บทที่ 43 – ยาฟื้นฟูสภาพ
“ลูกแก้วเปิดมิติ ใช่ไหม?”
“ลูกแก้วเปิดมิติ?”
จุงมินชานสำรวจไอเทมที่ว่าอย่างตั้งใจ
“ผม...ว่าน่าจะใช่นะ”
“ลูกแก้วเปิดมิติ...”
วูจินมองพลอยขนาดเท่านิ้วมือ
[น้ำตาแห่งสเกีย]
น้ำตาของเทพผู้คุ้มครองนักผจญภัย สเกีย เปิดทางสู่จุดเริ่มต้น
การใช้ : ใช้เปิดอุโมงค์มิติ
“ใช้หนีออกจากดันใช่ไหม”
“ถะ...ถูกต้อง ไอเทมนี่หาไม่ง่ายเลย ตอนผมอยู่กิลด์แฮมเมอร์ก็เคยเห็นแค่สองสามหน...”
“งั้นเหรอ”
วูจินมองหาในร้านแลกเปลี่ยนความสำเร็จแล้วก็เจอของที่คล้ายกัน
[ความมุ่งมั่นแห่งเฮเรส]
เทพกาลเวลา เฮเรส มุ่งมั่นจะเริ่มการเดินทางของพระองค์ใหม่ ไอเทมนี้ไม่สามารถส่งมอบให้คนอื่นได้
การใช้ : เปิดอุโมงค์มิติ ราคา : 3000 แต้ม
เขาต้องกำจัดราควิพันตัวถึงจะซื้อได้ แต่ พวกนาคในดันเจี้ยน 5 ดาวให้ 100 แต้ม เท่ากับต้องกำจัดนาค 30 ตัว
แต้มไม่ใช่น้อยๆ แต่มันเป็นของมีประโยชน์ที่ควรมีไว้เผื่อฉุกเฉิน
“แล้วมันราคาเท่าไหร่”
“อย่างน้อยก็น่าจะพันล้านวอนน่ะนะ”
คำตอบของจุงมินชานทำให้วูซุงฮุนกับซุงกูตาโต
“แพง... แพงไปหรือเปล่า มันใช้ทำอะไร”
“มันมีคุณสมบัติที่หาได้ยากมาก ทำให้หนีออกจากดันเจี้ยนได้โดยไม่ต้องเคลียร์ นี่เป็นทางเดียว”
สำหรับเราส์แรงค์ต่ำคงไม่ต้องการมันนัก แต่ลูกแก้วเปิดมิติมีค่ากับเราส์แรงค์สูงยิ่งกว่าอาร์ติแฟคชิ้นไหน มันคุ้มราคา
เราไม่สามารถออกจากดันเจี้ยนได้ถ้าไม่มีหินรีเทิร์นสโตน หินนี้ทำหน้าที่เป็นกุญแจเปิดบาเรีย แต่ลูกแก้วเปิดมิติช่วยให้เราออกจากดันเจี้ยนได้โดยการผ่านบาเรียออกไป
“นี่เป็นไอเทมที่ต้องมีเวลาจะพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาว ราคาถือว่าสูงเพราะมีขายกันน้อย”
ดันเจี้ยนที่ยังไม่ถูกพิชิตหมายถึงความตายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ต่อให้ทั้งทีมมีแต่เราส์แรงค์ A โอกาสในการพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาวได้ก็ยังต่ำมาก ดังนั้นเวลาจะพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาวจึงต้องมีไอเทมเปิดมิติเผื่อในกรณีเคลียร์ดันเจี้ยนไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีของชิ้นนี้ เราส์แรงค์ A คงตัดสินใจยากว่าจะกล้าพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาวหรือไม่
“งั้นราคาจริงๆมันเท่าไหร่”
“กิลด์หรือประเทศอยากสำรองไอเทมแบบนี้ไว้ให้มากเท่าที่จะทำได้ ตอนแรกมันขายอยู่ในราคาห้าพันล้านวอน แต่ตอนนี้ราคาจะอยู่ที่ พันถึงสองพันล้านวอน”
“ฮ้า”
ทุกคนตกใจ พลอยขนาดเท่าปลายเล็บตรงหน้าราคาถึงพันล้านวอน... วูจินก็ตกใจแต่เป็นเรื่องอื่น
‘ถ้าฉันให้คนอื่นใช้ได้ก็เท่ากับใช้ 3000 แต้มแลกเงินพันล้านวอน’
3000 แต้มไม่ถือว่าน้อย แต่เทียบกับเงินแล้วต่างกันมาก
“ของนี่ล่ะเท่าไหร่?”
คราวนี้วูจินเอาไอเทมสัพเพเหระออกมา แร่ต่างๆ วัตถุดิบทำอาหารหน้าตาเหมือนเห็ด เขายังมียาที่บรรจุในขวด
“พวกนี้เป็นหินเพิ่มความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นแร่หรือไม่ก็เรียกว่าหินเพิ่มความแข็งแกร่งเหมือนกันหมด เป็นไอเทมที่สามารถเพิ่มความสามารถของเราส์ให้แข็งแกร่งขึ้น”
“รู้ดีนี่ แล้วมันขายได้เท่าไหร่?”
ด้วยเป็นหัวหน้าทีมของหน่วยสนับสนุน มินชานจึงเคยขายของพวกนี้มามาก ทำให้เขาสามารถบอกราคาไอเทมต่างๆได้ดี
“ก็ต้องเอาไปวัดก่อน ราคามากน้อยขึ้นอยู่กับพลังในหิน แต่อย่างต่ำก็สิบล้านวอน ถ้าพลังในหินมากราคาก็พุ่งกระฉูด...”
“สิบล้านวอน...”
หินราคาขั้นต่ำสุดคือสิบล้านวอน น่าจะมีความสามารถเหมือนกับยาเพิ่มค่าสเตตัสระดับต่ำสุด 1 แต้มในร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จ ซึ่งมีราคา 2000 แต้ม
‘แย่ชะมัด’
ถ้าลูกแก้วเปิดมิติขายได้ เขาจะเอาค่าความสำเร็จ 3000 แต้มไปแลกพันล้านวอนแล้วเอาเงินไปซื้อหินเพิ่มความแข็งแกร่ง เขาไม่สามารถซื้อยาเพิ่มค่าสเตตัสมามากๆเพราะต้องประหยัดค่าความสำเร็จเอาไว้ ถึงอย่างนั้นวูจินก็ไม่ผิดหวังนัก
ถึงจะหาเงินด้วยวิธีขายลูกแก้วเปิดมิติไม่ได้ก็ยังมีวิธีอื่น
“หลบหน่อย”
วูจินดึงม้วนคาถา 7 ม้วน กับอาร์ติแฟค 17 อันออกมา
“ว้าว เยอะนะนี่ เหมือนคุณเอาทุกอย่างที่หาได้ในดันเจี้ยน 5 ดาวออกมาหมดแล้วเลย”
วูจินยิ้ม เขาไม่ได้ดึงอาร์ติแฟคที่จะเก็บไว้ใช้เองออกมา และเงินที่ได้จากการขายหินบลัดสโตนก็เข้าบัญชีเขาหมดแล้ว
“พวกนี้ขายได้เท่าไหร่?”
“ก่อนอื่นผมต้องรู้ว่ามันมีความสามารถอะไร กิลด์ดีๆส่วนใหญ่จะมีทีมคอยวิเคราะห์ความสามารถของไอเทม หรือเราจะส่งอาร์ติแฟคไปให้ที่ทำการบริหารตรวจก็ได้”
“เอากระดาษมาซิ”
“หืม?”
เป็นเฮมินที่เข้าใจว่าวูจินจะทำอะไรเร็วกว่าเพื่อนจึงส่งกระดาษให้ วูจินเขียนทักษะในม้วนคาถาและความสามารถของอาร์ติแฟคแต่ละอันลงไป
“เอาล่ะ คราวนี้เราจะขายของพวกนี้ได้เท่าไหร่”
“คุณ...คุณวิเคราะห์ไอเทมได้?”
ในกิลด์ ถ้ามีทักษะวิเคราะห์ไอเทมอาร์ติแฟค ต่อให้เป็นเราส์แรงค์ F ยังได้รับการดูแลอย่างดี
“ทำไม ประหลาดเหรอ?”
“คุณมีความสามารถกี่อย่างกันแน่?”
อืม กี่อย่างกันนะ? เขาก็เรียนสกิลนู่นนี่มาเรื่อยๆ
“อืม ก็หลายอยู่ ทำไม มันสำคัญนักเหรอ?”
“อา ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกหรอก จำนวนความสามารถมีผลกับการวัดแรงค์ของเราส์น่ะ”
“แล้วตกลงพวกนี้ขายได้เท่าไหร่?”
“อาร์ติแฟคราคาไม่แน่นอน ไม่เหมือนบลัดสโตน ต้องลองขายถึงจะรู้ ถ้าให้ผมประมาณก็น่าจะได้ประมาณพันห้าร้อยล้านวอน”
“ถ้าขายลูกแก้วเปิดมิติด้วยก็ได้ราวๆสองพันห้าร้อย?”
“อย่างต่ำนะ ถ้าคุณไม่รีบขาย เราน่าจะได้สองเท่า”
วูจินพยักหน้า
“ดี นายจัดการเรื่องขายของทุกอย่างในนี้ แล้วก็ถ้ามีหินเพิ่มความแข็งแกร่งขายราคาเหมาะๆก็เหมามาด้วย”
“ครับ ผมจัดการให้”
วูซุงฮุนฟังแล้วแอบกลืนน้ำลาย
‘อา ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว พวกนี้เล่นของโคตรสูงเลย’
เมื่อวาน วูซุงฮุนอ่านบทความเกี่ยวกับคังวูจิน เขารู้ว่าคังวูจินกำลังดัง แต่ไม่รู้ว่าจะเก่งขนาดนี้ ซุงฮุนเพิ่งเข้ามาในโลกของเราส์ มันทำให้ตัวเขาสั่นสะท้าน
‘เป็นตายยังไงก็ต้องอยู่ที่นี่ให้ได้’
เขารู้ว่าการเข้ากิลด์เป็นเรื่องยาก แล้วยิ่งเป็นกิลด์ที่มีเราส์แรงค์ A อย่างนี้... กิลด์เพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่เขารู้ว่ามันจะเติบโตเป็นกิลด์ใหญ่
งานที่นี่จะนำเงินและชื่อเสียงมาให้เขา งานขายโทรศัพท์เทียบไม่ได้เลย
จุงมินชานเริ่มตรวจนับของ วูจินจึงไม่เห็นความจำเป็นต้องอยู่ในห้องเก็บของต่อ
เขาเก็บหินเพิ่มความแข็งแกร่งทั้งหมดแล้วออกไปหาที่อื่น
“ที่นั่งฉันล่ะ?”
“ทางนี้ครับ”
วูจินตามเฮมินไปยังห้องประธาน ห้องมีขนาดใหญ่กว่าห้องสตูดิโอของเจมินเท่าตัว วูจินนั่งบนโซฟา ชี้ไปที่ผนังด้านตรงข้าม
“ติดทีวีไว้ตรงนั้นนะ”
“ครับ ผมสั่งไว้แล้ว น่าจะมาถึงตอนเย็น อีกไม่นานแหละครับ”
ตอนเช้าวูจินบอกว่าอยากได้โทรทัศน์ แต่เฮมินจัดการไว้ก่อนแล้ว
“พอจัดรายการไอเทมเสร็จแล้ว บอกให้ทุกคนมาที่ห้องนี้”
“ครับผม”
วูจินเอนตัวลงในโซฟาแล้วคิด ที่นี่เป็นองค์กรเล็กๆที่มีสมาชิกเพียง 5 คน แต่ก็จำเป็นต้องมีลำดับขั้นปกครอง ที่อัลเฟน วูจินเคยปกครองผู้ติดตามเขาจำนวนมาก เขาจัดการเรื่องแบบนี้ได้ไม่ยาก
ไม่นาน คนทั้งสี่ก็เข้ามาในห้อง วูจินบอกให้พวกเขานั่งลง
“หัวหน้าทีมจุง”
“ครับท่านประธาน”
“ฉันควรจะให้ตำแหน่งอะไรนาย”
“อะไรนะครับ?”
“เราต้องมีตำแหน่งไว้สั่งการต่างๆใช่ไหมล่ะ ทุกคนบอกฉันมาว่าอยากได้ตำแหน่งไหน”
ทุกคนกระสับกระส่ายเมื่อได้ฟังคำของวูจิน พวกเขาต้องตอบดีๆเดี๋ยวนี้ วูจินดูนิ่งๆใจกว้างกับเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครอยากจะเป็นคนแรกที่พูดก่อน
“หัวหน้าทีมจุง กิลด์ปกติแบ่งหน้าที่ยังไง”
“กิลด์แบ่งเป็นสองส่วน คนทั่วไปทำหน้าที่ในแผนกสนับสนุน กับเราส์ ตำแหน่งของเราส์แบ่งตั้งแต่ผู้ช่วยถึงกรรมการ เราส์เป็นได้ถึงรองประธาน แต่ตำแหน่งไม่ใช่ของสำคัญ เราส์คนไหนสำคัญแค่ไหนดูได้จากส่วนแบ่งที่เราส์คนนั้นได้หลังเคลียร์ดันเจี้ยน รายละเอียดเขียนไว้ในสัญญา”
ที่นี่นอกจากวูจินแล้วมีเราส์อีกแค่คนเดียว
“นายอยากได้อะไร ซุงกู”
“ครับ? แต่ผมต้องเป็นผู้จัดการให้ลูกพี่หนึ่งปี...”
“อ้า งั้นซุงกูเป็นกรรมการแล้วกัน”
“กรรมการ...?”
ซุงกูซาบซึ้งใจ วูจินยิ้ม
“กรรมการรับผิดชอบการเก็บของดรอปในดันเจี้ยน”
“...”
มีตำแหน่งแบบนี้ด้วยเหรอ? เรียกเขาว่ากรรมการบรรจุสินค้าน่าจะดีกว่านะ
“แผนกสนับสนุนมีโครงสร้างยังไง”
“แบ่งเป็นฝ่าย ฝ่ายบริหาร ฝ่ายขาย ฝ่ายบัญชี ฝ่ายธุรการงานทั่วไป ฝ่ายสนับสนุน”
“พวกนาย 3 คนจะรับผิดชอบหมดนั่นเลยเหรอ?”
“...”
“หัวหน้าทีมจุง”
“ครับ”
“นายเป็นกรรมการผู้จัดการ”
“ผมจะทำให้ดีที่สุด”
นี่เป็นตำแหน่งสูงที่สุดในกิลด์ที่คนทั่วไปที่ไม่ใช่เราส์จะขึ้นไปถึง จุงมินชานรู้สึกฮึกเหิม
เขารู้สึกฮึกเหิมมากจนไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าวูจินไม่ได้พูดกับเขาอย่างนอบน้อม
“เฮมิน นายอยากเป็นอะไร”
“ช่วยตั้งผมเป็นหัวหน้าฝ่ายสนับสนุนด้วยครับ”
“ได้”
“เฮะๆ ผมจะตั้งใจทำงานครับ”
วูจินมองคนที่เหลือ วูซุงฮุน ใบหน้าเขาแดงเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง
“เอาล่ะ ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของกรรมการผู้จัดการจุงแล้วกัน”
กรรมการผู้จัดการจุง กรรมการผู้จัดการจุง! คำนี้ลอยวนในหูของจุงมินชาน หัวใจเขาเต้นแรง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าการเปลี่ยนงานเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง เหมือนเขาเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์ ใช่แล้ว เขาเป็นสมาชิกหลักจริงๆ
“ครับ ท่านประธาน แล้วเราจะจ้างพนักงานใหม่ยังไง...”
วูจินคิดถึงโต๊ะว่างๆในออฟฟิศเมื่อได้ยินคำของมินชาน
“เราต้องจ้างคนเพิ่มด้วยเหรอ?”
“ครับ ถ้าอยากให้ทำงานราบรื่น เราต้องมี...”
“ทำไมต้องจ้างคนเพิ่มอีก?”
“...เอ่อ? เราต้องสร้างกิลด์ให้เติบโตขึ้น มีเราส์เพิ่มขึ้นก็ต้องจ้างหน่วยสนับสนุนเข้ามา...”
วูจินดึงซองจดหมายออกจากกระเป๋าแล้วโยนลงบนโต๊ะ มินชานประหลาดใจเมื่อเห็นข้อความในนั้น
[หมายเรียกเกณฑ์ทหาร]
“น่ะ...นี่มัน...”
วูจินยิ้ม แม้จะมีแค่ 4 คน แต่เขาก็มีลูกน้องแล้ว เขารู้สึกเป็นอิสระจากงานจุกจิกน่ารำคาญทั้งหลายแหล่
มิหนำซ้ำ มินชานกับเฮมินก็เป็นมือหนึ่งในด้านนี้ด้วย
“ฉันไม่อยากถูกเกณฑ์ แล้วก็อยากเข้าดันเจี้ยนอย่างสงบ”
“...”
“เพื่อการนั้นต้องจ้างคนเพิ่มหรือเปล่า?”
“...”
อย่างนี้นี่เอง นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสร้างกิลด์ มินชานมึน
ถ้าไม่อยากถูกเกณฑ์ทหาร แค่เข้ากิลด์แฮมเมอร์ก็ได้แล้ว ถ้าทำอย่างนั้นมินชานก็ได้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกสนับสนุนของกิลด์แฮมเมอร์
“ว่าไง?”
“ถึงยังไงเราก็ยังต้องหาเพิ่มอีกสักคนสองคน...”
“ก็ได้ แล้วแต่นายตัดสินใจ กรรมการผู้จัดการรับผิดชอบงานที่เกี่ยวกับการสนับสนุนใช่ไหมล่ะ”
“...ครับ”
นี่วูจินเชื่อใจเขามาก หรือตั้งใจจะผลักงานจุกจิกมาที่เขากัน? อา ทำไมถึงรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมานะ?
“งั้นก็จัดการซะ ฉันจะลงดันอีกสักรอบ”
เวลาที่ใช้ในการเคลียร์ดันเจี้ยนคือ 4 ชั่วโมงกว่า แต่ในดันเจี้ยนหมายถึง 16 ชั่วโมง วูจินจัดการพวกมอนสเตอร์รวดเร็วจนซุงกูทำงานเหนื่อยแทบตาย เพิ่งจะพักได้ไม่เท่าไหร่เขาก็จะเข้าดันเจี้ยนอีกรอบแล้ว...
สีหน้าซุงกูมืดครึ้ม ส่วนมินชานพูดกับวูจิน
“ก่อนหน้านั้น ท่านประธานต้องไปที่ที่ทำการบริหารก่อน”
“ทำไมล่ะ?”
“ต้องไปวัดแรงค์จริงๆก่อนถึงจะจัดระดับของกิลด์ได้น่ะ”
“งั้นก็คงต้องไปที่นั่นก่อนล่ะนะ”
“ผมไปด้วย” มินชานตอบ
วูจิน ซุงกูและมินชานเดินทางไปที่ที่ทำการบริหารผู้มีพลังพิเศษ เฮมินกับซุงฮูอยู่ที่ออฟฟิศจัดการกับไอเทมที่เหลือต่อ
***
“น่าทึ่ง”
วูจินยืนหน้าเครื่องจักรเครื่องหนึ่งที่ดูเหมือนเครื่องวัดพลังงานในดันเจี้ยน ทุกครั้งที่ใช้เครื่องจักรนี้ บลัดสโตนกองหนึ่งก็จะถูกใช้ไป ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้กันบ่อยนัก แต่นี่เป็นวิธีวัดแรงค์ของเราส์ได้แม่นยำที่สุด
พนักงานตั้งระบบเสร็จแล้วก็พูดพลางชี้ไปที่กำแพงหนาของห้องวัดพลัง
“กรุณาใช้ความสามารถที่รุนแรงที่สุดไปทางนั้นด้วยครับ”
เมื่อเราส์ใช้ความสามารถ พลังจะถูกปล่อยออกมา เครื่องวัดระดับจะวัดพลังนั้น
วูจินเรียกหอกกระดูกออกมา
ตี๊ดๆๆ
ตัวเลขจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้น สุดท้ายก็แสดงแรงค์ออกมา
“เอ๊ะ มันบอกว่าแรงค์ C”
“อ้าว ผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า?”
พนักงานสองนายมองที่หน้าจอแล้วคุยกันอย่างเคร่งเครียด สื่อมวลชนพูดเหมือนว่าวูจินเป็นเราส์แรงค์ A แน่นอนแล้ว
หรือแค่ดูผลงานของเขาก็พอแล้ว วูจินเคลียร์ดันเจี้ยน 5 ดาวได้ด้วยตัวคนเดียว
ทุกคนเชื่อว่าวูจินเป็นเราส์แรงค์ A อย่างไม่ต้องสงสัย การวัดระดับวันนี้เพียงทำให้เป็นทางการ
“พวกคุณอยากให้ผมทำอะไรอีกไหม?”
“อ่า คุณมีท่าแรงกว่านี้อีกไหมครับ?”
“อืม ถ้ายังไม่แรงพอ ผมจะเพิ่มให้อีก”
พนักงานใช้บลัดสโตนอีกแล้วเริ่มการทำงานของเครื่องจักรใหม่
“ผมจะปล่อยพลังงานไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะโชว์แรงค์ A หันหน้าจอมาทางผม”
“เอ๋?ครับ”
พนักงานหันหน้าจอให้วูจินเห็น วูจินเรียกหอกกระดูกออกมาทีเดียว 10 ด้าม ตัวเลขในหน้าจอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ที่ปรากฎข้างเป็นตัว B
ดูเหมือนหอกกระดูกจะไม่แรงพอ เขาเรียกกำแพงกระดูกที่ใช้พลังเวทย์จำนวนมากออกมา เขาส่งมันไปที่ผนังห้อง จากนั้นใช้พลังกายเรียกทักษะผ่าปฐพีออกมาโดยไม่ใช้อาวุธ ตัว A ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
เห็นดังนั้นวูจินก็เรียกพลังเวทย์กลับคืน
“เอาล่ะ แค่นี้สินะ?”
“...ครับ เสร็จแล้วครับ”
“งั้นก็สวัสดีครับ”
หลังวูจินจากไป พนักงานต่างมองหน้ากัน
เหมือนพวกเขาตาฝาดไป พนักงานมองห้องวัดระดับที่วูจินเพิ่งออกไป
“การ...ควบคุมพลังของเขานี่ดูถูกไม่ได้เลย”
“อย่างนี้ก็เทียบกับคิมกังชุลได้จริงๆแหละ ฮู้ว”
บัตรประจำตัวเราส์แรงค์ A พิมพ์ออกมาโดยมีชื่อของวูจินติดอยู่ ไม่นานข่าวเกี่ยวกับวูจินก็ถูกเผยแพร่ แล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ชื่อของเขาก็เป็นคำที่ถูกค้นหามากที่สุดในอินเตอร์เน็ต
ตอนที่วูจินเข้าดันเจี้ยน โดจีวอนเลิกงาน หลังกลับมาถึงหอพักเธอเปิดโทรศัพท์มือถือ
“ลูกแก้วเปิดมิติ ใช่ไหม?”
“ลูกแก้วเปิดมิติ?”
จุงมินชานสำรวจไอเทมที่ว่าอย่างตั้งใจ
“ผม...ว่าน่าจะใช่นะ”
“ลูกแก้วเปิดมิติ...”
วูจินมองพลอยขนาดเท่านิ้วมือ
[น้ำตาแห่งสเกีย]
น้ำตาของเทพผู้คุ้มครองนักผจญภัย สเกีย เปิดทางสู่จุดเริ่มต้น
การใช้ : ใช้เปิดอุโมงค์มิติ
“ใช้หนีออกจากดันใช่ไหม”
“ถะ...ถูกต้อง ไอเทมนี่หาไม่ง่ายเลย ตอนผมอยู่กิลด์แฮมเมอร์ก็เคยเห็นแค่สองสามหน...”
“งั้นเหรอ”
วูจินมองหาในร้านแลกเปลี่ยนความสำเร็จแล้วก็เจอของที่คล้ายกัน
[ความมุ่งมั่นแห่งเฮเรส]
เทพกาลเวลา เฮเรส มุ่งมั่นจะเริ่มการเดินทางของพระองค์ใหม่ ไอเทมนี้ไม่สามารถส่งมอบให้คนอื่นได้
การใช้ : เปิดอุโมงค์มิติ ราคา : 3000 แต้ม
เขาต้องกำจัดราควิพันตัวถึงจะซื้อได้ แต่ พวกนาคในดันเจี้ยน 5 ดาวให้ 100 แต้ม เท่ากับต้องกำจัดนาค 30 ตัว
แต้มไม่ใช่น้อยๆ แต่มันเป็นของมีประโยชน์ที่ควรมีไว้เผื่อฉุกเฉิน
“แล้วมันราคาเท่าไหร่”
“อย่างน้อยก็น่าจะพันล้านวอนน่ะนะ”
คำตอบของจุงมินชานทำให้วูซุงฮุนกับซุงกูตาโต
“แพง... แพงไปหรือเปล่า มันใช้ทำอะไร”
“มันมีคุณสมบัติที่หาได้ยากมาก ทำให้หนีออกจากดันเจี้ยนได้โดยไม่ต้องเคลียร์ นี่เป็นทางเดียว”
สำหรับเราส์แรงค์ต่ำคงไม่ต้องการมันนัก แต่ลูกแก้วเปิดมิติมีค่ากับเราส์แรงค์สูงยิ่งกว่าอาร์ติแฟคชิ้นไหน มันคุ้มราคา
เราไม่สามารถออกจากดันเจี้ยนได้ถ้าไม่มีหินรีเทิร์นสโตน หินนี้ทำหน้าที่เป็นกุญแจเปิดบาเรีย แต่ลูกแก้วเปิดมิติช่วยให้เราออกจากดันเจี้ยนได้โดยการผ่านบาเรียออกไป
“นี่เป็นไอเทมที่ต้องมีเวลาจะพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาว ราคาถือว่าสูงเพราะมีขายกันน้อย”
ดันเจี้ยนที่ยังไม่ถูกพิชิตหมายถึงความตายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ต่อให้ทั้งทีมมีแต่เราส์แรงค์ A โอกาสในการพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาวได้ก็ยังต่ำมาก ดังนั้นเวลาจะพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาวจึงต้องมีไอเทมเปิดมิติเผื่อในกรณีเคลียร์ดันเจี้ยนไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีของชิ้นนี้ เราส์แรงค์ A คงตัดสินใจยากว่าจะกล้าพิชิตดันเจี้ยน 6 ดาวหรือไม่
“งั้นราคาจริงๆมันเท่าไหร่”
“กิลด์หรือประเทศอยากสำรองไอเทมแบบนี้ไว้ให้มากเท่าที่จะทำได้ ตอนแรกมันขายอยู่ในราคาห้าพันล้านวอน แต่ตอนนี้ราคาจะอยู่ที่ พันถึงสองพันล้านวอน”
“ฮ้า”
ทุกคนตกใจ พลอยขนาดเท่าปลายเล็บตรงหน้าราคาถึงพันล้านวอน... วูจินก็ตกใจแต่เป็นเรื่องอื่น
‘ถ้าฉันให้คนอื่นใช้ได้ก็เท่ากับใช้ 3000 แต้มแลกเงินพันล้านวอน’
3000 แต้มไม่ถือว่าน้อย แต่เทียบกับเงินแล้วต่างกันมาก
“ของนี่ล่ะเท่าไหร่?”
คราวนี้วูจินเอาไอเทมสัพเพเหระออกมา แร่ต่างๆ วัตถุดิบทำอาหารหน้าตาเหมือนเห็ด เขายังมียาที่บรรจุในขวด
“พวกนี้เป็นหินเพิ่มความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นแร่หรือไม่ก็เรียกว่าหินเพิ่มความแข็งแกร่งเหมือนกันหมด เป็นไอเทมที่สามารถเพิ่มความสามารถของเราส์ให้แข็งแกร่งขึ้น”
“รู้ดีนี่ แล้วมันขายได้เท่าไหร่?”
ด้วยเป็นหัวหน้าทีมของหน่วยสนับสนุน มินชานจึงเคยขายของพวกนี้มามาก ทำให้เขาสามารถบอกราคาไอเทมต่างๆได้ดี
“ก็ต้องเอาไปวัดก่อน ราคามากน้อยขึ้นอยู่กับพลังในหิน แต่อย่างต่ำก็สิบล้านวอน ถ้าพลังในหินมากราคาก็พุ่งกระฉูด...”
“สิบล้านวอน...”
หินราคาขั้นต่ำสุดคือสิบล้านวอน น่าจะมีความสามารถเหมือนกับยาเพิ่มค่าสเตตัสระดับต่ำสุด 1 แต้มในร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จ ซึ่งมีราคา 2000 แต้ม
‘แย่ชะมัด’
ถ้าลูกแก้วเปิดมิติขายได้ เขาจะเอาค่าความสำเร็จ 3000 แต้มไปแลกพันล้านวอนแล้วเอาเงินไปซื้อหินเพิ่มความแข็งแกร่ง เขาไม่สามารถซื้อยาเพิ่มค่าสเตตัสมามากๆเพราะต้องประหยัดค่าความสำเร็จเอาไว้ ถึงอย่างนั้นวูจินก็ไม่ผิดหวังนัก
ถึงจะหาเงินด้วยวิธีขายลูกแก้วเปิดมิติไม่ได้ก็ยังมีวิธีอื่น
“หลบหน่อย”
วูจินดึงม้วนคาถา 7 ม้วน กับอาร์ติแฟค 17 อันออกมา
“ว้าว เยอะนะนี่ เหมือนคุณเอาทุกอย่างที่หาได้ในดันเจี้ยน 5 ดาวออกมาหมดแล้วเลย”
วูจินยิ้ม เขาไม่ได้ดึงอาร์ติแฟคที่จะเก็บไว้ใช้เองออกมา และเงินที่ได้จากการขายหินบลัดสโตนก็เข้าบัญชีเขาหมดแล้ว
“พวกนี้ขายได้เท่าไหร่?”
“ก่อนอื่นผมต้องรู้ว่ามันมีความสามารถอะไร กิลด์ดีๆส่วนใหญ่จะมีทีมคอยวิเคราะห์ความสามารถของไอเทม หรือเราจะส่งอาร์ติแฟคไปให้ที่ทำการบริหารตรวจก็ได้”
“เอากระดาษมาซิ”
“หืม?”
เป็นเฮมินที่เข้าใจว่าวูจินจะทำอะไรเร็วกว่าเพื่อนจึงส่งกระดาษให้ วูจินเขียนทักษะในม้วนคาถาและความสามารถของอาร์ติแฟคแต่ละอันลงไป
“เอาล่ะ คราวนี้เราจะขายของพวกนี้ได้เท่าไหร่”
“คุณ...คุณวิเคราะห์ไอเทมได้?”
ในกิลด์ ถ้ามีทักษะวิเคราะห์ไอเทมอาร์ติแฟค ต่อให้เป็นเราส์แรงค์ F ยังได้รับการดูแลอย่างดี
“ทำไม ประหลาดเหรอ?”
“คุณมีความสามารถกี่อย่างกันแน่?”
อืม กี่อย่างกันนะ? เขาก็เรียนสกิลนู่นนี่มาเรื่อยๆ
“อืม ก็หลายอยู่ ทำไม มันสำคัญนักเหรอ?”
“อา ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกหรอก จำนวนความสามารถมีผลกับการวัดแรงค์ของเราส์น่ะ”
“แล้วตกลงพวกนี้ขายได้เท่าไหร่?”
“อาร์ติแฟคราคาไม่แน่นอน ไม่เหมือนบลัดสโตน ต้องลองขายถึงจะรู้ ถ้าให้ผมประมาณก็น่าจะได้ประมาณพันห้าร้อยล้านวอน”
“ถ้าขายลูกแก้วเปิดมิติด้วยก็ได้ราวๆสองพันห้าร้อย?”
“อย่างต่ำนะ ถ้าคุณไม่รีบขาย เราน่าจะได้สองเท่า”
วูจินพยักหน้า
“ดี นายจัดการเรื่องขายของทุกอย่างในนี้ แล้วก็ถ้ามีหินเพิ่มความแข็งแกร่งขายราคาเหมาะๆก็เหมามาด้วย”
“ครับ ผมจัดการให้”
วูซุงฮุนฟังแล้วแอบกลืนน้ำลาย
‘อา ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว พวกนี้เล่นของโคตรสูงเลย’
เมื่อวาน วูซุงฮุนอ่านบทความเกี่ยวกับคังวูจิน เขารู้ว่าคังวูจินกำลังดัง แต่ไม่รู้ว่าจะเก่งขนาดนี้ ซุงฮุนเพิ่งเข้ามาในโลกของเราส์ มันทำให้ตัวเขาสั่นสะท้าน
‘เป็นตายยังไงก็ต้องอยู่ที่นี่ให้ได้’
เขารู้ว่าการเข้ากิลด์เป็นเรื่องยาก แล้วยิ่งเป็นกิลด์ที่มีเราส์แรงค์ A อย่างนี้... กิลด์เพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่เขารู้ว่ามันจะเติบโตเป็นกิลด์ใหญ่
งานที่นี่จะนำเงินและชื่อเสียงมาให้เขา งานขายโทรศัพท์เทียบไม่ได้เลย
จุงมินชานเริ่มตรวจนับของ วูจินจึงไม่เห็นความจำเป็นต้องอยู่ในห้องเก็บของต่อ
เขาเก็บหินเพิ่มความแข็งแกร่งทั้งหมดแล้วออกไปหาที่อื่น
“ที่นั่งฉันล่ะ?”
“ทางนี้ครับ”
วูจินตามเฮมินไปยังห้องประธาน ห้องมีขนาดใหญ่กว่าห้องสตูดิโอของเจมินเท่าตัว วูจินนั่งบนโซฟา ชี้ไปที่ผนังด้านตรงข้าม
“ติดทีวีไว้ตรงนั้นนะ”
“ครับ ผมสั่งไว้แล้ว น่าจะมาถึงตอนเย็น อีกไม่นานแหละครับ”
ตอนเช้าวูจินบอกว่าอยากได้โทรทัศน์ แต่เฮมินจัดการไว้ก่อนแล้ว
“พอจัดรายการไอเทมเสร็จแล้ว บอกให้ทุกคนมาที่ห้องนี้”
“ครับผม”
วูจินเอนตัวลงในโซฟาแล้วคิด ที่นี่เป็นองค์กรเล็กๆที่มีสมาชิกเพียง 5 คน แต่ก็จำเป็นต้องมีลำดับขั้นปกครอง ที่อัลเฟน วูจินเคยปกครองผู้ติดตามเขาจำนวนมาก เขาจัดการเรื่องแบบนี้ได้ไม่ยาก
ไม่นาน คนทั้งสี่ก็เข้ามาในห้อง วูจินบอกให้พวกเขานั่งลง
“หัวหน้าทีมจุง”
“ครับท่านประธาน”
“ฉันควรจะให้ตำแหน่งอะไรนาย”
“อะไรนะครับ?”
“เราต้องมีตำแหน่งไว้สั่งการต่างๆใช่ไหมล่ะ ทุกคนบอกฉันมาว่าอยากได้ตำแหน่งไหน”
ทุกคนกระสับกระส่ายเมื่อได้ฟังคำของวูจิน พวกเขาต้องตอบดีๆเดี๋ยวนี้ วูจินดูนิ่งๆใจกว้างกับเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครอยากจะเป็นคนแรกที่พูดก่อน
“หัวหน้าทีมจุง กิลด์ปกติแบ่งหน้าที่ยังไง”
“กิลด์แบ่งเป็นสองส่วน คนทั่วไปทำหน้าที่ในแผนกสนับสนุน กับเราส์ ตำแหน่งของเราส์แบ่งตั้งแต่ผู้ช่วยถึงกรรมการ เราส์เป็นได้ถึงรองประธาน แต่ตำแหน่งไม่ใช่ของสำคัญ เราส์คนไหนสำคัญแค่ไหนดูได้จากส่วนแบ่งที่เราส์คนนั้นได้หลังเคลียร์ดันเจี้ยน รายละเอียดเขียนไว้ในสัญญา”
ที่นี่นอกจากวูจินแล้วมีเราส์อีกแค่คนเดียว
“นายอยากได้อะไร ซุงกู”
“ครับ? แต่ผมต้องเป็นผู้จัดการให้ลูกพี่หนึ่งปี...”
“อ้า งั้นซุงกูเป็นกรรมการแล้วกัน”
“กรรมการ...?”
ซุงกูซาบซึ้งใจ วูจินยิ้ม
“กรรมการรับผิดชอบการเก็บของดรอปในดันเจี้ยน”
“...”
มีตำแหน่งแบบนี้ด้วยเหรอ? เรียกเขาว่ากรรมการบรรจุสินค้าน่าจะดีกว่านะ
“แผนกสนับสนุนมีโครงสร้างยังไง”
“แบ่งเป็นฝ่าย ฝ่ายบริหาร ฝ่ายขาย ฝ่ายบัญชี ฝ่ายธุรการงานทั่วไป ฝ่ายสนับสนุน”
“พวกนาย 3 คนจะรับผิดชอบหมดนั่นเลยเหรอ?”
“...”
“หัวหน้าทีมจุง”
“ครับ”
“นายเป็นกรรมการผู้จัดการ”
“ผมจะทำให้ดีที่สุด”
นี่เป็นตำแหน่งสูงที่สุดในกิลด์ที่คนทั่วไปที่ไม่ใช่เราส์จะขึ้นไปถึง จุงมินชานรู้สึกฮึกเหิม
เขารู้สึกฮึกเหิมมากจนไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าวูจินไม่ได้พูดกับเขาอย่างนอบน้อม
“เฮมิน นายอยากเป็นอะไร”
“ช่วยตั้งผมเป็นหัวหน้าฝ่ายสนับสนุนด้วยครับ”
“ได้”
“เฮะๆ ผมจะตั้งใจทำงานครับ”
วูจินมองคนที่เหลือ วูซุงฮุน ใบหน้าเขาแดงเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง
“เอาล่ะ ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของกรรมการผู้จัดการจุงแล้วกัน”
กรรมการผู้จัดการจุง กรรมการผู้จัดการจุง! คำนี้ลอยวนในหูของจุงมินชาน หัวใจเขาเต้นแรง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าการเปลี่ยนงานเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง เหมือนเขาเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์ ใช่แล้ว เขาเป็นสมาชิกหลักจริงๆ
“ครับ ท่านประธาน แล้วเราจะจ้างพนักงานใหม่ยังไง...”
วูจินคิดถึงโต๊ะว่างๆในออฟฟิศเมื่อได้ยินคำของมินชาน
“เราต้องจ้างคนเพิ่มด้วยเหรอ?”
“ครับ ถ้าอยากให้ทำงานราบรื่น เราต้องมี...”
“ทำไมต้องจ้างคนเพิ่มอีก?”
“...เอ่อ? เราต้องสร้างกิลด์ให้เติบโตขึ้น มีเราส์เพิ่มขึ้นก็ต้องจ้างหน่วยสนับสนุนเข้ามา...”
วูจินดึงซองจดหมายออกจากกระเป๋าแล้วโยนลงบนโต๊ะ มินชานประหลาดใจเมื่อเห็นข้อความในนั้น
[หมายเรียกเกณฑ์ทหาร]
“น่ะ...นี่มัน...”
วูจินยิ้ม แม้จะมีแค่ 4 คน แต่เขาก็มีลูกน้องแล้ว เขารู้สึกเป็นอิสระจากงานจุกจิกน่ารำคาญทั้งหลายแหล่
มิหนำซ้ำ มินชานกับเฮมินก็เป็นมือหนึ่งในด้านนี้ด้วย
“ฉันไม่อยากถูกเกณฑ์ แล้วก็อยากเข้าดันเจี้ยนอย่างสงบ”
“...”
“เพื่อการนั้นต้องจ้างคนเพิ่มหรือเปล่า?”
“...”
อย่างนี้นี่เอง นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสร้างกิลด์ มินชานมึน
ถ้าไม่อยากถูกเกณฑ์ทหาร แค่เข้ากิลด์แฮมเมอร์ก็ได้แล้ว ถ้าทำอย่างนั้นมินชานก็ได้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกสนับสนุนของกิลด์แฮมเมอร์
“ว่าไง?”
“ถึงยังไงเราก็ยังต้องหาเพิ่มอีกสักคนสองคน...”
“ก็ได้ แล้วแต่นายตัดสินใจ กรรมการผู้จัดการรับผิดชอบงานที่เกี่ยวกับการสนับสนุนใช่ไหมล่ะ”
“...ครับ”
นี่วูจินเชื่อใจเขามาก หรือตั้งใจจะผลักงานจุกจิกมาที่เขากัน? อา ทำไมถึงรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมานะ?
“งั้นก็จัดการซะ ฉันจะลงดันอีกสักรอบ”
เวลาที่ใช้ในการเคลียร์ดันเจี้ยนคือ 4 ชั่วโมงกว่า แต่ในดันเจี้ยนหมายถึง 16 ชั่วโมง วูจินจัดการพวกมอนสเตอร์รวดเร็วจนซุงกูทำงานเหนื่อยแทบตาย เพิ่งจะพักได้ไม่เท่าไหร่เขาก็จะเข้าดันเจี้ยนอีกรอบแล้ว...
สีหน้าซุงกูมืดครึ้ม ส่วนมินชานพูดกับวูจิน
“ก่อนหน้านั้น ท่านประธานต้องไปที่ที่ทำการบริหารก่อน”
“ทำไมล่ะ?”
“ต้องไปวัดแรงค์จริงๆก่อนถึงจะจัดระดับของกิลด์ได้น่ะ”
“งั้นก็คงต้องไปที่นั่นก่อนล่ะนะ”
“ผมไปด้วย” มินชานตอบ
วูจิน ซุงกูและมินชานเดินทางไปที่ที่ทำการบริหารผู้มีพลังพิเศษ เฮมินกับซุงฮูอยู่ที่ออฟฟิศจัดการกับไอเทมที่เหลือต่อ
***
“น่าทึ่ง”
วูจินยืนหน้าเครื่องจักรเครื่องหนึ่งที่ดูเหมือนเครื่องวัดพลังงานในดันเจี้ยน ทุกครั้งที่ใช้เครื่องจักรนี้ บลัดสโตนกองหนึ่งก็จะถูกใช้ไป ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้กันบ่อยนัก แต่นี่เป็นวิธีวัดแรงค์ของเราส์ได้แม่นยำที่สุด
พนักงานตั้งระบบเสร็จแล้วก็พูดพลางชี้ไปที่กำแพงหนาของห้องวัดพลัง
“กรุณาใช้ความสามารถที่รุนแรงที่สุดไปทางนั้นด้วยครับ”
เมื่อเราส์ใช้ความสามารถ พลังจะถูกปล่อยออกมา เครื่องวัดระดับจะวัดพลังนั้น
วูจินเรียกหอกกระดูกออกมา
ตี๊ดๆๆ
ตัวเลขจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้น สุดท้ายก็แสดงแรงค์ออกมา
“เอ๊ะ มันบอกว่าแรงค์ C”
“อ้าว ผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า?”
พนักงานสองนายมองที่หน้าจอแล้วคุยกันอย่างเคร่งเครียด สื่อมวลชนพูดเหมือนว่าวูจินเป็นเราส์แรงค์ A แน่นอนแล้ว
หรือแค่ดูผลงานของเขาก็พอแล้ว วูจินเคลียร์ดันเจี้ยน 5 ดาวได้ด้วยตัวคนเดียว
ทุกคนเชื่อว่าวูจินเป็นเราส์แรงค์ A อย่างไม่ต้องสงสัย การวัดระดับวันนี้เพียงทำให้เป็นทางการ
“พวกคุณอยากให้ผมทำอะไรอีกไหม?”
“อ่า คุณมีท่าแรงกว่านี้อีกไหมครับ?”
“อืม ถ้ายังไม่แรงพอ ผมจะเพิ่มให้อีก”
พนักงานใช้บลัดสโตนอีกแล้วเริ่มการทำงานของเครื่องจักรใหม่
“ผมจะปล่อยพลังงานไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะโชว์แรงค์ A หันหน้าจอมาทางผม”
“เอ๋?ครับ”
พนักงานหันหน้าจอให้วูจินเห็น วูจินเรียกหอกกระดูกออกมาทีเดียว 10 ด้าม ตัวเลขในหน้าจอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ที่ปรากฎข้างเป็นตัว B
ดูเหมือนหอกกระดูกจะไม่แรงพอ เขาเรียกกำแพงกระดูกที่ใช้พลังเวทย์จำนวนมากออกมา เขาส่งมันไปที่ผนังห้อง จากนั้นใช้พลังกายเรียกทักษะผ่าปฐพีออกมาโดยไม่ใช้อาวุธ ตัว A ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
เห็นดังนั้นวูจินก็เรียกพลังเวทย์กลับคืน
“เอาล่ะ แค่นี้สินะ?”
“...ครับ เสร็จแล้วครับ”
“งั้นก็สวัสดีครับ”
หลังวูจินจากไป พนักงานต่างมองหน้ากัน
เหมือนพวกเขาตาฝาดไป พนักงานมองห้องวัดระดับที่วูจินเพิ่งออกไป
“การ...ควบคุมพลังของเขานี่ดูถูกไม่ได้เลย”
“อย่างนี้ก็เทียบกับคิมกังชุลได้จริงๆแหละ ฮู้ว”
บัตรประจำตัวเราส์แรงค์ A พิมพ์ออกมาโดยมีชื่อของวูจินติดอยู่ ไม่นานข่าวเกี่ยวกับวูจินก็ถูกเผยแพร่ แล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ชื่อของเขาก็เป็นคำที่ถูกค้นหามากที่สุดในอินเตอร์เน็ต
ตอนที่วูจินเข้าดันเจี้ยน โดจีวอนเลิกงาน หลังกลับมาถึงหอพักเธอเปิดโทรศัพท์มือถือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น