คนแคระโนซามเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศกรรมเครื่องจักร เขาออกไปตรวจดูเรือบรรทุกเครื่องบินแล้วกลับมารายงานบิบิ
“ยอดเยี่ยม วิทยาการของโลกทำให้ข้าประหลาดใจนัก”
“เหรอ? มันจะบินได้ไหม?”
“มันไม่เหมาะกับการบิน... เรือนี้ใช้สำหรับลอยบนน้ำ...”
“อะไรนะ? นายกำลังจะบอกว่ามันบินไม่ได้เหรอ?”
บิบิถลึงตาใส่โนซาม เขาค้อมศีรษะลงอย่างตกใจ สำหรับผู้อพยพแล้วผู้จัดการมิติมีอำนาจเป็นลำดับสองรองจากลอร์ดมิติ
“ข้าจะพยายามเต็มที่”
“ดี รีบๆซ่อมมันนะ เราว่ามันบินไม่ได้เพราะมันเสียอยู่”
“...”
“นายจะบอกว่าซ่อมไม่ได้เหรอ?”
“ไม่...ไม่ขอรับ ข้าจะพยายามเต็มที่”
“ถ้าต้องการอะไรก็บอกได้เลย เราได้สิทธิ์ใช้แต้มได้ไม่จำกัด”
“โฮ่”
โนซามค้อมศีรษะต่ำลงอีก ถ้าลอร์ดมิติให้เธอใช้แต้มได้ไม่จำกัดหมายความว่าเธอเป็นคนสนิทของเขา ผูกมิตรกับเธอไว้มีแต่ได้ไม่มีเสีย
“ข้าจะส่งพิมพ์เขียวออกมาในไม่นาน”
“ดี เราจะรอนะ”
บิบิตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง
โนซามคำนับ ตอนเขากำลังจะออกไปก็เจอกับจุงมินชานตรงประตู ทั้งสองทักทายกันอย่างไม่คุ้นเคย มินชานเข้ามาหาบิบิ
“พ่อบ้านบิบิ พวกที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาบนดาดฟ้าพวกนั้นมันอะไร?”
“คิดว่าอะไรล่ะ? สถานที่สำคัญทั้งนั้นเลยนะ”
เธอซื้ออาคารหลายแห่งมาจากร้านค้ามิติมาตั้งบนดาดฟ้า เธอจ้างคนงานใหม่และประชากรในอลันดาลย่อมจะเดินทางไปมาระหว่างอาณานิคมกับอาณาเขตมิติด้วย
“ถ้าคุณสร้างอาคารพวกนั้นบนดาดฟ้าทั้งหมด แล้วจะทำยังไงกับเครื่องบิน?”
ถ้ารันเวย์ถูกสิ่งก่อสร้างยึดที่ไปก็จะเหลือเพียงที่ว่างพอให้ใช้เฮลิคอปเตอร์ มินชานไม่รู้ว่าบิบิวางแผนอะไรไว้เขาจึงมาถาม
“อ๋อ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เจ้านายจะให้เฮลิ-อะไรนั่นกับโดลเซ เขาว่าใช้ไวเวิร์นดีกว่า”
บิบิได้ฟังแผนการจากวูจินแล้ว ไวเวิร์นสามารถบินขึ้นได้ตรงๆจึงไม่ต้องใช้รันเวย์ ส่วนนอกของเมืองอาณานิคมให้บิบิตกแต่งได้ตามดุลยพินิจของเธอ
“อืม ถ้าเราใช้พวกไวเวิร์น...”
มินชานคิดแล้วพยักหน้า
แต่ว่า พวกอาคารเหล่านี้มันเกี่ยวอะไร...
“ทำไมคุณสร้างคาเฟ่กับร้านขนม...”
เขาจะเข้าใจถ้าเป็นรังไวเวิร์นหรือลานฝึก ทำไมการสร้างคาเฟ่ถึงเป็นสิ่งแรกในกำหนดการไปได้?
“มันสำคัญมากนะ”
“...”
มินชานอึ้งไปกับคำยืนยันหนักแน่นของบิบิ ในตอนนี้ ร้านอาหาร,ที่พักผ่อนหย่อนใจและพิพิธภัณฑ์,ห้องสมุด ถูกสร้างในตัวเรือแล้ว
แต่บิบิเติมดาดฟ้าเรือด้วยสิ่งก่อสร้างที่ไม่เกี่ยวกับการสู้รบ ยิ่งกว่านั้นเผ่าพันธุ์อื่นข้ามมาจากอาณาเขตมิติ และคนของอลันดาลไม่ชินกับภาพที่เห็น เขากลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่ม
“ที่สำคัญคือคนของเราคุยกับคนในอาณาเขตมิติไม่รู้เรื่อง...”
“อ้อใช่ เราต้องขายยาแปลภาษา”
บิบิแก้ปัญหาโดยตรง
ง่ายอย่างนี้เลยเหรอ?
มินชานพูดไม่ออก บิบิซื้อร้านขายยาแปลภาษาจากร้านค้ามิติทันที เธอจะสร้างมันตรงฐานหอบังคับการนี่เลย
อย่างไรเสียเมืองอาณานิคมก็สร้างขึ้นด้วยการใช้แต้ม ถ้าบิบิทำพิมพ์เขียวเสร็จ ร้านขายยาก็จะสร้างเสร็จภายในหนึ่งวัน
“นายไปบอกคนในอาณาเขตมิติให้ซื้อยาแปลภาษากิน ซื้อด้วยหินบลัดสโตนนะ”
นายกฯมินชานกับพ่อบ้านบิบิคุยถึงปัญหาต่างๆเป็นนาน
ขณะนี้ เมืองที่คนในอาณาเขตมิติกับคนของโลกสามารถรวบรวมบลัดสโตนบนโลกได้กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
วิ้ง
“หือ? นั่นอะไร?”
บนดาดฟ้าด้านล่างของหอบังคับการเกิดอุโมงค์ใหม่ ที่สะดุดตาคืออุโมงค์ใหม่นี้สีต่างไปจากอุโมงค์สีแดงที่อยู่ข้างมัน
“ท่าทางเจ้านายจะสร้างอาณานิคมในอัลเฟนแล้ว แต่ว่ายังใช้งานไม่ได้นะ”
เรือบรรทุกเครื่องบินมีอุโมงค์หลายอุโมงค์
อุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับอาณาเขตมิติอลันดาล, สถานีโซลทางออกที่ 1 และเสานีเซียบนโลกจาคุ
เมื่ออุโมงค์ใหม่นี้เปิดเต็มที่ เส้นทางสู่อัลเฟนจะเกิดขึ้น
“งั้นถ้าผ่านอุโมงค์นี่จะไปถึงอัลเฟนเหรอ?”
“อื้ม แต่นายต้องได้รับอนุญาตจากเจ้านายก่อน”
“พระราชาสร้างอาณานิคมสำเร็จแล้วหรือนี่”
“ของมันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เทียบกันแล้ว บิบิศรัทธาในตัวคังวูจินลึกซึ้งยิ่งกว่าใคร เธอเป็นอสูรรับใช้ตนแรกของเขาและอยู่เคียงข้างเขานานที่สุด
มินชานหัวเราะพลางพูด
“ผมจะไปเตรียมทีมที่สอง”
อีกไม่นาน เชฮีซอล บลังกาและหน่วยแฟนธ่อมก็จะต้องผ่านอุโมงค์ไป
“เอาสิ”
บิบิตอบรับแล้วเปิดร้านค้ามิติ เธอเริ่มงานตกแต่งเรือบรรทุกเครื่องบิน
แต้มอาณาเขตมิติลดลงฮวบฮาบ
***
ต้นไม้ต้นหนึ่งถูกนำมาปลูกเหนือภูเขาเซารุส ลาตาชาตกตะลึงเมื่อเห็นว่ามันโตเร็วขนาดไหน
“ทำไมเจ้าถึงมีต้นไม้โลกได้...”
พฤกษาแห่งชีวิต
มารดาต้นไม้โลกสื่อสารกับโลก แต่เนโครแมนเซอร์ผู้เรียนรู้ความตาย คนที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับต้นไม้โลกที่สุดกลับเป็นคนปลูกมัน
แน่นอน มันเป็นแค่สัญลักษณ์ที่ถูกเลือกให้อาณานิคม ไม่มีความหมายอะไรนักสำหรับวูจิน แต่คนอื่นคิดไม่เหมือนเขา
“ตราของสหพันธ์เป็นแบบไหนแล้วนะ?”
ผู้กล้าของอัลเฟนประหลาดใจกับคำถามของวูจิน
“แปลกใจอะไร? พวกนายคิดว่าถ้าฉันชูธงของฉันจะมีคนมารวมกันเหรอ?”
พวกเขาต้องทำให้เป็นที่รู้กันว่าใครอยู่ในภูเขาเซารุส วูจินไม่ได้เลือกที่นี่เพราะศัตรู เขาสร้างอาณานิคมที่นี่เพราะนึกถึงสมาชิกสหพันธ์ที่เหลือรอดอยู่
“ใช่...ใช่แล้ว เราต้องประกาศไปว่าสหพันธ์ยังอยู่ดี”
ที่น่าตกใจคือคำพูดเหล่านั้นมาจากปากของผู้ไม่ตาย
ตอนนี้ คนที่ทำทุกอย่างอย่างมีเหตุผลคือผู้ไม่ตาย
เมโลดี้มองวูจินแล้วแนะขึ้น
“คุณควรชูธงอลันดาลนะคะ”
“อืม ถ้าทำอย่างนั้น คนจะไม่หลีกห่างจากที่นี่เหรอ?”
“อา...”
เมโลดี้ถอนหายใจ แค่มองหน้าเหล่าผู้กล้าเธอก็รู้ว่าทุกคนเกรงกลัววูจินลึกซึ้ง เธอตระหนักว่าความคิดที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปมากขนาดไหน
‘คุณคังวูจินไม่ใช่คนไม่ดี’
ไม่ใช่สิ เขาอาจไม่ใช่คนดี แต่ไม่ใช่เนโครแมนเซอร์ที่น่ากลัวอย่างไม่น่าเชื่อแบบที่เธอเคยคิด อย่างน้อยเขาเป็นคนที่สามารถคุยด้วยได้
เธอเฝ้ามองวูจินตอนอยู่ข้างกายเขาบนโลก และนี่เป็นความรู้สึกของเธอ
“เอาล่ะ ใช้อันนี้ด้วย”
วูจินหยิบธงที่บิบิซื้อไว้ออกมา มันมีรูปแมวทำท่าเหมือนกำลังคำราม ต่างจากสัญลักษณ์ที่แสดงถึงอลันดาลในอัลเฟนค่อนข้างมาก
“หัวหน้านักบวชของลีเซียยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?”
“เขาพยายามต่อต้านกองทัพผีดิบ...”
ดูเหมือนเขาจะฆ่าไปแล้ว วูจินหัวเราะแห้งๆ
“ไม่มีผู้สืบทอดเหรอ?”
“...”
เมโลดี้เพิ่งกลับมาจากโลกพร้อมกับวูจิน เธอไม่มีคำตอบ
ลาตาชาเป็นคนตอบ
“หัวหน้านักบวชที่ได้รับไอเทมศักดิ์สิทธิ์จากลีเซียพักอยู่ทางเหนือ เมืองลิทาน”
“โฮ่ ดี เธอนำทางสิ”
“ทำ...ทำไมข้าต้อง...”
“ไปเถอะน่า”
“...”
ลาตาชาขมวดคิ้วแต่เธอไม่มีทางเลือก เธอออกเดิน
“อาณานิคมจะทำงานในอีกหนึ่งวัน ปกป้องมันดีๆล่ะ”
อาณานิคมของเขาเพิ่งสร้าง จนกว่ามันจะทำงานวูจินไม่มีอะไรให้ทำที่นี่ เขาจะสร้างเมืองทีหลังผ่านร้านค้ามิติ
ตอนนี้เขาควรออกไปหาไอเทมจำเป็นดีกว่า
“ฉันจะออกไปเก็บกวาดข้างนอก พวกนายพักผ่อนสักหน่อย ไว้ฉันจะกลับมา”
กองทัพของโกชูชูสลายไปแล้ว และเขายังยึดอาณานิคมของจูเลียลมา
ลอร์ดมิติในแถบนี้ตายไปสองตน แต่ลูกน้องยังอยู่ แต่วูจินไม่จำเป็นต้องไล่ล่าพวกมันเมื่อไม่มีลอร์ดมิติแล้ว มีซุงกูและผู้กล้าของอัลเฟนก็เพียงพอกับการจัดการพวกมัน
สิ่งสำคัญคือเขาสร้างฐานทัพขึ้นที่นี่ เขาต้องมีเมืองอาณานิคมหรือไม่ก็เมือง
เมื่อเวลาผ่านไป มอนสเตอร์จะมารวมตัวกันที่ภูเขาเซารุส
ขณะที่วูจินเดินแผนยึดดันเจี้ยนและอาณานิคมของลอร์ดมิติตนอื่น พวกมันจะเริ่มทำการโต้ตอบ
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
“...”
ลาตาชามองต้นไม้โลกอีกครั้งแล้วลอยตัวขึ้น
“ตามข้ามา”
ร่างของเธอถูกห่อหุ้มด้วยสายลมแรงขณะลอยไปกับภูติลม วูจินขี่ชิงชิงตามไป
เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว เมโลดี้คลี่ผืนธงออก
“หืม? นี่เป็นสัญลักษณ์อลันดาลจริงๆเหรอ?”
“ให้สองอย่างนี้มารวมกันมันออกจะ...”
คนสติดีที่ไหนจะคิดถึงอลันดาลเมื่อเห็นภาพแมว? เมโลดี้เห็นมันหลายครั้งแล้วแต่ก็อดหัวเราะไม่ได้
“ชักธงขึ้นเถอะ”
“อืม”
“เราต้องป่าวประกาศการร่วมมือกันระหว่างสหพันธ์ของอัลเฟนกับอลันดาล”
พวกเขาชักธงที่แสดงถึงกองกำลังสองกองกำลังตรงหน้าต้นไม้โลกที่โตเหนือยอดเขาเซารุส
“แล้วทำไมผู้ไม่ตายถึงไปหาหัวหน้านักบวชของลีเซีย?”
“นั่น...”
เวลาเราคาดเดาถึงพฤติกรรมของคนๆหนึ่ง เรามักจะคิดถึงสิ่งที่เขาทำในอดีต ในอดีต...
ผู้ไม่ตายข่มขู่ ปล้นและฆ่าตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงมีสีหน้าเคร่งเครียด
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ไม่ตายกับนักบวชที่บูชาพระเจ้านั้นย่ำแย่เป็นพิเศษ
“หรือว่า... หรือเขาคิดจะขโมยไอเทมศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว...”
ทัวริคเป็นพระของเทพสเกีย เขาหน้ามุ่ย เขาเคยเจอมากับตัวแล้ว
ทัวริคกัดฟันเมื่อนึกถึงตอนที่ไอเทมศักดิ์สิทธิ์ รองเท้าบูทของสเกียถูกถอดออกจากเท้าของเขา
“ดูเหมือนเขายังคิดจะรวบรวมไอเทมศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิม”
ในอดีตนี่เป็นหัวข้อที่ถูกกล่าวถึงเป็นเวลานาน นิสัยประหลาดชอบสะสมไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของผู้ไม่ตาย
เขาหักกิ่งต้นไม้โลก ขโมยไอเทมศักดิ์สิทธิ์จากวิหารทุกแห่ง...
กองทัพผู้ไม่ตายกลายเป็นปัญหาใหญ่เมื่อเขาเริ่มรวบรวมสมบัติเหล่านี้
ทัวริคก้มมองรองเท้าบูทของเขา
รองเท้าบูทของสเกียทำให้คนใส่วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่เหนื่อย สมเป็นไอเทมของเทพแห่งการผจญภัย
ไอเทมศักดิ์สิทธิ์จะถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อเกิดหัวหน้านักบวชคนใหม่
รองเท้าของเขาเป็นคู่ที่ 21 สร้างขึ้นหลังจากผู้ไม่ตายขโมยคู่ก่อนไป รองเท้านี้เป็นสมบัติยืนยันว่าเขาเป็นพระองค์แรกของเทพสเกีย
“ทำไมเขาไม่ต้องการไอเทมของข้า?”
ถ้าเขายังต้องการไอเทมศักดิ์สิทธิ์ ไอเทมของทัวริคควรเป็นไอเทมแรกที่ถูกเอาไป การที่ผู้ไม่ตายไม่ทำแบบนั้นทำให้ทัวริครู้สึกแปลก
“อืม ข้าก็ไม่รู้”
พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมผู้ไม่ตายไปหาหัวหน้านักบวชของลีเซีย แต่ต้องไม่ใช่เพราะจะไปขโมยไอเทมอย่างไร้เหตุผลเหมือนเมื่อก่อนแน่ พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน
น่าจะเป็นเช่นนั้น...
***
พวกเขามาถึงทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในแถบเหนือ
“นี่คือทะเลสาบลิทานเหรอ?”
“ใช่”
“มีเมืองตรงนี้เหรอ?”
“ที่นี่คือเมืองสุดท้ายที่ยังไม่ถูกทำลายของสหพันธ์ แต่มีเพียงคนที่ถูกเลือกเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้”
ทะเลสาบลิทานกว้างใหญ่เหมือนทะเล มีเกาะตั้งอยู่โดดเดี่ยวเหนือผืนน้ำ
“ต้องถูกเลือกด้วย?”
“มังกรวารีขัดขวางผู้บุกรุกไม่ให้เข้าไปในทะเลสาบ”
เพราะเหตุนี้เมืองลิทานจึงหลบเลี่ยงการบุกรุกของลอร์ดมิติมาได้ ขณะเดียวกันก็มีคนจากสหพันธ์ไม่มากนักที่เข้าไปได้
นี่เป็นฐานลับของพวกเขา และยังเป็นสถานที่ส่งเสบียงหลักที่สุดท้ายของสหพันธ์
ลาตาชานั่งลงตรงท่าเรือแล้วหันไปมองวูจิน
“แม้แต่ข้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ยามของเกาะลิทานคงเห็นพวกเราแล้ว อีกไม่นานคงมีคนมาคุยกับเรา”
วูจินขมวดคิ้ว
“ต้องรอด้วยเหรอ?”
“นี่เป็นทางเดียวที่เจ้าจะได้เจอกับหัวหน้านักบวชของลีเซีย”
ถ้าขึ้นเกาะลิทานไม่ได้ก็ต้องรอคนบนเกาะออกมา
แต่วูจินยิ้มพลางคว้าคอเสื้อของลาตาชา
“เจ้า...เจ้าจะทำอะไร?”
“ในโลกนี้ไม่มีหรอก ทางเดียวอะไรนั่นน่ะ”
มันเป็นสองทาง มีหรือไม่มี
แทนที่จะเดินบนทาง ผู้ไม่ตายมักจะสร้างเส้นทางของตัวเอง เขาจับคอเสื้อลาตาชาแล้วชิงชิงก็บินขึ้น
“มังกรวารีจะโจมตี...”
ลาตาชาห้อยต่องแต่ง เธอหน้าซีด ในทะเลสาบเริ่มเกิดน้ำวน 17 น้ำวน
เหล่ามังกรวารีเตรียมโจมตีด้วยลมหายใจมังกร
สารบัญ บทที่ 170
บิบิคิดว่าเรือบินได้เพราะเข้าใจคำว่าเครื่องบิน แต่ไม่เข้าใจคำว่าบรรทุกค่ะ เหมือนเราเลย XD ตอนแรกเราก็แปลไปว่าวูจินจะเอาเครื่องบินเหมือนกัน
ทำไมวูจินไม่เอารองเท้าของทัวริค – เพราะมีอยู่แล้ว