บทที่ 70 – ไปอเมริกา (3)
“คุณคังวูจินผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดตอนนี้ก็มาดูภาพยนตร์ของพวกเราด้วย ถือเป็นเกียรติอย่างมากค่ะ”
คำพูดของซินดี้ทำให้ทุกคนหันมามองวูจิน วูจินฝืนยิ้มขณะมองซินดี้
“ถ้าไม่ถือสา ช่วยมาที่เวทีหน่อยได้ไหมคะ?”
เจ้าหน้าที่รีบมุ่งมาทางวูจิน เจ้าหน้าที่พูดพลางก้มตัวผ่านคนดูที่นั่งใกล้วูจิน
“ขอโทษนะครับ ขอทางหน่อยครับ ครับ ขอโทษนะครับ”
คนที่นั่งใกล้วูจินต่างยืนขึ้น หลีกทางให้วูจินออกไป เจ้าหน้าที่ที่มาหาวูจินพูดขึ้น
“เชิญทางนี้ครับ”
“ผมถือ อย่ามายุ่งกับผม”
“อะไรนะครับ”
ถ้ารู้อยู่แล้วว่านี่เป็นการรบกวนก็ไม่น่าจะมายุ่งกับเขา ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องขอนู่นนี่ให้เขารำคาญด้วย?
“บอกเธอไปว่าผมฝากสวัสดีแล้วก็ไปไกลๆ เริ่มรำคาญแล้วนะ”
“เอ่อ...”
“ไม่เข้าใจที่พูดเหรอ?”
วูจินเริ่มรวบรวมพลังเวทย์ เจ้าหน้าที่รู้สึกถึงพลังคุกคามจนต้องถอย
“ผม...ผมจะไปบอกแบบนั้น”
เจ้าหน้าที่รีบไปหาซินดี้ โรงหนังนั้นเงียบทุกคนจึงได้ยินทุกคำพูด ผู้กำกับหัวเราะพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา
“ฮะๆ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอครับ ผมเชื่อว่าที่เขาพูดแบบนั้นเพราะอยากดูหนังของพวกเราเร็วๆ เชิญชมเลยครับ”
หลังเอ่ยลาสั้นๆ ผู้กำกับและนักแสดงก็ออกจากเวที ทุกคนคอยเหลือบมาทางวูจิน จีวอนกระซิบกับวูจิน
“ดูท่าแล้วซินดี้จะไม่รู้ว่าจบจากโรงเรียนเดียวกับนายนะ”
วูจินเห็นด้วย
วูจินไม่รู้จักซินดี้ ซินดี้ก็ไม่รู้จักวูจิน
ภาพยนตร์สนุกทีเดียว
เราส์ใช้เวทย์มนตร์ พวกเขาแสดงพลังที่ไม่มีในชีวิตจริง
เราส์มีค่าตัวสูงมาก แต่ภาพยนตร์ที่เอาเราส์มาแสดงไม่ต้องใช้สเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็คหรือ CG ถ่ายสดๆได้เลย
หนังเรื่องนี้มีเราส์แรงค์ F กับแรงค์ E
ถึงจะได้เงินไม่เท่าลงดันเจี้ยน แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนอยากเสี่ยงชีวิตเพื่อเงินเยอะๆ
เมื่อดูเสร็จก็ใกล้เวลานัด
เนื่องจากอากาศเริ่มเย็น คนอื่นๆจึงใส่เสื้อตัวหนา วูจินเพิ่งสังเกตว่าเสื้อโค้ทที่จีวอนใส่นั้นเก่ามาก
“เธอเคยบอกใช่ไหมว่ามีหนี้?”
“อ๋อ ฉันคืนไปหมดแล้ว ได้เงินชดเชยตอนออกจากงานน่ะ”
“อืม ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกล่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันได้จากนายมาเยอะแล้ว”
วูจินรักษาใบหน้าให้เธอ แค่นั้นก็ชดใช้คืนไม่หมดแล้ว
“ช่วงนี้เจมินเป็นไงบ้าง?”
“ใกล้จะสอบเข้ามหาลัยแล้วเขาเลยยุ่งมาก ช่วงนี้เขาเรียนจริงจังมากเลยล่ะ”
“เหรอ? สงสัยจะผ่านแผลใจมาได้แล้ว”
“เอ๊ะ?แผลใจ?”
“ผู้หญิงที่ชอบเข้าโปรแกรมฝึกเป็นดารา หมอนั่นร้องแทบตายเลยล่ะ”
“เอ๊ะ จริงเหรอ?”
“ไม่รู้เหรอ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่จีวอนได้ยินเรื่องนี้ นึกว่าระหว่างพี่น้องไม่มีความลับต่อกันเสียอีก จีวอนรู้สึกผิดหวังเล็กๆที่เขาไม่บอก
“เพราะงี้เลยเรียนหนักเหรอ...”
“ฮะๆ ตั้งใจเรียนก็ดีแล้วนี่นา”
วูจินตัดสินใจจะไปเจอกับเจมินหลังสอบเสร็จ เด็กคนนั้นชอบบอกว่าอยากเข้ากิลด์ ถ้าอย่างนั้นเขาจะให้เจมินเข้ากิลด์เขา
วูจินตามจีวอนไปที่ร้านเนื้อย่างอันเป็นที่นัดหมาย
พวกเขาถูกนำทางไปที่ห้องที่นัมจีฮยุคจองไว้ แต่ยังไม่มีใครมา ผ่านไปสักพัก นัมจียุคกับปาร์คซูจินก็เปิดประตูเข้ามา
“ซูจิน”
“จะ...จีวอน!”
ปาร์คซูจินเป็นเพื่อนที่ติดต่อกับจีวอนจนถึงที่สุด เนื่องจากจีวอนยุ่งกับงานในโรงงานเธอจึงแทบไม่ได้เจอซูจิน พวกเธอจึงห่างกัน
เมื่อวูจินเคลียร์ดันเจี้ยนในแดกู ซูจินเห็นข่าวที่มีรูปจีวอนกำลังจูบวูจิน ซูจินจำเธอได้และพยายามติดต่อจีวอนอีกครั้ง
เมื่อเห็นหน้าจีวอน ซูจินร้องไห้
“ดีจังเลยนะ! เธอดีขึ้นแล้ว”
“อื้ม ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
“ฮึกๆ ดีแล้วล่ะ”
ซูจินร้องไห้ยินดีจากใจจริง ทำให้จีวอนร้องตาม พวกเธอกอดกันร้องห่มร้องไห้ นัมจีฮยุคเห็นแล้วรู้สึกแปลกๆเลยหันไปหาวูจิน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ?”
เพื่อนที่นึกว่าตายไปแล้วจู่ๆก็โผล่มาใหม่หลังผ่านไป 5 ปี มิหนำซ้ำยังเป็นเราส์ชั้นยอดของโลก ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกวัน
นัมจียุคกับวูจินเคยเครียดเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยกัน เคยเรียนด้วยกันเล่นเกมด้วยกัน ผ่านไปแค่ 5 ปี แต่เพื่อนของเขากลายเป็นคนสำคัญขนาดนี้
ช่วยไม่ได้ที่จีฮยุคจะรู้สึกขัดเขิน
วูจินได้พบกับเพื่อนหลังผ่านไป 20 ปี...
“ว่าไง”
เขายกแก้วขึ้น
วูจินยิ้มพลางรินเหล้า ทีแรกเขานึกว่าคงจำใครไม่ได้เพราะเวลาผ่านไป 20 ปีแล้ว เขาพอจำชื่อบางคนได้ แต่อย่างอื่นเลือนรางไปแล้ว
‘นัมจีฮยุค ฉันจำได้’
วูจินเห็นหน้าเขาแล้วจำได้ เมื่อได้เห็นหน้าเพื่อนที่ไม่ได้เจอมา 20 ปี ความทรงจำต่างๆสมัยเรียนมัธยมปลายก็ตามมา
เขาดีใจ
ดีใจมากจนอยากร้องไห้
“นายเป็นไงบ้าง?”
“เดี๋ยว นายไปทำอะไรก่อนจะโผล่มาเนี่ย? ตอนเห็นข่าวฉันประหลาดใจเลย”
วูจินทักจีฮยุคอย่างสบายๆ เขาเลยหายตื่นเต้นไปด้วย
“เฮ้ มาดื่มกันเถอะ”
เพื่อนร่วมห้องของเขาในโรงเรียนมิโดมารวมกันที่นี่
มีเพื่อนที่เขาสนิท แม้จะมีคนที่เขาจำได้แต่หน้า ถึงอย่างนั้นช่วงเวลานี้สำคัญสำหรับเขามาก
ราวกับว่าผู้ไม่ตายของอัลเฟนได้เปลี่ยนกลับมาเป็นคังวูจินของโลก
ถ้าตายไปตอนนี้ เขาไม่เสียใจเลย
ครอบครัวเขาอยู่ที่นี่ เพื่อนเขาอยู่ที่นี่
เขาไม่เสียใจถ้าตายไประหว่างสู้ ที่นี่มีคนที่คอยรำลึกถึงเขา...
ถึงจะบอกว่าเขาไม่เสียดายถ้าตายไป แต่ตอนนี้เขายิ่งอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
อยากปกป้องครอบครัวและเพื่อนๆที่จำเขาได้
เขาไม่ได้สู้แทบเป็นแทบตายแค่เพื่อจะกลับมาที่โลก
การต่อสู้เพื่อปกป้องทุกคนเพิ่งจะเริ่มขึ้น
เมื่ออาหารกับเหล้ามาเสิร์ฟ บรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย
วูจินฟังเพื่อนๆคุยกันเรื่องเก่าๆที่เกี่ยวกับตัวเขา
เขารู้สึกอบอุ่นและสบายเมื่อรำลึกถึงความหลัง เหมือนเป็นเด็กทารกในอ้อมกอดแม่
ชั่วครู่นั้น วูจินหลุดจากความกังวลเรื่องทราห์เน็ตและดันเจี้ยนเบรก เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน
***
หลังจากแยกกับเพื่อนๆ จีวอนกับวูจินเดินด้วยกันไปตามถนน
“เฮ้อ สนุกดีนะ”
วูจินถอนหายใจ เขาพูดด้วยน้ำเสียงมีความสุข
“ดีใจที่นายชอบ”
จีวอนก็ยิ้ม เธอรู้สึกเหมือนได้ตอบแทนความใจดีที่ได้รับจากวูจินบ้าง
“สิ้นปีนี้คงได้เจอเพื่อนเรามากกว่านี้อีกใช่ไหม?”
“นั่นสิ”
จีวอนก็ไม่ได้พบกับเพื่อนมากมายเช่นกัน สิ้นปีจะมีงานสังสรรค์ศิษย์เก่า เธอตั้งตารอให้งานนี้มาถึง
คนๆหนึ่งที่มองวูจินกับจีวอนมาสักพักแล้ว เดินมาหาพวกเขาพร้อมปากกากับกระดาษ
“คุณคังวูจิน ฉันเป็นแฟนคุณ ช่วยเซ็นลายเซ็นให้หน่อยนะ”
“...”
วูจินมองงงๆ คนรอบๆก็รีบเดินมาทางเขา คนแล้วคนเล่า
แม้จะได้ลายเซ็นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ทุกคนก็ยังอยากได้
“ผมไม่ใช่ดารา ทำไมต้องเซ็นให้?”
“แต่คุณเป็นบุคคลสาธารณะไม่ใช่เหรอ?”
“หลีกทางดีกว่าไหม? คุณรบกวนผมอยู่นะ”
คนที่รุมล้อมเขาชะงักไปเมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของวูจิน
วูจินเดินต่อ คนอื่นหลีกทางให้ วูจินจูงมือจีวอนออกมาจากฝูงคน
“อะไรกันวะ?”
“คนสาธารณะทำตัวแบบนี้ก็ได้เหรอ?”
วูจินหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงกระซิบด้านหลัง เขาจะหันไปพูดอะไรแต่จีวอนรั้งไว้
“ไปกันต่อเถอะ”
“เฮ้อ”
วูจินส่ายหน้า มองจีวอนแล้วเดินต่อ เพราะได้เจอกับเพื่อนเก่าเลยทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนไหวเหรอ? เขาโกรธเสียงนินทาทั้งที่ปกติไม่เคยสนใจ
“ฉันต้องซื้อรถสักคัน”
“เอ๋?”
ใช่แล้ว ในเมื่อวูจินกวาดล้างคนบนท้องถนนไม่ได้ เขาก็แค่ต้องหลบ
“นายมีใบขับขี่เหรอ?”
“ไม่มี”
“...”
วูจินถูกเรียกตัวไปต่างโลกตอนเรียนมัธยมปลาย เขาจะไปมีใบขับขี่ได้อย่างไร
“ก่อนอื่นก็ต้องไปสอบเอาใบขับขี่ล่ะนะ”
วูจินจูงมือจีวอนเดินไปตามถนน
***
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วูจินไปหลายๆที่หาข้อมูลการตั้งร้านกาแฟให้แม่ที่เบื่อๆ ตอนเย็นเขาหาเวลามาเล่นกับโซอา โซอาเริ่มคุ้นเคยกับเขามากขึ้น ช่างดีต่อใจของวูจิน
ซุงกูเข้าดันเจี้ยน 3 ดาวคนเดียวตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนเขาจะเข้าดันเจี้ยน 5 ดาวของอลันดาลกับวูจิน เขายังจองดันเจี้ยน 5 และ 6 ดาวของกิลด์อื่น การนอนในดันเจี้ยนมีข้อดีเพราะเวลาในดันเจี้ยนนานกว่าข้างนอก 4 เท่า ทำให้ประหยัดเวลานอนไปได้มาก
ซุงกูกินหินเพิ่มพลังสม่ำเสมอ และเรียนทักษะหลายๆอย่าง เขายังเรียนรู้วิธีรับมือมอนสเตอร์หลายๆแบบ เขาคิดค้นวิธีต่อสู้หลากหลายโดยใช้เวทย์กับทักษะของเขาเอง
เพียงสัปดาห์เดียว แต่ซุงกูใช้เวลามากกว่านั้นเพราะอยู่ในดันเจี้ยน มีเวลามากพอเปลี่ยนเราส์ฮงซุงกูจากแรงค์ C เป็นแรงค์ B
“ลูกพี่! ผมเปลี่ยนแรงค์แล้ว”
ซุงกูโชว์บัตรประจำตัวเราส์ให้วูจินดูอย่างภูมิใจ วูจินยิ้มมองซุงกู
“น่าเสียดาย ฉันกะจะเปลี่ยนนายเป็นแรงค์ A ให้ทันก่อนไปอเมริกานะนี่”
“ไม่หรอกครับลูกพี่”
เสียงซุงกูสั่นด้วยแรงอารมณ์
“ผมได้เป็นแรงค์ B เพราะลูกพี่สั่งสอน”
“อย่าลงดันที่สูงกว่า 4 ดาวล่ะ”
“แน่นอนครับลูกพี่”
ซุงกูเคลียร์ดันเจี้ยน 4 ดาวคนเดียวภายใต้การดูแลของวูจินหลายครั้ง เขาคิดว่าเขาน่าจะเข้าคนเดียวได้ไม่มีปัญหา แต่อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน
วูจินยื่นพลอยสีแดงขนาดเท่ากำปั้นให้ ซุงกูตาโตเมื่อรับมา
“ลูกพี่! นี่หินเปิดมิตินี่ครับ?”
“อย่าเผลอตายล่ะ ถ้ามีอันตรายก็ออกมา”
“ลูกพี่...”
ลูกพี่ยกไอเทมราคาหมื่นล้านวอนให้เขาง่ายๆ... ซุงกูทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“นายพัฒนาเป็นของมีประโยชน์แล้ว ถ้าตายไปก็น่าเสียดาย”
อ่า ลูกพี่ต้องเป็นแบบนี้ตอนกำลังซึ้งทุกที... ซุงกูรู้ว่าคำพูดของวูจินเย็นชาแต่ไม่ใช่ที่เขาคิดจริงๆ
“อย่าตายไร้สาระล่ะ ฉันลงทุนกับนายไปเยอะ ถ้าตายไปที่ลงทุนไปก็เสียเปล่าสิ”
“...”
เกือบเชื่อไปแล้วว่าวูจินเป็นคนอบอุ่น...
แต่วูจินก็ลงทุนกับซุงกูไปมากจริงๆ หินเพิ่มพลัง อาร์ฟิแฟคและตำราทักษะ... ยิ่งกว่านั้นแหวนที่ซุงกูใส่ยังเป็นอาร์ติแฟคมิติพิเศษที่ใส่ของได้ 3 อย่าง ราคาประมาณสามพันล้านวอน
หินเปิดมิติเป็นเหมือนเชือกช่วยชีวิต ซุงกูเก็บมันไว้ในแหวน
“งั้นก็พยายามเข้า”
“เฮะๆ ผมจะไปส่งลูกพี่ที่สนามบินนะครับ”
“ช่างเถอะ นายไปลงดันดีกว่า”
“เฮะๆ”
ซุงกูยังไม่หายเห่อเรื่องเราส์แรงค์ B จึงหัวเราะขึ้นมาเองเป็นพักๆ
วูจินกับมินชานเรียกแท็กซี่
ถ้าวูจินไปคนเดียวคงเกิดปัญหาอีก วูจินไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการร่วมมือกันสักนิด มินชานจึงร่วมทางไปด้วยเพื่อจัดการธุระของกิลด์อลันดาล ส่วนวูจินไปเพื่อเจอสตรีศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
“มินชาน นายเคยไปอเมริกาหรือเปล่า?”
“สามครั้งแล้ว”
“อ่อ”
“ท่านประธานล่ะ?”
“ไม่เลย”
นี่เป็นครั้งแรกที่วูจินโดยสารเครื่องบิน เรื่องเคยไปอเมริกาหรือเปล่าไม่ต้องพูดถึง เงียบกันไปครู่ เสียงเรียกเข้าร่าเริงของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
[ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝาก.หัว.ใจ]
“สวัสดีครับ กิลด์อลันดาล จุงมินชานพูดอยู่ครับ”
มินชานคุยโทรศัพท์อย่างเคร่งขรึม
“ครับ เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่บอกล่วงหน้า”
หลังคุยเสร็จ มินชานมีสีหน้าเคร่งเครียด
“มีอะไรเหรอ?”
“โทรศัพท์จากรัฐมนตรีกลาโหมครับ พวกเขาได้ข่าวเรื่องการก่อการร้าย”
“งั้นเหรอ?”
“ท่านประธาน ดูเหมือนท่านจะตกเป็นเป้า...”
“ฉัน? พวกนั้นจะโจมตีฉันทำไม?”
มินชานไม่รู้จะตอบอย่างไรเมื่อเห็นวูจินถามอย่างไม่รู้ตัวเลย วูจินสร้างศัตรูไว้มาก วูจินยักไหล่
“สงสัยพวกมันอยากจะหาอะไรให้ฉันทำแก้เบื่อระหว่างไปอเมริกา”
“...”
ถ้าวูจินพูดเล่นไม่สนใจคงมีปัญหา ถ้าเขาพูดจริงก็ยิ่งมีปัญหา
มินชานแอบถอนหายใจเงียบๆ
ขอบคุณครับ
ตอบลบ:D
ลบริงโทนมันคุ้นๆเนอะ55 ดองไว้นานเพิ่งได้มาอ่านแปปๆหมดอีกละ T_T #ขอบคุณที่แปลฮะ
ตอบลบต้องเพลงนี้เท่านั้นค่ะ XD
ลบขอบคุณครับ
ตอบลบ