วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 35

 บทที่ 35 – ความเศร้าของเจ้าหญิง (5)


แน่นอนว่าการตรวจหาแบบนี้ใช้ได้แต่กับสิ่งมีชีวิตไม่ใช่สิ่งก่อสร้างที่เป็นอนินทรีย์ แต่กับคนจำนวนมากขนาดนี้ ตัวตนของพวกเขาก็กลายเป็นแผนที่บอกทางได้

ผมมองไปกลางเขตพระราชฐานชั้นใน เป้าหมายคือตราประทับของจักรพรรดิ ถ้าเป็นที่ๆจักรพรรดิไปบ่อยๆ การรักษาความปลอดภัยก็ต้องแน่นหนาต่อให้เขาไม่อยู่ ผมมองหาที่ๆการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาที่สุด

โอ๊ย... ตาฉัน...

เมื่อเพ่งไปทางเขตพระราชฐานชั้นในผมก็รู้สึกเจ็บตามากจนเกือบร้องออกมา แต่แน่ใจว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่วรยุทธ์

ปัญหาอยู่ตรงไหน?

ผมหยุดใช้วรยุทธ์และมองไปทางเดิม ไม่รู้สึกเจ็บตาอีก คราวนี้ผมใส่พลังเวทที่ตาแล้วมองใหม่

เจ็บ...

ไม่มากเท่าครั้งแรก แต่ยังเจ็บ

อ๊ะเข้าใจแล้ว! เพราะมันใหญ่มากเลยไม่ทันสังเกต แต่ผมกำลังยืนในวงเวทขนาดใหญ่ ที่ได้รับบาดเจ็บจากวงเวทเพราะไปเข้าเงื่อนไขบางอย่าง อาจเกี่ยวกับอวัยวะที่ใช้รับข้อมูล อย่างการรวมพลังเวทไปที่หูหรือตาจะและหันไปทางพระราชฐานชั้นใน ต่อให้วรยุทธ์ตัดผมออกจากสภาพแวดล้อมภายนอกก็ไม่ได้เพราะผมอยู่ในวงเวทแล้ว

ก็เหมือนเราปิดกระจกรถเพราะกลิ่นขี้วัวแต่กลิ่นก็อยู่ในรถแล้ว สำหรับกรณีนี้ ผมต้องออกจากวงเวท ลบอิทธิพลของมันออกจากตัวแล้วใช้วรยุทธ์ก่อนจะเข้าในวงเวทใหม่ แต่วงเวทนี่ดูจะกว้างไปถึงวังชั้นนอก จะให้ทำอย่างนั้นก็ยุ่งยาก เอาแค่รบกวนวงเวทเพื่อสร้างช่องโหว่ดีกว่า

ผมสร้างบาเรียป้องกันไม่ให้พลังเวทรอบตัวกระจายออกไป หยิบไม้เท้าออกมาจากกระเป๋ามิติ ไม้เท้าทำจากกระดูกมังกร ความยาวรอบวง 4 เซนติเมตรและยาวหนึ่งเมตร ที่หัวมีพลอยเท่ากำปั้นลอยอยู่ มันทำจากหัวใจมังกรเจ็ดตัว

หัวใจมังกรลอยกลางอากาศและส่องแสงเจ็ดสีสวยงามสลับกัน จากนั้นก็มีแหวนขนาดต่างกันสามวงและผลึกปีศาจ 5 ชิ้นบีบอัดเป็นขนาดเท่าเล็บลอยรอบหัวใจมังกร มังกร 10 ตัวและปีศาจระดับเดียวกับมังกร 50 ตัวถูกสังหารเพื่อสร้างไม้เท้านี้ แต่มันของที่คู่ควรกับการเสี่ยง

ผมไม่ได้ใช้มันตอนออกจากหมู่บ้านเพราะมันใช้ในป่าไม่ได้ ป่าโอลิมปัสเป็นนรกของนักเวทที่ซึ่งพลังเวทพยศหนัก ถ้าใช้ไม้เท้านี้ ที่แค่ถือไว้เฉยๆก็ปล่อยพลังเวทมหาศาลออกมาแล้วจะทำให้ป่าครึ่งผืนกระจุย

มันเป็นไม้เท้าที่ผมแอบทำขึ้นในการเตรียมการออกจากหมู่บ้าน แต่เมื่อทำเสร็จถึงรู้ว่ามันทรงพลังเกินไปไม่เหมาะกับใช้สู้กับคนบ้านเดียวกัน ดังนั้นผมจึงไม่มีโอกาสใช้มัน ตอนนี้ออกจากป่าแล้ว ผมสามารถควบคุมมันได้

ผมใช้ไม้เท้าเคาะลงหลังคาเบาๆเพื่อติดต่อกับวงเวท ขณะอ่านผลของวงเวทและเงื่อนไขการแสดงผลผมก็สงสัยว่าข้อห้ามมากมายขนาดนี้คนในวังจะอยู่ไหวเหรอ

แน่นอนว่าข้อห้ามมากมายสร้างเพื่อปกป้องจักรวรรดิ จึงไม่แสดงผลนอกจากคนติดต่อหรือพยายามติดต่อจักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครอยู่ในวังได้เพราะวงเวทห้ามกระทั่งพฤติกรรมปกติอย่างการเดิน การมอง กระทั่งการหายใจ ผมทึ่งเหล่าคนรับใช้ใกล้ชิดของจักรพรรดิที่ต้องทนกับข้อห้ามพวกนี้จริงๆ

ผมกลืนน้ำลายเมื่ออ่านเจอเส้นแบ่งเขตในวงเวทที่เรียกว่าเส้นดาบ คนที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่สามารถผ่านเส้นนั้นได้ วงเวทในเส้นดาบคนละชั้นกับวงเวทที่ผมกำลังรบกวนอยู่ ผมไม่สามารถสร้างช่องว่างในวงเวทนั้นได้

ในรอบหลายสิบหรือร้อยปีนี้ ต้องแก้ ต้องเปลี่ยนวงเวทกันกี่รอบถึงมาถึงขั้นนี้ได้...

เหมือนเขียนบนกระดาษขาวแล้วเขียนทับลงไปอีกร้อยรอบ ขนาดผมที่เป็นชาติพันธุ์นักสู้ ถ้าคิดจะฝ่าวงเวทนี้ไปก็ตาย

วงเวทก็เหมือนด้าย จะคลี่คลายมันได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าจะหาเวทแรกที่ถูกเขียนไว้ได้หรือเปล่า วงเวทหลังเส้นดาบคือปมกอร์เดียนดีๆนี่เอง วิธีแก้คือต้องเป่าทั้งวังให้ราบอย่างอเล็กซานเดอร์มหาราช แต่ถ้าทำอย่างตราประทับก็ไม่เหลือ ผมต้องหาทางอื่น

ผมหาช่องโหว่ขณะแตะรอบๆวงเวท วงเวทก็เหมือนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตราบใดที่เป็นของคนสร้างก็ต้องมีบั๊กและข้อผิดพลาด โดยเฉพาะกับวงเวทใหญ่ขนาดนี้และถูกวาดซ้ำและแก้ไขหลายรอบ

มันต้องมีมาสเตอร์คีย์หรือวิธีอื่นที่แก้ไขข้อผิดพลาดได้ เชื่อมต่อล้มเหลว, ไฟร์วอลล์, หลีก, เชื่อมต่อ, ล้มเหลว... มีหลายอย่างที่ต้องระวังระหว่างขุดข้อมูลของวงเวทโดยไม่ให้นักเวทในวังรู้ตัว

แต่ก็มีผลพลอยได้อย่างอื่นด้วย

ตอนวิเคราะห์วงเวทผมก็เจอข้อมูลแผนที่ของเขตพระราชฐานชั้นในด้วย ผมหยิบบัตรเล็กๆจากกระเป๋ามิติและวางข้างไม้เท้า บัตรใช้หลักการเดียวกับป้ายของธนาคารที่ใช้บันทึกเงินในบัญชี มันเหมือน SSD หรือ SD การ์ด

ผมเซฟแผนที่เสร็จแล้วตั้งใจวิเคราะห์วงเวทต่อ แม้จะไม่เจอมาสเตอร์คีย์ ผมก็พบว่ามีสร้อยข้อมือจำนวนหนึ่งที่มีรหัสผ่านเส้นดาบ มีหนึ่งอันที่กำลังอยู่นอกเส้นดาบ

เจ้าของรหัสผ่านคือ อารีเลีย วอน บาฮามุนท์ ดิ ออร์เลียง อีเลีย องค์หญิงลำดับสามของจักรวรรดิ

การเจาะวงเวทคงต้องใช้เวลาหลายวัน ขโมยรหัสผ่านน่าจะดีกว่า อย่างไรเสียผมก็เป็นโจร

***

อารีเลียรู้สึกมึนงงสงสัยเมื่อเห็นชายใส่หน้ากาก

เขามีตัวตนจริงๆเหรอ หรือภูติกำลังทำให้ข้าเห็นความฝัน?

ชายคนนั้นดีดนิ้วเมื่ออารีเลียมองเขาอย่างใจลอย

เป๊าะ!

เสียงทำให้เธอรู้สึกตัว อารีเลียจับกระโปรงขึ้นและโค้งน้อยๆตามมารยาทในวัง แก้มของเธอเป็นสีชมพูจางๆ

“อ๊ะ สวัสดีค่ะ คุณลูแปง”

ปากข้างล่างหน้ากากกลายเป็นรอยยิ้มบาง ลูแปงกระโดดเบาๆลงจากรั้วระเบียงและมาหาเธอ ยกมือขวาของเธอจูบที่หลังมือ

ดวงตาของลูแปงวาววามเล็กน้อย “ยินดีที่ได้เจอกันอีก อา...เรีย?”

อารีเลียพยักหน้าเมื่อลูแปงเรียกชื่อปลอมของเธออย่างไม่คล่องนัก อารมณ์ดีขึ้นเมื่อเขายังจำชื่อเธอได้ทั้งๆที่เจอกันครู่เดียวเมื่อสามวันก่อน

“วันนี้เป็นวันที่งดงาม ว่าไหม?”

ลูแปงกระตุกมืออารีเลียเบาๆเหมือนจะพาเธอไปที่ราวระเบียง เธอเดินตาม

“ค่ะ”

วันนี้ดวงจันทร์เต็มดวงส่องสว่าง

อารีเลียรู้สึกเหมือนแสงจันทร์ส่องลงมาให้เธอ สีหน้าหม่นมัวลงเมื่อเมฆเคลื่อนมาบังดวงจันทร์ เธอไม่ได้คาดหวัง เขาเป็นเหมือนภูติที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ เหนืออื่นใด เธอไม่ใช่คนที่สามารถเจอใครได้อย่างอิสระ

ใช่! ตื่นได้แล้ว

เธอต้องตื่นจากฝันปริศนาที่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเลย เพื่อตัวเธอเองและเพื่อชายคนนี้ ขณะอารีเลียจะบอกลา ลูแปงก็ใช้นิ้วชี้วางบนปากของเธอ

“กังวลเหรอ?”

อารีเลียประหลาดใจ

เขารู้เรื่องที่ข้าคิดอยู่ได้ยังไง?

“ไม่ต้องกังวล จะไม่มีใครถูกทำร้าย”

คำพูดของลูแปงทำให้หัวใจเธอหวั่นไหว

“ไม่มีใคร...?”

เป็นไปไม่ได้ เธอเป็นเจ้าหญิงของจักรวรรดิ การพบกันแบบนี้ไม่มีทางได้รับอนุญาต...

“เจ้าต้องมีเรื่องกังวลมากมายแน่” ลูแปงยิ้ม

ดวงตาอารีเลียเศร้าลงพร้อมกัน

“วังนี้คือกรงใหญ่ ใหญ่เกินกว่าจะหนีได้...”

อารีเลียได้ยินเสียงตัวเองแล้วตกใจ เรียกที่นี่ว่ากรงขังเป็นความผิด ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกครั้งที่เธอเจอชายคนนี้ ความคิดในใจของเธอจะพยายามเปิดประตูออกมา

ลูแปงหัวเราะ “จริงเหรอ?”

อารีเลียเงยหน้าจ้องหน้ากาก ลูแปงโอบเอวเธอเบาด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างกุมมือเธอ

“มาดูกันไหมว่าจะหนีไม่ได้จริงๆ?”

และแล้วทั้งสองก็เริ่มลอยขึ้นช้าๆ อารีเลียทำตาโตอย่างประหลาดใจ ใต้หน้ากากขาวครึ่งหน้าเป็นรอยยิ้มซน

“ช้าๆ เจ้าแค่เดินทีละก้าว”

เมื่อเธอก้าวออกตามเขาพูด ร่างเธอก็ลอยเหมือนไม่สนใจแรงโน้มถ่วง เธอรู้สึกขัดแย้งขณะร่างลอยขึ้นแต่ความรู้สึกนั้นไม่แย่นัก ทั้งสองลอยขึ้นฟ้าเหมือนกำลังเต้นรำใต้จักรวาล อารีเลียรู้สึกงุนงงจากลมเย็นของฟ้ายามกลางคืน

“เป็นอย่างไร? ยังคิดว่าหนีไม่ได้อีกไหม?”

รอยยิ้มใต้หน้ากากสอดคล้องกับแสงจันทร์ กลายเป็นภาพแสนวิเศษ

อารีเลียยิ้มและส่ายหน้าเบาๆ “ไม่?”

วอลทซ์บนฟ้าช่างยอดเยี่ยม แขนของเขารอบมือและเอวช่างอบอุ่น



สารบัญ                                           บทที่ 35


อาทิตย์ที่แล้วหยุดไปเพราะไม่สบาย (ชานมเป็นพิษ...) อาทิตย์นี้เลยลงสองตอนค่ะ ^.^


1 ความคิดเห็น: