บทที่ 34 – ความเศร้าของเจ้าหญิง (4)
ถ้าเป็นลุงที่ผมรู้จักเขาจะยิ้มและบอกให้ทำงานกับเขา แต่เชื่อแน่ว่าการทำงานกับลุงหมายถึงผมถูกส่งไปต่อยตีกับพวกปีศาจที่เขตแดนปีศาจ ถ้าอย่างนั้นแล้วผมจะหนีออกจากบ้านเพื่ออะไร? ผมอาจดูไม่มีความฝันแต่ผมยังมีเป้าหมายเป็นข้าราชการอยู่นะ
ผมแซะตราขี้ผึ้งที่ปิดซองอยู่ออก แผนคืออ่านข้อสอบแล้วค่อยปิดซองกลับด้วยการอุ่นตราขี้ผึ้ง
เอาล่ะ แสดงตัวตนที่แท้จริงของเจ้าออกมา!
ขอดูข้างหลังหน่อย ข้างหลัง!
เวร!
ชิบหายแล้วกู!
ทันทีที่ผมดึงขี้ผึ้งออกมันก็กลายเป็นผงและสลายไปไม่เหลือร่องรอย
ใครใส่ผงภูติลงในตราขี้ผึ้งกัน?
เมื่อผสมผงภูติลงไปในของ เมื่อผงภูติถูกกระแทกจะทำให้ของหายไป ผมเคยได้ยินว่าวิธีนี้ใช้กับอาวุธลับหรือจดหมายลับ
สติยังดีอยู่ไหมเนี่ยที่ใช้ของแพงแบบนี้กับตราปิดซองเอกสาร?
คนสติดีต้องไม่ใช้ผงภูติแบบนี้แน่นอน เพราะฉะนั้นต้องบ้าแน่ โชคดีที่ไม่มีเวทมนตร์ส่งสัญญาณเตือนตอนผมแกะผนึก หรือถ้ามีผมคงรู้ตัวและใช้เวทเคลื่อนย้ายเอกสารในซองออกมาอ่านก็เท่านั้น ผงภูติเป็นวัตถุดิบเวทมนตร์ ไม่ใช่เวทมนตร์ผมจึงไม่รู้ตัว
บ้าจริง ผงภูติราคาเท่าทองเลยนะ ใครมันคิดใช้กับตราขี้ผึ้งเนี่ย?
ตอนนี้เกิดปัญหาสองข้อ หนึ่ง ผมไม่มีตราขี้ผึ้งผสมผงภูติ สอง ผมไม่มีตราประทับลายเดียวกับที่ใช้ปิดซอง แม้ว่าในกระเป๋ามิติจะมีผงภูติอยู่เยอะก็ตาม
คิดสิ คิด อ่านข้อสอบก่อนแล้วกัน ไหนๆซองก็เปิดไปแล้ว
เอกสารในซองเป็นข้อสอบจริงๆ ต้นฉบับสดๆร้อนๆที่ยังไม่ได้ถูกส่งไปโรงพิมพ์
แล้วจะปิดตราแบบนั้นทำไมถ้ายังไม่ได้ส่งไปโรงพิมพ์ด้วยซ้ำ?
ก็เพื่อเก็บความลับนั่นแล แต่ผมก็ยังคิดอยู่ดีว่าทำเกินไป ผมต้องแก้ปัญหานี้ทันที นี่ไม่ใช่แค่การสอบจะถูกเลื่อนหรือยกเลิกแล้ว มีคนบุกรุกเข้ามาในกองคลังในเขตพระราชฐานชั้นในที่จักรพรรดิอาศัยอยู่ หัวหน้ารักษาความปลอดภัยต้องหัวหลุดจากบ่าแน่ถ้ามีคนรู้ ผมหมายความตามนั้นจริงๆ ประหารชัวร์ 100% ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเคานต์หรือมาร์ควิส
คิดตามสามัญสำนึกก็จะเห็นว่าการลอบเข้ามานั้นเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีคนทรยศคอยช่วย ไม่ว่าคนทรยศจะเป็นหัวหน้ารักษาความปลอดภัยหรือลูกน้อง หัวหน้ารักษาความปลอดภัยต้องถูกประหารอยู่แล้ว ควบคุมลูกน้องไม่ได้ไม่ใช่เรื่องตลกถ้ามีความปลอดภัยของจักรพรรดิเข้ามามีส่วนด้วย อีกอย่าง ถ้าเรื่องไปกันใหญ่แล้วหัวหน้าถูกตัดสินเป็นกบฏ ครอบครัวของเขาจะถูกประหารหรือขายเป็นทาส
สิ่งที่ผมเพิ่งทำสลายไปไม่ใช่ตราธรรมดาแต่เป็นศีรษะคนๆหนึ่งหรืออาจเป็นสิบ ผมต้องปิดตราใหม่ด้วยตราขี้ผึ้งผสมผงภูติก่อนพ้นคืนนี้
ผมพิจารณาตราบนเอกสารอย่างละเอียด ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งอันที่เหมือนกับตราที่ใช้ปิดซอง
ลายแบบไหนแล้วนะ...
เพราะความมืดและไม่ได้ตั้งใจดูด้วยเลยจำไม่ค่อยได้ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นตราที่ประทับบนเอกสารใบสุดท้าย ตามปกติแล้ว ถ้าซองถูกเปิดออกและปิดใหม่ คนที่เปิดซองจะใช้ตราของเขาประทับ
ไหน ชื่อใต้ตราคือ...
จักรพรรดิ?
ซวยแล้วกู!
***
ยามดึก อารีเลียหลบหญิงรับใช้และหนีออกจากห้อง นี่เพราะจู่ๆเธอก็รู้สึกอึดอัดเมื่อคิดถึงชายใส่หน้ากาก
ความรู้สึกนี้มันคืออะไร?
เธอรู้สึกไม่อยากอาหารมาสามวัน ไม่มีแรงและไม่ต้องการอะไร (ยกเว้นของหวาน) นี่เป็นครั้งแรกชีวิต 16 ปีของเธอที่รู้สึกอย่างนี้ ความทรมานเหมือนอาหารไม่ย่อย หัวใจหนักอึ้งกำลังเต้นแรง แต่เธอกลับไม่รู้สึกรังเกียจหัวใจที่เต้นแรงหนักอึ้งนัก
ทำไมกันนะ?
อารีเลียเดินพลางครุ่นคิด เท้าของเธอมุ่งไปยังขอบนอกของพระราชฐานชั้นใน ทันใดนั้นเธอก็รู้ตัวว่ามาใกล้ตรงที่เธอเคยหลบหญิงรับใช้เมื่อสามวันก่อน
อารีเลียตรงไปที่ระเบียง สูดอากาศยามกลางคืนอันค่อนข้างเย็นอย่างสดชื่น คืนนี้ดวงจันทร์ก็ส่องแสงสว่างอีกแล้ว
***
ผมตัดสินใจหาขี้ผึ้งผสมผงภูติก่อน ตราจักรพรรดิอยู่แต่ในห้องทำงานของเขา แต่ขี้ผึ้งน่าจะมีที่อื่นด้วย
ผมค้นทุกโต๊ะในกองคลังและเจอขี้ผึ้ง แต่มันเป็นขี้ผึ้งธรรมดาไม่มีผงภูติ
ผงภูติมีลักษณะเด่นที่จะส่องแสงตอบรับกัน ดังนั้นถ้าขี้ผึ้งส่องแสงเมื่อผมเอาผงภูติไปใกล้ๆก็แสดงว่ามันผสมผงภูติ แต่ขี้ผึ้งที่ผมหาเจอไม่ส่องแสง
มาคิดดู ผงภูติเป็นของแพง กองคลังคงไม่ได้ใช้มันง่ายๆต่อให้ได้งบมาเท่าไหร่ก็เถอะ คนที่ใช้ได้ควรจะเป็นคนตำแหน่งสูง ดังนั้นมันน่าจะอยู่ในห้องทำงานของหัวหน้ากองคลังหรือนายกรัฐมนตรี
ห้องทำงานของนายกรัฐมนตรีกับจักรพรรดิไม่มีบนแผนที่ แผนที่วังแทบจะว่างเปล่า ซึ่งไม่แปลก ที่จริงการมีที่ตั้งของกองคลังและกระทรวงอื่นๆต่างหากที่น่าตกใจ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกคับแค้นใจต่อแผนที่ว่างเปล่า
ผมเดินรอบกองคลังและเจอห้องทำงานของหัวหน้ากองคลัง ผมเปิดประตูและเริ่มค้นโต๊ะของเขา ผมลองเปิดลิ้นชักแต่มันถูกล็อกไว้หมด
มาปลดล็อกมันก่อน
ลิ้นชักแรกใส่วัสดุสำนักงานและถุงใส่เหรียญทอง ผมคิดจะเอาไปเพราะน่าจะเป็นเงินที่ได้มาโดยมิชอบแต่ก็ปล่อยไว้เพราะไม่มีหลักฐาน
ลิ้นชักที่สองมีบัญชีการฉ้อโกง น่าเสียดายที่ไม่ใช่การฉ้อโกงของหัวหน้ากองคลังแต่เป็นหลักฐานผูกมัดเคานต์คนหนึ่ง
ลิ้นชักที่สามมีพวกเอกสารและกุญแจ ถ้าผมกำลังเล่นเกมหนีออกจากห้องอยู่คงตื่นเต้น แต่ผมมีลวดไขได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
ลิ้นชักสุดท้ายมีของหลายอย่าง มีขี้ผึ้งรวมอยู่ด้วย พอเอาผงภูติไปใกล้ๆมันก็ส่องแสงจางๆ
เจอแล้ว!
ผมใส่รังสีดาบบนเล็บและตัดขี้ผึ้งออกอย่างเรียบสนิท รอยตัดบนขี้ผึ้งดูเรียบกว่าของเดิม แต่ดูเป็นธรรมชาติเพราะไม่มีรอยกดเหลืออยู่
ด้วยปริมาณเท่านี้ เจ้าของจะแค่สงสัยว่าเขาเผลอใช้ขี้ผึ้งมากเกินไปโดยไม่สงสัยว่ามีใครมาตัดมัน
ผมใช้ช้อนเก็บขี้ผึ้งละลายแล้วออกจากกองคลัง
***
อารีเลียมองดาวอยู่นานจนตัวเริ่มเย็น เธอคงอยู่ข้างนอกนานเกินไปและตัดสินใจกลับ แต่เท้าเธอไม่ขยับตามความคิด
ความรู้สึกนี้คืออะไร? มันตื่นเต้นและมึนงง...
เธอรู้สึกกระตือรือร้นอย่างแปลกๆขณะยืนบนระเบียง มันเหมือนตอนเธอรอให้ถึงเวลาอาหารว่างแต่รุนแรงกว่าเล็กน้อย เหมือนตอนหญิงรับใช้ตอบว่า “บริออช” เมื่อเธอถามว่า “ของว่างวันนี้เป็นอะไร?” เธอรู้สึกเหมือนกันตอนที่ชายใส่หน้ากากปรากฏตัวและพูด “สวัสดีคุณผู้หญิง?”
อารีเลียหัวเราะอย่างหดหู่ ที่นี่ที่ไหน? มันคือวังหลวงสัญลักษณ์ของจักรวรรดิ สิ่งที่เกิดขึ้นคืนนั้นเป็นเพียงฝันกลางวัน ชายคนนั้นอาจทหารถูกจับได้และสังหารไปแล้ว วังหลวงคือที่แบบนั้น เธอแค่รู้สึกกังวลแทนชายคนนั้น เธอต้องลืมเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
อารีเลียหันกลับอย่างเศร้าสร้อยเมื่อเข้าใจความจริง ตอนนั้นเอง...
ตุบ!
เธอได้ยินเสียงบางสิ่งหล่นลงพื้นจากด้านหลัง
มันไม่ควรเกิดขึ้น!
แต่มันกำลังจะเกิด...
อารีเลียมองกลับไป หัวใจเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ ชายใส่หน้ากากพูดขึ้น “สวัสดี คุณผู้หญิง?” และ “ดีใจที่ได้เจอกันอีก”
เขาอยู่ตรงนั้น...
***
เมื่อออกจากกองคลัง ผมตรงไปที่ส่วนในของวัง พูดตามตรงมันกว้างจนผมไม่รู้ว่ากำลังไปไหน
บางเวลาเมื่อทหารยามผ่านมา ผมจะหลบบนเพดานหรือในห้องว่าง ผมอยากสแกนทั้งวังด้วยเวทมนตร์และสร้างแผนที่สามมิติและตรงไปที่ห้องทำงานของจักรพรรดิเลยจริงๆ โชคร้าย ถ้าทำแบบนั้นนักเวทในวังคงจับได้
ว่าแต่ ฉันอยู่ที่ไหน?
แม้ผมจะใช้เวลาสามวันนี้ไปกับการเดินหารอบพระราชวังมันก็จำกัดอยู่แต่เขตกองคลัง เมื่อเดินอย่างไร้จุดหมายในวังกว้างใหญ่ก็เกิดหลงขึ้นมา ไม่ได้แล้ว ผมต้องหาให้ได้ก่อนว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในหรือชั้นนอก ผมออกไปที่ระเบียง กระโดดขึ้นไปบนหลังคาและปีนขึ้นไปยังยอดที่สูงที่สุด
เมื่อมองวังจากที่สูง ผมก็ตระหนักว่ายังอยู่ในขอบนอกของพระราชฐานชั้นใน ดูเหมือนตอนเดินในตัวอาคารผมจะเดินรอบขอบนอก ผมใช้วรยุทธ์ลับประสาทสัมผัสให้แหลมคมขึ้น
วรยุทธ์ของเผ่ากาเสริมทักษะกายภาพของผู้ใช้โดยการโคจรพลังเวทให้ไหลอยู่ในร่าง ผลคือภายในร่างของผู้ใช้ตัดจากสภาพแวดล้อมภายนอกและไม่มีการสูญเสียพลังเวท มันเป็นวิชาที่พัฒนาเพื่อการอยู่รอดในโอลิมปัส จึงไม่ควรมีนักเวทนอกป่าคนไหนจับพลังเวทของผมได้
ด้วยเหตุนี้เอง นักเวทและอัศวินในปราสาทจึงไม่รู้สึกผิดปกติแม้ผมจะกำลังโคจรพลังเวทในร่างอย่างรุนแรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น