บทที่ 20 - เรื่องชวนเข้าใจผิด (2)
ฮงซุงกูกดตัดสายแล้วถอนหายใจ
“สี่ปึกหมายถึงสี่ร้อยล้านจริงๆด้วย”
ไม่น่าประหลาดใจเพราะเขาก็คิดอยู่ว่าเงินสองล้านวอนมันน้อยไปหน่อยสำหรับการช่วยชีวิตคนๆหนึ่ง
เขาตีค่าชีวิตตัวเองต่ำเกินไป
“คนอย่างเรามีค่าตั้งสองร้อยล้านวอน”
เขาถูกช่วยชีวิตไว้สองครั้ง จึงกลายเป็น 4 ปึก
สี่ร้อยล้าน
“เฮ้อ เงินขนาดนั้นเราหาแบบปกติไม่ได้หรอก”
ซุงกูถอนหายใจ เขาเพิ่งเป็นเราส์ได้สองเดือน
สองเดือนมานี้เขาทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยแต่ก็ยังหาเงินมาได้แค่ประมาณสามสิบล้าน
ซึ่งก็ไม่พอเขาจึงต้องหายืมเงินจากที่อื่น
แล้วแบบนี้เขาจะหาอีกสามร้อยหกสิบล้านได้อย่างไร?
“ก็มีแต่ทางนี้ทางเดียวแล้วสินะ”
เขาเตรียมแผนสำรองมาก่อนแล้ว ซุงกูรวบรวมเอกสารแล้วออกไปเรียกแท็กซี่
เขาลงตรงใกล้ๆสถานีซาดางแล้วเร่งฝีเท้าเข้าไปในคาเฟ่ขนาดใหญ่ชื่อ
แองเจิล แองเจิล ซุงกูมองไปรอบๆจนเจอวูจินนั่งอยู่ใกล้มุมร้าน
“ลูกพี่ สบายดีนะครับ”
ทั้งสองออกจากดันเจี้ยนแล้วแยกกันประมาณตอนเที่ยง
ซึ่งก็ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง จะถามทำไมว่าสบายดีไหม?
“มาแล้วเรอะ เอาล่ะ ทำไมถึงอยากมาเจอกันนัก?”
“เพราะเรื่องนี้มาเจอกันจะเหมาะกว่าน่ะครับ”
“ยังไงก็ได้ บอกเลขบัญชีธนาคารมาแล้วนายก็ไปได้”
“อึ๊ก”
ซุงกูหน้าซีด วูจินจะคืนเงินเหรอ?
หมายความว่าไม่อยากได้เงินแล้วและจะฆ่าเขาทิ้งแทน?
ซุงกูนึกถึงตอนที่วูจินสังหารเบโดซูกับคนในทีมโดยไม่ลังเล
มันเพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงดังนั้นเขาจึงยังช็อกกับเรื่องนั้นอยู่
ซุงกูคุกเข่าทันที
“ลูกพี่ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย”
“เอ๊ะ ทำอะไรของนาย”
“ผมสัญญาว่าจะคืนที่เหลือให้ ขอเวลาอีกนิดเถอะครับ”
ท่าทางของซุงกูดึงดูดสายตาของคนรอบข้าง
“เกิดอะไรขึ้น พวกแก๊งเหรอ?”
“เหมือนเขาจะไปกู้นอกระบบ”
“จุ๊ๆ สงสัยจะไปกู้นอกระบบมาแล้วไม่มีปัญญาจ่าย”
วูจินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงพึมพำจากคนรอบข้าง
ซุงกูดึงดูดความสนใจจากรอบๆนี่คิดจะทำอะไรกันแน่? วูจินพูดขึ้นด้วยเสียงหงุดหงิด
“นายไม่อยากตายใช่ไหม งั้นก็ลุกมานั่งดีๆ”
“ครับ!”
ซุงกูนั่งตรงข้ามวูจินทันที
“ลูกพี่
ผมไม่มีทางหาเงินสี่ร้อยล้านได้ในทันทีแน่ ถ้าลูกพี่ให้เวลาผมหน่อย
ผมสัญญาว่าจะหาทางได้”
“สี่ร้อยล้าน?”
“ครับ”
“เฮ้อ...”
วูจินเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วถอนใจ
นิ้วเคาะที่วางแขนดังต๊อกๆ
ต๊อก ต๊อก
ซุงกูกลืนน้ำลายไปตามเสียงนั้น
วูจินขมวดคิ้วมองซุงกูที่นั่งตัวเกร็ง
วูจินอยากได้เงินสี่ล้านวอน
เขาเลยบอกให้ซุงกูโอนมาให้สี่ปึก แต่ซุงกูกลับเข้าใจผิดว่าเป็นสี่สิบล้านวอน ไม่พอ
ตอนนี้เขายิ่งเข้าใจผิดไปใหญ่ว่าตัวเองติดหนี้วูจินอยู่สี่ร้อยล้านวอน
‘เด็กสมัยนี้คิดอะไรใหญ่จริงๆ’
คิดไปได้อย่างไรว่าหนึ่งปึกหมายถึงสิบล้านวอนหรือร้อยล้านวอน
ดูเหมือนซุงกูจะเข้าใจผิดไปมาก
ถ้าซุงกูกำลังเข้าใจผิด
อย่างนั้นก็แน่นอนว่าวูจินต้อง...
“นายจะให้ฉันรอนานแค่ไหน?”
...ต้องตามน้ำไป
โอกาสมีไว้ให้คว้า
ซุงกูตอบทันที
เขาพูดรวดเร็วจนใครมาฟังคงคิดว่าเขามีพรสวรรค์ด้านนี้
“ช่วยดูนี่หน่อยครับ”
วูจินหยิบเอกสารที่ซุงกูดันมาทางเขาขึ้นมาแล้วเลิกคิ้ว
เมื่อพลังพิเศษของเขาปรากฏออกมา
วันแรกที่เขากลายเป็นเราส์ ซุงกูบันทึกว่าเขาหาเงินได้เท่าไหร่บ้าง
ยิ่งเขาคุ้นเคยกับพลังของตัวเองมากขึ้น พลังของเขาก็พัฒนาตาม
รวมทั้งรายได้ของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เขาทำกระทั่งสร้างกราฟเปรียบเทียบตัวเลขต่างๆ
ด้านล่างยังมีบันทึกดันเจี้ยนที่เขาเข้าไป จำนวนมอนสเตอร์ที่เขาเจอมา
นี่คือแฟ้มสะสมผลงานของซุงกูดีๆนี่เอง
“ผมหาเงินได้สามสิบล้านในช่วงสองเดือน
จากนี้ไปรายได้ของผมก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและอีกไม่นานผมจะหาเงินที่ขาดไปจนครบ”
“นานแค่ไหน?”
“ผมรับประกันว่าต้องไม่เกิน
25 เดือน”
“ไม่นานไปเหรอ?”
วูจินให้ความเห็นในเชิงลบ
ซุงกูพูดต่อทันที
ซุงกูสงสัยว่าตัวเขาเองเชี่ยวชาญเรื่องหาทางรอดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เหมือนได้พลังพิเศษชนิดใหม่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เสี่ยงชีวิตเลย
“ดังนั้นผมเลยคิดแผนสองขึ้นมา”
วูจินขมวดคิ้ว
โยนเอกสารลงบนโต๊ะ
“ไหนว่ามาสิ?”
ซุงกูพ่นทันที
“ด้วยความสามารถของลูกพี่ต้องเข้าดันเจี้ยนที่ดาวสูงกว่าหนึ่งหรือสองดาวได้แน่
และนั่นก็จะทำให้ลูกพี่หาเงินได้มากขึ้น ถ้าลูกพี่ตั้งทีมกับผม
ผมจะบอกว่าดันเจี้ยนไหนให้เงินมากที่สุดแล้วอีกไม่นานผมก็จะคืนเงินสี่ร้อยล้านได้”
จากที่ซุงกูสังเกต
วูจินไม่ใช่เราส์แรงค์ F แน่นอน
เคลียร์ดันเจี้ยนสองดาวได้ด้วยตัวคนเดียวนี่จะเป็นแรงค์ F ไปได้เหรอ?
และกำไรที่ได้จากดันเจี้ยนดาวสูงนั้นเป็นคนระดับกันเลยกับดันเจี้ยนดาวต่ำๆลงไป
จะหาเงินสี่สิบล้านวอนนั้นไม่ต้องไม่ใช้เวลานานเลย
สำหรับตัวซุงกูเองแล้วนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด
ลำพังตัวเขาเองเขาไม่กล้าเข้าดันเจี้ยนดาวสูงคนเดียวแน่
แต่ถ้าวูจินอยู่ด้วยก็เป็นไปได้
แต่ปัญหามีอยู่อย่างเดียว
“หมายความว่านายตั้งใจจะกินแรงฉัน?”
“เปล่าครับ
นี่ผมมีแผนสามมาเสนอ”
ซุงกูเสนอแผนที่สามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมจะเป็นผู้จัดการให้ลูกพี่สักระยะหนึ่ง”
“ผู้จัดการ?”
“ครับ
เราส์แรงค์สูงหน่อยจะมีผู้จัดการ ถ้าในกิลด์จะมีเป็นแผนกแยกต่างหากสำหรับสนับสนุนพวกเขาเลยทีเดียว
งานของผู้จัดการก็ประมาณเลือกหาดันเจี้ยน จองที่ ขายบลัดสโตนและอีกหลายอย่าง
มีขับรถรับส่งเราส์ด้วยนะครับ”
“ก็คือทาสดีๆนี่เอง”
เอ๊ะ
ที่เขาพูดก็ไม่ผิด แต่ทำไมซุงกูถึงรู้สึกไม่ค่อยดี
“ลูกพี่พูดถูกเลยครับ”
วูจินมีสีหน้าอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้ฟังแผนของซุงกู
งานผู้จัดการของเราส์ก็เหมือนงานของผู้จัดการดารา
สำหรับวูจินแล้วข้อเสนอนี้ไม่แย่
“นายไม่มีเงินก็เลยคิดจะจ่ายด้วยร่างกายงั้นสิ”
อ๊ะ ถูกเผงเลย
“ลูกพี่พูดถูกต้องเลยครับ”
“ก็ดี นานเท่าไหร่ล่ะ?”
“ลูกพี่ตัดสินใจเลยครับ”
“หนึ่งปี
ถ้าให้นายทำงานฟรีๆฉันจะรู้สึกแย่งั้นฉันจะจ่ายเงินด้วยสักหน่อย”
ซุงกูลุกพรวด
“ขอบคุณมากครับลูกพี่”
“อ่า อืม ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจ”
ก็แทนที่จะเอาเงินคืนไปดีๆกลับมาขอเป็นทาสเสียอย่างนั้น
***
เจมินตื่นขึ้นรู้สึกลำคอร้อนผ่าว
“อึก”
เขามองรอบตัวมึนๆ เขาอยู่บนเตียง
ความทรงจำค่อยๆกลับคืนมา
เขารอวูจินที่ออกไปซื้อเหล้าอยู่นานจนเริ่มจิบโซจูจากแก้วตัวเอง
แล้วก็หลับคาโต๊ะ...
แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่บนเตียงได้?
“เฮ้ย!”
เสื้อยังอยู่บนตัวเขา
เจมินแอบมองท่อนล่างใต้ผ้าห่ม กางเกงยังใส่อยู่ แตะก้นตัวเองอย่างไม่จำเป็นเลย
ไม่เจ็บ
“ฟู่”
ขอบคุณพระบิดาในสวรรค์
...อ๊ะ...
พอหายวิตกแล้วเจมินก็ลุกขึ้นเพราะอยากเข้าห้องน้ำ
ตอนนั้นเองเขาเห็นวูจินกำลังนอนบนผ้าปูบนพื้น
เขาเห็นบนโต๊ะมีขวดโซจูสองขวด
ดูเหมือนวูจินจะดื่มต่อคนเดียวจนหลับไป
“พี่เขาใจดีเหมือนกันนะ”
เจมินโล่งใจ
ตอนที่เขากำลังจะเดินไปทางห้องน้ำวูจินก็ส่งเสียงคราง
“อือ อือ”
วูจินขดตัวและร่างเขาสั่นเทา
“ไม่สบายเหรอ?”
เจมินยื่นมือไปจะแตะตัววูจิน
แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสเขารู้สึกถึงแรงช็อตบนมือจนเจ็บแปลบ
“เฮ้ย เจ็บ”
เจมินตกใจจนทรุดนั่งบนเตียง
บางทีอาจจะด้วยความตกใจทำให้เขาเห็นภาพหลอน
สิ่งสีเทาล้อมรอบวูจินแล้วค่อยๆขยับวนไปมารอบตัวเขาช้าๆ
บ้างก็เป็นสีดำ แต่สิ่งเหล่านั้นต่างก็ไม่มีรูปร่างชัดเจน
เจมินได้แต่มองอย่างไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ผี? วิญญาณ?
หรือภาพหลอน?
เขาสัมผัสได้ถึงความเคียดแค้นอาฆาตที่มีต่อสิ่งมีชีวิต
นี่เป็นต้นตอของสิ่งชั่วร้าย
กลัว
เจมินตาเหลือก
เขาสลบไปบนเตียง
“อือ อือ”
วูจินคราง
ร่างของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเจ็บปวด
ราวกับเขากำลังถูกวิญญาณร้ายตามรังควาน
เนโครแมนเซอร์
ผู้เป็นปรปักษ์กับธรรมชาติ
ผู้ปฏิเสธความตาย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นผู้ถูกทรมานด้วยคำสาปของผู้ตาย
วูจินส่งเสียงครางต่อไป