลึก ดีพอสำหรับการรวบรวมคน”

วูจินมองแผนที่ เขาชี้ไปตรงจุดหนึ่ง

“ตรงนี้คือที่ไหน?”

“ภูเขาเซารุส ตรงส่วนนี้ค่อนข้างเป็นที่เปิดจึงทำให้ศัตรูหาง่าย”

“ที่เปิด...”

“มันอยู่ในที่สูง แต่ไม่แน่ว่าจะใช้เป็นข้อได้เปรียบในการป้องกัน อีกอย่าง มันจะถูกโดดเดี่ยวและตัดเส้นทางเสบียงได้ง่าย ที่สำคัญคือเจ้าจูเลียลนั่นตั้งอาณานิคมตรงนั้น”

“บ้านหมาอยู่ตรงนี้สินะ?”

เกรทลอร์ดของทราห์เน็ต จูเลียล บัลลังก์ที่สอง

วูจินหัวเราะและวางแท่งไม้ลงตรงพื้นที่นั้น

“ฉันจะสร้างอาณานิคมตรงนี้”

“ข้าบอกว่าที่นั่นมัน...”

ราอูลกำลังจะคัดค้าน แต่เขาหุบปากเมื่อเห็นดวงตาวูจิน

“ฉันจะเป็นคนเก็บกวาดพื้นที่ พวกนายแค่เตรียมตัวขนย้าย”

“...”

เมื่อวูจินพูดจบ เขาเรียกน้องชายทั้งสองที่กำลังเดินมาทางพวกเขา

ลูกบอลไฟร่วงลงมาจากฟ้าพร้อมกับการระเบิดเล็กๆ เมื่อไฟมอดลง ชายคนหนึ่งที่มีท่าทางอบอุ่นทักทายพวกเขา

“สวัสดีครับ”

ฝูงค้างคาวรวมตัวกันเป็นคนๆหนึ่ง เขาค้อมศีรษะทักทาย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

พวกผู้กล้าพยักหน้าอย่างเก้ๆกังๆ

“พวกนายสองคนทำความรู้จักพวกเขาไว้ จากนี้ไปต้องไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ”

“ฮะๆ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”

“ฝากตัวด้วยครับ”

วูจินแอบยิ้มเมื่อเห็นซุงกูกับเจมินทักทายอย่างไร้เดียงสา ทำให้เขานึกถึงตอนที่เขายังอยู่ ม.ปลายปี 3และถูกอัญเชิญมายังอัลเฟน

มันเป็นช่วงยากลำบากที่สุดในชีวิตของเขา

“เอ๋? พี่จะไปไหนครับ?”

“ฉันจะไปเก็บกวาดสถานที่ที่เราจะย้ายเข้าไปอยู่”

“อะไรนะ? ที่นี่มีอพาร์ทเมนท์ด้วยเหรอ?”

“...”

วูจินไม่เสียเวลาตอบ เขาขี่ชิงชิง โบกมือลาแล้วจากไป

“ฮะๆ ยังรู้สึกแปลกหน้าต่อกันสินะครับ งั้นเรามาตั้งวงก๊งเหล้าไหม?”

“...”

คนยังลังเลกับคำพูดของซุงกู เขาจึงหันไปทางเจมิน

“เฮ้ เจมิน เอาของออกมาจากคลังอาณาเขตที เหล้ากับ...”

“ครับ...”

วูจินมอบอำนาจให้โดเจมิน เขาจึงสามารถเข้าถึงบางส่วนของคลังอาณาเขตมิติได้ ส่วนใหญ่มันใช้เก็บสมบัติที่พวกเขาปล้นได้ แต่ก็เอาของในนั้นออกมาได้ด้วย

เจมินเอาอาหารกับเหล้าออกมา ซุงกูเทใส่แก้วอย่างตั้งใจ

“ดื่มกันเลยไหม?”

เหล้าถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ ซุงกูยิ้มสดใส

มันกลายเป็นความทรงจำในอดีตไปแล้ว แต่ชีวิตนักศึกษาของเขาไม่เปล่าประโยชน์

มีวิธีอะไรช่วยขจัดความเคอะเขินได้ดีกว่านี้? เหล้าและเกมส์คือวิธีที่ดีที่สุดในการทำความสนิทสนมต่อกัน

“เอาล่ะ วันนี้เป็นวันแรก เอาให้เต็มที่เลย ส่งไปให้ทุกคนเลยครับ”

ในที่นี้มีคนเกือบสองพันคน แต่คลังอาณาเขตมิติใหญ่โต ต่อให้แจกครบทุกคนอาหารก็ยังเหลือล้น

โดเจมินเอาอาหารออกมาไม่หยุด ชาวบ้านไม่ได้กินอิ่มแบบนี้มานานแล้ว

บางทีสิ่งที่คนต้องการจริงๆคือไม่ต้องทนหิวและปลอดภัยมากกว่าการได้แก้แค้น

ที่ผ่านมาพวกเขาสู้เต็มที่เพื่อเอาชีวิตรอด มีชีวิตเหมือนแค่เพียงยังไม่ตาย...

“ดื่ม! ดื่ม! กรอกเข้าไป!”

“...”

ซุงกูเป็นคนนำ งานเลี้ยงมีไปจนถึงเช้า

***

ตรงยอดเขาเซารุส

จูเลียลมองเนโครแมนเซอร์คังวูจินที่พากองทัพผีดิบมาถึงหน้าบ้านมันอย่างพูดไม่ออก

“ข้าไม่เข้าใจ”

“อะไร?”

“เจ้ามีความแค้นอะไรกับข้า? เราต่างเป็นลอร์ดมิติ ทำไมต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรมาสู้กันด้วย?”

“นายคิดว่านี่เป็นเรื่องสิ้นเปลือง?”

“เปล่าประโยชน์ ที่สุดแล้วก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา นี่คือการเสียพลังไปเปล่าๆไม่ใช่เหรอ?”

“หืม”

วูจินลูบคาง

นอกจากตาย จะได้อะไรจากการสู้กัน? บางทีเขาอาจจะได้รู้สักหน่อยว่าพวกลอร์ดมิติคิดอย่างไร

วูจินวางเหยื่อ

“นายมีรหัสสินะ?”

“เจ้ามุ่งหวังในบัลลังก์? ถ้าอย่างนั้นแล้วทำแบบนี้ทำไม?”

ดวงตาวูจินเป็นประกาย

“นายเป็นบัลลังก์ที่สองไม่ใช่เหรอ?”

“เจ้าไม่รู้เรื่องลำดับเลยนะ ข้าขโมยอีกหนึ่งบัลลังก์ ตอนนี้ข้าเป็นบัลลังก์ที่สาม”

เขาเข้าใจ 

เกรทลอร์ดของทราห์เน็ตมี 72 ตน

บัลลังก์มีหมายเลขตั้งแต่ 1 – 72

นี่เป็นลำดับที่พวกมันปกป้องไว้ และขึ้นอยู่กับว่าครอบครองบัลลังก์ไว้เท่าไหร่

ถ้าต้องการขโมยตำแหน่งก็ต้องสะสมแต้ม เมื่อถึงลำดับที่ 73 ก็จะมีคุณสมบัติท้าชิงบัลลังก์แรก

“มีรหัสที่ฉันยังหาไม่เจอ...”

วูจินพูดพึมพำและจูเลียลพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“อ้อ เจ้าหมายถึงรหัส เจ้ากลับมาอัลเฟนเพื่อหามันสินะ?”

“รหัสก็เหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอ?”

“พูดบ้าอะไร? อำนาจของแต่ละรหัส...”

จูเลียลหน้าตึงแล้วลุกพรวด

“บังอาจ เจ้าไม่รู้เรื่องรหัส”

วูจินยักไหล่

“ถ้าฉันรู้ จะหลอกถามนายทำไม?”

“บังอาจนัก!”

วูจินยิ้มแล้วหยิบอาวุธนักรบออกมา

“เรื่องหมาให้บิบิจัดการดีที่สุด”

ถ้าบิบิอยู่ที่นี่ เธอจะได้ใช้ภาพลวงตา คงจะได้ข้อมูลมากกว่านี้

วูจินรู้สึกผิดหวังแต่ลืมมันไปทันที

‘ช่วยไม่ได้ เธอมีงานอื่นต้องทำ’

ตอนนี้เธอคงสนุกกับการตกแต่งอาณานิคม เธอมีประสบการณ์สร้างอาณาเขตมิติมาแล้วดังนั้นคงทำงานนี้ได้ดี

“เจ้าชั่ว! บังอาจหลอกข้า!”

“คนผิดคือคนที่ยอมให้ถูกหลอกต่างหาก”

“อ๊าก!”

วูจินกับจูเลียลปะทะกัน

***

บิบิกำลังอยู่ในหอบังคับการมองลงมายังเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ เถาวัลย์โตปกคลุมหอบังคับการกลายเป็นสัญลักษณ์ของอาณานิคม 

“อืม” 

ดาดฟ้าเรือกว้างใหญ่ แต่ที่สิ่งอำนวยความสะดวกประจำวันส่วนใหญ่อยู่ตรงที่พักผู้โดยสาร

“บิบิ กลุ้มใจอะไรเหรอ?”

“อ๊ะ โซอา”

บิบิทักทายโซอาอย่างยินดี โซอาตัวเท่าๆกับเธอ ตอนนี้พวกเธอจึงเหมือนเด็กเล็กๆสองคนยืนด้วยกัน เด็กคนนี้รู้หรือเปล่านะว่าบิบิเคยเป็นแมว?

“เรากำลังคิดว่าจะตกแต่งที่นี่ยังไงดี”

“อ๋อ”

“โซอา เธอรู้หรือเปล่าว่าเรือบรรทุกอากาศยานคืออะไร?”

“เรือบรรทุกอากาศยานเหรอ?”

โซอาเอียงคองง เธอเป็นนักเรียนอนุบาล ดังนั้นคำนี้จึงอาจจะยากเกินไป โซอากลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเทพีแห่งโลก แต่ไม่ได้หมายความว่าความรู้ของเธอจะกว้างไกลขึ้น

“ฉันรู้ว่าอากาศยานหมายความว่าอะไร”

“อากาศยาน?”

“มันใช้คำยากกว่า แต่ความหมายเหมือนกับเครื่องบิน”

“อ๋อ เพราะอย่างนี้เขาถึงเรียกเรือบรรทุกอากาศยาน”

บิบิมองดาดฟ้ากว้างพลางพยักหน้า

“อย่างนี้นี่เอง”

“งั้นบรรทุกแปลว่าอะไรนะ?”

บิบิเอียงคองง

เธอใช้สิทธิ์เข้าไปหาในร้านค้ามิติ เธอต้องการผู้เชี่ยวชาญมาซ่อมแซมเมืองอาณานิคมเก่าๆนี่

<โนซาม> - 1,400 p

หนึ่งในวิศวกรคนแคระ เผ่าเหมืองดำ

เขาชำนาญด้านสร้างเครื่องจักรเวทมนตร์

ตัวเลือกการออกแบบ – เรือบิน, โกเลมจักรกล, รถถัง...

ตัวเลือกการสร้าง – ปืนกล, กระสุนลูกปราย...

“นี่ไงล่ะ!”

เธอเจอผู้เชี่ยวชาญที่จะมาซ่อมแซมเรือบรรทุกเครื่องบินแล้ว บิบิใช้แต้มจ้างเขามาโดยไม่ลังเล


สารบัญ                                                   บทที่ 169

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น