วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 20

บทที่ 20 - เรื่องชวนเข้าใจผิด (2)

ฮงซุงกูกดตัดสายแล้วถอนหายใจ
“สี่ปึกหมายถึงสี่ร้อยล้านจริงๆด้วย”
ไม่น่าประหลาดใจเพราะเขาก็คิดอยู่ว่าเงินสองล้านวอนมันน้อยไปหน่อยสำหรับการช่วยชีวิตคนๆหนึ่ง เขาตีค่าชีวิตตัวเองต่ำเกินไป
“คนอย่างเรามีค่าตั้งสองร้อยล้านวอน”
เขาถูกช่วยชีวิตไว้สองครั้ง จึงกลายเป็น 4 ปึก สี่ร้อยล้าน
“เฮ้อ เงินขนาดนั้นเราหาแบบปกติไม่ได้หรอก”
ซุงกูถอนหายใจ เขาเพิ่งเป็นเราส์ได้สองเดือน สองเดือนมานี้เขาทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยแต่ก็ยังหาเงินมาได้แค่ประมาณสามสิบล้าน ซึ่งก็ไม่พอเขาจึงต้องหายืมเงินจากที่อื่น แล้วแบบนี้เขาจะหาอีกสามร้อยหกสิบล้านได้อย่างไร?
“ก็มีแต่ทางนี้ทางเดียวแล้วสินะ”
เขาเตรียมแผนสำรองมาก่อนแล้ว ซุงกูรวบรวมเอกสารแล้วออกไปเรียกแท็กซี่
เขาลงตรงใกล้ๆสถานีซาดางแล้วเร่งฝีเท้าเข้าไปในคาเฟ่ขนาดใหญ่ชื่อ แองเจิล แองเจิล ซุงกูมองไปรอบๆจนเจอวูจินนั่งอยู่ใกล้มุมร้าน
“ลูกพี่ สบายดีนะครับ”
ทั้งสองออกจากดันเจี้ยนแล้วแยกกันประมาณตอนเที่ยง ซึ่งก็ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง จะถามทำไมว่าสบายดีไหม?
“มาแล้วเรอะ เอาล่ะ ทำไมถึงอยากมาเจอกันนัก?”
“เพราะเรื่องนี้มาเจอกันจะเหมาะกว่าน่ะครับ”
“ยังไงก็ได้ บอกเลขบัญชีธนาคารมาแล้วนายก็ไปได้”
“อึ๊ก”
ซุงกูหน้าซีด วูจินจะคืนเงินเหรอ? หมายความว่าไม่อยากได้เงินแล้วและจะฆ่าเขาทิ้งแทน?
ซุงกูนึกถึงตอนที่วูจินสังหารเบโดซูกับคนในทีมโดยไม่ลังเล มันเพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงดังนั้นเขาจึงยังช็อกกับเรื่องนั้นอยู่
ซุงกูคุกเข่าทันที
“ลูกพี่ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย”
“เอ๊ะ ทำอะไรของนาย”
“ผมสัญญาว่าจะคืนที่เหลือให้ ขอเวลาอีกนิดเถอะครับ”
ท่าทางของซุงกูดึงดูดสายตาของคนรอบข้าง
“เกิดอะไรขึ้น พวกแก๊งเหรอ?”
“เหมือนเขาจะไปกู้นอกระบบ”
“จุ๊ๆ สงสัยจะไปกู้นอกระบบมาแล้วไม่มีปัญญาจ่าย”
วูจินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงพึมพำจากคนรอบข้าง ซุงกูดึงดูดความสนใจจากรอบๆนี่คิดจะทำอะไรกันแน่? วูจินพูดขึ้นด้วยเสียงหงุดหงิด
“นายไม่อยากตายใช่ไหม งั้นก็ลุกมานั่งดีๆ”
“ครับ!
ซุงกูนั่งตรงข้ามวูจินทันที
“ลูกพี่ ผมไม่มีทางหาเงินสี่ร้อยล้านได้ในทันทีแน่ ถ้าลูกพี่ให้เวลาผมหน่อย ผมสัญญาว่าจะหาทางได้”
“สี่ร้อยล้าน?”
“ครับ”
“เฮ้อ...”
วูจินเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วถอนใจ นิ้วเคาะที่วางแขนดังต๊อกๆ
ต๊อก ต๊อก
ซุงกูกลืนน้ำลายไปตามเสียงนั้น วูจินขมวดคิ้วมองซุงกูที่นั่งตัวเกร็ง
วูจินอยากได้เงินสี่ล้านวอน เขาเลยบอกให้ซุงกูโอนมาให้สี่ปึก แต่ซุงกูกลับเข้าใจผิดว่าเป็นสี่สิบล้านวอน ไม่พอ ตอนนี้เขายิ่งเข้าใจผิดไปใหญ่ว่าตัวเองติดหนี้วูจินอยู่สี่ร้อยล้านวอน
เด็กสมัยนี้คิดอะไรใหญ่จริงๆ
คิดไปได้อย่างไรว่าหนึ่งปึกหมายถึงสิบล้านวอนหรือร้อยล้านวอน
ดูเหมือนซุงกูจะเข้าใจผิดไปมาก
ถ้าซุงกูกำลังเข้าใจผิด อย่างนั้นก็แน่นอนว่าวูจินต้อง...
“นายจะให้ฉันรอนานแค่ไหน?”
...ต้องตามน้ำไป โอกาสมีไว้ให้คว้า
ซุงกูตอบทันที เขาพูดรวดเร็วจนใครมาฟังคงคิดว่าเขามีพรสวรรค์ด้านนี้
“ช่วยดูนี่หน่อยครับ”
วูจินหยิบเอกสารที่ซุงกูดันมาทางเขาขึ้นมาแล้วเลิกคิ้ว
เมื่อพลังพิเศษของเขาปรากฏออกมา วันแรกที่เขากลายเป็นเราส์ ซุงกูบันทึกว่าเขาหาเงินได้เท่าไหร่บ้าง ยิ่งเขาคุ้นเคยกับพลังของตัวเองมากขึ้น พลังของเขาก็พัฒนาตาม รวมทั้งรายได้ของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เขาทำกระทั่งสร้างกราฟเปรียบเทียบตัวเลขต่างๆ ด้านล่างยังมีบันทึกดันเจี้ยนที่เขาเข้าไป จำนวนมอนสเตอร์ที่เขาเจอมา
นี่คือแฟ้มสะสมผลงานของซุงกูดีๆนี่เอง
“ผมหาเงินได้สามสิบล้านในช่วงสองเดือน จากนี้ไปรายได้ของผมก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและอีกไม่นานผมจะหาเงินที่ขาดไปจนครบ”
“นานแค่ไหน?”
“ผมรับประกันว่าต้องไม่เกิน 25 เดือน”
“ไม่นานไปเหรอ?”
วูจินให้ความเห็นในเชิงลบ ซุงกูพูดต่อทันที
ซุงกูสงสัยว่าตัวเขาเองเชี่ยวชาญเรื่องหาทางรอดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เหมือนได้พลังพิเศษชนิดใหม่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เสี่ยงชีวิตเลย
“ดังนั้นผมเลยคิดแผนสองขึ้นมา”
วูจินขมวดคิ้ว โยนเอกสารลงบนโต๊ะ
“ไหนว่ามาสิ?”
ซุงกูพ่นทันที
“ด้วยความสามารถของลูกพี่ต้องเข้าดันเจี้ยนที่ดาวสูงกว่าหนึ่งหรือสองดาวได้แน่ และนั่นก็จะทำให้ลูกพี่หาเงินได้มากขึ้น ถ้าลูกพี่ตั้งทีมกับผม ผมจะบอกว่าดันเจี้ยนไหนให้เงินมากที่สุดแล้วอีกไม่นานผมก็จะคืนเงินสี่ร้อยล้านได้”
จากที่ซุงกูสังเกต วูจินไม่ใช่เราส์แรงค์ F แน่นอน เคลียร์ดันเจี้ยนสองดาวได้ด้วยตัวคนเดียวนี่จะเป็นแรงค์ F ไปได้เหรอ?
และกำไรที่ได้จากดันเจี้ยนดาวสูงนั้นเป็นคนระดับกันเลยกับดันเจี้ยนดาวต่ำๆลงไป จะหาเงินสี่สิบล้านวอนนั้นไม่ต้องไม่ใช้เวลานานเลย
สำหรับตัวซุงกูเองแล้วนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ลำพังตัวเขาเองเขาไม่กล้าเข้าดันเจี้ยนดาวสูงคนเดียวแน่ แต่ถ้าวูจินอยู่ด้วยก็เป็นไปได้
แต่ปัญหามีอยู่อย่างเดียว
“หมายความว่านายตั้งใจจะกินแรงฉัน?”
“เปล่าครับ นี่ผมมีแผนสามมาเสนอ”
ซุงกูเสนอแผนที่สามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมจะเป็นผู้จัดการให้ลูกพี่สักระยะหนึ่ง”
“ผู้จัดการ?”
“ครับ เราส์แรงค์สูงหน่อยจะมีผู้จัดการ ถ้าในกิลด์จะมีเป็นแผนกแยกต่างหากสำหรับสนับสนุนพวกเขาเลยทีเดียว งานของผู้จัดการก็ประมาณเลือกหาดันเจี้ยน จองที่ ขายบลัดสโตนและอีกหลายอย่าง มีขับรถรับส่งเราส์ด้วยนะครับ”
“ก็คือทาสดีๆนี่เอง”
เอ๊ะ ที่เขาพูดก็ไม่ผิด แต่ทำไมซุงกูถึงรู้สึกไม่ค่อยดี
“ลูกพี่พูดถูกเลยครับ”
วูจินมีสีหน้าอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้ฟังแผนของซุงกู
งานผู้จัดการของเราส์ก็เหมือนงานของผู้จัดการดารา สำหรับวูจินแล้วข้อเสนอนี้ไม่แย่
“นายไม่มีเงินก็เลยคิดจะจ่ายด้วยร่างกายงั้นสิ”
อ๊ะ ถูกเผงเลย
“ลูกพี่พูดถูกต้องเลยครับ”
“ก็ดี นานเท่าไหร่ล่ะ?”
“ลูกพี่ตัดสินใจเลยครับ”
“หนึ่งปี ถ้าให้นายทำงานฟรีๆฉันจะรู้สึกแย่งั้นฉันจะจ่ายเงินด้วยสักหน่อย”
ซุงกูลุกพรวด
“ขอบคุณมากครับลูกพี่”
“อ่า อืม ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจ”
ก็แทนที่จะเอาเงินคืนไปดีๆกลับมาขอเป็นทาสเสียอย่างนั้น
***
เจมินตื่นขึ้นรู้สึกลำคอร้อนผ่าว
“อึก”
เขามองรอบตัวมึนๆ เขาอยู่บนเตียง
ความทรงจำค่อยๆกลับคืนมา
เขารอวูจินที่ออกไปซื้อเหล้าอยู่นานจนเริ่มจิบโซจูจากแก้วตัวเอง แล้วก็หลับคาโต๊ะ...
แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่บนเตียงได้?
“เฮ้ย!
เสื้อยังอยู่บนตัวเขา เจมินแอบมองท่อนล่างใต้ผ้าห่ม กางเกงยังใส่อยู่ แตะก้นตัวเองอย่างไม่จำเป็นเลย ไม่เจ็บ
“ฟู่”
ขอบคุณพระบิดาในสวรรค์ ...อ๊ะ...
พอหายวิตกแล้วเจมินก็ลุกขึ้นเพราะอยากเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นเองเขาเห็นวูจินกำลังนอนบนผ้าปูบนพื้น
เขาเห็นบนโต๊ะมีขวดโซจูสองขวด ดูเหมือนวูจินจะดื่มต่อคนเดียวจนหลับไป
“พี่เขาใจดีเหมือนกันนะ”
เจมินโล่งใจ ตอนที่เขากำลังจะเดินไปทางห้องน้ำวูจินก็ส่งเสียงคราง
“อือ อือ”
วูจินขดตัวและร่างเขาสั่นเทา
“ไม่สบายเหรอ?”
เจมินยื่นมือไปจะแตะตัววูจิน แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสเขารู้สึกถึงแรงช็อตบนมือจนเจ็บแปลบ
“เฮ้ย เจ็บ”
เจมินตกใจจนทรุดนั่งบนเตียง บางทีอาจจะด้วยความตกใจทำให้เขาเห็นภาพหลอน
สิ่งสีเทาล้อมรอบวูจินแล้วค่อยๆขยับวนไปมารอบตัวเขาช้าๆ บ้างก็เป็นสีดำ แต่สิ่งเหล่านั้นต่างก็ไม่มีรูปร่างชัดเจน
เจมินได้แต่มองอย่างไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ผี? วิญญาณ? หรือภาพหลอน?
เขาสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นอาฆาตที่มีต่อสิ่งมีชีวิต นี่เป็นต้นตอของสิ่งชั่วร้าย
กลัว
เจมินตาเหลือก เขาสลบไปบนเตียง
“อือ อือ”
วูจินคราง ร่างของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเจ็บปวด ราวกับเขากำลังถูกวิญญาณร้ายตามรังควาน
เนโครแมนเซอร์
ผู้เป็นปรปักษ์กับธรรมชาติ ผู้ปฏิเสธความตาย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นผู้ถูกทรมานด้วยคำสาปของผู้ตาย
วูจินส่งเสียงครางต่อไป




วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 19

บทที่ 19 - เรื่องชวนเข้าใจผิด

“ไม่ใช่ว่าพี่เจอกับแม่แล้วเหรอครับ?”
“หึ บ้านฉันเล็กไป ฉันจะกวนนายไปจนกว่าจะซื้อบ้านใหม่ได้”
ถึงแม้ราคาที่ดินในเมืองโซลจะตกต่ำแต่ก็ยังเป็นจำนวนเงินที่เจมินไม่คิดฝันถึงอยู่ดี นี่วูจินบอกว่าจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะซื้อบ้านใหม่ได้เหรอ?
เจมินทำหน้ายุ่ง เห็นอย่างนั้นแล้ววูจินก็หัวเราะ
“ไม่นานหรอกน่าอย่าห่วงไป วันนี้พี่ชายคนนี้หาเงินได้พันสาม แล้วเดี๋ยวก็จะได้อีกสี่ร้อย”
“ไม่ใช่นะครับ คือพี่สาวผมจะมาที่นี่ช่วงวันหยุด”
“อ๊ะ งั้นเหรอ?”
“ผมจะโทรไปบอกพี่สาวแล้วกัน อ้อ พี่รู้จักพี่ผมหรือเปล่า? พอผมบอกชื่อพี่ไปแล้วเขารู้จักนะ”
“เอ๊ะ? พี่นายชื่ออะไร”
“โดจีวอนครับ”
วูจินทบทวน เมื่อนึกได้ก็เบิกตากว้าง
“โดจีวอน? ชอนจีฮยอนห้องสาม?” (TN-เผื่อใครไม่รู้จักเหมือนกัน ชอนจีฮยอนเป็นชื่อดาราค่ะ)
“เอ่อ จะให้พูดถึงพี่ตัวเองแบบนี้ก็แปลกๆ แต่ครับ พี่เคยถูกเรียกแบบนั้น”
“โฮ่ นายเป็นน้องของจีวอนเหรอนี่”
วูจินสำรวจโดเจมินแล้วพยักหน้า แต่แรกเขาก็คิดว่าเด็กนี่หน้าตาดี มาตอนนี้ก็ได้รู้ว่าโดจีวอนเป็นพี่สาวอีก
สองคนนี่ต้องมีพันธุกรรมชั้นดีติดตัวมาแน่เพราะหน้าตาดีกันทั้งคู่ ยี่สิบปีมาแล้วแต่วูจินยังจำโดจีวอนได้
เธอเคยเป็นที่รู้จักว่าน่ารักที่สุดในโรงเรียน วูจินก็ชอบจีวอน แต่ตอนนั้นเขาขี้อายเกินไป...
ถ้าได้เจอกับเธอตอนนี้ เขาจะ...
“พี่นายมาแค่ตอนวันหยุดแล้วปกติเขาอยู่ที่ไหน”
“โรงงานครับ”
“หา? โรงงาน? โดจีวอนน่ะนะ? ถ้าเขาอยากได้เงินก็น่าจะไปเป็นดาราสิ”
วูจินเอียงคออย่างงุนงงเพราะนึกภาพจีวอนทำงานโรงงานไม่ออก เจมินตอบกลับด้วยสีหน้าอึมครึมเล็กน้อย
“มัน...มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นน่ะครับ ว่าแต่พี่เปลี่ยนมือถือเหรอ?”
“อ้อ ฉันเอาอันเก่าไปเปลี่ยนน่ะ”
“ว้าว นี่ของแพงเลยนะ ขอดูหน่อยได้ไหมครับ”
“งั้นเหรอ แล้วมันของดีไหม”
“เฮ้ย นี่มัน เครซี่เรด”
“เครซี่เรด?”
“มันใช้เทคโนโลยีของบลัดสโตนเลยแพงมากครับ พี่ต้องจ่ายไปเยอะเลยสิ?”
บลัดสโตนเป็นแร่ชนิดใหม่ที่มีพลังงานมหาศาล หลังผ่านการวิจัย 5 ปี เทคโนโลยีนี้ก็เผยแพร่ออกมาและค่อยๆเอามาใช้กับสิ่งต่างๆ
เทคโนโลยีที่ใช้บลัดสโตนเป็นแบตเตอรี่เป็นเรื่องมาแรงในตลาดไอที
“เขาเปลี่ยนให้ฟรีๆ”
“หา? ฟรีเลยเหรอ?”
“ก็ เขาจัดอีเวนท์น่ะ อีเวนท์”
เป็นอีเวนท์ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตของคนขายโทรศัพท์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน
“โห พี่โชคดีจัง อันนี้มันแพงมากจริงๆ”
ดูท่าคนขายโทรศัพท์จะรู้ดีรู้ชั่วอยู่ วูจินเลิกแค้น
เจมินเห่อโทรศัพท์มากกว่าเจ้าของเสียอีก เขาอธิบายฟังค์ชั่นใช้งานใหม่ๆให้วูจินฟัง ในตอนนั้นเองข้อความก็เข้ามา
เจมินอ่านข้อความบนหน้าจอแล้วก็เบิกตากว้าง
2015.9.13 21:13
ฝาก 40,000,000
เงินคงเหลือ 51,230,000
ธนาคารxxx ฮงซุงกู
“ศูนย์กี่ตัวนั่น?”
เจมินมองข้อความแล้วมองวูจิน บนบัตรประจำตัวเราส์บอกว่าเขาเป็นเราส์แรงค์ F แต่วูจินหาเงินได้สิบสามล้านวอนในวันเดียว แล้วตอนนี้ก็ยังได้เพิ่มอีกสี่สิบล้านวอน
เจมินได้แต่มองวูจินใหม่
“พี่เก่งสุดๆเลย”
วูจินฉวยโทรศัพท์มือถือกลับมาแล้วขมวดคิ้ว
“ไอ้เวรนั่น ฉันบอกว่าให้ส่งมาสี่ปึก”
วูจินโทรหาซุงกูทันที
เงินเท่านี้มันกวนใจฉัน
ซุงกูรับโทรศัพท์โดยที่เสียงเรียกครั้งแรกยังไม่ทันหยุด
[ฮัล...ฮัลโหล พี่เช็คเงินเข้าแล้วยังครับ?]
“เฮ้ย ไอ้หอก นายเห็นฉันเป็นขอทานเหรอ? ฉันบอกว่าให้ส่งมาแค่สี่ปึกใช่ไหม แล้วนี่อะไร?”
[นั่นสินะ ที่บอกว่าสี่ปึกเขาหมายถึงสี่ปึกนั่น]
เสียงอู้อี้เหมือนซุงกูเอามือปิดโทรศัพท์ไว้ แต่วูจินหูดีเลยขมวดคิ้ว
“นายพูดอะไรของนาย”
[ละ...ลูกพี่ ผมอยากจะคุยต่อหน้า ช่วยบอกที่อยู่ของลูกพี่หน่อย]
“หา? นายจะอยากเจอฉันไปทำไม?”
[ถึงที่นั่นแล้วผมจะอธิบาย ลูกพี่อยู่ไหนครับ]
เสียงของซุงกูฟังเหมือนจะเป็นจะตายให้ได้ ดังนั้นวูจินจึงบอกที่ๆเขาอยู่ไปงงๆ
[แถวนั้นมีคาเฟ่ชื่อแองเจิล แองเจิล ผมจะไปที่นั่นในสิบนาที]
ซุงกูตัดสายอย่างรีบร้อน วูจินได้แต่จ้องโทรศัพท์ตัวเอง
“มันเป็นอะไรของมัน”
แค่ซุงกูบอกเลขที่บัญชีธนาคารของตัวเองมาเขาก็คืนเงินสามสิบหกล้านไปได้แล้ว แล้วจะอยากเจอกันทำไม?
“เหล้าหมดแล้วงั้นฉันออกไปซื้อเพิ่มแล้วกัน นายก็กินไก่ไปพลางๆก่อน”
“ครับพี่”
“เปลี่ยนรหัสผ่านกลับเป็นแบบเดิมด้วย”
“...ครับ”
วูจินตัดสินใจจะซื้อโซจูเพิ่มแล้วไปเจอกับซุงกูเพื่อคืนเงิน พอเจมินอยู่คนเดียวเขาก็จิบโซจูอีกแล้วนิ่วหน้า
“แค่ก ทำไมคนอื่นถึงกินกันเข้าไปได้นะ?”
เขาเปิดโค้กแล้วดื่มล้างปาก พอเบื่อๆก็เล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
“นี่น่าจะแพง”
เจมินดูยี่ห้อของโคโลญ พอเสิร์ชเจอโคโลญรุ่นนี้ก็อ้าปากค้าง
สอง...สองแสนวอน?
ราคานี้แพงเกินกว่านักเรียนมัธยมปลายจะใช้มันโดยไม่รู้สึกหนักใจ อีกอย่างเขาแทบไม่ใส่โคโลญ ถ้าเขาสูบบุหรี่ก็อาจจะใช้อยู่หรอก (TN-เดาว่าเอาไว้กลบกลิ่นบุหรี่ไม่ให้ครูจับได้ค่ะ)
“พี่...พี่เขาคงใช้เงินแบบไม่คิดอะไรมากมั้ง แบบพอได้เงินมาง่ายก็จ่ายไปง่ายมั้ง”
เขารู้สึกกระสับกระส่ายเมื่อเห็นเงิน 500,000 วอนที่วูจินให้ ตอนนี้พี่สาวของเขาคงกำลังทำงานหนักในโรงงาน แต่เงินที่พี่สาวเขาทำงานหนักทั้งปีได้มายังน้อยกว่าเงิน 53,000,000 วอนที่วูจินหาได้ในวันเดียว
เจมินรอวูจินจนเบื่อ เขาเลยออนไลน์ในบอร์ดที่เข้าประจำแล้วเขียนโพสต์
[พี่น้อง ผมได้น้ำหอมเป็นของขวัญ เมื่อสามวันก่อนผมบังเอิญไปเจอลุงคนหนึ่งและให้เขานอนพักที่บ้านหนึ่งคืน เขาซื้อโคโลญให้กับให้เงินอีกห้าแสนวอน นี่มันลาภลอยชัดๆ ตอนนี้ผมกำลังกินไก่ทอดกับเหล้า พี่ชายเขาออกไปซื้อเหล้าเพิ่ม เขารวยชะมัด ขออวดของขวัญหน่อยนะ ถถถ]
เจมินอัพโหลดรูปโคโลญเพื่อยืนยันจากนั้นก็รอคนอื่นๆตอบ
ตริ๊ง ตริ๊ง
ข้อความมากมายตอบมาในพรวดเดียว
[555 พี่ ระวังข้างหลังไว้]
[น้ำหอม ห้องเช่า เสร็จ]
[หรือวันนี้จะได้ใช้ห้องร่วมกันจริงๆ ถถถ]
[ถถถ เดี๋ยวพี่จะย้ายไปอยู่ข้างห้องน้องนะจ๊ะ]
[ไม่ได้ไปซื้อเหล้ามั้ง ซื้อถุงยางมากกว่า]
[ประสาท ซื้อถุงยางทำไม เขาไม่ท้องซะหน่อย]
[อ้าวเหรอ งั้นยาสวนทวาร]
[ฮ่าๆๆๆ ยาสวนทวารแน่ะ]
[พี่ชาย ยังไม่สายไปนะ หนีออกจากห้องนั้น ปกป้องข้างหลังไว้]
[ใครอยู่ล่าง?]
[คนจ่ายเงินก็ต้องอยู่บนสิ]
[ขอแสดงความยินดีด้วยกับประสบการณ์เปิดโลกใหม่!]
[อะไรของเอ็ง]
[ห่า]
[หันก้นมาหน่อย ตั้งกล้องไว้เรียบร้อย]
เจมินขมวดคิ้ว
“จุ๊ๆ ถ้าอิจฉาก็บอกมาตรงๆสิ ทำไมต้องมาเหมาว่าเป็นเกย์”
เจมินอ่านโพสต์ที่ตอบมาเรื่อยๆ เขาเหลือบไปมองประตูหน้า อืมม วูจินไม่ทำอย่างนั้นหรอก
เขาไม่ทำ
ไก่รสอร่อยพลันกลายเป็นเหมือนเขากำลังเคี้ยวยาง
เอ่อ เขาไม่ทำหรอกน่า...

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 18

บทที่ 18 - เรื่องราวของพวกเขา (2)

“ไอ้หยา เจ้าลูกเกเร ปล่อยให้แม่เธอห่วงแทบแย่”
วูจินถูกตีหลังเผียะๆ เขาลังเลว่าจะทำอย่างไรดี บอกความจริงไปเลยดีไหม?
“ไอ้หยา เธอติดเกมอยู่ตั้งห้าปีเพิ่งจะกลับมา!
เอ่อ ไม่ใช่นะ
“ถึงอย่างนั้นแม่ก็ดีใจที่ลูกกลับมาอย่างแข็งแรงดี”
วูจินโยนความคิดที่จะบอกความจริงกับแม่เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดทิ้งไป
ใครจะสนเล่าว่าแม่จะเชื่อว่าอะไร?
เขากลับบ้านแล้วและแม่เขาก็ดีใจ
น้ำตาของแม่ไม่ได้ตัดพ้อเขา หากจะมีก็เป็นการตัดพ้อวันเดือนปีที่เหนื่อยยากที่ผ่านมา
มือที่ตีเขาเริ่มเบาลง หยาดน้ำตากลับมากขึ้น วูจินร้องไปกับแม่
เขาร้องไม่หยุดเหมือนจะปัดวันเวลายี่สิบปีนั้นทิ้งไป
***
โซอาเบิกตากลมกว้างพลางถาม
“เอ๊ะ ทำไมแม่จ๋าตาแดงจังเลย ร้องไห้มาเหรอคะ?”
“เปล่าจ้ะ ทำไมแม่ต้องร้องล่ะ?”
“ไม่ แม่ร้อง หนูรู้ทำไมแม่ถึงร้อง”
“ทำไม?”
“แม่ดีใจที่จะได้กินเนื้อใช่ไหมล่า”
“เอ๊ะ โฮะๆ เจ้าลูกคนนี้นี่ ถูกจ้ะ แม่ดีใจที่พี่ชายของหนูซื้อเนื้อให้เราเลยร้อง”
เขาเห็นประกายน้ำตาจากดวงตาของแม่ มันไม่ได้มาจากความเศร้าแต่เป็นหยาดน้ำตาของความสุข วูจินยิ้มกริ่ม
หลังออกจากสวน วูจินกับแม่พาโซอาไปที่ร้านเนื้อย่างแห่งหนึ่ง เป็นร้านที่เล่าลือกันว่าเยี่ยมยอดที่สุดในแถบนี้ เมื่อก่อนพวกเขาไม่เคยมากินที่นี่เพราะราคาอาหารแพงเกินไป
ฉ่า ฉ่า
เนื้อส่งเสียงน่าอร่อยเมื่อวูจินย่าง แล้วเขาก็วางเนื้อใส่จานของโซอา โซอาเคี้ยวพลางคีบเนื้อชิ้นหนึ่งใส่จานของแม่
“แม่จ๋ากินนี่ อร่อยมากเลย”
“จ้ะๆ โซอาเอาให้แม่เลยยิ่งอร่อยกว่าเดิมอีก”
แม่ของเขากินเนื้อชิ้นนั้นแล้วยิ้มอย่างมีความสุข โซอายิ้มมองวูจิน
“หนูชอบจังเลยที่พี่มา”
“จริงเหรอ? หนูชอบพี่เพราะพี่ซื้อเนื้อให้ใช่ไหม?”
“อื้ม
! ชอบมาก มินซูชอบแกล้งหนู เขาบอกว่าเขากินเนื้อเยอะๆบ่อยๆ”
“มินซู?”
“เขารวยที่สุดในห้องเรา ที่โรงเรียนเขาอวดทุกวันเลยว่ากินอะไร เขามีของเล่นเยอะแยะ พ่อเขาเป็นเราส์เลยรวยมาก”
“อ้อเหรอ? อย่าไปอิจฉาเขาเลย ถ้าโซอาอยากได้อะไรก็บอกพี่ พี่จะซื้อให้ทุกอย่าง พี่ก็เป็นเราส์”
“ว้าว จริงเหรอคะ พี่เก่งที่สุดเลย หนูชอบพี่”
โซอาหัวเราะร่าเริง แต่แม่ของเขามองมาเหมือนยังกังวลไม่หาย
“แม่ยังไม่แน่ใจว่าลูกควรจะทำอย่างนั้น”
“ผมไม่เป็นไรหรอกแม่ ผมไม่อ่อนแอขนาดนั้น อีกอย่างผมก็ไม่ทำอะไรที่อันตรายเกินไปหรอกแม่ไม่ต้องห่วง”
“พี่มีอันตรายเหรอคะ?”
“เปล่าจ้า พี่ไม่มีอันตรายอะไร”
วูจินตั้งใจย่างเนื้อต่อ เขายกขวดเหล้าโซจูรินใส่ถ้วยของแม่ เหมือนว่าสิ่งที่เขาทำกระทบจิตใจของนาง ดวงตาจึงมีน้ำตาคลอ
“ลูกฉันที่เคยอยู่ม.ปลายปี 3 กลับมาอีกทีก็โตแล้ว ลูกดื่มเหล้ากับแม่ได้แล้ว”
“นั่นสิ แต่ผมเพิ่งเคยดื่มโซจูครั้งนี้ครั้งแรก”
“เอ๊ะ ลูกฉันเพิ่งเคยดื่มโซจูเป็นครั้งแรกเหรอ? ลูกต้องฝึกดื่มเหล้าจากผู้ใหญ่นะ รีบดื่มสิ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาดื่มโซจูจริง แต่เขาเคยดื่มเหล้าอย่างอื่นมามากแล้ว วูจินยกถ้วยใส่โซจูขึ้นด้วยใจตุ้มต่อม
อึกๆ
“ถ้าพ่อของลูกมาเห็นคงภูมิใจ ลูกของเราโตเป็นหนุ่มแล้ว ลูกดื่มกับแม่ได้ เลี้ยงพวกเราได้”
พอพูดถึงพ่อของเขา วูจินก็รู้สึกหม่นหมอง แต่เทียบไม่ได้กับความเศร้าของแม่เขา วูจินดื่มโซจูในถ้วยจนหมด มันมีรสชาติดีทีเดียว ออกขมหน่อยๆ
อร่อยแฮะ
อย่างอื่นเขาไม่รู้ แต่เขาถูกใจรสเหล้าของที่นี่มากกว่าที่โลกอัลเฟน
รอให้เวลาผ่านไปเขาคงหวนคิดถึงประสบการณ์ในอดีตแล้วชื่นชม แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้เขาหนีรอดจากก้นบึ้งของนรกและมีความสุขกับครอบครัว
“พวกเรามามีความสุขกันนะแม่”
“จ้ะลูก”
“หนูด้วยๆ”
โซอายื่นถ้วยของตัวเองออกไปบ้างอย่างไม่รู้ประสีประสา ซึ่งวูจินก็รินให้แต่เป็นโซดา จากนั้นพวกเขาก็ชนแก้วกัน
****
แม่ของวูจินเมาไปแล้วและเอาแต่ขอบคุณเขาไม่หยุด เขาพาโซอาที่ยิ้มอย่างมีความสุขกับแม่กลับบ้านก่อนจะออกไปข้างนอกอีก
ตอนที่พวกเขาเดินบนถนน วูจินได้ถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มมาแล้ว เขาวางเงินล้านวอนบนโต๊ะทำครัว
เขาอยากเอาเงินที่หามาได้ทั้งหมดให้แม่ แต่เขาต้องเก็บไว้ลงทุน
เขาต้องมีเงินจำนวนหนึ่งไว้เป็นค่าเข้าดันเจี้ยนดาวสูงๆ เพื่อหาเงินได้เร็วขึ้น
วูจินอยากย้ายไปบ้านหลังใหญ่ๆเร็วๆ
“ฮ้า อร่อยจัง”
วูจินพาแม่กับน้องกลับบ้านแล้วก็ตัดสินใจออกมาเดินในถนนยามกลางคืน ตอนนี้เป็นหนึ่งทุ่ม เขาพาโซอาออกมากินข้าวเย็นเร็วกว่าปกติ ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ดึกนัก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาดื่มโซจูและยังติดใจรสชาติอยู่ เขาอยากดื่มอีกแต่ไม่อยากเมา
ยี่สิบปีก็ผ่านไปแล้ว ดังนั้นแทนที่จะเป็นหน้าของบรรดาเพื่อนสนิท สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดของวูจินคือใบหน้าของโดเจมิน
“หมอนั่น ฉันต้องคืนเงินให้นี่นะ”
วูจินติดหนี้เขาหลายอย่าง เขาตอบแทนบุญคุณความแค้นเสมอ ใครดีมาเขาดีตอบ ใครร้ายมาเขาแก้แค้น
เจมินช่วยเขาไว้เยอะตอนที่เขาศึกษาความเปลี่ยนแปลงในโลก
วูจินแวะห้างสรรพสินค้าที่ยังเปิดให้บริการอยู่เพื่อซื้อของขวัญ เขาเดินไปมาในชุดเก่าบางและตัวส่งกลิ่นเหล้า ถึงอย่างนั้นพนักงานขายก็ใจดีช่วยเขา
เขาไปที่เคาน์เตอร์ขายเครื่องสำอาง และซื้อของที่นักเรียนมัธยมปลายใช้ได้มาตามคำแนะนำของพนักงานขาย
เขาจ่ายเงินไปเยอะแต่ไม่เสียดาย วูจินหิ้วของขวัญออกมาแล้วซื้อไก่ทั้งตัวจากร้านไก่ทอด ซื้อเหล้าโซจูอีกขวดจากร้านสะดวกซื้อแล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านของเจมิน
ไม่มีการตอบรับหลังจากเขากดกริ่งหน้าประตู ดังนั้นวูจินจึงเปิดแผงกดรหัสเปิดประตู
ตี๊ดๆๆ! ตี๊ดๆๆ!
“ไอ้เด็กเวร... เปลี่ยนพาสโค้ดแล้วเรอะ?”
วูจินจะโทรหาเจมินก็ได้ แต่ใกล้เวลาที่เจมินจะเลิกเรียนพิเศษกลับถึงบ้านแล้ว ดังนั้นเขาเลยรอ
เจมินผงะเมื่อเห็นวูจินยืนอยู่หน้าประตูบ้านเขา
“กลับมาแล้วเหรอ?”
“ลูกพี่... มาเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว มากินไก่กัน”
เจมินแอบมองวูจิน เขาเอามือบังระหว่างกดพาสเวิร์ดเปิดประตู
วูจินวางไก่กับจานบนโต๊ะครัวด้วยท่าทางเหมือนอยู่บ้านตัวเอง
“เอาแก้วมาสิ”
“อ๊ะ แป๊บนะครับ”
เจมินวางกระเป๋าเป้แล้วไปเอาแก้วมาทันที เขารู้สึกอึดอัดเพราะวูจินมาที่บ้านทุกคืน แต่พอคิดถึงไก่แล้วก็น้ำลายสอ เขาอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน
เจมินจะรินโค้กใส่แก้ว แต่วูจินห้ามไว้
“เฮ้ ลองสักแก้วสิ”
“เอ๊ะ พี่ ผมยังเป็นนักเรียนอยู่นะ?”
“พี่ให้อะไรนายก็รับไปซะ...”
“ถ้า...ถ้างั้นก็”
วูจินเติมโซจูใส่แก้วของเจมินจนเต็ม และเขาก็เติมให้ตัวเองด้วย พวกเขาไม่มีจอกเหล้าเลยใช้แก้วแทน พอเติมเต็มสองแก้วเหล้าในขวดก็หมดเกลี้ยง
“เอาล่ะ ดื่ม”
“ครับ...”
วูจินจัดการหมดแก้วด้วยท่าทางร่าเริงพลางกัดขาไก่ เจมินหันหน้าไปอีกทางแบบไม่ค่อยชินแล้วจิบเหล้าเข้าไป (ดูอ้างอิง 1) จากนั้นเขาก็ทำหน้าเบ้
“ค่อก”
ขม ขมจัง ทำไมถึงดื่มกันเข้าไปได้นะ เจมินเคี้ยวปีกไก่แล้วถาม
“พี่เคลียร์ดันเจี้ยนสำเร็จแล้วเหรอครับ”
“อยู่แล้ว อ้อ ฉันซื้อของมาให้นาย”
เจมินเปิดถุงช็อปปิ้งอย่างงุนงง เขาเห็นขวดโคโลญยี่ห้อราคาแพง
“พ...พี่?
“เลิกตกใจได้แล้วเจ้าบ้า นี่เงินที่ฉันยืมนายไป”
วูจินดึง 500,000 วอนออกมาจากกระเป๋าเงิน เจมินลืมตาโต
“นี่มันมากไปครับ แค่คืนเท่าที่ยืมผมไปก็พอ ไม่สิ บอกพี่ตรงๆเลยนะ ผมไม่อยากได้หรอก ที่พี่ทำให้ผมก็มากพอแล้ว”
นี่ไงล่ะ คนเราต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ วูจินพยักหน้าอย่างพอใจ
“งั้นเหรอ เพราะงั้นนายเลยเปลี่ยนรหัสเข้าบ้าน?”
“นั่น... นั่นมัน...”
วูจินยิ้มกริ่มเมื่อเห็นเจมินประหม่า
“นอกจากเงินที่ยืมแล้วที่เหลือเป็นค่าเช่าบ้านน่ะ”
เอ๊ะ? ก็หมายความว่าเขาจะอยู่ที่นี่ต่อเหรอ?
เจมินไม่เชื่อหูตัวเอง





---------------
อ้างอิง 1 - อันนี้เห็นว่าเป็นมารยาทในการดื่มเหล้าของคนเกาหลีเขาค่ะ เวลาผู้ใหญ่รินเหล้าให้ ผู้น้อยก็ต้องใช้สองมือประคองแก้วรับ แล้วหันหน้าไปทางอื่นเอามือป้องปากแก้วแล้วดื่ม ส่วนโซจู มีบล็อกเกี่ยวกับเรื่องนี้บอกว่าเวลาดื่มต้องดื่มรวดเดียวเลย ถ้าจิบรสชาติจะแย่มาก เจมินก็พลาดไป