วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 56

บทที่ 56 – งานเลี้ยง (7)

ผมเจอรูปปั้นเทพีทองง่ายกว่าที่คาด มันถูกวางตรงที่คนเห็นได้ง่ายเพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองในอดีตของวิหาร แต่ เพราะมันถูกห้อมล้อมด้วยคาถาป้องกันหลายคาถาจึงต้องใช้เวลาแก้คาถาทั้งหมดนานพอสมควร

หลังจากคาถาป้องกันคาถาที่ 32 คลายออก และรูปปั้นเทพีทองมาอยู่ในมือผมอย่างปลอดภัย ผมวางแผ่นกระดาษตรงตำแหน่งที่เคยมีรูปปั้นตั้งอยู่

ข้าขอรับประวัติศาสตร์ของวิหารไป

-ลูแปง

จากนั้น ผมทำให้คาถาทั้งหมดกลับเป็นแบบเดิม

ว่าแต่ รูปปั้นเทพีนี่ทำจากทองจริงๆเหรอ?

ผมตั้งใจว่าจะตรวจสอบทีหลัง และพยายามใส่รูปปั้นเทพีเข้าไปในกระเป๋ามิติ

“หือ? อะไร? ทำไมไม่เข้าไปล่ะ?”

เหมือนเอาแม่เหล็กขั้วเดียวกันมาจ่อกัน รูปปั้นเทพีลอยกลางอากาศและไม่ยอมเข้าไปในกระเป๋ามิติ

“เข้าไปนะ เจ้านี่!”

ผมพยายามใช้น้ำหนักตัวกด แต่มันไม่เข้าไป ผมพยายามเต็มที่ให้มันเข้าไปในกระเป๋ามิติแต่ไม่สำเร็จ มันแปลกเพราะผมไม่รู้สึกถึงพลังอะไรจากมัน อย่าว่าแต่เวทมนตร์เลย

ผมมาที่นี่เพื่อขัดเกลา ไม่ใช่ เพื่อแกล้งพนักงานกองคลังผู้ไม่เป็นมิตร แต่กลับมาเจอของน่าสนใจเข้า เอาไว้ค่อยๆศึกษามันทีหลัง

ผมถือรูปปั้นทอง ตัดสินใจออกไปตามทางระบายอากาศเช่นเดียวกับขามา ไม่เหมือนตอนเข้ามาในวิหาร เพราะผมต้องถือรูปปั้นทองด้วย จึงใช้การคลานที่เคยฝึกมาลอดไปตามทางระบายอากาศ

หืม?

ข้างใต้ทางเชื่อมที่ต่อไปข้างนอกกับลงไปข้างล่าง ผมรู้สึกถึงคลื่นพลังเวทบางๆ ตามที่ผมสำรวจมาก่อน ทางนี้ตรงไปห้องสวดภาวนาขนาดใหญ่ใต้ดิน

มีใครฝึกเวทมนตร์ในห้องสวดมนตร์เหรอ?

ผมหันทิศทางและตรงไปยังห้องใต้ดินด้วยความคิดว่าจะไปดูสักหน่อย

มาถึงฝ้าเพดานห้องสวดภาวนา คลื่นเวทมนตร์ยังคงเบาบางแต่รู้สึกได้แน่นอน

เมื่อมาถึงต้นตอของพลังเวท ผมได้ยินเสียงเบาๆ พอตั้งใจฟังก็ได้ยินประมาณว่าคนนอกศาสนาถูกฆ่า หรือมีบางอย่างอยู่ที่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของจักรวรรดิ

ขนาดผมหูดีแล้ว ยังได้ยินแต่เสียงซ่าๆ ดูเหมือนพลังเวทที่ผมรู้สึกจะมาจากเวทมนตร์ไปเพิ่มพลังให้เสียงเล็ดลอดออกมา ถึงผมจะเป็นชาติพันธุ์นักสู้แต่พวกเขาออกจะไม่ระวังตัวเกินไปที่ปล่อยให้เสียงเล็ดลอดออกมาได้ พอเริ่มเบื่อฟังเสียงอันขาดๆหายๆ ผมก็หาว่าเวทมนตร์รอบๆนี้คืออะไรกันแน่

หืม...? นี่มันเวทมนตร์ประเภทไหนกัน?

สิ่งที่เหมือนเวทมนตร์แต่ไม่ใช่เวทมนตร์กำลังปิดกั้นพื้นที่รอบห้องสวดภาวนา

นี่มันใช่เวทมนตร์แน่เหรอ?

ผมสงสัยในเวทมนตร์ที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก พลังเวทที่ใช้ขับเคลื่อนเวทมนตร์นี้ต่างจากพลังเวทธรรมดา มันเหมือนกำลังภายในที่ถูกปล่อยออกมาด้วยเจตนาต่อสู้หรือสังหาร แต่ไม่ใช่เลย

นี่คือที่เรียกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์เหรอ? ที่นี่เป็นวิหาร มีความเป็นไปได้สูง

น่าสนใจมาก ผมไม่เคยเจอพลังศักดิ์สิทธิ์มาก่อน

“อ๊ะ!”

ความคิดแค่มาดูเฉยๆกลายเป็นความผิดพลาด ผมกำลังจะหันหนีแต่จู่ๆกระสุนเวทมนตร์ก็ระดมยิงใส่ทางระบายอากาศ ผมสร้างเกราะขึ้นมาตามสัญชาติญาณจึงปลอดภัยดี แต่ทางระบายอากาศพรุนเป็นรังผึ้ง มันรับน้ำหนักผมไม่ไหวและถล่ม

“แอ๊ก!”

ด้วยศอกขวายันพื้นในท่าคลานและแขนซ้ายหนีบรูปปั้นเทพี ผมจึงไม่สามารถคว้าเพดาน ได้แต่ร่วงลงไป แต่ผมลงพื้นอย่างนิ่มนวลด้วยความสามารถทางกายภาพเฉพาะของเผ่ากา

“นั่น! บังอาจ! เจ้าคิดว่ากำลังถืออะไรอยู่ด้วยมือสกปรกนั่น!”

ชายชราที่อยู่ตรงตำแหน่งสูงสุดโกรธและชี้มาที่รูปปั้นเทพีในแขนผม

น่าจะดูอายุด้วยนะ อารมณ์ขึ้นแบบนี้มีผลต่อสุขภาพนะ

ว่าแต่ ในสถานการณ์แบบนี้ควรทำยังไงดี?

“ฮิๆ พลาดซะแล้ว”

“ไอ้คนชั่ว!”

ชายชราที่ดูเหมือนมีตำแหน่งสูงสุดโกรธจัดและเล็งคทามาที่ผม

“พระเจ้า โปรดลงทัณฑ์ชายชั่วผู้หมิ่นบารมีท่าน! ทัณฑ์สวรรค์!”

สายฟ้าทรงพลังพุ่งมาทางผม ผมใช้เวทมนตร์ป้องกันลับอย่างถูกต้องตามสถานการณ์

“โล่พวกเดียวกัน!”

ผมผลักรูปปั้นทองไปทางสายฟ้าของชายชรา เมื่อเห็นเวทมนตร์ป้องกันไม้ตายของผม ชายชรารีบยกเลิกเวทมนตร์ของเขา

“แค่ก!”

อาจเพราะเขาฝืนหยุดเวทมนตร์เลยเกิดการสะท้อนกลับ ชายชราคุกเข่าลง กระอักเลือด

“พระคุณเจ้าท่านคาร์ดินัล!”

ถึงได้บอกให้คิดถึงอายุด้วยไง อย่าฝืนเกินไป

ว่าแต่คาร์ดินัลเหรอ ตาแกมีตำแหน่งสูงกว่าที่คิดไว้อีกนะนี่

“เจ้าคนชั่ว!”

เมื่อชายชราที่ถูกเรียกว่าคาร์ดินัลล้มไป คนรอบตัวเขาชักดาบเล็งมาที่ผม ผมยกอาวุธไร้เทียมทานอีกครั้ง

“เจ้า... ไม่เคยเห็นใครบังอาจขนาดนี้!”

เมื่อเห็นผมตั้งท่าจับดาบโดยใช้ขาของรูปปั้นเทพีเป็นด้ามดาบ ชายคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ชายชราตะโกนหน้าแดง

มองเขา ผมเขียนรูปไม้กางเขน

“พระเจ้าสถิตข้างกายข้า!”

ใช่แล้ว ในรูปของรูปปั้น

“เจ้าคนชั่ว!”

พวกนายพูดเป็นแต่คำว่า ‘เจ้าคนชั่ว’ เหรอ? เอาเป็นว่าหนีออกจากวิหารก่อนดีกว่า

“ค้อนพระเจ้า!”

ผมวิ่งไปทางประตูห้องสวดภาวนาและเหวี่ยงรูปปั้นใส่คนที่กำลังยืนขวางประตู

“เฮ้ย!”

รูปปั้นเทพีและดาบถูกทำให้แข็งแรงทนทาน แต่อาจเป็นเพราะการใช้ดาบกับมันถือเป็นการล่วงเกินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชายคนนั้นจึงหลีกไป

“พระเจ้าพิโรธ!”

คราวนี้ผมเหวี่ยงรูปปั้นเทพีเป็นวงกว้าง บีบให้คนที่ล้อมผมถอยไป แล้วถีบประตู

ตูม!

ผมตื่นเต้นไปหน่อย เมื่อเห็นประตูที่ถูกถีบพัง ผมก้มหัวขอโทษ

“อ๊ะ โทษที”

มาคิดดูแล้ว ต่อให้ไม่ตื่นเต้นเกินไป ผมคงเตะประตูพังอยู่ดี ผมต้องฝึกไอ้การควบคุมแรงนี่ให้ได้ ผมออกจากห้องสวดภาวนา

“เร็วเข้า! แค่ก! ตามมันไป!”

“พระคุณเจ้า! อย่าฝืนเลยครับ! พาลาดินมาริโอ! พาลาดินวิบริโอ! รีบนำคนไปจับเจ้าคนหยาบคายนั่น!”

“ครับ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

พวกเขาไล่ตามผมมาติดๆ

มันทำให้คิดถึงความทรงจำเก่าๆแฮะ

***

ผมสลัดหลุดการไล่ตามด้วยการใช้เวทมนตร์ลวงตาสร้างตัวปลอมของผมขึ้นข้างนอกเมือง เมื่อกลับถึงหอพักก็เกือบเช้า ผมรู้สึกสดชื่นเพราะไม่ได้ออกกำลังกายจริงๆจังๆอย่างนี้มานานแล้ว

ผมคิดหาวิธีซ่อนรูปปั้นเทพี ตราบใดที่มันไม่ยอมเข้าไปในกระเป๋ามิติก็ต้องซ่อนไว้ที่อื่น ใต้เตียงมันง่ายเกินไป แต่ฝังดินก็ออกจะเยอะไปหน่อย

คิดถึงความวุ่นวายที่ผมก่อขึ้นเมื่อคืน ถึงมันจะถูกเจอ ตราบใดที่ไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นคนขโมยก็ไม่เป็นไร และเพราะวิหารต้องกดดันกองคลังให้ตามจับลูแปงแน่ก็ถือว่าผมบรรลุเป้าหมายกลั่นแกล้งพนักงานกองคลังแล้ว

แต่ ถ้าเอามันไปซ่อนเฉยๆไม่หาคำตอบว่าทำไมมันไม่เข้าไปในกระเป๋ามิติก็ออกจะน่าเสียดาย

ถ้าอยากซ่อนต้นไม้ ให้ซ่อนในป่า หรือจะซ่อนมันด้วยการวางเป็นเครื่องตกแต่งห้องของผมดี?

***

คาร์ดินัล เฟอร์นานโด นอนบนเตียงหรูหราของห้องพยาบาลในมหาวิหาร ควบคุมการไหลย้อนกลับของพลังเวท

พลังศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสร้างจากการผสมกันของศรัทธาและพลังเวท มีพลังรักษาแข็งแกร่งและครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางกว่าพลังอื่น แต่มันมีข้อเสียอย่างหนึ่ง

หากผู้ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์มีศรัทธาสั่นคลอนหรือทำสิ่งไม่เคารพต่อพระเจ้า พลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะอ่อนแอลงอย่างมาก เหมือนก่อนหน้านี้ แม้จะไม่ตั้งใจ แต่เขาโจมตีรูปปั้นและรู้สึกผิดซึ่งส่งผลต่อพลังศักดิ์สิทธิ์

ถึงแม้ลูแปงจะใช้รัศมีดาบหุ้มรูปปั้นเทพีเอาไว้ แต่เหตุผลที่พาลาดินหลีกเลี่ยงเขาก็เพราะเหตุผลเดียวกัน

“บ้าจริง! ทำไมต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ก่อนการปฏิวัติด้วย!”

เขาพยายามควบคุมพลังเวทที่ย้อนกลับ แต่เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ที่อ่อนแอลงชั่วคราวจึงทำได้ไม่ราบรื่น แต่เพราะมันเกิดจากความรู้สึกผิดเท่านั้น พลังศักดิ์สิทธิ์เขาจะกลับคืนมาในอีกไม่นาน

เฟอร์นานโดขบกรามจนเกิดเสียง

ถ้าเป็นรูปปั้นธรรมดา เขาคงโจมตีรูปปั้นและโจรโดยไม่รู้สึกผิด แต่มันต้องเป็นรูปปั้นเทพีทองที่เป็นสัญลักษณ์สำหรับเหล่าพาลาดินและเฟอร์นานโดที่มีจุดมุ่งหมายที่การฟื้นฟูความรุ่งเรืองของวิหารกลับมา

เขาถามเหล่าพาลาดินที่กลับมาทันที

“โจรเป็นอย่างไรบ้าง?”

มาริโอ พาลาดินที่นำเหล่าพาลาดินไล่ตามโจร ก้มศีรษะอย่างละอาย “ขอโทษครับพระคุณเจ้าท่านคาร์ดินัล เราคลาดจากมัน”

“อะไรนะ?!”

เฟอร์นันโดตกตะลึง เหล่าพาลาดินที่ไล่ตามโจรเป็นกลุ่มคนชั้นยอดของกองกำลังของวิหาร

สลัดหลุดจากการไล่ตามของคนพวกนี้ได้ยังไงกัน?

“ถ้าอย่างนั้นรูปปั้นเทพี แล้วรูปปั้นเทพีล่ะ?”

มาริโอส่ายหน้า

“ไป! ไปเอามันคืนมาเดี๋ยวนี้!”

เฟอร์นานโดขว้างแก้วน้ำใส่มาริโอด้วยความโกรธ

มาริโอเพียงหลับตาแน่น ไม่หลบแก้วน้ำที่ถูกเขวี้ยงมาทางเขา

แคร้ง!

แก้วน้ำแตก แต่มาริโอลืมตา ไม่รู้สึกเจ็บ

มาลิฟ หัวหน้าของมาริโอ ยืนบังเขาและรับแทน

มาลิฟปาดเลือดบนหน้าผากอย่างไม่สะทกสะท้านและพูด “คาร์โด เฟอร์นานโด โปรดสงบสติอารมณ์เถอะครับ”

“สงบ? เจ้าบอกให้ข้าสงบสติอารมณ์งั้นเรอะ?! พาลาดินมาลิฟ!”

มาลิฟเป็นคนที่อยู่รับใช้เขานานที่สุด เฟอร์นานโดโกรธที่มาลิฟแนะนำเช่นนี้ แต่เขาเพียงกัดฟัน ไม่ขว้างปาอะไร

“เจ้าบอกให้ข้าสงบสติอารมณ์ทั้งๆที่รู้ว่ารูปปั้นเทพีหมายความว่าอะไรงั้นเรอะ?!”

แม้คาร์ดินัลกำลังโกรธเกรี้ยว มาลิฟยังตอบอย่างใจเย็น “ข้ารู้ มันคือเกียรติ ความหวัง และเป้าหมายของเรา”

“รู้อย่างนั้นแล้วยัง!”

“แต่!” มาลิฟขึ้นเสียงขัดจังหวะเฟอร์นานโด แล้วลดเสียงลง “แต่มันของอดีต ไม่ใช่ของเราที่อยู่กับปัจจุบัน แต่เป็นของอดีต”

“เจ้าพูดอะไร?”

มาลิฟพูดต่อ มองสายตาสับสนของเฟอร์นานโดอย่างแจ่มชัด “คาร์โด เฟอนานโด ไม่ใช่สิ พระคุณเจ้า ท่านคาร์ดินัล เราไม่ได้ทำตามจุดมุ่งหมายสูงสุดเพื่อแค่กลับไปเป็นแบบในอดีต”

สายตาของเฟอร์นานโดที่นิ่งไปเพราะคำพูดของมาลิฟ เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาใหม่

“เราตามพระคุณเจ้า ท่านคาร์ดินัล เพื่ออนาคตที่รุ่งเรือง แน่นอน เราสมควรโกรธที่พระเจ้าของเราถูกดูหมิ่น ท่านต้องลงโทษคนโอหังนั่น แต่ควรแล้วหรือที่เราจะหมกมุ่นกับอดีตและละเลยสิ่งที่ควรทำตอนนี้?”

ความมีเหตุผลของเฟอร์นานโดที่หายไปเพราะความโกรธกลับคืนมา ขณะเดียวกัน พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อ่อนแอลงเพราะความรู้สึกผิดก็กลับคืนมาด้วย เข้มแข็งกว่าเดิม

“ใช่แล้ว เราไม่ได้มารวมกันเพื่อกลับคืนสู่อดีต ตัวข้า และพวกเจ้าทุกคนมุ่งหน้าสู่อนาคต เพื่อสร้างอนุสาวรีย์ที่เจิดจ้า รุ่งเรืองกว่าอดีต และจะไม่มีวันล่มสลายอีก”

เฟอร์นานโดลุกขึ้น แม้เขาจะยังอ่อนแอจากพลังเวทย้อนกลับ แต่ไม่นานจะหายดีเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมาแล้ว ไม่ว่าจะฟื้นฟูสภาพร่างกายช้าเพียงใด เขาจะมีสภาพร่างกายสมบูรณ์ตอนร่วมทำการปฏิวัติอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า

“ข้าจะตัดศีรษะเจ้าโจรที่ขโมยรูปปั้นเทพีมาส่งให้คาร์โด เฟอร์นานโด อย่างแน่นอน”

“ข้าจะรอ แต่ตอนนี้ การปฏิวัติสำคัญกว่า เป้าหมายคือที่ไหน?” เฟอร์นานโดยิ้มขรึม

มาลิฟตอบอย่างจงรักภักดีเช่นเดิม “โรงเรียนเวทมนตร์ของจักรวรรดิครับ”



สารบัญ                                    บทที่ 57

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น