บทที่ 170 – เทพยากรณ์ (1)
น้ำจากทะเลสาบพุ่งขึ้นฟ้า ลมหายใจจากมังกรวารีกลายเป็นกระแสน้ำวน และเปลี่ยนเป็นสิ่งมีคมเหมือนเข็ม
เมื่อมองเข็มแหลมนับพันลอยขึ้นมาจะให้คงสติไว้ได้คงยาก
ลาตาชาที่ห้อยกลางอากาศรู้สึกตาลายเมื่อเห็นการโจมตีพุ่งมาทางเธอ
ร่างเธอแข็งทื่อและตกใจจนลืมหายใจ รู้สึกเหมือนหยดน้ำมีพลังแหลมคมที่จะพุ่งทะลุเธอ
ไม่ใช่แค่รู้สึก มันกำลังจะเป็นอย่างนั้น
แปะๆ!
ลาตาชาผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นหยดน้ำสลายไปเหมือนชนเข้ากับบาเรียที่มองไม่เห็น
“เฮ้อ”
มันเหมือนเธอกำลังอยู่ใต้ชายคามองฝนตกหนัก น้ำลอยมาด้วยความเร็วสูงแต่กระจายไปเมื่อกระแทกกับบาเรีย แต่เมื่อคิดถึงแรงโจมตีของมันแล้วทำให้หัวเราะไม่ออก
“ไม่เท่าไหร่นี่”
ลาตาชาหันหน้าไปมองชายที่กำลังหิ้วคอเสื้อเธอ
ผู้ไม่ตาย
เธอไม่เคยพบหรือได้ยินว่าใครไร้เหตุผลเท่าเขา
เขากำลังบุกด้วยแรงล้วนๆเข้าไปในเมืองลิทานที่มีมังกรวารีปกป้อง... เรื่องที่แม้แต่ลอร์ดมิติของทราห์เน็ตยังไม่ทำ
“มันไม่จบแค่ลมหายใจมังกรนะ!”
แม้เกราะผีจะทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ให้มังกรวารีแห่งทะเลสาบลิทานเป็นสิ่งอันตราย
“อะไร? ไม่ใช่ว่าพวกมันบินได้สักหน่อย?”
“ได้สิ”
“...อะไรนะ?”
วูจินมองลาตาชาอย่างอึ้ง
“บินได้เหรอ?”
“พ...พวกเราต้องหาที่หลบ...”
ซ่า!
น้ำวนแยกจากกันเมื่อหัวมังกรโผล่ขึ้นมา
พวกมันมากับเสียงคำราม มันตัวยาวมากขนาดหางของมันยังอยู่ในน้ำทั้งๆที่มันเกือบถึงตัววูจินแล้ว
“โอ้!”
วูจินเบี่ยงตัวอย่างรวดเร็วหลบคมเขี้ยวของมังกรไปได้ พวกมันมีหนวดยาวพอกันกับตัว ทำให้นึกถึงปลาดุก มันใกล้เคียงกับมังกรในตำนานแถบเอเชียมากกว่ามังกรแถบตะวันตก
มันมี 17 ตัว อยู่บนฟ้าเหมือนกำลังว่ายน้ำ เมื่อพวกมันเริ่มโจมตีวูจินอย่างเอาจริง เขาจะไม่สามารถป้องกันได้นานนัก
‘วิญญาณฉันจะหมดก่อน’
วิญญาณในเกราะผีตั้งบาเรียขึ้นปกป้องวูจินโดยอัตโนมัติ การโจมตีไม่หยุดยั้งนี้ทำให้วิญญาณของเขาหมดไปอย่างรวดเร็ว
วูจินเมื่อมาถึงอัลเฟนก็ขยันเก็บรวบรวมวิญญาณ แต่เขากำลังจะสูญเสียมันไปอย่างน่าเสียดาย
นี่เป็นครั้งแรกที่วูจินตกใจ
“เชี่ย!”
พวกเขาเปลี่ยนทางทันที หนีออกจากท้องฟ้าเหนือทะเลสาบลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
มังกร 17 ตัวจ้องวูจินเขม็ง จากนั้นก็กลับไปอยู่ผืนน้ำ
คลื่นจากทะเลสาบกระฉอกใส่พื้นดินจนเปียก
“อะไรวะ?”
วูจินยืนขึ้น มองทะเลสาบที่กำลังกระเพื่อม
“แฮ่กๆ ข้าบอกเจ้าว่ายังไง?”
ลาตาชากลิ้งมากับวูจินด้วย เธอจึงตำหนิเขา
เขาไปอย่างอวดดีมาก แต่คว้าน้ำเหลวกลับมา
ลาตาชาจะพูดต่อแต่หุบปากเมื่อวูจินขมวดคิ้วแน่นขึ้น ทำให้เขาหงุดหงิดโดยไม่จำเป็นไม่ใช่เรื่องดีแน่
แต่มังกรวารีมีพลังระดับภัยธรรมชาติ มันรุนแรงจนลอร์ดมิติของทราห์เน็ตยังไม่มายุ่งกับที่นี่
แค่เพราะเขาเป็นผู้ไม่ตายไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ดีกว่า ลาตาชาตำหนิในใจพลางมองสีหน้าของผู้ไม่ตาย
“...?”
หัวเราะ? เขากำลังหัวเราะ?
“สนุกดี”
วูจินหัวเราะ จากนั้นก็หยิบอาวุธนักรบออกมา
เขาจะลองอีกเหรอ? เขาจะสู้กับมังกรวารีของทะเลสาบลิทาน?
“เจ้า... เจ้าบ้าบิ่นเกินไปแล้ว!”
“ไม่ลองไม่รู้”
ในอดีต เขาจับมังกรตัวแรกอย่างยากลำบาก แต่เมื่อเขาล่ามันมากขึ้นก็ง่ายขึ้น
สู้กับพวกมัน 17 ตัวคงลำบากหน่อย แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้
เขาก็ไม่ได้ตัวคนเดียวเหมือนกัน
ควันดำมารวมตัวกันรอบวูจินกลายเป็นเหล่าอัศวินมรณะ
[พวกเรามาล่ามังกรหรือ?]
[ไม่ได้เห็นมังกรมานานแล้ว]
[ที่นี่ ข้าคิดว่าเป็นทะเลสาบลิทาน...]
อัศวินมรณะมาจากหลายเผ่าพันธุ์และมีนิสัยแตกต่างกันไป ความทรงจำของพวกมันต่างไป ดังนั้นจึงมีบางตนที่รู้เรื่องมังกรวารีแห่งทะเลสาบลิทาน
พวกมันจำอะไรได้ไม่สำคัญ ถ้าวูจินสั่ง พวกมันจะสู้อย่างไม่ลังเล
[ก๊ากฮ่าๆ ท่านจะหาเพื่อนให้รงรงหรือ?]
ลิชเจนิสถูกเรียกออกมา ถ้ามีลิชที่ไร้คู่ปรับในเรื่องเวทดีบัฟ การล่าพวกมังกรวารีก็เป็นไปได้
วิ้ง
ยิ่งกว่านั้น ถ้ามีโดลเซอยู่ด้วย พวกเขาก็ไร้เทียมทาน
ถ้ามีรงรงด้วยก็ดี แต่เขามีพลังเพียงพอกับการล่ามังกรแล้ว
วูจินกำลังจะเดินไปทางทะเลสาบอย่างมาดมั่น
“เอาใหม่อีก...”
วูจินกำลังจะพูดอย่างองอาจแต่แล้วก็ต้องกลืนคำพูดกลับไป
ซ่า
เรือลำหนึ่งล่องมาทางวูจินอย่างว่องไว
เด็กชายวัย 10 ขวบกำลังแจวเรือ เขาใส่ชุดหลวมโพรก วูจินเอียงคอด้วยความงงเมื่อรู้สึกว่าชุดนั้นดูคุ้นๆ
“อะไรกัน?”
เรือเทียบท่า เด็กชายพาดบันไดลงบนรั้วกั้น เมื่อลงจากเรือแล้วเขาก็เดินมาหาวูจิน
อัศวินมรณะยืนเรียงแถวรอบเขา แต่เด็กชายไม่กลัวแม้แต่น้อย เขามายืนตรงหน้าวูจินและทำการทักทาย
บนศีรษะของเขามีผ้าคลุมศีรษะที่คลุมไว้อย่างจะหล่นมิหล่นแหล่
“ท่านคือผู้ไม่ตายใช่ไหม?”
ดวงตาวูจินเป็นประกายเมื่อได้ยินเสียงใสของเด็กชาย
“นายคือหัวหน้านักบวชของลีเซีย?”
“ใช่”
“ฉันไม่ได้เรียกนาย ออกมาทำไม?”
“ข้าไม่ได้เชิญท่าน ท่านมาทำไม?”
“...”
วูจินไม่ตอบ เขาจ้องเด็กชายนิ่ง
“ถ้าการสละชีวิตของข้าสามารถปกป้องเกาะลิทานไว้ได้ มันคุ้มค่า”
“ทำไมถึงคิดว่าฉันมาที่นี่เพื่อฆ่านาย?”
“ท่านมาเพราะถุงมือของลีเซียไม่ใช่หรือ?”
เด็กชายยื่นถุงมือลีเซียให้วูจิน
มันเป็นไอเทมศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถปลูกพืชจากเมล็ดพันธุ์ทุกเมล็ด มันเป็นสิ่งการันตีการเก็บเกี่ยว
นี่คือสมบัติของลีเซีย เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์
แน่นอน ฐานะของหัวหน้านักบวชจะหมดไปเมื่อเขาสูญเสียไอเทมศักดิ์สิทธิ์ มองในแง่หนึ่งมันเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
เขายื่นสมบัติเช่นนั้นให้อย่างสมัครใจ...
“...”
กล้าดี? หรือเป็นเด็กมีเหตุผล?
“ฉันจะใช้มันอย่างดี”
วูจินรับถุงมือไปอย่างไม่ลังเล
มันเป็นวัตถุดิบสำหรับสร้างการลงโทษของทราช ไอเทมศักดิ์สิทธิ์ก็คือเครื่องหมายของหัวหน้านักบวชดีๆนี่เอง แต่เด็กชายไม่มีทีท่าเดือดร้อนที่เสียมันไป
“ข้าขอภาวนาให้เทพยากรณ์นั้นผ่านไป”
“คำพยากรณ์...”
วูจินหัวเราะแห้งๆ
“ลีเซียบอกว่าไง?”
เด็กชายหัวเราะเบาๆ
ผู้ไม่ตายคือคนที่เคยเจอกับเหล่าเทพมาแล้ว สำหรับนักบวชที่บูชาเทพเหล่านั้นเขาเป็นบุคคลที่ไม่อาจละเลย เด็กชายได้รับเทพยากรณ์เมื่อคืน
“ข้าถูกบอกให้ส่งสมบัติให้ท่าน ทำเช่นนั้นแล้วความหวังของข้าจะเป็นจริง...”
“...”
วูจินก้มมองถุงมือนิ่ง
เขารวบรวมไอเทมวัตถุดิบสามอย่างสำหรับสร้างการปกป้อง, การเดินทัพ และการลงโทษของทราช
เหลืออีกเพียงสองอย่าง
วูจินเก็บเหล่าอสูรรับใช้แล้วทิ้งทะเลสาบลิทานไว้เบื้องหลัง
***
อาณานิคมใหม่บนภูเขาเซารุส
คนรวมกันเป็นกลุ่มสองสามคนรอบต้นไม้โลก พวกเขากำลังสร้างบ้าน มีธงสองผืนตั้งตรงกลางทั้งหมด
“นั่นคือของที่พวกเจ้ากำลังพูดถึงกันอยู่เหรอ?”
“ใช่แล้ว”
คนกำลังพูดถึงความหมายของธงที่อยู่ข้างธงสหพันธ์
มันคือลูกสิงโตกำลังคำราม ดูอีกทีมันเหมือนลูกเสือ
“ข้าเชื่อไม่ลงว่ามันคือสัญลักษณ์ของผู้ไม่ตาย มันหมายความว่ายังไง?”
“มันกำลังคำรามใส่โลกหรือเปล่า?”
“ข้าคิดว่ามันแค่หาว...”
เรื่องที่คนพูดถึงกันบ่อยตอนนี้คือสัญลักษณ์ของผู้ไม่ตาย ความหมายเบื้องหลังของมัน ภาพมันน่ารักเกินจะเอาไปเทียบกับผู้ไม่ตาย ความไม่สอดคล้องกันนี้ทำให้คนเกิดอยากรู้อยากเห็น
“ข้าแน่ใจว่ามันคือสิงโต”
“อะไรของเจ้า! เห็นชัดๆว่ามันคือเสือ”
นี่เป็นหัวข้อที่กำลังถูกถกเถึยงอย่างเร่าร้อน คนที่สงสัยที่สุดคือกษัตริย์อายุเยาว์ของอาณาจักรฮอนชูนามว่าคอนท์ซ
เขาได้ยินเรื่องผู้ไม่ตายผ่านประวัติศาสตร์เรื่องเล่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นตัวจริงและเป็นครั้งแรกที่เห็นกองทัพผีดิบสู้
ผู้ไม่ตายต่างจากในเรื่องที่บิดาเล่าให้เขาฟังมาก
ตัวตนของผู้ไม่ตายทำให้คอนท์ซเกิดความอยากรู้อยากเห็นและนับถือ
มีหอคอยสังเกตการณ์จำนวนหนึ่งสร้างขึ้นลวกๆจากท่อนไม้ ธงของอลันดาลและสหพันธ์แขวนจากหอเหล่านั้น
คอนท์ซปีนหอคอยหนึ่งและหัวเราะแจ่มใสเมื่อเห็นลูกบอลไฟลอยมาทางเขา
“ท่านซุงกูกลับมาแล้ว”
ผู้กล้าที่มากับผู้ไม่ตายไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย พวกเขาเป็นลอร์ดแวมไพร์และภูติไฟ
ช่างคู่ควรกับการเป็นสหายร่วมทางของผู้ไม่ตาย
ซุงกูดื่มเหล้าเก่ง เขาเต้นและทำให้ทุกคนอยากเต้นตาม และเขาเก่งเรื่องสร้างความบันเทิงในงานเลี้ยง คอนท์ซไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีภูติไฟที่ดื่มเหล่าเก่ง
“ท่านซุงกู”
คอนท์ซค่อนข้างสนิทกับเขาเพราะดื่มเหล้าร่วมกัน เขาลงจากหอคอยและโบกมือทักทายเร็วๆ ไฟบนท้องฟ้าเห็นคอนท์ซและลงมาตรงหน้าเขา
“คอนท์ซ”
“เหนื่อยหน่อยนะท่าน”
“ฮะๆ ผมต้องอบอุ่นร่างกายสักหน่อยก่อนจะกลับไปฝึก”
“สมแล้ว”
เขาแข็งแกร่งมาก แต่ยังคิดเรื่องฝึกต่อ...
“มีบางอย่างที่ข้าอยากจะถามท่านมาตลอด”
“เรื่องอะไร? ว่าแต่ว่าอาณานิคมสร้างมาหนึ่งวันแล้วนะ? ตอนนี้ควรจะเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“หืม? ข้าคิดว่าใกล้จะเสร็จแล้ว”
คอนท์ซมองดวงอาทิตย์และเห็นมันอยู่จุดเดิมของเมื่อวาน เขาพยักหน้า
“เดินไปคุยไปเถอะ”
“ได้”
“จะถามอะไรผมเหรอ?”
“คนสงสัยสัญลักษณ์อลันดาลมาก มันคือสิงโตหรือเสือ?”
“หา?”
ซุงกูเอียงคอมองธง เมื่อเห็นมันเขานึกถึงบิบิเป็นคนแรก...
“น่าจะเป็นแมว”
“อะไรนะ?”
“ไม่รู้จักแมวเหรอ?”
“ข้ารู้ แต่...”
“แมวชัวร์”
“...”
“น่าจะนะ?”
คอนซ์ทดูผิดหวังกับคำตอบ เขารู้สึกเหมือนความคาดหวังถูกทำลาย ซุงกูยักไหล่เมื่อเห็นคอนท์ซหน้ามุ่ย
ซุงกูเคยเห็นธงนั้นแขวนทั่วอลันดาล แต่เขาไม่เคยถามที่มาของมันจึงไม่รู้ สิ่งเดียวที่เขารู้คือภาพนั้นทำให้เขาคิดถึงบิบิ
“ฮ่าๆ ผมแน่ใจว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์รู้นะ”
“ใช่แล้ว! ข้าต้องรีบไปหาท่านเมโลดี้”
ถึงยังไงผู้กล้าทุกคนของสหพันธ์ก็กำลังปีนเขาขึ้นมาเพื่อดูการก่อสร้างอาณานิคมอยู่ดี
พวกเขามีร่างกายแข็งแกร่งเหนือคนทั่วไปจึงสามารถปีนเขาขึ้นมาในระยะเวลาอันสั้น
“หือ?”
เจมินมาถึงก่อนซุงกู ซุงกูเดินไปหาเจมินที่กำลังทำหน้าเครียด
“เจมิน เป็นอะไรเหรอ?”
“พี่”
“อื้อ มีอะไร?”
“พี่ได้ยินเทพยากรณ์หรือเปล่า?”
“...?”
ซุงกูเอียงคองง เจมินแอบชี้ไปทางเมโลดี้ที่กำลังคุกเข่าตรงหน้าต้นไม้โลก
“ผมได้ยินว่าเทพีอาเรียมีเทพยากรณ์ก่อนพี่วูจินจะกลับอัลเฟน”
“แล้วทำไมเหรอ?”
เทพหรือเทพีก็มีตัวแทนคนทรงเจ้ากันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?
“เทพีอาเรียเป็นเทพีแห่งการทำนาย”
“หา?”
เขาพูดถึงคำทำนายเหรอ? ซุงกูหน้าเครียดไปด้วย
“ท่านบอกว่ายังไง?”
“คือว่า...”
เจมินเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
***
เราไม่รู้ในต้นฉบับภาษาเกาหลีใช้คำเทพยากรณ์ว่ายังไงนะคะ แต่ในแปลอังกฤษเนี่ยเขาใช้ oracle คำนี้มันหมายถึงเทพก็ได้ หมายถึงนักบวช/นักปราชญ์ก็ได้ หมายถึงคำทำนายก็ได้ หมายถึงวิหารก็ยังได้ lol
เพราะงั้นตอนแรกซุงกูเข้าใจว่าเจมินพูดถึงนักบวช (คนเล่นเกมพอได้ยินคำว่าออราเคิลก็จะนึกถึงนักบวชก่อนล่ะนะ) ตอนหลังถึงรู้ว่าเป็นคำทำนาย
เจ้าพวกชาวอัลเฟนไร้วัฒนธรรม ไม่รู้จักความน่ารักและร้ายกาจของนุ้งแมวซะแล้ว
ตอบลบตอนต่อไปน่าจะเริ่มซีเรียสแล้ว
พวกนี้มีตาหามีแววไม่ XD
ลบ