บทที่ 33 – ความเศร้าของเจ้าหญิง (3)
มิลเปียพยักหน้า
“นี่เป็นเรื่องใหญ่ พักนี้พวกปีศาจกำลังอาละวาดในเขตแดนปีศาจ และเรายังมีกองกำลังปริศนาเคลื่อนไหวลับๆอีก”
พูดตามจริงแล้ว จักรวรรดิจะถูกทำลายไม่ส่งผลกับหน่วยงานข่าวของแม่ใหญ่ พวกนางทำงานในจักรวรรดิแต่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิ แต่จักรวรรดิเป็นโล่ป้องกันไม่ให้เขตแดนปีศาจขยายกว้างขึ้น
การช่วยจักรวรรดิคือการป้องกันไม่ให้มนุษย์สูญเสียดินแดนไปซึ่งจะทำให้พื้นที่ทำงานของพวกนางลดลง ในสายตาของหน่วยงาน ช่วยจักรวรรดิที่มีคนซื้อข่าวย่อมดีกว่าปีศาจและสัตว์ประหลาดที่สื่อสารกันไม่ได้
กลุ่มต่อต้านมีอยู่เสมอแต่จักรวรรดิมีอำนาจเข้มแข็งจนมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ตอนนี้กองทัพของจักรวรรดิส่วนใหญ่ไปอยู่ที่เขตแดนปีศาจ การเกิดกองกำลังต่อต้านใหม่จึงเป็นเรื่องอันตราย
“ขอบใจนะที่มารายงาน”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
มิลเปียตอบอย่างถ่อมตน แม่ใหญ่จึงลูบศีรษะเธอ
“ตอนนี้เจ้าอยู่ที่เมืองหลวงไปก่อน ข้าจะส่งคนอื่นไปกรันเวลแทน”
“คะ? แต่ว่า-”
มิลเปียทำตาโตอย่างแปลกใจ แม่ใหญ่ยิ้ม
“มิลเปีย กรันเวลต้องปิดตัวลง เราปล่อยสาขาลับให้เปิดต่อไปไม่ได้เพราะมันถูกพบแล้ว มาอยู่ที่เมืองหลวงและช่วยงานข้าจนกว่าจะตั้งสาขาใหม่เถอะนะ”
มิลเปียผงกศีรษะรับ
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำอะไรดี?”
แม่ใหญ่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้ม “คนที่เราส่งไปแฝงตัวในโรงเรียนเวทมนตร์จะเรียนจบปีหน้า”
มิลเปียมีลางสังหรณ์ไม่ดีเมื่อแม่ใหญ่พูดเหมือนจะให้เธอทำหน้าที่นั้น
“แต่...นั่นเป็นงานของสมาชิกระดับธรรมดา”
แม่ใหญ่หัวเราะอย่างสนุก
“แต่ลูกคนอื่นของข้าไม่มีใครโตพอเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ได้ มิลเปีย เจ้าอายุครบสิบหกไปเมื่อไม่กี่วันก่อนใช่ไหม?”
มิลเปียกลอกตาพยายามหาข้อแก้ตัว
“เอ่อ ที่จริงข้าอาจอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดก็ได้”
มิลเปียหน้าแดงและตำหนิตัวเองที่หาข้ออ้างไม่ได้เรื่อง ต่อให้อายุของเธอสูงกว่าเกณฑ์จริงก็ปลอมข้อมูลได้
“มิลเปีย ถ้าข้าเจอเจ้าตอนอายุสองหรือสามขวบก็เป็นไปได้อยู่หรอก แต่ข้าเจอเจ้าถูกห่อในห่อผ้าอยู่ในกระเป๋าหน้าโบสถ์ ข้ารู้แน่นอนว่าเจ้าอายุเท่าไหร่” แม่ใหญ่ยิ้ม
มิลเปียพยายามหาข้ออ้างอื่นแต่ไม่สำเร็จ
มิลเปียจ้องตาแม่ใหญ่เพื่อถามว่าตั้งใจจะส่งเธอไปจริงเหรอ การสังเกตม่านตาเป็นเทคนิคจับโกหกอย่างหนึ่ง สำหรับคนอย่างแม่ใหญ่ นางสามารถควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจและม่านตาได้ ครั้งนี้แม่ใหญ่สบตามิลเปียโดยไม่ควบคุมม่านตา ปล่อยให้มิลเปียรู้ว่านางตั้งใจจริง
“มีเหตุผลอะไรหรือเปล่าคะที่ข้าต้องเข้าโรงเรียนเวทมนตร์?”
แม่ใหญ่ควบคุมม่านตาให้ขยับ มิลเปียท้อใจเพราะมันหมายความว่านางบอกให้เธอหยุดถาม
“นี่คือคำสั่ง เข้าโรงเรียนและหาความรู้ให้มาก ข้าจะหาชื่อและตำแหน่งขุนนางให้เจ้า”
มิลเปียไม่มีทางอื่นนอกจากยอมรับชะตากรรม
แม่ใหญ่เตรียมตัวตนใหม่ให้มิลเปียโดยการใช้ตัวตนของขุนนางตกอับแทนที่จะทำบัตรปลอมแบบเดนเบอร์ก พวกนางไม่ต้องกลัวเรื่องถูกเปิดโปงเพราะข้อมูลของขุนนางเป็นของแม่ใหญ่อยู่แล้ว
มิลเปียถอนหายใจยาวเหมือนยอมแพ้
เธอกำลังจะมีชีวิตนักเรียนที่ไม่เคยมีมาก่อน
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”
แม่ใหญ่ร่วมแสดงความเสียใจแบบไม่ค่อยจริงใจนัก มิลเปียอยากพูดว่าถ้าจะแสดงความเสียใจแบบนี้อย่าพูดเลยดีกว่า
***
“เฮ้อ” อารีเลียถอนหายใจ
เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจ บรรดาหญิงรับใช้ถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าหญิง กลุ้มใจเรื่องอะไรคะ?”
อารีเลียส่ายศีรษะและเหม่อมองก้อนเมฆนอกหน้าต่าง ไม่รู้ทำไม หัวใจเธอเต้นแรงและเธอนอนไม่ค่อยหลับมาสามคืนแล้ว บางครั้งเธอก็รู้สึกแปลกๆ เศร้าและเหงาขึ้นมา
อา เมฆก้อนนั้นเหมือนหน้ากากของลูแปงเลย
อารีเลียตื่นเต้นเมื่อเห็นก้อนเมฆ และซึมลงอีกครั้งเมื่อเมฆถูกลมพัดกระจาย
“เฮ้อ”
บรรดาหญิงรับใช้ก็งงไปเพราะไม่เคยเห็นอารีเลียเป็นแบบนี้
“กินขนมไหมคะ?”
ยิ่งงานฉลองวันเกิดของอารีเลียใกล้เข้ามา ขนมหวานนอกจากเวลาอาหารว่างก็ถูกห้าม แต่หญิงรับใช้เสนอขึ้นมาเพราะอารีเลียแปลกไป
อาจเพราะความกดดันที่ต้องดูดีต่อหน้าจักรพรรดิในงานฉลองวันเกิด หรืออาจเพราะการที่บรรดาหญิงรับใช้พยายามเตรียมงานให้สมบูรณ์แบบที่สุดทำให้เธอเครียด อารีเลียพยักหน้าพลางเหม่อมองท้องฟ้า
กระวนกระวายใจก็ส่วนของกระวนกระวายใจ ขนมก็ส่วนของขนม ไม่ว่าอารีเลียจะหม่นหมองเพียงใดเธอจะไม่งดขนมหวาน
ปกติหญิงรับใช้จะเตรียมขนมหวานน้อยมากเพื่อควบคุมน้ำหนักของอารีเลีย ดังนั้นเธอจะไม่ปฏิเสธถ้ามันมาโดยเธอไม่ต้องขอ แน่นอน เธอตอบอย่างช้ามากและอ่อนแรงมาก
จากนั้นเธอพูดเสียงเซื่องซึมเพื่อไม่ให้หญิงรับใช้รู้สึกว่าถูกหลอก “บริออช”
“ทราบแล้วค่ะ”
หญิงรับใช้คนหนึ่งออกจากห้องและเอาขนมปังกลับมา อารีเลียอารมณ์ดีขึ้นเมื่อเห็นมัน แต่เธอพยายามทำสีหน้าให้ว่างเปล่าที่สุดขณะหยิบขนมขึ้นมา
***
ผ่านไปสามวันแล้วนับแต่ผมค้นกองคลังในเขตพระราชฐานส่วนใน ข้อมูลที่นี่เป็นความลับมากกว่ากองคลังข้างนอก
ปัญหาคือผมยังไม่เจอข้อสอบข้าราชการเลย แน่นอน ยังมีตู้นิรภัยอีกมากกว่าครึ่งให้ค้น แต่อีกครึ่งเดือนก็ถึงวันสอบแล้ว ตอนนี้ผมควรจะได้อ่านและท่องจำข้อสอบ ผมเริ่มร้อนใจเพราะเท่าที่ผมได้อ่านคือผลการฝึกข้าราชการ
ผมใช้ความพยายามอีกหน่อยปลดล็อกตู้นิรภัยที่วางเวทมนตร์ไว้สามชั้น
ไหนดูซิ อันนี้เป็นรายงานเกี่ยวกับตลาดมืด อันนี้... โอ๊ะ รายงานเจาะลึกเกี่ยวกับผลกระทบของลูแปงต่อเศรษฐกิจ น่าจะอ่านไว้หน่อย
มันชัดเจนอยู่แล้วว่าการลักขโมยเป็นภัยต่อสังคม แต่ที่จริงแล้วมีผลลบต่อเศรษฐกิจน้อยมาก นั่นเพราะหัวขโมยเป็นแค่ปัจเจกบุคคล ผลกระทบที่พวกเขาสร้างในระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่จึงจำกัด ก็เหมือนโรยเกลือหนึ่งกำมือลงทะเลไม่ทำให้มันเค็มขึ้น
นี่เหมือนบทความที่เขียนอย่างรีบเร่งมากกว่ารายงาน ผมดูแล้วไม่เห็นตราประทับบนรายงาน แต่มีเขียนบนรายงานว่าสำหรับหนังสือพิมพ์องค์กร
ดูเหมือนกองคลังจะมีจดหมายข่าวของตัวเอง ซึ่งมีเหตุผลเพราะเป็นองค์กรขนาดใหญ่พอตัว อีกอย่างการปรากฏตัวของโจรที่สามารถทำให้ตลาดปั่นป่วนก็ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ปัญหาใหญ่ที่ลูแปงก่อคือเขาเปลี่ยนเงินทุนโปร่งใสของเหล่าขุนนางเป็นเงินที่คาดคะเนไม่ได้
เหตุผลที่มันเป็นปัญหาคือหนึ่ง พวกเขาคาดเดาไม่ได้ว่าเงินจะถูกใช้ทำอะไร เหตุผลข้อสองคือพวกเขาไม่รู้ว่าลูแปงขโมยไปเท่าไหร่
ปัญหาข้อแรกมีความเห็นหลายข้อ มีสามข้อที่เด่นที่สุด
หนึ่งคือลูแปงเป็นโจรคุณธรรมแบบในนิทาน สองคือนี่เป็นกลยุทธ์ทำให้ระบบเศรษฐกิจของจักรวรรดิปั่นป่วน ข้อสามคือเชื่อว่านี่คือการกระทำของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล
ปัญหาข้อที่สองเกิดเพราะพวกขุนนางที่ถูกขโมยไม่เปิดเผยว่าผมขโมยเงินไปเท่าไหร่ เมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าผมขโมยไปเท่าไหร่ก็ทำนายผลกระทบที่ผมมีต่อตลาดไม่ได้ ดูจากแผนภูมิและตารางในรายงานแล้วก็เห็นได้ว่าพวกเขายังไม่รู้จำนวนคร่าวๆอยู่ดี
แต่ถ้าดูจากกราฟนี่...
ผมอ่านรายงานคร่าวๆจนจบแล้ววางมันไว้ที่เดิม
รายงานกล่าวอย่างชัดเจนว่ากองคลังมองลูแปงอย่างไรและมีแผนรับมือต่อเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไร นี่จะเป็นประโยชน์ถ้าต่อไปผมต้องก่อกวนนายกรัฐมนตรีอีก นอกจากนั้นยังมีผู้ซื้อขายในตลาดมืดที่ถูกจับตามองซึ่งผมต้องหลีกเลี่ยง
ผมไล่ดูกองเอกสารไปเรื่อยและเจอซองเอกสารหนาที่ปิดตราขี้ผึ้งไว้ มุมซองเขียนว่า – ข้อสอบข้าราชการ XX
เจอ เจอจนได้เหรอ?
ผมแทบตะโกนด้วยความดีใจ
โอ๊ะ อันตราย
ผมอยู่ตรงหัวใจของจักรวรรดิที่คนจะถูกส่งไปประหารถ้าเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต แน่ล่ะ ก่อนจะเป็นเช่นนั้นผมต้องถูกจับได้ก่อน แต่ถ้าลุงรู้ว่าผมคือเดนเบอร์ก เบลด ผลที่เลวร้ายที่สุดคือผมจะถูกพากลับบ้าน
สารบัญ รอใส่บทที่ 34
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น