วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 72


บทที่ 72 – การก่อการร้าย


หน้าทางเข้าสนามบิน ทหารในเครื่องแบบกำลังรอวูจินอยู่

“อ้าว ฮีซอล”

วูจินดีใจที่ได้เห็นคนคุ้นหน้า เขาโบกมือทัก

“มาแล้วเหรอคะ”

“นี่กรรมการทั่วไปของกิลด์เรา ทักทายเขาหน่อย”

“ผมจุงมินชาน”

“ดิฉันร้อยโทเชฮีซอลค่ะ อีกไม่นานเราก็จะกินข้าวหม้อเดียวกันแล้ว”

มินชานจับมือทักทายพลางเอียงคองง วูจินยิ้ม

“เธอเป็นพนักงานใหม่ที่ฉันเลือกไง”

“อ้อ...”

ร้อยโทเชฮีซอลคือพนักงานใหม่ที่วูจินพูดถึงนั่นเอง

วูจินมองฮีซอล

“ฉันว่าฉันบอกไปแล้วนะว่าให้ลาออก ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“ดิฉันจะออกจากกองทัพประมาณช่วงประธานกลับมาค่ะ ระหว่างนั้นฉันยังเป็นทหารคนหนึ่งอยู่ ฉันต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่”

“อ้าว? เธอไม่มีช่วงพักร้อนเหรอ?”

ฮีซอลหัวเราะเก้อๆ ไม่เคยรู้ว่าเขาปล่อยมุกแบบนี้ได้ด้วย

“เชื่อว่าคุณคงได้ข่าวแล้ว เรารู้ว่าอาจมีการก่อการร้าย”

“รู้ แล้วพวกเราจะได้ไปอเมริกาไหม?”

“เพราะว่ามีความเสี่ยงจากหลายๆอย่าง คงต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานน่ะค่ะ”

เที่ยวบินต้องเลื่อนออกไป ผู้โดยสารและพนักงานบนเครื่องบินทุกคนต้องถูกตรวจสอบภูมิหลัง ตรวจสัมภาระอีกหลายครั้ง ต้องใช้เวลานานแน่นอน

“งั้นเมื่อไหร่ถึงจะไปได้”

“อย่างน้อยก็คงเป็นพรุ่งนี้ค่ะ”

วูจินขมวดคิ้ว

“งั้นเราเปลี่ยนไปเครื่องบินลำอื่นได้ไหม?”

“หัวหน้าของดิฉันขอความร่วมมือจากกิลด์ KH ให้แล้วค่ะ”

“กิลด์ KH?”

“ทำไมถึงเป็นพวกเขาล่ะ?”

“กิลด์ KH ก็เข้าร่วมการประชุมเหมือนกันค่ะ ทางนั้นเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว พวกคุณไปกับพวกเขาได้ พวกเขาอนุญาตแล้ว”

“โอ้ ก็ดีนะ”

เฮซอลพาวูจินไปผ่านขั้นตอนตรวจสอบพื้นฐานก่อนออกเดินทาง มินชานกับฮีซอลเป็นคนจัดการธุระทุกอย่าง วูจินแค่ต้องแสดงตัว

“นี่คือพาสปอร์ตฉันเหรอ?”

“ใช่แล้ว ผมจะเป็นคนเก็บไว้เอง”

เมื่อไม่นานนี้ช่างถ่ายรูปคนหนึ่งมาที่ออฟฟิศเพื่อถ่ายรูปวูจิน และรูปนั้นก็เอามาใช้ทำพาสปอร์ต วูจินส่งพาสปอร์ตให้มินชานแล้วจับมือลากับฮีซอล

“งั้นไว้เจอกันอีกทีตอนฉันกลับมา”

“ค่ะ เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ”

เมื่อฮีซอลทำหน้าที่เสร็จก็จากไป วูจินกับมินชานเดินไปตามทางยาวจนถึงรันเวย์จากนั้นก็ขึ้นรถบัส

วูจินมองนอกหน้าต่างเพื่อดูรันเวย์ นี่เป็นภาพประจำของคนที่จะได้ขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก มินชานจึงอดยิ้มไม่ได้

ถึงจะเชื่อยาก แต่วูจินก็เป็นเพียงคนหนุ่มอายุ 24 ปีและไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน 

“ดูอะไรอยู่เหรอ?”

“เครื่องบิน”

“ลำที่เราขึ้นคงไม่ใหญ่ขนาดนี้”

มินชานบอกพลางมอง A380 ที่จอดเรียงราย วูจินยิ้ม

“ไม่เป็นไร ฉันเคยนั่งอันที่ใหญ่กว่านี้เยอะ”

“อ้าว? ไหนท่านประธานบอกว่าขึ้นเครื่องบินครั้งนี้ครั้งแรก?”

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันนั่งเครื่องบิน แต่ฉันเคยนั่งหลายอย่างที่บินได้”

“...”

มีของที่ใหญ่กว่าเครื่องบินมากแล้วบินได้ด้วยเหรอ?

“ไว้คราวหลังฉันจะให้นายนั่งด้วย”

“ผมจะตั้งตารอ”

วูจินฝืนยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบมินชาน คงเป็นเที่ยวบินที่ไม่สบายนักหรอก เขานึกสีหน้าของมินชานออกเลย

รถหยุดหน้าเครื่องบินลำหนึ่งที่มีสัญลักษณ์กลุ่ม KH ติดอยู่ข้างลำตัว

หน้าบันได มีชายคนหนึ่งในชุดสูทเรียบกริบกำลังรอพวกเขา

“ผมชื่อจุงชานซุง เป็นรองประธานของกิลด์ KH ทราบว่าพวกคุณจะมา”

“ขอรบกวนพวกคุณสักหน่อยนะครับ”

จุงชานซุงยิ้มเมื่อได้ฟังมินชานพูด

“ไม่รบกวนหรอกครับ เป็นเกียรติเสียอีกที่ได้รับใช้ประธานคังวูจิน ขึ้นมาเลยครับ ประธานของเรากำลังรออยู่ข้างใน”

วูจินขึ้นบันได

เมื่อเข้ามาข้างใน พวกเขาไม่เห็นที่นั่งเป็นแถวแบบในเครื่องบิน แต่กลับเป็นห้องที่ตกแต่งเหมือนห้องนั่งเล่น ชายวัยกลางคนอายุราว 40 คนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาตัวหนึ่ง

ช่วงนี้มีข่าวของวูจินบ่อยๆ ชื่อเสียงเขาจึงโด่งดังไม่น้อย แต่ผู้คนก็จำหน้าและข้อมูลของเราส์แรงค์ A สิบคนของเกาหลีได้แล้ว จุงมินชานเห็นหน้าชายคนนั้นก็จำได้ เขากระซิบบอกวูจิน

“เขาคือประธานกิลด์ KH เบคจองโด”

เมื่อวูจินเดินเข้าไป เบคจองโดลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาทางวูจิน เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น

“โอ้ ประธานคัง!”

“...”

วูจินมองอย่างว่างเปล่า จุงชานซุง รองประธานควบตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัวรีบไปรั้งเบคจองโดไว้ หน้าแดงหูแดง

“ท่านประธาน พวกเขาเป็นแขกที่เพิ่งพบกันครั้งแรก สำรวมหน่อยครับ”

“อ้อๆ เข้าใจแล้ว”

เบคจองโดเปลี่ยนมายื่นมือให้คังวูจินแทน

“ผมนึกว่าคุณก็ดูหนังเรื่องนี้ด้วยเพราะช่วงนี้มันดังอยู่ ผมเป็นประธานกิลด์ KH เบคจองโด”

“ผมคังวูจิน”

วูจินจับมืออีกฝ่ายพลางถาม

“เมื่อกี๊คุณทำอะไรเหรอ?”

“หืม? ในหนังที่กำลังฮิตกันอยู่ชอบทำน่ะ ฮ่าๆ”

“อ้อ ผมนึกว่าคุณจะสู้กับผมเสียอีก”

เบคจองโดหัวเราะฮ่าๆ

“คุณชอบดูหนังไหม?”

“ชอบ”

“โอ้ ฮะๆ ไหนๆก็มีเวลาเหลือเฟือกว่าจะถึงอเมริกา มาดูหนังกันเถอะ”

“อ๊ะ ดีเลย ผมกำลังคิดอยู่พอดีว่าจะทำอะไรแก้เบื่อดี”

วูจินชอบดูโทรทัศน์ แต่เขาไม่มีเวลาดูเท่าไหร่ นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาจึงติดโทรทัศน์ไว้ในห้องประธานกิลด์ เมื่อมีเวลาว่าง วูจินจะดูละครโทรทัศน์

“ผมติดห้องมัลติมีเดียสุดเจ๋งไว้ในเครื่องบินนี่ด้วย ทางนี้”

เบคจองโดกับคังวูจินเดินผ่านจุงชานซุงไป เหลือแต่จุงชานซุงกับจุงมินชาน เขาก้มหน้า

“ขอโทษนะครับ ประธานของพวกเราท่านเป็นคนแปลก...”

“ฮะๆๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ ประธานของฝ่ายเราเองก็...”

มินชานตอบเก้อๆ เขารู้สึกผูกพันกับจุงชานซุงขึ้นมาอย่างประหลาด

***

ห้องประธานกิลด์ฮวาราง

จอโทรทัศน์ติดบนผนังด้านหนึ่ง แสดงข่าวเกี่ยวกับการก่อการร้าย สนามบินอินชอนถูกปิดและตรวจค้น
อย่างละเอียด และยังมีข่าวด่วนรายงานว่าคังวูจินร่วมทางไปอเมริกากับประธานกิลด์ KH

“กลายเป็นคนดังไปแล้วจริงๆ”

ไม่ว่าวูจินจะทำอะไรก็กลายเป็นข่าว กล้องตามคังวูจินไม่หยุดเพราะการเคลียร์ดันเจี้ยน 6 ดาวและการไปอเมริกาเป็นข่าวใหญ่

ลีซังโฮขมวดคิ้วมองโทรศัพท์มือถือ

ตี๊ดๆ

โทรศัพท์จากนายหน้าที่ลีซังโฮกำลังรออยู่ เขารับสาย

[ผมเอง]

“ทำไมคุณทำงานชุ่ยนัก?”

[ชุ่ยเหรอ? ผมผิดหวังที่คุณพูดแบบนี้]

“แผนก่อการร้ายถูกรู้ไปทั้งประเทศแล้ว เป้าหมายก็เพิ่งออกจากประเทศไป คุณยังสบายใจอยู่ได้ยังไง?”

[คึๆ ทั้งหมดเป็นไปตามแผน คุณไม่ต้องกังวลหรอก]

“โฮ่ แน่ใจเหรอ?”

[สมัยนี้ใครจะซุ่มซ่ามก่อการร้ายบนเครื่องบินอีก? นั่นเป็นแค่แผนล่อ วางใจรอดูต่อไปเถอะ]

“เฮ้อ เข้าใจแล้ว”

ลีซังโฮเลิกคุย พวกนั้นทำเป็นวางท่ากลบเกลื่อนที่แผนแตกหรือเปล่า หรือจะเป็นการล่อหลอกจริงๆ เขาไม่รู้ว่าอย่างไหนถูก

นายหน้าโทรหาเขาทุกวันด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ซ้ำกัน

เขาไม่มีวิธีติดต่อไปนอกจากนายหน้าจะโทรหาเขาเอง

เขาจ่ายเงินไปมาก ดังนั้นพวกเขาจะทำงานให้เสร็จเรียบร้อย นี่เป็นกลุ่มนักฆ่ามืออาชีพซึ่งยังไม่เคยทำงานล้มเหลว

***

ห้องมัลติมีเดียในเครื่องบินส่วนตัวของกลุ่ม KH

คนสามคนกำลังนั่งในห้องที่ตกแต่งเป็นโรงหนังขนาดย่อม

จอโทรทัศน์กำลังฉายซีรี่ย์ที่กำลังเป็นที่นิยม ‘Reply 1988’

“โฮ่ๆ”

เบคจองโดออกมาจากห้องน้ำ เมื่อเห็นทุกคนกำลังดูละครทีวีอย่างจริงจังก็รู้สึกดีที่ได้แบ่งปันสิ่งที่เขาชอบกับคนอื่น

เมื่อวูจินเห็นเบคจองโดกลับมา เขาก็ลุกขึ้นแล้วยกมือเดินไปทางเบคจองโด

“โอ้ ประธานเบค!”

เบคจองโดยกมือขึ้นข้างหนึ่ง

“โอ้ ประธานคัง!”

มือจับกันแล้วยกขึ้นยกลงซ้ำๆ

“ดีใจจริงๆที่ได้พบคุณ”

มินชานรู้สึกแห้งเหี่ยวเมื่อเห็นท่าทางของทั้งสองคน

เขารู้ดีว่าคังวูจินไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง แต่ดูท่าแล้วประธานกิลด์ KH เบคจองโดก็ไม่แพ้กัน

มินชานเหลือบมองข้างๆ จุงชานซุงหน้าแดงไปถึงหู

เมื่อสบตากัน จุงมินชานกับจุงชานซุงมองกันอย่างเศร้าใจ

‘หน้าที่เราคืออายแทนพวกเขาล่ะมั้ง’

มินชานภาวนาว่าพวกเขาคงไม่ทำตัวแบบนั้นในที่สาธารณะ

***

เดินทาง 20 ชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงนิวยอร์ค

กิลด์ไททันเป็นแม่งาน ดังนั้นคนของกิลด์ไททันจึงถูกส่งมารับรองกิลด์ต่างๆ

“ยินดีต้อนรับครับ ผมเป็นคนของกิลด์ไททัน ชื่อ ริชาร์ด เช ผมจะนำทางพวกคุณไปโรงแรม”

เพื่อความสะดวกสำหรับแขกต่างประเทศ กิลด์ไททันจึงส่งพนักงานที่พูดภาษาของประเทศนั้นได้

พนักงานนำทางพวกเขาไปที่ยานพาหนะที่จอดรอ ก่อนเบคจองโดจะขึ้นรถ เขาจุปากอย่างเสียดาย

“ไปพักสักหน่อยก่อนแล้วหาอะไรดื่มกันดีไหม?”

“อ้อ ดีสิ”

“โฮ่ๆ เดี๋ยวเจอกัน”

“เดี๋ยวเจอกัน พี่เบค”

วูจินกับมินชานขึ้นรถไปกับริชาร์ด เช

“ท่านประธานคงชอบประธานเบคน่าดู?”

“ฮะๆ เขาตลกดี แล้วก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันด้วย”

“อืม...”

เบคจองโดอายุ 42 วูจินอายุ 24...

“อ้อ ท่านบอกว่าอยู่ที่อัลเฟน 20 ปี”

กะคร่าวๆแล้ววูจินควรมีอายุประมาณ 39 ปี เมื่อคิดแบบนั้นแล้วก็ไม่แปลกว่าทำไมมินชานจึงรู้สึกว่าวูจินไม่เหมือนคนหนุ่ม

ไม่สิ ไม่ใช่ว่าวูจินแก่กว่าเขาเหรอ?

“อืม เรื่องอายุนี่ออกจะตลกแล้วล่ะ เพราะดันเจี้ยน”

“นั่นสินะ”

ไม่ใช่แค่วูจินที่กลับจากอัลเฟน เวลาในดันเจี้ยนระดับสูงยาวกว่าข้างนอก 4 เท่า ถ้าเทียบอายุเราส์แบบทั่วไปคงตลก

แทนที่จะวัดอายุของเราส์ ควรวัดที่ประสบการณ์มากกว่าไหม?

แต่ เขาทำตัวเป็นเด็กไปหน่อยสำหรับคนอายุ 39 ปีหรือเปล่า?

“นะ ชีวิตใครก็ต่างไปขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นอยู่มายังไง”

เมื่อได้ยินวูจินพูดเบาๆ มินชานก็รู้สึกละอายใจ เหมือนความในใจของเขาถูกล่วงรู้

วูจินผ่านนรกมา 20 ปี

หากหาความสนุกให้ตัวเองไม่ได้ เขาคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว แม้เบคจองโดจะเป็นทายาทตระกูลเศรษฐีเขาก็อาจมีชีวิตแบบวูจิน

พวกเขาคงมีภาระหนักหนา

รถออกจากสนามบินไปจอดตรงโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ มันเป็นคืนมืด ถนนมีแต่โรงแรม มองไม่เห็นสถานที่ให้ความบันเทิงอื่นๆ

การประชุมจะเริ่มพรุ่งนี้ตอนเที่ยง

“พักให้สบายนะครับ รถจะมารับตอน 11 โมง”

หลังเช็คอินเสร็จ ริชาร์ดก็กลับไป วูจินกับมินชานบอกลากันในลิฟท์

“อาบน้ำเสร็จก็ออกมาเลยนะ ฉันจะไปหาอะไรดื่ม”

“ครับ”

ทุกคนที่ได้รับเชิญมาร่วมการประชุมเป็นแขกพิเศษจึงไม่มีการดูแลใครเป็นพิเศษ มินชานถูกจัดให้อยู่ในห้องบิสซิเนสที่ชั้น 3 วูจินถูกนำทางไปยังห้องวีไอพีบนชั้นบนสุด

วูจินอาบน้ำ เช็ดผม หลังจากดื่มน้ำขวดจากตู้เย็นเขาเปิดกระเป๋าเดินทางที่มินชานเป็นคนจัดกระเป๋าให้
ในนั้นมีชุดทางการที่เขาจะใส่ไปพรุ่งนี้ มีชุดใส่ออกกำลังกายอีก 1 ตัว เขาใส่มัน

แม้จะเป็นชุดออกกำลังกายแต่เนื้อผ้าทำจากวัตถุดิบในดันเจี้ยน มันเป็นของที่เราส์ใส่ เขาไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มากนักแต่คิดว่าเสื้อแบบนี้คงหลายแสนวอน

ก่อนออกจากห้อง วูจินปิดไฟ

“เอ๋?”

เขารู้สึกถึงอันตราย กวาดมองรอบห้อง เขาเห็นจุดสีแดงสั่นๆบนผนัง

“แสงเลเซอร์?”

โซอากับบิบิเล่นกับพอยท์เตอร์บ่อยๆ เขาจึงคุ้นกับสีแดงนี้ ที่ต่างคือขนาด จุดเลเซอร์ใหญ่กว่าราว 5 เท่า

วูจินเดินไปข้างหน้าเพื่อมองหาว่าแสงเลเซอร์มาจากไหน เมื่อมองไปนอกหน้า เขาเห็นว่ามันมาจากตึกหนึ่งที่ห่างไปมาก

“หา?”

จังหวะนั้นเอง วูจินเห็นจรวดพุ่งลงมาจากฟ้า

จรวดพุ่งตรงมาทางวูจิน







สารบัญ                                                      บทที่ 73




2 ความคิดเห็น:

  1. สนุกครับมีลุ้นตลอด
    จะรอดไหมเนี่ย...
    ...
    ...
    ...
    คนยิงจรวด

    ตอบลบ