บทที่ 166 – ทางสู่อัลเฟน
ในวิหารร้างไร้ชื่อแห่งหนึ่ง...
ที่นี่มีเสาหลายต้น มีหญ้าขึ้นรก ยังมีเศษหินที่เคยใช้ตกแต่งวิหาร มีคนเริ่มออกมาจากระหว่างเสาเหล่านี้ทีละคน
“ฮึบ”
หลังจากสูดหายใจลึก คังวูจินก็มาถึง
“นานแล้วนะ”
วูจินซื้อดันเจี้ยน วิหารของรฮาต มันตั้งบนภูเขาลูกหนึ่ง จากตรงนี้สามารถมองเห็นได้ไกลหลายไมล์ แน่นอน วิวไม่สวยนัก
“โอ้ ที่นี่คืออัลเฟนเหรอ?”
“ดูโหวงเหวงจัง”
ซุงกูกับเจมินมาถึงด้านหลังวูจิน พวกเขาขมวดคิ้วมองรอบๆ ภูเขามีต้นไม้ที่ถูกเผาประปราย มีกระดูกและซากศพที่ดูไม่ออกว่าเป็นของสัตว์หรือมอนสเตอร์ ในอากาศมีกลิ่นเหม็น
บางศพยังดูใหม่
“น่าจะสู้กันเพราะแย่งเข้าดันเจี้ยนฉัน”
เมื่อวิหารรฮาตถูกวูจินซื้อไปก็จะเกิดดันเจี้ยนรีเซ็ท
ถ้าไม่มีกฎควบคุมว่าใครจะได้เข้าดันเจี้ยนก่อนก็ต้องใช้กำลังเป็นตัวตัดสิน ดูเหมือนจะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นี่
“...”
เมโลดี้มาถึงเป็นคนสุดท้าย เธอข่มเสียงครางเมื่อเห็นภาพเลวร้ายรอบตัว
ทางเข้าถล่มไปแล้ว จึงยากจะเห็นว่ามันอยู่ตรงไหน วูจินเดินออกจากวิหารพลางถามเมโลดี้
“คิดว่าเราอยู่ตรงไหน?”
“ฉันเชื่อว่าเป็นฝั่งตะวันตกของทุ่งรฮาตค่ะ”
“...”
เมโลดี้มองหน้าวูจินเมื่อเห็นเขาเงียบไป วูจินพูดอย่างเซ็ง
“แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่ามันที่ไหน? สหพันธ์ล่ะ?”
“อา ถ้าเราไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจะถึงอลันดาลเก่าค่ะ ถ้าไปทางตะวันออกจะเป็นดินแดนของสหพันธ์ ฉันไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับทางนั้น แต่...”
“เข้าใจแล้ว ไปดูกันเถอะ”
วูจินหันไปมองซุงกูกับเจมิน
“พวกนายบินได้ใช่ไหม?”
“ครับลูกพี่”
“ครับพี่”
วูจินเรียกชิงชิงออกมาขี่
“ทำอะไรอยู่? เธอขึ้นมาสิ”
“คะ? ค่ะ...”
เมโลดี้ตกใจที่วูจินยื่นมือมาให้ไม่เหมือนเขาตอนปกติ เธอจับมือเขาแล้วขึ้นไปบนหลังชิงชิง
ฮี้!
ชิงชิงไม่ชอบให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ขึ้นนั่งบนหลังมันจึงส่งเสียงพรืด แต่มันไม่ทำอะไรมากกว่านี้
“เราจะดูรอบๆอลันดาล จากนั้นไปที่ดินแดนของสหพันธ์...”
เขาไม่รู้ว่าอลันดาลยังอยู่หรือถูกทำลายไปแล้ว แต่เขาจะไปดูด้วยตาตัวเอง เขาอยากดูว่าจะสามารถสร้างอาณานิคมตรงนั้นได้หรือไม่
“อ้อ ก่อนอื่น...”
ที่นี่เต็มไปด้วยของขวัญต้อนรับการกลับมาของเขา วูจินไม่ควรทิ้งมันไว้
“ลุก!”
พลังเวทไหลออกจากร่างวูจินและไหลวนรอบศพ พวกมันลุกขึ้นเป็นผีดิบ
พวกที่ดูเคลื่อนไหวรวดเร็วถูกเปลี่ยนเป็นผีดิบ พวกที่เหลือถูกเปลี่ยนเป็นทหารโครงกระดูก
“ไปกันเถอะ”
ชิงชิงวิ่งไปบนท้องฟ้า ซุงกูรวมร่างกับไฟแล้วบินไปเหมือนจรวด เจมินเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวแล้วไล่ตามพวกเขาไป
พริบตาเดียว ผีดิบหลายร้อยตัวก็ถูกสร้างขึ้น พวกมันไล่ตามวูจินอย่างบ้าคลั่ง
ชิงชิงวิ่งด้วยความเร็วสูง เมโลดี้กลัวว่าจะหล่นจากหลังม้า เธอจับเอววูจินแน่นขึ้น
***
ฝูงวีสิค ตั๊กแตนตำข้าวตัวมหึมากำลังไล่ตามคน
น้ำลายพิษย้อยจากปากพวกมันขณะกำลังขยับขาอย่างไม่รู้จักเหนื่อย ถ้าพวกวีสิคไล่ตามทันก็หมายถึงความตายของคนกลุ่มนั้น
“พยายามเข้า!”
หัวหน้ากลุ่มเป็นชายร่างใหญ่แข็งแรง เขาวิ่งอยู่ข้างหลังสุด
“ฮึบ”
ชายหัวล้านท่าทางกล้าหาญยกกระบองขึ้นทุบหัวพวกวีสิค 3 ตัวแตกในทีเดียว แต่มีตัวหนึ่งกระโดดขึ้นสูง
“ท่านทัวริค ข้างบน!”
เสียงเด็กผู้หญิงตะโกน ทัวริคเหวี่ยงกระบองขึ้นตามเสียงโดนร่างของวีสิค เคียวแขนของมันเฉียดศีรษะเขาไปทำให้เกิดรอยบาดสีแดงจางบนหัวล้าน
“ฮึ่ย! หนีไปเร็วเข้า!”
ทัวริคหันร่างแล้วเร่งความเร็ว เขากุมศีรษะด้วยมือข้างที่ไม่ได้ถือกระบอง
แสงสว่างเกิดขึ้น แผลบนศีรษะเขาหายไปจนหมด เมื่อเด็กหญิงคนหนึ่งวิ่งไม่ไหวล้มลง เขาอุ้มเธอแล้ววิ่งต่อ
“ฮือ ท่านทัวริค”
“อย่าร้อง เด็กเอ๋ย”
แสงไหลออกจากร่างทัวริคไปล้อมกลุ่มคนที่วิ่งอยู่ข้างหน้า
“ออกแรงให้มากกว่านี้!”
พวกเขาวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด พวกเขาต้องอยู่ต่อไป แรงกลับคืนสู่ขาสั่นเทาของพวกเขา ผู้ใหญ่อุ้มเด็กคนละหนึ่งหรือสองคน พวกเขากอดเด็กๆแน่นขึ้น
“เราจะตายเหรอ?”
เด็กหญิงตัวเล็กถาม ทัวริคยิ้มอย่างมีชีวิตชีวาเช่นเคย
“อย่ากลัวไปเลย! เราแค่ต้องรอดไปให้ได้และหวังให้เกิดปาฏิหาริย์ มันจะเกิดขึ้น”
“ฮึก ค่ะ! หนูวิ่งเองได้แล้ว”
ทัวริควางเด็กหญิงลง เด็กหญิงเร่งฝีเท้าจนทันกลุ่มผู้ใหญ่
มีวีสิค 20 ตัวกำลังไล่ตามพวกเขา
ถ้าพวกมันได้ยินเสียงเอะอะ พวกมันจะมารวมกันมากขึ้น แต่ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่เพียงสู้พลางหนีพลาง คนที่กำลังหนีอยู่คือผู้เหลือรอดทั้งหมดของหมู่บ้าน
ถ้าพวกเขาจะสู้ก็ได้ แต่พวกเด็กจะบาดเจ็บล้มตาย แม้จะเป็นงานอันลำบาก ทัวริคเลือกอยู่ข้างหลังเพื่อลดจำนวนวีสิคที่ไล่ตามพวกเขา
“พวกบ้านี่ตื๊อจริง!”
วีสิคตายทุกครั้งที่ทัวริคเหวี่ยงกระบอง ถ้าเขาบาดเจ็บเขาจะรักษาตัวเอง เมื่อสังหารวีสิคไปอีก 2 ตัว เขากำลังจะวิ่งต่อแต่แล้วก็ต้องแปลกใจ
“หา? พวกเจ้าทำไมหยุด...”
คนด้านหน้าหยุดวิ่ง เมื่อเขาไปรวมกลุ่มก็รู้โดยไม่ต้องถาม มอนสเตอร์แมงมุมมีหนวดที่เรียกว่า ลันเชอร์ 12 ตัวขวางหน้าพวกเขา
ฝูงตั๊กแตนตามพวกเขาทันในที่สุด พวกมันตั้งวงล้อมกลุ่มมนุษย์
“ท่านทัวริค...”
สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พวกผู้ใหญ่วางเด็กลงและจับอาวุธ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสู้ แม้สุดท้ายจะไม่มีคนเหลือรอดก็ตาม
ไม่สิ จะมีคนเหลือรอด
พระทัวริคผู้รับใช้เทพสเกียจะไม่ตาย
“โอ สเกีย...”
ทัวริคภาวนาเบาๆขณะกระชับกระบอง
ในตอนนั้นเขาไม่ได้ถูกความสิ้นหวังครอบงำ เขาผ่านเส้นทางยากลำบากมาจนไม่อาจยอมแพ้ได้แล้ว
กล้ามเนื้อของเขาขยายตัว เสื้อผ้าบนร่างกระพือรอบตัว
ในการต่อสู้ เขาไม่อาจปกป้องทุกคน เด็กๆจะตาย หลังจากการต่อสู้ความเศร้าจะมาเยือน
ทัวริคตัดสินใจใช้ทักษะโกรธ เขาจะลงมือก่อนด้วยการทำให้ศัตรูหวาดกลัว
แสงสีชมพูล้อมรอบตัวทัวริค
“ท่านทัวริค! ดูนั่น!”
ตอนนั้นเอง เด็กหญิงตะโกนขึ้นมา
บอลไฟลูกหนึ่งหล่นจากฟ้า มันตรงไปยังมอนสเตอร์แมงมุม
“หา?”
ทัวริคลืมตาโตอย่างแปลกใจ
ฉึก!
ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งทะลุวีสิคที่พุ่งเข้ามา ทัวริคหันไปมองทางที่ลูกธนูนั้นพุ่งมา
“โอ พระเจ้า...”
ในโลกนี้มีผู้กล้าเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
คนพวกนี้คือผู้กล้าของสหพันธ์ ความหวังสุดท้ายของดินแดนนี้ พวกเขาร่วมมือกันรวบรวมชิ้นส่วนมิติจากฐานทัพศัตรู
นักเวทกราแฮม และเอลฟ์สาว เลดี้ลาตาชา
“มีคนมาช่วยพวกเรา!”
“ท่านกราแฮม!”
“ศรเงิน!”
บางคนในกลุ่มเคยร่วมสงครามกับผู้กล้าเหล่านี้ พวกเขาส่งเสียงเชียร์เมื่อจำทั้งสองได้
เมื่อสองกลุ่มร่วมมือกัน ฝูงวีสิคกับลันเชอร์ก็ถูกกำจัดไปทันที
ทัวริคทักทายพวกเขาอย่างยินดี
“พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี! ยินดีที่ได้เจอ!”
“เจ้าทำได้ดีแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้าน?”
ทัวริคส่ายศีรษะเมื่อได้ยินคำถามกราแฮม หมู่บ้านลับถูกเจอและถูกทำลาย ชาวบ้านส่วนใหญ่เสียชีวิต คน 30 คนในนี้คือเท่าที่เหลือ
ยิ่งกว่านั้น ครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก
“เชี่ย! มีพวกเวรวีสิคอยู่ทุกที่เลย”
เอลฟ์ลาตาชามีใบหน้างดงาม แต่เธอพ่นคำหยาบเป็นชุด ป่าของเธอถูกทำลาย ไม่มีเอลฟ์ที่ห้ามตัวเองไม่ให้เอาชีวิตผู้อื่นเหลืออีกแล้ว
มีแต่นักสู้ที่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้
“เกิดอะไรขึ้นกับคนอื่นที่ไปโจมตีอาณานิคมโกชูชูกับเจ้า?”
กราแฮมส่ายศีรษะ
“เราทำไม่สำเร็จ พวกเราแยกย้ายกันไปช่วยเหลือคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“อา...”
ข่าวที่ได้ยินมีแต่ทำให้หมดหวัง
โกชูชูเป็นลอร์ดมิติที่ตั้งเมืองอาณานิคมแห่งใหม่ในดินแดนแถบนี้ มอนสเตอร์ในอาณาเขตมีจำนวนมหาศาล พวกมันคุกคามอาณาเขตรอบๆ
ถ้าอาณานิคมของมันถูกทำลาย พวกเขาจะสามารถหยุดยั้งการแพร่พันธุ์ของพวกมอนสเตอร์ ทำให้หายใจคล่องขึ้นบ้าง แต่พวกเขาล้มเหลว มีแต่ต้องทิ้งดินแดนนี้ไปหาที่อยู่ที่อื่น
การโจมตีไม่ได้เกิดแต่ที่เมืองของทัวริค เมืองอื่นล้วนถูกโจมตี เหล่าผู้กล้าตัดสินใจแบ่งเป็นกลุ่มสองสามคนเพื่อไปช่วยเมืองเหล่านั้น
ตอนนั้นเอง สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ปรากฏตัวบนท้องฟ้า ส่งเสียงร้องยาว
“เวร! นั่นมันเฟริส!”
มันคือปลากระเบนยักษ์บินได้
มันใหญ่จนบังดวงอาทิตย์ได้ ขนาดมันเทียบได้กับมังกร เหตุผลที่ทุกคนกลัวมอนสเตอร์นี้เพราะมันทำหน้าที่ขนมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ
ฝูงวีสิคบนหลังเฟริสกางปีกแมลงปอแล้วบินลงมา
ไม่แค่นั้น พื้นรอบตัวพวกเขาสั่นและมอนสเตอร์ตุ่น ทิวดอน โผล่หัวขึ้นมา พวกทิวดอนมาล้อมพวกเขา
“ฮะ ดูท่าความสามารถของทัพโกชูชูจะเหนือกว่าที่พวกเราคาด”
ทัวริค กราแฮมและนาตาชาหน้าเครียดเมื่อเห็นมอนสเตอร์จำนวนล้นหลาม
พวกเขาหนีไปได้ แต่ถ้าทำอย่างนั้นคนสามสิบคนจะตาย หรือแม้พวกเขาสู้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปกป้องชีวิตทุกคนได้
ที่แย่ที่สุดคือเด็กเหล่านี้ในอนาคตอาจกลายเป็นผู้กล้าหรือจอมเวท ชีวิตของเด็กพวกนี้จะดับไปกลายเป็นว่างเปล่า
“หนีเถอะ”
กราแฮมพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของลาตาชา พระทัวริคเม้มปากแน่น เขากำลังจะเอ่ยปากเมื่อรู้สึกถึงมือเล็กๆแตะมือหยาบของเขา
เด็กคนหนึ่งจับมือเขา ดวงตามีน้ำตาเอ่อเต็ม เงยหน้าขึ้นถาม
“เรากำลังจะตายเหรอ?”
“...”
“ไม่มีปาฏิหาริย์เหลือแล้วเหรอ?”
“...”
ทัวริคมองเพื่อนของเขา
“สู้เถอะ”
“นั่นมันไร้เหตุผลนะ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าหนีไปยังที่ปลอดภัย ข้าจะพยายามช่วยคนเหล่านี้...”
กราแฮมพูดอย่างระวัง
“เจ้าเป็นพระของสเกีย ไม่ควรบุ่มบ่าม เจ้ามีภารกิจสำคัญกว่านี้ ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าตายอย่างเปล่าประโยชน์”
“หน้าที่ของข้าคือช่วยเด็กๆ ไม่มีอะไรสำคัญกว่านั้น”
“เฮ้อ...”
กราแฮมส่ายศีรษะเมื่อทัวริคยืนกราน เรื่องยิ่งเลวร้ายลงอีกเมื่อเฟริสปรากฏตัวเพิ่มอีก 2 ตัว ฝูงวีสิคบินลงมาจากหลังพวกมันเช่นกัน
ฟ้าปกคลุมไปด้วยฝูงตั๊กแตนตำข้าว มันไม่ใช่ภาพอันน่ามอง
“หากท่านสเกียลิขิตให้ข้าตายที่นี่ ข้าก็ยอมรับ”
ทัวริคพูดอย่างหนักแน่น กราแฮมยกไม้เท้าขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้”
ทัวริคเป็นคนสำคัญที่ผู้รอดชีวิตในอัลเฟนต้องการ สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่อยู่แล้ว ไม่มีผู้กล้าคนใดเชี่ยวชาญมนตร์รักษาเท่าทัวริค
ถ้าพวกเขาต้องการหนีหลังจากกำจัดฝูงมอนสเตอร์ นี่เป็นโอกาสสุดท้าย พวกเขาต้องทำก่อนลอร์ดมิติโกชูชูจะมาถึง
พวกเขากำลังเตรียมตัวสู้เมื่อสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับเฟริสบนฟ้าร่วงลงมาทั้งเปลวไฟ
จากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงพื้นสะเทือน และเห็นกองทัพผีดิบปรากฏเหนือสันเขา
ที่นำหน้ากองทัพคืออัศวินมรณะขี่ม้าปีศาจพุ่งเข้ามา
“พระเจ้า”
ลาตาชาหน้าซีด
“กองทัพของผู้ไม่ตาย”
กราแฮมตัวสั่น ไม้เท้าตกพื้น
เปล่าประโยชน์ ดิ้นรนเอาชีวิตรอดไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
กระทั่งทัวริค ตัวแทนของความหวังยังส่ายศีรษะ
“ปาฏิหาริย์ไม่มีวันมาถึง...”
เขานึกไม่ถึงว่าจะเจอกับกองทัพผู้ไม่ตายที่นี่...
ชาวบ้านทรุดลงอย่างหมดหวังพลางมองกองทัพผีดิบพุ่งมายังพวกเขา สิ่งเดียวที่รอพวกเขาอยู่คือความตาย
ตอนนั้นเอง เด็กคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ นั่นท่านเมโลดี้!”
“...!”
ทัวริคเงยหน้าขึ้น
เขามองไปด้านหลังของกองทัพผีดิบ ผู้ไม่ตายขี่หลังม้าปีศาจตัวใหญ่ เหยาะย่างมาทางพวกเขา
ไม่น่าเชื่อ สตรีศักดิ์สิทธิ์ซ้อนท้ายเขา
“เฮ้ย! ผู้ไม่ตายเป็นคนลักพาตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปเหรอ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นแสงแห่งความหวังของพวกเขา ไม่มีข่าวคราวของเธอมานาน พวกเขาต้องลำบากมากระหว่างที่เธอหายตัวไป แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ไม่ตายเป็นคนพาตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์ไป
ระหว่างที่ทัวริคถลึงตาใส่ผู้ไม่ตาย กองทัพผีดิบก็พุ่งใส่ฝูงวีสิค
ทุกคนมองว่าเป็นตัวร้ายขั้นสุด 555
ตอบลบกลับมาก็โดนมองว่าเป็นโจรลักพาตัว ^^
ตอบลบอยากให้เมโลดี้เป็นนางเอกอะ
ตอบลบ