วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 58

บทที่ 58 - งานเลี้ยง (9)


ผมสีขาว ลักษณะเด่นของเผ่าผีเสื้อ...

มิลเปียมองใหม่เหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง

เผ่าผีเสื้อจริงๆ! ทำไมคนเผ่าผีเสื้อถึงมาโรงเรียนเวทมนตร์ล่ะ?

การที่เธอนั่งตรงนี้ก็หมายความว่าไม่ใช่ผู้ฝึกสอน ในความเป็นจริง แม้ทุกคนจะนึกถึงเผ่าผีเสื้อเมื่อนึกถึงเวทมนตร์ เผ่าผีเสื้อไม่มีความเกี่ยวข้องกับโรงเรียนเวทมนตร์ พวกเขาเชี่ยวชาญสิ่งที่มีสอนในโรงเรียนตั้งแต่ก่อนอายุสิบขวบ

มิลเปียรวบรวมข้อมูลจากวังที่เกี่ยวข้องกับเผ่านี้ในสมอง

เผ่าผีเสื้อ วิลเลียม เทือกเขาแอลป์ เอเวอเรสท์...

มาคิดดูแล้ว มีข้อมูลยืนยันว่าหลานของนายพลวิลเลียม ยูเรีย เข้าเรียนโรงเรียนเวทมนตร์ แต่ยังไม่มีการรายงานว่าทำไม

แต่การคาดเดาที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือมันเกี่ยวเนื่องกับข้อมูลลับสุดยอดเรื่องการเข้าเรียนของอารีเลีย องค์หญิงอันดับสามของจักรวรรดิ และยูเรียอาจมาที่นี่เพื่อคุ้มกันเธอ

ถ้าอย่างนั้น ผู้หญิงผมบลอนด์ที่นั่งข้างยูเรียคือองค์หญิงสามในข่าวลือ?

ไม่รู้สิ

มิลเปียไม่ตัดสิน

แน่อยู่แล้ว เทียบกับตอนเป็นผู้จัดการสาขา มิลเปียในฐานะเจ้าหน้าที่ภาคสนามมีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลลดลงมาก เรื่องที่อารีเลียอาจเข้าเรียนโรงเรียนเวทมนตร์เป็นข้อมูลที่เธอเคยอ่านตอนเป็นผู้จัดการสาขา

องค์กรข่าวของแม่ใหญ่อาจยืนยันข้อมูลลับสุดยอดนี้ได้แล้ว แต่ตอนนี้เธออยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ ถ้าผู้หญิงที่นั่งข้างคนเผ่าผีเสื้อเป็นองค์หญิงอันดับสามจริงๆก็มีหลายอย่างที่ผิดปกติ

อย่างแรกสุด เจ้าหญิงจะไม่ใส่เครื่องแบบโรงเรียนเวทมนตร์ การเป็นคนของราชวงศ์ทำให้ไม่อาจทำตัวหรือพูดจาที่อาจนำไปสู่การสนับสนุนองค์กรหนึ่งองค์กรใดได้

แล้วจะบอกว่าเจ้าหญิงใส่เครื่องแบบที่แสดงว่ามีความเกี่ยวข้องกับที่ใดที่หนึ่งน่ะเหรอ?

เป็นไปไม่ได้!

อีกอย่างคือ ถึงแม้คนของเผ่าผีเสื้อ ชาติพันธุ์นักสู้คนหนึ่ง เป็นคนคุ้มกัน แต่นี่คือเจ้าหญิง ธิดาของจักรพรรดิ ไม่มีทางที่จะไม่มีกองคุ้มกันขนาดใหญ่ให้สมฐานะ

แต่เธอไม่รู้สึกถึงคนอื่นที่อาจจะเป็นคนคุ้มกัน

มิลเปียอายุน้อย แต่เธอเป็นคนที่ขึ้นไปถึงตำแหน่งหัวหน้าสาขาที่สำคัญที่สุดด้วยความสามารถ ดังนั้น ความสามารถของเธอจึงสูงมาก ผู้คุ้มกันจะเก่งขนาดหลุดรอดจากความรู้สึกของเธอได้ทุกคนเลยเหรอ?

มิลเปียกล้ามั่นใจว่าผู้คุมกันของจักรพรรดิไม่เก่งขนาดนั้น เธอพบจุดแปลกๆอีกแต่หาข้อสรุปไม่ได้ เธอไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่รู้สึกรำคาญเพราะขาดข้อมูล แต่ถ้าไม่มีข้อมูล เธอก็แค่ต้องรวบรวมมัน

“ขอโทษนะ-”

“ว้าว! ทันด้วย! ฮ้า ฮ้า”

ขณะมิลเปียพยายามจะคุยกับยูเรีย เด็กผู้หญิงผมทองท่าทางเอาเรื่องก็เปิดประตูอย่างแรงพลางหายใจหอบ

“อลิซ! ทางนี้!”

ยูเรียโบกมือให้ผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามา

อลิซเดินมาหายูเรียพลางปรับลมหายใจ

“เฮ้อ ขอโทษนะ”

อลิซถามว่าที่นั่งว่างไหมก่อนจะนั่งระหว่างยูเรียกับมิลเปีย

“เกือบสายแล้วนะ” ยูเรียยิ้ม

“นั่นสิ เจ้าโง่ของบ้านข้าชักช้าอยู่นั่น เราต้องสายแน่ถ้าเดนไม่เตือน” อลิซตอบ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมา

มิลเปียรู้สึกสับสนเพราะอลิซ สองคนนี้ดูสนิทกัน

“เจ้าออกมาตอนกี่โมง?” ยูเรียถาม

“8:30”

ยูเรียประหลาดใจ “มาทันได้ด้วยนะ”

ตอนนี้เพิ่งเกือบ 8:50 ยูเรียจึงอดแปลกใจไม่ได้ ไม่ว่าจะวิ่งเร็วขนาดไหน จากหอมาถึงโรงเรียนก็ต้องใช้เวลามากกว่า 20 นาที

อลิซยิ้มพลางเก็บผ้าเช็ดหน้าเปียกเหงื่อใส่กระเป๋า รอยยิ้มดูซน “ใช่ ข้าบินทะลุตรอกด้านหลังมา”

“เอ๋?! แต่ในเมืองหลวงมีกฎห้ามบินไม่ใช่เหรอ?”

จักรวรรดิห้ามไม่ให้มีการบินใกล้ชายแดนและเมืองใหญ่ ยกเว้นผู้ได้รับอนุญาตและในช่วงเวลาที่กำหนด แค่เรื่องที่มีนักเวทที่บินได้ก็ทำให้จักรวรรดิต้องสร้างระบบยืนยันตัวตนสำหรับการป้องกันทางอากาศเพื่อควบคุมวัตถุบินได้อย่างเข้มงวด

“ถ้าเป็นเดนจะบอกว่า ถ้าไม่ถูกจับได้ก็ไม่เป็นไร แน่นอน เก็บเป็นความลับให้ด้วยนะ”

อลิซตอบอย่างเจ้าเล่ห์ ยูเรียหัวเราะ

“ฮุๆ เดนคงพูดอย่างนั้นจริงๆ ได้ ข้าจะเก็บเป็นความลับให้”

“เดน? ใครคือเดนเหรอ ตลกขนาดนั้นเลย?” เด็กสาวผมทองที่นั่งข้างยูเรียถาม

“อ๊ะ เขาเป็นเพื่อนที่อยู่หอเดียวกับข้า โอ๊ะ ขอข้าแนะนำให้รู้จักนะ นี่คืออลิซ เพื่อนร่วมหอเดียวกับข้า”

อลิซทักทายด้วยสายตาขณะนั่งอย่างเดิม “ข้าอลิซ วอน คาร์เตอร์ เจ้าคือคนที่ยูเรียเคยบอกใช่ไหมว่าจะมาเป็นเพื่อนกับพวกเรา? ที่พูดกันเมื่อกี้ช่วยเก็บเป็นความลับด้วยนะ”

“โอ๊ะ ได้ ข้าชื่อ อาเรีย วอน โฮลิสเตน ข้าไม่รู้ว่าคุณยูเรียพูดถึงข้าอย่างไร แต่มาสนิทกันเถอะ”

เด็กสาวที่แนะนำตัวว่าอาเรียจับมือกับอลิซด้วยความกังวลเล็กน้อย ยูเรียแอบใช้เวทมนตร์บอกกับอาเรียคนเดียว

-ข้าไม่ได้บอกตัวจริงขององค์หญิง

อารีเลียโล่งใจ

อลิซเหมือนคนจากตระกูลขุนนาง แต่ไม่มีทางที่คนตระกูลขุนนางที่ได้รับการสั่งสอนจะเชิดหน้าจ้ององค์หญิงอันดับสาม

เมื่ออารีเลียกับอลิซแนะนำตัวเสร็จ มิลเปียก็หาจังหวะเข้าร่วมด้วย

“พวกเจ้าเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกเหรอ? ที่จริงข้าก็เพิ่งมาถึงเมืองหลวงเลยไม่รู้จักใคร ให้ข้าเป็นเพื่อนกับพวกเจ้าด้วยได้ไหม?” มิลเปียยิ้มและพูดอย่างหน้าด้าน ถ้าสายลับไม่หน้าด้านเท่านี้ก็อดตายไปแล้ว

อลิซค่อนข้างระแวงมิลเปียที่จู่ๆก็คุยกับพวกเธอ แต่อาเรียยิ้มและจับมือกับมิลเปีย

“แน่นอน! ที่จริงข้าก็เพิ่งมาถึงเมืองหลวงเหมือนกัน คุณยูเรียเลยเป็นเพื่อนคนเดียวของข้า ข้าจะดีใจมากที่เราได้เป็นเพื่อนกัน”

เมื่ออารีเลียเข้าหามิลเปียอย่างสนิทสนม เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มันแปลกที่คนที่น่าจะเป็นเจ้าหญิงทำตัวไม่สนใจมารยาท

หรือว่าทำเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ตัวจริง? ทำไมล่ะ? ถ้าเพื่อความปลอดภัยก็ไม่มีเหตุผลต้องปิดบังตัวตน

การปิดบังตัวตนเพื่อความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ทำเป็นวิธีสุดท้ายเมื่อตัวตนจริงมีอันตราย

มิลเปียสับสน แต่ไม่แสดงออกเพราะแค่อยู่ใกล้ยูเรียก็จะหาข้อมูลได้มากมาย

จากนั้นอารีเลียก็พูดขึ้นด้วยตาเป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้น หลังเลิกเรียนแล้วไปกินไอศกรีมฉลองการเป็นเพื่อนดีไหม?”

ข้อเสนอของอารีเลียทำให้มิลเปียสับสนหนัก

***

“เจ้าได้ข่าวไหม?” แฟลม นั่งข้างผมและง่วนอยู่กับเครื่องมือแปรธาตุพื้นฐาน ถาม

“ข่าวอะไร?” เหมือนเขา ผมก็กำลังเล่นกับเครื่องมือแปรธาตุ

“นั่นไง ข่าวว่าองค์หญิงของจักรวรรดิจะจัดงานเลี้ยงเต้นรำฉลองวันเกิดที่โรงเรียนเวทมนตร์”

จะว่าไปก็น่าจะได้ยินอยู่นะ ปกติงานฉลองวันเกิดของราชวงศ์สายตรงจะจัดในวัง มันจึงเป็นข่าวใหญ่

“เหรอ?แล้ว?”

เธอจะจัดที่ไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม? ผมไม่สนใจงานวันเกิดของคนที่ไม่เคยเจอหน้ามาก่อน

แฟลมข้องใจกับท่าทางเฉยเมยของผม

“เจ้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกินไปหรือเปล่า? รู้ไหมว่ารอบๆนี่มีแต่คนพูดถึงงานวันเกิดขององค์หญิง”

“เอ่อ... เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ตอนไหน? ปกติผมไม่ค่อยสนใจรอบตัว แต่ไม่น่าจะมีคนพูดถึงเรื่องนี้เยอะนัก?

“ก็คนพูดกันแต่เรื่องนี้ตอนอยู่หอ อ้อ เจ้าไม่ได้อยู่หอนี่นะ ถ้าอย่างนั้นคงไม่รู้” แฟลมให้คำตอบตัวเองแล้วหัวเราะ

“แล้วเรื่องงานเลี้ยงขององค์หญิงนี่มันทำไม? ไม่เกี่ยวกับพวกเราไม่ใช่เหรอ?”

แฟลมหยุดเล่นเครื่องมือแปรธาตุแล้วมองผมอย่างประหลาดใจ “หรือว่า เจ้าไม่เห็นประกาศ?”

“ประกาศอะไร?”

มีตอนไหน?

จะว่าไป ตรงป้ายประกาศที่ศูนย์ฝึกมีคนมุงกันเต็ม ดูเหมือนจะเกี่ยวกับประกาศที่ว่า

“ดูท่าเจ้าจะไม่ได้อ่านจริงๆ ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอก”

แฟลมยืดอกอย่างภูมิใจและบอก

“มีประกาศติดที่ป้ายประกาศเมื่อคืน ว่างานเลี้ยงวันเกิดขององค์หญิงจะจัดที่โรงเรียนเวทมนตร์ และไม่ใช่แค่นักเรียนของโรงเรียนเวทมนตร์ได้รับเชิญ แต่รวมถึงนักเรียนของโรงเรียนอัศวินกับผู้เข้ารับการฝึกของศูนย์ฝึกข้าราชการด้วย”

ว้าว ทำเรื่องยุ่งยากดีแท้ ไม่ใช่งานเต้นรำของคนสูงส่งอย่างเจ้าหญิงปกติจะเชิญแต่ขุนนางชั้นสูงเหรอ?

ผมไม่รู้ว่าทำไมข้าราชการระดับต่ำแสนดีอย่างผมต้องร่วมงานยุ่งยากแบบนั้นด้วย

“ถ้าไม่ไปได้ไหม?”

แฟลมหยุดหัวเราะและส่ายหน้า

“ข้าคิดว่าเจ้าควรเตรียมตัวไว้ถ้าปฏิเสธคำเชิญ ข่าวลือว่าถ้าไม่ไปเราจะถูกส่งไปประจำที่วอแรนท์”

ผมเดาะลิ้นในใจ นี่แหละระบบเจ้าขุนมูลนายถึงไม่ใช่เรื่องดี มันทำให้เราต้องเสียพลังงานไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อีกอย่าง ทำไมต้องวอแรนท์ นั่นมันใกล้กับบ้านเกิดฉันเกินไป!

“แต่ว่ามันเป็นโอกาสที่จะได้เห็นองค์หญิงอันดับสาม ถึงจะไกลๆก็เถอะ ที่ว่ากันว่างามที่สุดในจักรวรรดิ ทุกคนเลยตั้งตารอ”

โอ้ วันเกิดขององค์หญิงอันดับสามเหรอ?

อาจเพราะเราเคยเจอกันมาก่อนแล้ว ผมเลยยิ่งไม่อยากไป

ชื่ออารีเลียใช่ไหมนะ?

เจ้าหญิงเป็นตัวต้านทานนักเวทย์ ผมจึงแน่ใจว่าเวทมนตร์รบกวนการรับรู้ไม่มีผลกับเธอ หลีกเลี่ยงเธอไว้ดีกว่าเผื่อว่าเธอเห็นผมแล้วจะจำผมได้ แน่นอน คนอย่างเธอไม่มีเหตุผลที่จะมาใกล้เด็กฝึกทั่วไป

“ขนาดแฟลมยังตั้งตารอ องค์หญิงอันดับสามคงสวยจริงๆ?”

เมื่อผมแหย่ แฟลมหัวเราะร่า

“ฮ่าๆ ไม่รู้หรอก ที่ข้าตั้งตารอคืออาหารในงาน ต้องมีของอร่อยเยอะแยะแน่”

จะว่าไปก็จริง ต้องมีของอร่อยหลายอย่างแน่ เพราะว่าหัวใจคนหวั่นไหวง่าย ผมเริ่มอยากไปขึ้นมาเล็กน้อย




สารบัญ                                         บทที่ 59

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น