วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 42

บทที่ 42 – ข่าวเด่นประเด็นร้อน (2)


“ฮู้ว พรุ่งนี้ก็มีเรียนทำไมไม่เจอกันพรุ่งนี้? หนาวๆอย่างนี้ยัยนั่นจะเรียกออกมาทำไมว้า”

อากาศเริ่มหนาว เจมินกระชับเสื้อคลุมแล้วรีบเดิน ห่างออกไปเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งชิงช้าในสนามเด็กเล่นเล็กๆแห่งหนึ่ง

แสงจากเสาไฟส่องร่างเธอทำให้เขาแน่ใจว่าเป็นลีซุลกิ

“เฮ้ พรุ่งนี้ก็เจอกันที่โรงเรียนแล้ว ทำไมมาที่นี่ล่ะ มันอันตรายนะ”
“เจมินเป็นห่วงเหรอ?”
“เอ๊ะ? ก็แหงสิ ตรงนี้มันมืด เธอจะไม่ปลอดภัย”
“ฮิๆ หนอนหนังสือเจมินห่วงพี่สาวคนนี้ด้วย แบบนี้ก็มาไม่เสียเที่ยวแล้วล่ะ”

รอยยิ้มสดใสกับคำพูดของซุลกิทำให้เจมินใจเต้น ตอนใส่เครื่องแบบเธอก็น่ารักอยู่แล้ว พอมาใส่ชุดธรรมดาก็น่ารักไปอีกแบบ

“เอ่อ มีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ?”
“ใจร้อนจัง นั่งตรงนี้สิ”

เจมินบ่นพึมพำพลางนั่งลงข้างๆซุลกิ เธอถีบพื้นเงียบๆให้ชิงช้าแกว่งไกว

เจมินไม่จี้ถามต่อ เขารอเงียบๆ วันนี้ซุลกิไม่จริงจังไม่เหมือนเดิม เธออยากบอกอะไรกับเขา...

“นี่เจมิน”
“อืม”
“SW เอเย่นต์เลือกฉันไปฝึกอบรมล่ะ”
“อะไรนะ?”

เจมินตกใจ SW เอเจนซี่เป็นบริษัทเกี่ยวกับวงการบันเทิงที่ใหญ่มาก หน้าตาอย่างซุลกิสามารถเปิดตัวเป็นดารานักแสดงได้ไม่ยาก

“อะ อา ดีใจด้วยนะ! ฉันเคยบอกแล้วว่าเธอต้องได้เป็นดารา ดีใจด้วย...”
“...”

เจมินแสดงความยินดีแต่ซุลกิไม่ดีใจไปด้วย

“นอกจากดีใจด้วยแล้วมีอย่างอื่นจะพูดไหม?”
“พูดอะไร?”

เจมินใจเต้น อา ทำไมมันเต้นแรงขนาดนี้? เพราะเธอดูเศร้าเหรอ? ซุลกิมักจะยิ้มสดใสให้เขาเสมอ

เจมินใจเต้นแรง สมองตื้อตัน รู้สึกเหมือนหยุดหายใจ

“ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของนายนะ”
“อ่า ต้องเป็นดาราดังให้ได้เลยนะ”

ซุลกิทำหน้าผิดหวัง ดวงตาหวานรื้นน้ำตา เห็นแล้วเจมินรู้สึกว่าเขาทำผิดไป

ไอ้โง่ นายทำให้ซุลกิเสียใจ ความรู้สึกผิดซัดใส่เขา แต่ คำพูดที่พูดไปแล้วเขาเอาคืนกลับมาไม่ได้

“บ้า...ขนาดนี้แล้วยัง...”

ซุลกิพึมพำเสียงเบา เจมินไม่ได้ยินว่าตอนท้ายเธอพูดอะไร

เจมินหล่อฉลาด จริงจังไม่เอาแต่เล่นเหมือนเด็กคนอื่น ไม่เอาแต่จีบผู้หญิง

เธอชอบเขาจริงๆ หวังเสมอว่าเจมินจะยอมรับความรู้สึกของเธอ แต่ดูเหมือนมันจะเป็นเพียงรักข้างเดียว
ซุลกิผละจากชิงช้า ปาดน้ำตาออก แล้วหันไปยืนตรงหน้าเจมิน

“เอ่อ ซุลกิ”

เจมินรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น ในหัวขาวโพลน

ซุลกิพยายามเต็มที่เพื่อยิ้มออกมา

“ถ้าพี่สาวคนนี้ดังขึ้นมาเมื่อไหร่นายจะเสียใจ”
“เอ๋”
“วันนั้นนายจะคุกเข่าเสียใจ”
“...”

เธอน่ารักจริงๆ แค่มองตาของเธอ เจมินก็ใจสั่น เขาต้องเสียใจทีหลังแน่ๆ ไม่สิตอนนี้เขาก็เสียใจแล้ว

จะให้พูดอะไรดี ถ้าย้อนเวลากลับไปจะเป็นไปได้ไหมนะ?

สมองเขาเต็มไปด้วยความคิดต่างๆ แต่แล้วเรื่องที่คิดก็กระเจิงหายไป

จุ๊บ

ซุลกิก้มลง ริมฝีปากของเธอแตะกับริมฝีปากของเจมิน

อุ๊บ เขาหยุดหายใจ

หัวใจเต้นโครมคราม เหมือนเวลาได้หยุดนิ่งลง

ซุลกิปิดตา ใบหน้าของเธออยู่ตรงปลายจมูกเขา ขนตายาวสั่นระริก เธอกำลังเศร้า

“อุ๊บ”

ซุลกิถอยไปด้วยใบหน้าแดงเหมือนประหลาดใจในสิ่งที่ทำลงไป เจมินก็หน้าแดงทำอะไรไม่ถูก

เขาจะพูดอะไรดี เขานึกไม่ออก ซุลกิเห็นท่าทางละล้าละลังของเจมินแล้วก็หลุดหัวเราะ

“ถ้าฉันดังเมื่อไหร่ อย่าโพสท์แกล้งฉันในเน็ตนะ”
“อ๋า? ฮะๆ ไม่หรอก”

โง่! เขาตอบได้แค่นั้นเหรอ? เจมินด่าตัวเอง ซุลกิโบกมือ

“พี่สาวไปแล้วนะ เจอกันพรุ่งนี้ที่โรงเรียน”
“อืม ไว้เจอกัน”

อ้า เจมินด่าตัวเองว่าโง่อีก ไว้เจอกัน แค่นี้น่ะนะ...

หัวใจที่เต้นแรงของเขาเต้นช้าลง มันบอกเขาว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว

รั้งเธอไว้ รั้งเธอไว้สิ

สุดท้าย ร่างกายของเขาก็ไม่ทำตามเสียงของหัวใจ


***

[ฉันมีอะไรจะบอก]
[อะไรเหรอ?]
[ดี๊ ด๊าๆ...]

“อ้าว จบแบบนี้เหรอ?”

ดราม่าที่วูจินกำลังชมอย่างใจจดใจจ่อจบแล้ว โฆษณามาแทนที่ ซึ่งหมายความว่าเขาต้องรอพรุ่งนี้ถึงจะได้ดูต่อ

ตอนกำลังจะหายเซ็งพอดีประตูบ้านก็เปิดออก

“โอ้ กลับมาแล้วเหรอ พี่นายมีเบอร์โทร...”
“ฮือ ฮือๆ”

กะ... เกิดอะไรขึ้น?

เจมินร้องไห้กลับบ้าน ไม่คิดจะเช็ดน้ำตาด้วยซ้ำ วูจินตะลึง

“จะ..เจมิน?”
“อึก ฮือๆๆ”

เจมินเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากล้างหน้าแล้วก็ออกมา เขาเช็ดหน้ายิ่งทำให้ดูน่าสมเพชกว่าเดิม น้ำตาเริ่มไหลเหมือนน้ำตกจากดวงตาสีแดงก่ำ

“ฮือๆๆ ซุลกิ”
“เฮ้ เกิดอะไรขึ้น?”

วูจินไม่รู้ว่าเจมินได้ยินเขาถามหรือเปล่า เจมินล้มลงบนเตียง เอาหัวซุกหมอน

“อึก ฮือ”
“ปะ... เป็นอะไร?”
“อึก พี่...ผมอยาก...ฮึก...อยู่คน...ฮือ...เดียว”
“อ่า เฮ้อ ก็ได้”

เขาไม่รู้ว่าเจมินเจออะไรมา แต่นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะขอเบอร์โทรของจีวอนได้

“แง”

เจมินร้องไห้เต็มที่

สำนึกเสียใจ เศร้า กลัว

ต่อไปเขาคงไม่กล้ามองซุลกิอีก เธออยู่สูงเกินไปสำหรับเขา

ใช่ เขาจะฉุดรั้งเธอไว้ได้อย่างไร?

ลาก่อน ซุลกิ

“ฮึก ฮือๆๆ”

เขาไม่รู้ตัวตอนที่มีเธออยู่ข้างๆ แต่เมื่อเธอจะจากไปเขาถึงได้รู้

ในวัยมัธยมปลายปี 3 รักครั้งแรกของเจมินได้หลุดลอยไป เขาร้องไห้ไม่หยุด

***

“เฮ้อ ฝันคราวนี้โคตรโหด”

วูจินฝันร้ายทุกคืน แต่ฝันเมื่อคืนแย่กว่าปกติ เขาฝันว่าถูกเจมินที่ร้องไห้โฮๆวิ่งไล่

เจมินไปโรงเรียนแล้ว วูจินจึงอาบน้ำเนือยๆแล้วออกจากบ้าน

“เลยไม่ได้เบอร์จีวอนเลย”

ซึ่งเขาก็ไม่รีบร้อน วูจินเดินทางไปยังที่อยู่ที่เฮมินบอกเมื่อวาน มันเป็นอาคารค่อนข้างใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ชุมทาง

“ชั้น 5 สินะ”

เขาเข้าไปในตัวอาคารและเห็นว่ากำลังมีการตกแต่งภายในตัวอาคารกันอยู่

เฮมินเจอวูจินกำลังมองซ้ายมองขวาจึงเดินเข้าไปหา

“อ้า ท่านประธานมาแล้ว”
“อืม หัวหน้าทีมจุงล่ะ?”
“ไปส่งเอกสารขอตั้งกิลด์ที่ที่ทำการครับ”
“เขาจะกลับมาเมื่อไหร่?”
“น่าจะประมาณเที่ยงครับ”
“อ้อ”
“จะดูออฟฟิศหน่อยไหมครับ?”
“เอาสิ”

เฮมินพาวูจินชมรอบออฟฟิศ  แต่เดิมมันเป็นที่ว่างโล่งๆ ดังนั้นที่กำลังตกแต่งภายในใหม่นี้ก็เพื่อจัดสรรพื้นที่ใหม่

“อยากแต่งให้เป็นแบบไหนบอกได้นะครับ ผมจะได้เปลี่ยนให้เลย”
“อืม ขอทีวีใหญ่ๆสักเครื่องพอ”
“เหะๆ ได้เลยครับผม แล้วก็ไม่ต้องสุภาพกับผมนักก็ได้ ผมแก่กว่าก็จริงแต่ท่านประธานเป็นท่านประธานนะครับ” (TN-เง้อ วูจินพูดสุภาพกับเฮมินด้วย แปลจากภาษาอังกฤษมันดูไม่ออกอะค่ะ แต่รู้สึกจะมีตอนที่วูจินเรียกเฮมินว่าคุณนะ)
“โอเค”

อื๋อ? ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่นึกไม่ถึงว่าวูจินจะเปลี่ยนวิธีพูดไวขนาดนี้

“ไหนๆก็ย้ายแล้ว ตอนเที่ยงไปกินจาจังเมียนกัน”
“...ครับ”

ที่พิลึกคือวูจินเพิ่งอายุ 24 แต่เขาพูดด้วยภาษาที่ใช้กับคนอาวุโสเท่ากันได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“ฉันไม่มีอะไรทำเลยว่าจะลงดันอีกสักรอบ...”
“โอ้ ท่านประธานต้องปั๊มอาร์ติแฟคสินะครับ”
“เอ๋?”
“ท่านประธานไม่ได้จะลงดันไปปั๊มอาร์ติแฟคเหรอครับ”
“ทำไมล่ะ?”
“...”

คิมเฮมินอธิบายความเปลี่ยนแปลงของดันเจี้ยนเมื่อพิชิตครั้งแรกได้แล้วให้วูจินฟัง

“อาร์ติแฟคจะออกมามากที่สุดตอนเคลียร์ดันเจี้ยนได้ครั้งแรก หลังจากมันเปลี่ยนเป็นดันเจี้ยนพื้นฐาน อาร์ติแฟคที่หาได้จากในดันเจี้ยนจะลดลง ยิ่งลงดันมากเท่าไหร่ โอกาสที่อาร์ติแฟคจะออกมาก็จะยิ่งน้อยลง”

วูจินจึงได้เข้าใจว่าทำไมถึงมีอาร์ติแฟคอีกทั้งๆที่ในดันเจี้ยนมีแต่มอนสเตอร์ทั่วไป ทีแรกเขาก็ว่าแปลก

“พอดันเจี้ยนไม่ตกอาร์ติแฟคแล้วนั่นล่ะครับถึงจะเปิดให้คนทั่วไปเข้า”
“ให้ชาวเหมืองขุดหาบลัดสโตนใช่ไหม?”
“ครับ แต่โอกาสที่อาร์ติแฟคจะตกก็ยังมีอยู่ ซึ่งถ้าตกก็เท่ากับถูกหวยแหละครับ ส่วนไอเทมธรรมดาก็ยังมีตกตามปกติ”

วูจินยิ้มกริ่ม

“ก็คือเรากินก่อน อิ่มแล้วค่อยให้คนอื่นมาเก็บของเหลือกิน”
“กะ ก็ใช่ครับ”
“งั้นฉันไปล่ะ จะกลับมาตอนเที่ยง...”
“เอาคุณซุงกูไปด้วยหรือเปล่าครับ”
“ก็ว่าจะโทรเรียกกลางทาง”
“ครับ งั้นผมจะขับรถไปส่ง”

คิมเฮมินเป็นมือหนึ่งในแผนกสนับสนุน เขาถูกฝึกจนช่ำชองเรื่องการจัดการดันเจี้ยน การดูแลเราส์ รวมถึงงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำงานของตัวเองได้อย่างราบรื่น

วูจินไปเจอซุงกูที่ทางเข้าดันเจี้ยน ก่อนทั้งสองจะเข้าไป เฮมินก็ถามไว้ก่อน

“ขอโทษนะครับท่านประธาน ท่านไม่ได้เก็บบลัดสโตนมาเหรอครับ?”
“ฉันเก็บไว้ในมิติซ้อนน่ะ”

คิมเฮมินตกใจ ทีแรกเขาสงสัยว่าทำไมวูจินไม่เอาอะไรออกมาเลยทั้งๆที่เคลียร์ดันเจี้ยนไปสองครั้งแล้ว

ครั้งแรกเขานึกว่าเป็นเพราะวูจินแค่เอาตัวรอดก็เต็มที่แล้วจึงไม่ได้เก็บอะไรมา ส่วนครั้งที่สองมันเร็วมากเขาจึงนึกว่าวูจินเลือกเก็บแต่ของสำคัญ

“อะไร? ให้ฉันเอาออกมาดีไหม?”
“มะ ไม่ครับ”

แถวนี้มีคนเยอะเกินไป แต่ว่าอาร์ติแฟคเป็นทรัพย์สินของเอกชนซึ่งจะขายให้ใครก็ได้ แต่บลัดสโตนจะต้องขายให้กับร้านรับซื้อบลัดสโตนของที่ทำการบริหารเท่านั้น

“ท่านประธาน คราวหน้าช่วยเอาบลัดสโตนไปขายที่ร้านด้วยนะครับ ถึงจะปล่อยด้วยวิธีอื่นได้แต่มันยุ่งยากเกินไปน่ะครับ”
“เข้าใจแล้ว ไปเถอะซุงกู”
“ครับลูกพี่”
“นายไม่ต้องรอตรงนี้หรอก กลับออฟฟิศได้เลย ลงรอบหนึ่งเสร็จฉันก็กลับแล้ว ไม่เกินเที่ยง”

เหลือเวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที ก่อนจะถึงเที่ยงวัน...

“ระ...รับทราบครับ”

วูจินซุงกูเข้าดันเจี้ยนไป ส่วนเฮมินกลับมาถึงออฟฟิศ

พวกเขาจ้างคนงานก่อสร้างหลายคน ผนังของออฟฟิศสะอาดอยู่แล้ว เหลือแต่กั้นห้องเพิ่มอีกหน่อย ซึ่งก็ทำเสร็จก่อนเที่ยง

กั้นผนังเสร็จ พนักงานส่งของก็มาส่งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้สำนักงานต่างๆ

จุงมินชานกลับมาในตอนนั้นและวูซุงฮุนก็มาช่วยจัดของเช่นกัน เมื่อทุกอย่างเข้าที่ก็ได้เวลาบ่ายโมง

“ฮู้ว ค่อยดูได้ขึ้นมาหน่อย”

คนงานยังเก็บกวาดอยู่ แต่ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางแล้ว

“เหนื่อยกันหน่อยนะทุกคน”

“ฮะๆ หัวหน้าทีมสิครับที่เหนื่อยกว่าเพื่อน”

“คุณซุงฮุนก็ช่วยได้เยอะนะ”

“อ๊ะ ครับ”

วูซุงฮุนยิ้มกว้าง เมื่อวานเขานึกนี่เป็นการต้มตุ๋น แต่เมื่อหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็ไม่พบอะไรที่บอกว่านี่เป็นเรื่องหลอกลวง

‘เข้ากิลด์ก็ดีเหมือนกัน เงินจากค่าคอมไอ้เราก็ไม่พอกิน’

ถึงดูแล้วจะไม่มีงานที่เหมาะกับเขา แต่เขาจะไม่เกี่ยงงานที่ได้รับมอบหมาย ซุงฮุนเก็บร้านของเขาแล้วติดต่อนายหน้าเพื่อขายร้านตั้งแต่เช้า จากนั้นก็มาที่นี่

‘ตอนนั้นหมอนั่นน่ากลัวมาก แต่ที่จริงแล้วก็มีมโนธรรมอยู่เหมือนกัน’

วูจินต่อยซุงฮุน รีดไถโทรศัพท์รุ่นเครซี่เรดสุดแพงไป แต่วูจินก็ชวนเขาเข้ากิลด์ ตอนฟังจุงมินชานกับคิมเฮมินพูดถึงวูจิน ดูท่าเขาจะเป็นคนรู้จักดูแลลูกน้อง

บางทีเขาอาจจะได้เงินเดือนสูงกว่าตอนขายโทรศัพท์...

วูซุงฮุนเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง เขารอวูจินกลับมา

วูจินซุงกูกลับมาถึงที่ทำงานประมาณบ่ายสองโมง

เมื่อออกจากลิฟท์ ซุงกูอุทาน

“ว้าว ออฟฟิศที่นี่ยอดเลย”

ซุงกูประหลาดใจ แม้แต่วูจินก็ประหลาดใจ ตอนเช้า ที่นี่ดูรก แต่ภายในเวลาสั้นๆก็กลายมาเป็นมีระเบียบเรียบร้อย หน้าตาดูเหมือนเป็นออฟฟิศขึ้นมาจริงๆ

แต่ที่นี่ดูใหญ่ไปสำหรับพนักงานแค่ 5 คน และโต๊ะทำงานก็เยอะกว่าจำนวนคนไปพอสมควร เรื่องนี้ทำให้วูจินรู้สึกคาใจ

จากนั้นเขาเห็นบุคคลที่ไม่คาดว่าจะอยู่ที่นี่ เขาเอียงคออย่างแปลกใจ

“ทำไมหมอนี่ยังอยู่อีกล่ะ?”
“หา?”

วูซุงฮุนงง

“ฉันแค่ขอยืมชื่อนาย”

วูซุงฮุนได้ยินแล้วหน้าซีด จุงมินชานถามอย่างตกใจ

“ท่าน...ท่านประธานไม่ได้จะชวนเขาเข้ามาช่วยกันสร้างกิลด์เหรอ?”
“หืม? ฉันแค่จะเอาชื่อมาใส่ให้เต็ม”
“อ้าว ผมพลาดแล้วสิ...”

เขานึกว่าซุงฮุนสนิทกับวูจินแต่ดูท่าจะไม่ใช่ วูซุงฮุนคาดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เขาทำตัวไม่ถูก วูจินยิ้ม

“เอาเถอะ ถ้ามีอะไรให้เขาทำก็ให้เขาทำไปแล้วกัน สั่งจาจังเมียนมากินกันดีกว่า ฉันหิวแล้ว”
“ได้เลยครับ แถวนี้ผมรู้จักร้านอร่อยๆอยู่ร้านนึง”

คิมเฮมินรับคำสั่งอย่างรวดเร็ว ระหว่างสั่งอาหาร เรื่องมิติซ้อนที่ใช้เก็บของของวูจินก็ถูกยกขึ้นมาพูด

“ท่านประธาน... เก็บของจากดันเจี้ยนไว้ในมิติซ้อนหมดเลยเหรอ?”

“อืม ไว้กินเสร็จแล้วฉันจะเอาออกมา”

นอกจากซุงกูแล้วทุกคนต่างตื่นเต้นกับเรื่องที่วูจินพูด หน้าที่หนึ่งของแผนกสนับสนุนคือขายอาร์ติแฟคและไอเทมต่างให้ได้ราคาดี

“ตรงนี้แคบไปหน่อย ด้านนั้นคือ?”

วูจินชี้ไปที่ประตูบานหนึ่ง

“ตรงนั้นเป็นห้องของท่านประธาน ข้างๆเป็นห้องเก็บของ”

ออฟฟิศใหญ่จนขนาดกั้นห้องแล้วยังมีที่ว่างเหลือ วูจินมองไปรอบๆแล้วพยักหน้า เขาต้องใช้พื้นที่เยอะ

“งั้นฉันเอาออกมาล่ะนะ”

วูจินเปิดคลัง แล้วเริ่มเทของที่ได้จากดันเจี้ยนออกมา เขามีเกราะและหอกทหารนาคมากกว่า 300 ชิ้น

ทุกคนอ้าปากค้างเมื่อเห็นจำนวนไอเทม แต่อาร์ติแฟคขนาดเท่านิ้วก้อยทำให้พวกเขายิ่งกว่าประหลาดใจ

“นะ...นี่มัน!”

มินชานยกอาร์ติแฟคขึ้นมา นี่ถือเป็นอาร์ติแฟคระดับสูงสุด ตอนอยู่กิลด์แฮมเมอร์เขาเคยเห็นแค่ไม่กี่ครั้ง มันเป็นอาร์ติแฟคราคาสุดแพง




รอใส่บทที่ 43

...หืม? กินจาจังเสร็จกันตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า?

2 ความคิดเห็น: