วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

TGS - บทที่ 1

บทที่ 1


นิโคลาฟ ทุต ลงมารับประทานอาหารเช้าหลังเลยสิบนาฬิกาไปเล็กน้อย เขาไม่ชอบตื่นเช้าๆแต่แน่นอนว่าเขาต้องตื่นแบบนั้นแทบทุกวัน คุณจำเป็นต้องไปให้ถึงโรงเรียนตรงเวลา ซึ่งหมายถึงต้องตื่นแต่มืดและออกจากบ้านทั้งที่สมองยังกรนคร่อก

เหมือนหลายๆสิ่งในชีวิตของเขา เสียแรงเปล่าถ้าจะบ่น หรือจะผัดผ่อน หรือจะขอนอนต่ออีกสัก 5 นาที สิ่งที่คุณไม่อยากทำแต่จำเป็นต้องทำนั้นถ้าจัดการให้ไวไม่ลังเลยืดเยื้อได้ย่อมดีที่สุด

เมื่อกินเสร็จแล้วก็ล้างจาน เขาอยู่คนเดียวในบ้าน แม่ออกไปทำงานส่วนพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่ก่อนนิคจะเกิด เขาเช็ดจานจนแห้งแล้วเก็บ เขาไม่ชอบล้างจานเหมือนกัน แต่ปล่อยทิ้งไว้ในอ่างเพื่อมาล้างทีหลังแล้วมันได้อะไร?

ทัศนคตินี้เองที่ทำให้นิคเป็นนักเรียนดี และเขาเป็นนักเรียนดีมาก ยอดเยี่ยม

ชีวิตวัยเยาว์ของเขาส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่กับโรงเรียนชายแฮมมอนด์ในเมืองแฮมมอนด์ มันเป็นเมืองใหญ่ ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศรันวาร์ สอนนักเรียนทั้ง 5 เกรดซึ่งมีมากกว่าพันคน 5 ปีที่นิคเป็นเด็กแฮมมอนด์ เขาเป็นที่หนึ่งของชั้นปีตลอด

เขาไม่ได้รักใคร่ในวิชาที่เขาทำได้ยอดเยี่ยม ไม่ได้พิศวงไปกับความน่าทึ่งของวิทยาศาสตร์หรือความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ไม่สนใจอะไรนักหนากับความงดงามของเลขคณิตหรือความซับซ้อนของภาษา เขาแค่ทำได้ดี

นิคไม่ถือว่าตัวเองฉลาด แน่นอนเขาไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องการเรียน ผลคะแนนที่น่าประทับใจบนกระดานประกาศมาจากความพยายามอย่างหนัก

เขาเรียนไม่หยุด เขาใช้เวลาว่างเข้าห้องสมุดและใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่รัฐจัดหาให้สำหรับผู้ที่อยากใช้มันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เขาเข้าใจดีว่าในการทำได้ดีในการสอบนั้น คุณต้องมอบคำตอบที่ผู้วัดผลต้องการ ซึ่งไม่จำเป็นต้องหมายถึงมอบคำตอบที่ถูกต้องเสมอไป

ยุทธการเทือกเขาเด็ค ชัยชนะเป็นของกองทหารรันวาร์ ตามที่บันทึกในหนังสือเรียน แต่ตามแหล่งข้อมูลอื่น ผลลัพท์ไม่ชัดเจนขนาดนั้น

ผู้ค้นพบน้ำยาเมอร์ริค รู้กันทั่วไปว่าคือหัวหน้านักเวทย์เมอร์ริค การค้นพบนี้ใช้ในการผ่อนคลายประสาทของคนไข้ผ่าตัดและเพิ่มอัตรารอดชีวิตขึ้นสูงมาก เพียงแต่ว่า ชายคนหนึ่งชื่อเพอร์รี่ นาไบน์แห่งประเทศข้างเคียง อีริสต้า ค้นพบยาที่ใกล้เคียงกันมากมาตั้งแต่สามปีก่อนแล้วและก็มีเอกสารยืนยัน เพียงแต่ว่า มันลดความภาคภูมิและชื่อเสียงของรันวาร์หากมีใครพูดเรื่องนี้ออกมาในที่สาธารณะ ก็ใช่ว่าใครจะมีโอกาสได้ทำอย่างนั้นน่ะนะ

นิคเจอเรื่องเหล่านี้ในหนังสือฝุ่นเกรอะในชั้นที่มีหยากไย่เกาะ เขาชอบสำรวจมุมที่ไม่มีใครสนใจในห้องสมุดเพื่อขุดหาข้อมูลที่เขารู้ว่าผู้วัดผลจะชอบ ข้อมูลที่ยืนยันว่าความเชื่อของพวกเขาถูก ส่วนข้อมูลที่ไปขัดกับความเชื่อของพวกเขา นิคปล่อยให้มันถูกฝุ่นเกาะต่อไป

การสอบผ่านเป็นความถนัดที่สุดของนิค และเขารู้ว่ามันคนละเรื่องกับการเป็นผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อที่ใช้สอบ มันเป็นเรื่องของการให้คำตอบที่คนถามต้องการ ทำอย่างนั้นได้ก็จะได้คะแนนสูง สำหรับประเทศรันวาร์

ดังนั้นนิคจึงให้คำตอบที่ตรงใจพวกเขา แม้แต่คำตอบที่พวกเขาคิดว่ายังคลุมเครือ - เช่นการยืนยันว่ากษัตริย์แรนซัมที่ 3 เป็นพระราชบิดาของกษัตริย์แรนซัมที่ 4 ทั้งๆที่พระองค์ห่างจากพระราชมเหสีมากกว่าหนึ่งปีจากการรบในสงครามพีโลเมน – นิคสามารถพิสูจน์ว่าจริงอย่างไร้ข้อกังขาด้วยการใช้เวลาและข้อความจากบันทึกคลุมเครือต่างๆในช่วงเวลานั้น เขารู้ดีว่าความสามารถในการเปลี่ยนการคาดคะเนให้กลายเป็นข้อเท็จจริงได้นั้นมีค่าเพียงใด ขอให้เป็นข้อเท็จจริงที่เหมาะสมก็พอ

นิคไม่สนใจเรื่องความถูกต้อง เขาสนใจแต่ได้เกรดสวยๆ เขาขอแค่ได้ที่หนึ่ง

และเหตุผลที่เขาสนใจเรื่องนี้มากขนาดนี้ไม่เกี่ยวกับความทะเยอทะยานหรือสถานะทางสังคมเลย เขาไม่ได้อยากจะทำให้ใครประทับใจหรือชื่นชม เขาไม่รู้ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เหตุผลเดียวที่เขาอยากเป็นนักเรียนดี เหตุผลนั้นคือเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

เดลซินา ลอเรนเทีย เดลโครอิกซ์ หรือ ดิซซี่ เธอเป็นบุตรีของนักการเมืองระดับสูงคนหนึ่งในรัฐบาลรันวาร์ บุคคลสำคัญและทรงอิทธิพลมาก เท่าที่นิครู้มา สำคัญมากๆ ที่จริงคือ น้อยคนมากที่รู้ว่าเขามีหน้าที่อะไร ตำแหน่งของเขาคือรัฐมนตรีการชื้แนะ แต่ไม่มีรายงานไว้ในที่ไหนว่ากระทรวงของเขาทำหน้าที่อะไร

นิคพบดิซซี่ครั้งแรกตอนที่พวกเขายังเป็นเด็กเล็ก แม่ของเขาทำงานเป็นแม่บ้านให้กับตระกูลเดลโครอิกซ์ วันหนึ่งนางพานิคไปที่ที่ทำงานของเธอและแนะนำให้เขารู้จักกับเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่ง

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เดลโครอิกซ์คนลูกไม่มีเพื่อนเลย เธอเป็นลูกคนเดียวและเนื่องจากพวกเขาอายุห้าขวบเท่ากัน เขาจึงได้เป็นเพื่อนกับเธอ

ตอนนั้นเขาไม่รู้สึกแปลกอะไร ก็แค่เพื่อนเล่นที่ใช้เวลาร่วมกัน หลายปีต่อมานิคถึงได้สงสัยว่าทำไมเธอไม่หาเพื่อนในระดับชนชั้นเดียวกัน เขาได้แต่สรุปว่าเป็นเรื่องของการเมือง คนสำคัญอย่างพ่อของเธอคงไม่อยากแสดงท่าทีสนิทสนมเป็นพิเศษกับครอบครัวไหน แม้มันจะแสดงผ่านเรื่องบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างการยอมให้ลูกของเขาเล่นกับใคร

หนังสือประวัติศาสตร์หลายเล่มพูดถึงอุบายซับซ้อนของชีวิตชนชั้นสูงซึ่งสนับสนุนทฤษฎีนี้ แม้นิคจะไม่รู้ว่าหนังสือประวัติศาสตร์จะยังเหลือความจริงอยู่หรือไม่ก็ตาม ไม่มีหนังสือสมัยปัจจุบันที่พูดถึงเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม นิคอยู่กับดิซซี่ทุกวัน จากความสัมพันธ์ขรุขระที่เริ่มจากสบตากันอย่างระวังตัวจากด้านหลังกระโปรงของแม่ตัวเอง มาเป็นผูกพันกันเหมือนเป็นครึ่งหนึ่งของลูกวอลนัทเดียวกัน (สำนวน two halves of the same walnut)

ดิซซี่เป็นทอมบอย เป็นนักผจญภัยบ้าบิ่น ไม่มีตรงไหนในคฤหาสน์เดคโครอิกซ์ที่เธอจะไม่ปีน คลาน หรือกระโดดลงมา ผลไม้ในสวนถูกเด็ดประจำ กบในบ่อถูกจับเป็นเรื่องประจำวัน และคอกม้าจะเกิดเรื่องวุ่นวายตลอด

และทุกที่ๆดิซซี่ไป นิคก็จะวิ่งตามไม่ห่าง

เมื่อพวกเขาโตขึ้น ครูต่างๆถูกเรียกมาสอนดิซซี่ เธอเรียนหนังสือที่บ้านและไม่ชอบการต้องอยู่ในห้องๆเดียวหลายๆชั่วโมง นิคจึงถูกพาเข้ามาเรียนด้วยเพื่อให้เธออยู่นิ่งๆ

ทั้งสองจะนั่งข้างกันตรงโต๊ะไม้เล็กๆเรียนเขียนอ่าน ประวัติศาสตร์ ดนตรี วาดเขียน ขี่ม้า เต้นรำ มันเป็นการเรียนที่ปกติคนพื้นเพอย่างนิคไม่ได้รับ แน่นอนนี่ไม่ใช่เพื่อเขา แต่เขาก็ได้เรียนเช่นเดียวกัน

แล้ววันหนึ่ง เมื่อเขาอายุสิบปี แม่ของนิคเลิกพาเขาไปที่ที่ทำงาน ถึงต่อให้นางชวนเขาก็ไม่อยากไป ดิซซี่ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว

เมื่ออายุสิบปี เด็กชาวรันวาร์ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนประจำท้องถิ่น สำหรับนิคคือโรงเรียนชายแฮมมอนด์ แต่ดิซซี่ไม่ได้เข้าเรียนโรงเรียนสตรีในแถบนั้น เธอไม่ใช่เด็กทั่วไป เธอมีที่ของเธอที่โรงเรียนแรนซัม

มีแต่เด็กจากครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดและมีอำนาจที่สุดถึงจะเข้าแรนซัม สถาปนาโดยกษัตริย์แรนซัมที่ 1 เมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว ศิษย์ที่จบจากที่นั่นกลายเป็นคนระดับผู้นำประเทศ รัฐบุรุษ รัฐมนตรี และในกรณีพิเศษขึ้นไปอีก นักเวทย์ พวกเขาเป็นชนชั้นนำและดิซซี่เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น นิคไม่

จากอยู่อย่างไม่ห่างกันมา 5 ปี 5 ปีถัดมาเป็นความทุกข์ทรมานของนิค เหมือนแขนเขาถูกตัดไป แม่เขาเห็นความเศร้าของเขาแต่บอกว่าเป็นเพราะเขาคิดถึงเพื่อน นางสรุปว่าเขาจะผ่านมันไปได้

นิคผ่านมันไปไม่ได้ แต่เขาเรียนรู้การเก็บซ่อนความเศร้าของตนไว้ การคิดว่าเขามีสิทธิ์ได้เจอดิซซี่อีกเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ เธออยู่คนละโลก

แม่ของเขาคิดว่าสาเหตุที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการเรียนนั้นมาจากช่วงที่เขาถูกสอนพิเศษ และเชื่อว่าเขาจะได้งานตำแหน่งดีๆในงานระดับสูงๆ อาจเป็นเสมียนในสำนักงานสักแห่ง นี่นับเป็นจุดสูงสุดเท่าที่คนอย่างพวกเขาคิดทะเยอทะยานและนั่นทำให้นางดีใจสุดซึ้งเมื่อคิดว่าเขาจะได้ใช้ชีวิตดีๆ เธอมักจะเอาผลคะแนนของเขาไปอวดกับเพื่อนร่วมงานหรือกระทั่งเจ้านายของนาง ขอบคุณเขา แน่นอน เรื่องให้ของขวัญที่ล้ำค่าแก่ลูกชายของนาง รัฐมนตรีเดลโครอิกซ์จะยิ้มปัดมือรับคำขอบคุณจากแม่ของเขา และลืมทั้งหมดไป เขาไม่มีทางเดาได้ว่าเหตุผลจริงๆที่ทำให้นิคหมกมุ่นกับการเรียนคืออะไร

ระบบการเรียนการสอนของรันวาร์กำหนดให้เด็กทุกคนเรียนจบเมื่อถึงอายุสิบห้าปี จากนั้นพวกเขาจะต้องเข้ารับการสอบที่สำคัญที่สุดในชีวิตเยาว์ของพวกเขา ผลสอบจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของพวกเขา งานแบบใดที่พวกเขาจะสามารถทำได้ คนแบบไหนที่จะจ้างพวกเขา

แต่ผลสอบของเด็กส่วนหนึ่งจะยอดเยี่ยมจนถึงขั้นที่พวกเขาจะได้รับโอกาส ถ้าต้องการ เข้าเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้นไปอีก

แต่ละโรงเรียนในแต่ละเมืองจะมีการเรียนระดับสูงขึ้นเพิ่มอีกสองปีสำหรับนักเรียนที่ฉลาดที่สุด เน้นสอนในด้านเฉพาะทาง คนที่ฉายแววความเหมาะสมด้านวิศวกรรมหรือการแพทย์หรือวิชาชีพเฉพาะอื่นๆจะได้รับการขัดเกลาในด้านนั้น ถ้าสำเร็จ โอกาสในการจ้างงานก็จะยิ่งดีขึ้น การเป็นผู้ช่วยแพทย์ หรือเป็นเสมียนในที่ทำการของรัฐบาลล้วนต้องการความรู้ในระดับชั้นสูง

การแข่งขันสูงมาก โรงเรียนที่ต่างกันก็มีชื่อเสียงเชี่ยวชาญในด้านต่างกัน ดังนั้นจึงอนุญาตให้นักเรียนย้ายไปยังโรงเรียนอื่นถ้าคะแนนดีพอ โรงเรียนทุกแห่งเปิดโอกาสให้นักเรียนที่เก่งที่สุดเข้ามาเรียนในระดับชั้นสูง ทุกโรงเรียนอยากเพิ่มพูนนักเรียนเก่งๆด้วยเด็กเหล่านั้นจะเพิ่มชื่อเสียงให้กับสถาบัน ทุกโรงเรียน รวมทั้งแรนซัม

แน่นอน แรนซัมไม่เหมือนโรงเรียนทั่วไป ไม่ใช่ว่าจะรับใครก็ได้ ในการสอบครั้งสุดท้ายที่มีเด็กหลายพันคนสอบนั้น ร้อยคนแรกที่ได้คะแนนสูงสุดจะปรากฏชื่อในหนังสือพิมพ์รันวาราน (Ranvaran Herald) สิบคนแรก บางครั้งมากกว่าสิบ เป็นนักเรียนจากแรนซัมทั้งหมด ลำดับล่างๆลงมาจะมีชื่อนักเรียนจากโรงเรียนอื่น สี่คนแรกนั้นของกลุ่มนั้น – เรียกว่า อัลโซแรน (Also-Rans) – จะได้สิทธิ์เข้าเรียนในระดับชั้นสูงของแรนซัมพร้อมทั้งทุนการศึกษาเต็ม

นิคใช้เวลาห้าปีไปกับการเรียนเพื่อมัน ที่เขาต้องทำคือเป็นหนึ่งในสี่ลำดับอัลโซแรน จากนั้นเขาจะได้เจอดิซซี่อีกครั้ง

เขารู้ว่าการพยายามถึงห้าปีเพื่อเรื่องนี้มันโง่ เป็นไปได้มากว่าเธอจะจำเขาไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ เธอคงมีคนระดับเดียวกันรายล้อม มีเพื่อน มีที่ของเธอในโลกที่เธอมีสิทธิ์อยู่เต็มที่ แต่เขาทำอะไรไม่ได้ เขาคิดถึงเธอ เขาอยากเจอเธออีก ต่อให้ถูกมองเหมือนคนแปลกหน้าก็ตาม อย่างน้อยเขาก็ได้รู้

นิคเดินไปรอบบ้านไม่รู้จะทำอะไรดี เนื่องจากเป็นบ้านเล็กๆไม่นานเขาก็กลับมาในครัวอีก วันนี้ไม่มีเรียน ปกติต่อให้เป็นวันหยุดเทศกาลหรือวันหยุดสุดสัปดาห์เขาก็ยังเรียนเองต่อ แต่ไม่มีอะไรให้เรียนอีกแล้ว เขาสอบครั้งสุดท้ายไปแล้ว

เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากประตูหน้าบ้านและวิ่งไปเปิดมัน บุรุษไปรษณีย์ยืนอยู่ที่นั่น กำลังค้นกระเป๋า เขาดูตกใจจากนั้นก็ยิ้ม

“อรุณสวัสดิ์”

“สวัสดีครับ เอ่อ วันนี้มีหนังสือพิมพ์ไหมครับ?” นิคจ้องกระเป๋าที่เต็มไปด้วยหนังสือพิมพ์รันวาราน

บุรุษไปรษณีย์รวมหนังสือพิมพ์เข้ากับบรรดาจดหมายที่เขาถืออยู่แล้วส่งให้ด้วยรอยยิ้ม ทุกคนรู้ว่าวันนี้เป็นวันประกาศผลสอบ เด็กทั่วประเทศกำลังรอผลสอบของตนอย่างกระวนกระวาย

“ขอบคุณครับ” นิคพูด ไม่สนใจบุรุษไปรษณีย์หรือสิ่งอื่นอีกต่อไปนอกจากของในมือเขา เขากลับเข้าไปในห้องครัวนั่งตรงโต๊ะ

จดหมายฉบับหนึ่งนั้นคือผลสอบของเขาแน่นอน มันมีตราของศูนย์การสอบประทับด้านหลัง ตอนนี้เขาไม่สนใจจะเปิดมัน เขารู้ว่าสอบผ่านทุกวิชาและได้คะแนนดี เขาเปิดหนังสือพิมพ์รันวาราน

มันเป็นหนังสือข่าวสารออกรายสัปดาห์ที่มีไม่กี่หน้า คนส่วนใหญ่ไม่สนใจอ่านมันทั้งๆที่แจกฟรี เนื้อหาจืดชืดและถูกควบคุมด้วยรัฐบาลอย่างหนัก

มือของนิคสั่น เปิดหน้ากระดาษส่งเสียงดังกรอบแกรบ เขาแน่ใจว่าตัวเองเป็นนักเรียนยอดเยี่ยมที่สุดของแฮมมอนด์ แต่ยังมีโรงเรียนอื่นอีกมาก มีนักเรียนอื่นอีกมากที่แข่งขันเพื่อให้ได้เข้าแรนซัม

ผลสอบกินพื้นที่กระดาษกลางทั้งสองหน้า นิคมองไล่ไปตามรายชื่อจนกระทั่งเจอชื่อเขา นิคเรียนหนัก ขยันพากเพียรเกินใคร เขาจำเป็นต้องได้ที่หนึ่งในสี่ของอัลโซแรน

เขาได้ที่สอง ไม่ใช่ที่สองของอัลโซแรน เขาเป็นที่สองของนักเรียนทั้งหมด เขาผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ ลำดับสองของทั้งประเทศ รวมทั้งนักเรียนของแรนซัม นึกไม่ถึงเลย

มันเป็นผลสำเร็จที่มากเกินไปสำหรับลูกชายของแม่บ้านคนหนึ่ง ทั้งประเทศ คนที่อ่านหนังสือพิมพ์นี้ต่างตกตะลึงที่ชื่อโรงเรียนถัดจากชื่อของเขาไม่ใช่แรนซัม ต่างพากันเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ คลื่นเล็กๆเริ่มขยายวงออก

นิคโล่งใจอย่างยิ่งที่ไปถึงเป้าหมาย แต่สำหรับเขา ไม่ใช่ชื่อของเขาที่สะดุดตา แต่เป็นชื่อที่อยู่อันดับหนึ่งเหนือชื่อเขา เดลซินา ลอเรนเทีย เดลโครอิกซ์







----------
บทแรกความยาวกำลังดี บทที่สองยาวกว่านี้สองเท่าแน่ะ อัพช้าหน่อยนะคะ ^^” ใครใจร้อนไปอ่านต้นฉบับนะ ลิ้งค์อยู่หน้าสารบัญค่า
-สำนวน two halves of the same walnut – ถึงจะแยกเป็นสองแต่ก็เป็นสิ่งเดียวกัน - เอาง่ายๆคือผูกพันเหมือนฝาแฝด
-Ranvaran Herald – Herald แปลว่าประกาศก็ได้ ใส่ว่าหนังสือพิมพ์แล้วกัน ความบางน่าจะประมาณหนังสือพิมพ์จีนฉบับวันอาทิตย์
-Also-Rans – ผู้แพ้,นักวิ่งที่ไม่ติดที่หนึ่งถึงสาม(ไม่ได้ขึ้นแท่น),คนที่ไม่ประสบความสำเร็จหรือประสบความสำเร็จเล็กน้อย / อันนี้ตอนคนแปลอ่านสดไม่ได้เปิดดิคนึกว่าแปลว่า Also-Ransom เด็กแรนซัมเหมือนกัน ซะอีก lol

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น