วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 9

 บทที่ 9 – หนีออกจากบ้าน (9)


ผมได้ข้อมูลเพิ่มมาอีกอย่าง วงล้อมที่เหมือนจะหนาแน่นอยู่ในช่วงกำลังจะเสร็จ แม้ผมเจอหน่วยเล็กๆทุกทางที่ไปแต่วงล้อมยังไม่เข้าที่ดี นั่นแปลว่าหน่วยไล่ล่ารู้ว่าผมกำลังไปทางไหน

พวกเขารู้ได้ยังไง?

ถอยกลับไปสักก้าวก่อน เพราะว่าเฮสเทียเป็นผู้นำการไล่ล่า ผลสำเร็จของหน่วยไล่ล่าก็ต้องมาจากคำสั่งของเธอ เธอต้องรู้ว่าผมกำลังไปทางไหน

เธอรู้ได้ยังไง?

งงแล้วนะ ไม่สิ... ลองมองทางอื่นดีกว่า

ผมกำลังตรงไปที่ถ้ำเพื่อหลบความหนาวของกลางคืน เหตุผลเพราะผ้าห่มที่เอามาด้วยบางกว่าที่คิด

เดี๋ยวก่อน! ผมขโมยผ้าห่มมาจากกระทรวงต่างประเทศ! เป็นไปได้ว่าเฮสเทียรู้ถึงสถานการณ์ของผมตอนนี้

เวร! จุดหมายของฉันก็ถูกเปิดเผยแล้วเหรอ?

กาเวนเห็นผมบินข้ามรอยแยก จึงเป็นไปได้มากทีเดียวที่เฮสเทียจะรู้ว่าผมกำลังไปที่ไหนและกำลังตั้งวงล้อมรอบๆขอบเขตของถ้ำ

ในที่สุดผมก็เข้าใจ ตามที่ผมคาดเดาไว้ เฮสเทียส่งคนข้ามรอยแยกมาเผื่อไว้ หน้าที่ของพวกเขาคือหาจุดที่ผมลงพื้นหากว่าผมบินข้ามมา

ยิ่งกว่านั้น ขณะที่ผมกำลังบินข้ามรอยแยก เธอต้องเจอว่าผ้าห่มที่ผมเอามาบางเกินไป อาจบังเอิญเจอเรื่องนี้ขณะกำลังหาว่าทำไมผมจึงตรงมาทางหน้าผา สุดท้ายข้อมูลใหม่ก็ทำให้อ่านความเคลื่อนไหวของผมได้และวางกับดักไว้

ผมทำผิดพลาดร้ายแรง ผมถูกกดดันและรีบร้อนจะหนีให้เร็วที่สุด ลงเอยด้วยการเปิดเผยจุดหมายของผมให้เธอรู้

แต่คำถามสองข้อยังคงรบกวนผม

ข้อแรก เธอรู้ได้อย่างไรว่าผมถึงพื้นตรงไหน?

เพื่อทำให้ผมเข้าใจว่าวงล้อมถูกสร้างขึ้นแล้ว เธอต้องมีข้อมูลจุดเริ่มบินและจุดลงพื้นของผม ยามที่ผมทำให้สลบไปคงยังไม่ตื่น แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าผมลงพื้นตรงไหน?

ข้อสอง ทำไมเธอทำเป็นสร้างวงล้อมตรงนี้ทั้งๆที่ถ้าไปล้อมจับผมที่ถ้ำง่ายกว่า? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าจับผมที่ถ้ำมันดีกว่าทั้งด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย ดังนั้นการที่เธอใช้อุบายแบบนี้มันดูไม่มีเหตุผลเลย

ไม่เข้าใจเลย! ข้อมูลไม่เพียงพอ

ผมซัดยามตรงหน้าสลบแล้วเปลี่ยนเส้นทาง

เวร คืนนี้คงต้องทนหนาวอีกแล้ว! 

***

นับตั้งแต่เดนเบอร์กหนีออกจากบ้านก็สองวันแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังลับฟ้าและหน่วยไล่ตามเตรียมหยุดเมื่อกลางคืนมาถึง เว้นแต่หน่วยนักรบของกาเวน หน่วยนี้จะเคลื่อนไหวต่อไปทั้งคืน

นี่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าจะจับเดนเบอร์ก แต่ไม่ว่านักรบจะเร็วแค่ไหนกว่าพวกเขาจะถึงจุดตั้งแคมป์ที่เจ็ดก็คงเป็นรุ่งสาง

คำสั่งของเฮสเทียเขียนว่าพวกเขาควรไปถึงจุดตั้งแคมป์ที่เจ็ดตอน 7 โมงเช้า แต่มันก็หมายความว่าคำสั่งต่อไปจะมาถึงตอนนั้นเช่นกัน แม้กาเวนจะไม่ค่อยใช้สมองบ่อยๆก็ควรรู้ว่าถ้าพวกเขาไปถึงที่นั่นตามเวลาจริงๆการเคลื่อนไหวต่อไปของพวกเขาจะติดขัด

เฮสเทียรู้สึกผิดที่กาเวนและหน่วยของเขาได้นอนพักแค่สามถึงสี่ชั่วโมงแต่มันช่วยไม่ได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นกุญแจสำคัญในการจับเดนเบอร์ก

ขณะเฮสเทียกำลังจิบชาพลางอ่านแผนที่ ดูมสโตนก็เรียกเธอ

“เฮสเทีย!”

“ค่ะพ่อ”

เฮสเทียกังวลว่าพ่อของเธอจะโทษที่เธอยังจับเดนเบอร์กไม่ได้สักที แต่ดูมสโตนยิ้มอย่างใจดีให้

“ดูเหมือนเดนเบอร์กจะทำให้เจ้าลำบากแล้ว”

“ไม่ค่ะ ข้ากำลังสนุกเพราะไม่ได้เล่นหมากรุกกับเขานานแล้ว”

“โอ้ หมากรุกที่พวกเจ้าเล่นทีละหลายๆกระดานนั่นน่ะเหรอ?”

“ค่ะ ข้าชนะบ่อยกว่าก็จริง แต่ก็ห่างกันนิดเดียวกับสถิติชนะ 52 ครั้งแพ้ 48 ครั้ง”

“ฮ่าๆ เล่นหมากรุกหนึ่งกระดานข้าก็เหนื่อยแล้ว แต่ดูเหมือนพวกเจ้าจะสนุก”

“เกมที่มีตัวเดินธรรมดาไม่เหมาะกับพ่อค่ะ แต่พ่อมีลางสังหรณ์ชั้นยอดอยู่”

มันจริงที่สุด ลางสังหรณ์ของดูมสโตนที่จริงแล้วน่ากลัวมาก ตัวอย่างเช่น ถ้าเขากำลังดูแผนที่และถูกบอกให้เลือกว่าเหมืองที่มีแร่อยู่เต็มควรจะอยู่ตรงไหน สัญชาติญาณของเขาจะเลือกถูกเกือบทุกครั้ง ด้วยสัมผัสที่หกที่เหนือล้ำกว่าสัญชาติญาณสัตว์ป่านี้ทำให้หมู่บ้านเปี่ยมล้นไปด้วยแหล่งแร่ในตำนานอย่างอดามันเที่ยม โอริฮัลคัมและมิธริล

อีกอย่าง เขายังทำกำไรจากการแลกเปลี่ยนซื้อขายกับจักรวรรดิโดยการทำนายถึงภัยพิบัติธรรมชาติเช่นการอพยพครั้งใหญ่ของปีศาจหรือภัยแล้ง เพราะมีดูมสโตน ตอนนี้จึงเป็นยุคทองของหมู่บ้าน

ในฐานะเป็นลูกของเขา เฮสเทียมีพันธะต้องสร้างยุคนี้ให้ร่ำรวยขึ้นและที่สำคัญคือยั่งยืน เพื่อทำตามพันธะนี้ เดนเบอร์กจำเป็นต้องสืบทอดดูมสโตน

“ว่าแต่ว่า-” ดูมสโตนนั่งตรงหน้าเฮสเทีย “-เป็นอย่างที่เจ้าพูด เดนเบอร์กกำลังไปที่ถ้ำ ถ้าล้อมเขาที่ถ้ำเลยแทนที่จะสร้างวงล้อมปลอมตามทางที่เขาใช้มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ?”

เฮสเทียกางแผนที่เพื่ออธิบาย “ข้าคิดเรื่องนั้นแล้ว พ่อ”

“งั้นทำไมไม่-?”

“มีเหตุผลสองสามข้อที่ทำให้ข้าไม่ทำ” เฮสเทียเริ่มอธิบายระหว่างจิบชา “ข้อแรกเลย เดนเบอร์กไม่รู้ แต่ในบันทึกบอกว่าถ้ำนี้มีปีศาจตัวหนึ่งที่มีความสามารถต่อสู้กับมังกรได้ มีโอกาสมากที่เขาจะเจอกับปีศาจตัวนี้ถ้าเขานอนในถ้ำ”

ดูมสโตนส่ายศีรษะ “เดนเบอร์กไม่ใช่คนอ่อนแอ ที่เขายังหนีรอดจากการไล่ตามจนถึงป่านนี้ก็บอกอยู่แล้ว”

เฮสเทียเห็นด้วย “ใช่ เดนเบอร์กแข็งแกร่ง และเขาพยายามเต็มที่ ข้าคิดว่าในที่สุดเขาจะเข้มแข็งกว่ากาเวนหรือกัลลาฮาด แต่ เขาไม่ได้นอนหลับเต็มตื่นมา 2 วันแล้ว เขาวิ่งในป่าที่ไม่คุ้นเคยและการข้ามรอยแยกอาจใช้พลังเวทไปเกือบหมด เป็นไปได้ว่าตอนนี้เขาคงแทบหมดแรงแล้ว”

“ข้ายังเชื่อว่ายังล้มปีศาจนั่นได้” ดูมสโตนพูดอย่างเชื่อมั่น

เฮสเทียพยักหน้าเห็นด้วย “ค่ะ และเขาก็ฉลาดด้วย ถ้าเขาเห็นว่าคงล้มปีศาจตัวนั้นไม่ได้เขาก็แค่หนี แต่ข้าไม่อยากให้เขาบาดเจ็บ”

“นั่นสินะ ปีศาจมันอันตรายจริง” ดูมสโตนลูบคางและคล้อยตามลูกสาว

“เหตุผลที่สองคือเป็นไปได้สูงว่าเราจะเสียร่องรอยของเขา”

“ยังไงล่ะ?” ดูมสโตนเอียงคอ

“ถ้าเขาเข้าถ้ำ มีโอกาสสูงที่จะต้องสู้กับปีศาจ ในสถานการณ์แบบนั้นเขาคงเลือกหนี”

“หนี?”

สีหน้าดูมสโตนแสดงว่าไม่เข้าใจเอาจริงๆ แต่เฮสเทียแน่ใจในข้อสรุปของเธอ

จากมุมมองของคนในหมู่บ้าน การหลีกเลี่ยงไม่สู้ของเดนเบอร์กอาจเป็นเรื่องประหลาด แต่คนอย่างเขาจะไม่รีบร้อนสู้กับปีศาจโดยไม่เตรียมตัวล่วงหน้า

“ค่ะ ถ้าเขาหนี จากที่เขาเป็นฝ่ายรุกล้ำเขตของปีศาจ มันคงไล่ตามแน่ ในสถานการณ์นั้น เป็นไปได้สูงว่าหน่วยไล่ตามที่ตั้งวงล้อมถ้ำจะเจอกับปีศาจเช่นกัน”

เฮสเทียชี้ไปที่แผนที่และขยับม้าที่เป็นตัวแทนหน่วยไล่ตาม

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ปีศาจกับหน่วยไล่ตามจะสู้กัน และเดนเบอร์กจะฉวยโอกาสนั้นหนี เหลือไว้แต่ร่องรอยที่ถูกการต่อสู้ทำลาย”

คนไล่ตามที่ข้ามรอยแยกไปส่วนมากเป็นยามมากกว่านักรบ และต่อให้เป็นนักรบ การตามหาร่องรอยหลังถูกทำลายก็ยังเป็นงานหนัก

แน่นอน ยังมีความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะต่างไปจากที่เธอคาด หากเดนเบอร์กเลือกสู้กับปีศาจ หน่วยไล่ตามจะจับเขาที่เหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

แต่นั่นเป็นเรื่องเหลือเชื่อหลังจากที่เขาใช้พลังเวทจำนวนมากไปกับการบินข้ามหน้าผา

“นักรบที่มาทีหลังจะหาร่องรอยเลือนรางพวกนั้นไม่ได้” ดูมสโตนพยักหน้าเห็นด้วย

ในเมื่อพ่อของเธอคล้อยตามแล้ว เฮสเทียจึงไม่บอกเหตุผลข้อสุดท้ายที่พลิกผันสถานการณ์ตอนนี้

จนตอนนี้ เดนเบอร์กคาดการณ์การเคลื่อนไหวของคนไล่ตามโดยใช้จดหมายที่เขาทิ้งไว้ ถ้าไม่มีข้อมูลทิ้งไว้เขาคงถูกจับไปแล้ว แต่ตอนนี้เฮสเทียเข้าใจการเคลื่อนไหวของเขาทั้งหมด เธอสามารถถือโอกาสนี้ใช้หน่วยไล่ตามควบคุมการเคลื่อนไหวของเขาแทน ที่จริงแล้วการสร้างวงล้อมหลอกก็เป็นการบีบการเคลื่อนไหวของเขาเช่นกัน อีกไม่นานเขาจะรู้ว่านี่ไม่ใช่วงล้อมและเปลี่ยนเส้นทาง แต่เส้นทางที่เขาเลือกจะเป็นเส้นทางที่เธอต้องการให้เขาขยับไป

เฮสเทียสั่งให้หน่วยไล่ตามอีกฝั่งของรอยแยกแบ่งกำลังคนครึ่งหนึ่งไปสร้างวงล้อมระหว่างบริเวณถ้ำกับเหว เมื่อเดนเบอร์กเปลี่ยนเส้นทางแล้ว พวกเขาถูกสั่งให้ตรงไปยังจุดตั้งแคมป์ที่เจ็ด

กำลังคนอีกครึ่งถูกสั่งให้ไล่ตามเดนเบอร์ก แน่นอนว่าผู้ไล่ตามที่มีแต่ยามจะจับเขาไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอสามารถควบคุมเส้นทางที่เขาจะขยับเข้าไป

มันเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่เฮสเทียรู้เส้นทางของเดนเบอร์ก นอกจากการสร้างวงล้อมรอบถ้ำอย่างที่ดูมสโตนเสนอ การสร้างวงล้อมระหว่างทางไปถ้ำก็เป็นไปได้เช่นกัน ที่จริงแล้ววิธีนี้ยังมีโอกาสจับเป้าหมายมากกว่า พูดให้ถูกต้องกว่านี้คือ นี่คือกลยุทธ์ที่มีอัตราความสำเร็จสูง 

แต่เฮสเทียทิ้งกลยุทธ์นี้ไปเพราะมีตัวแปรหนึ่งที่เธอคำนวณไม่ได้ นั่นคือพลังเวทที่เดนเบอร์กมีเหลือ

เดนเบอร์กควรจะใช้พลังเวทไปมากจากการบินข้ามเหว แต่จากการคำนวณของเธอมันชี้ว่ามีโอกาสที่พลังเวทสำรองของเขายังอยู่ดี

เฮสเทียไม่รู้ว่าเดนเบอร์กมีพลังเวทสำรองไว้เท่าไหร่ กระทั่งผู้เฒ่าเมอร์ปา จอมเวทของหมู่บ้านยังไม่ทราบ ดูจากนิสัยของเขาแล้ว เดนเบอร์กต้องคำนวณไว้ก่อนแล้วว่าเขาจะมีพลังเวทเหลือ เขาต้องแน่ใจว่ามีพลังเวทเหลืออย่างน้อย 5% ไม่ว่าสภาพอากาศของหน้าผาและระยะห่างของรอยแยกจะเป็นอย่างไร

ด้วยทฤษฎีนี้จึงสามารถทำนายพลังเวทสำรองของเดนเบอร์กได้ เมื่อดูจากสภาพอากาศรอบรอยแยกวันนี้และความกดอากาศในป่า รวมกับประมาณการพลังเวทที่เดนเบอร์กมี สรุปว่าตอนนี้เขามีพลังเวทเหลือได้ถึง 30%

แน่นอน เธอไม่แน่ใจ เป็นไปได้ว่าจะมีความคลาดเคลื่อนมากหรือการคาดการณ์อาจผิดถนัด แต่นี่คือพลังเวท 30% ของเดนเบอร์ก สัตว์ประหลาดที่สังหารปีศาจไป 40 ตัวในวันเดียวโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ตอนสู้กับปีศาจเขาอาจใช้พลังเวทอย่างเต็มที่แต่นี่คือปีศาจ 40 ตัว ไม่ว่าจะเป็นกับดักแบบไหนหรือวิธีอะไร ไม่อาจดูถูกพลังของปีศาจ 40 ตัว

หรือก็คือ หากจะจับเดนเบอร์ก จำเป็นต้องทำให้เขาเหนื่อยกว่านี้



สารบัญ                                        บทที่ 10


 

 


1 ความคิดเห็น: