วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 59

บทที่ 59 – งานเลี้ยง (10) 


จากนั้นก็เกิดเสียง “ป๊อบ” เบาๆพร้อมทั้งระเบิดกับกลุ่มควันรูปเห็ดจากเครื่องมือแปรธาตุของแฟลม

“โอ้! ท่าทางจะสำเร็จ!” แฟลมยิ้มร่าขณะมองยาที่อาบแสงอาทิตย์จากหน้าต่าง

“ยาอะไร?” ผมถาม

แฟลมยิ้มชั่วร้าย “หุๆ ยาบำรุงที่ได้ผลดีมากกับผู้ชาย”

ผมอึ้งกับสิ่งที่เขากระซิบบอก จะได้ผลดีกับผู้ชายยังไงก็เถอะ ทำไมปรุงมันตอนเรียนล่ะ?

แต่ว่า ผมก็กำลังปรุงยาประเภทเดียวกันเหมือนกัน

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรให้มันถูกแสง ประสิทธิภาพจะเสื่อมลง”

แฟลมรีบใช้มือบังยาบำรุง “เจ้าดูมีความสามารถด้านเวทมนตร์นะ กระทั่งเรื่องนี้ยังรู้”

ผมรู้สึกคำพูดของเขาเหมือนจะทิ่มแทง แต่ยักไหล่เหมือนไม่มีอะไรแปลก “ความรู้ทั่วไปน่ะ มันอยู่ในหนังสือเรียนที่แจกวันนี้ด้วย มันจะมีในข้อสอบหลังการฝึก เพราะฉะนั้นเจ้าน่าจะเรียนให้มากกว่านี้หน่อย”

“ฮ่าๆ อย่างนั้นเหรอ?” แฟลมเกาศีรษะอย่างเขินๆ

ป๊อบ!

เครื่องมือแปรธาตุของผมเกิดปฏิกิริยาเดียวกับของแฟลม

“โอ้! สำเร็จแล้วเหรอ? เจ้าปรุงอะไร?”

ผมหยิบยาขึ้นมาตรวจดูว่าออกมาดีหรือเปล่า

“หุๆๆ ถ้ายาบำรุงของท่านแฟลมถือว่าธรรมดา ของข้าควรจะเรียกว่า T.O.P เลยหรือเปล่านะ?”

แฟลมกลืนน้ำลายเหมือนต้องมนต์สะกดจากแสงจากยาบำรุงของผม ที่ต่างจากของเขามาก

“T.O.P? สุดยอด? ขอข้าดูหน่อย”

ผมตบมือที่จะเอื้อมถึงยาบำรุงของผม “เฮ้! คนมีการศึกษาทำท่าทางแบบนี้ได้เหรอ?!”

“เฮอะ! เพื่อการปลุกสมรรถภาพทางร่างกายแล้วเรื่องแบบนั้นไม่สำคัญ! ส่งมานะ!”

แฟลมดื้อรั้นจะเอายาบำรุงของผมไป ผมต้องใช้มือข้างหนึ่งดันเขาไว้ อีกข้างถือยาให้ห่างจากเขาให้มากที่สุด

ว่าแต่ ทำไมหมอนี่แรงเยอะนัก?

แฟลมแข็งแรงมากจนปล่อยไว้ไม่ได้ แต่ผมก็ผลักเขาไปไม่ได้ด้วย

หมอนี่เอาจริงเรอะ? ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความโลภเหมือนต้องการยาบำรุงจริงๆ

“อ๊ะ!”

ขณะผมจดจ่ออยู่กับแฟลม ศาสตราจารย์ที่ดูแลวิชาเรียนนี้ก็หยิบยาไปจากมือผมแล้วดื่มตรงนั้นเลย แฟลมกับผมมองขวดยาว่างเปล่าเหมือนหมาที่วิ่งไล่ตามไก่และสุดท้ายก็ได้แต่มองมันบินหนีไป

“อ๊า”

แฟลมมองขวดยาว่างเปล่า สีหน้าผิดหวังเสียยิ่งกว่าผิดหวัง

“มองทำไม? เจ้าทำให้ข้าไม่ใช่เหรอ? ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่เจ้าจะปรุงยาบำรุงในชั้นเรียน ใช่ไหม?”

ศาสตราจารย์ก้มมองผมกับแฟลม ลูบหนวดที่เริ่มหงอก

“ฮ่าๆๆ ก็”

ทิ้งผมให้งงอยู่อย่างนั้น ศาสตราจารย์ยื่นมือไปทางแฟลม

“แฮ่ม เพราะฉะนั้น เอามานี่”

พูดแล้วศาสตราจารย์ก็หันหน้าไปทางอื่น หน้าแดงน้อยๆ อาจเพราะกำลังเขิน

ตาแก่โลภมากนี่

แฟลมลังเล มองยาและมือของศาสตราจารย์ จากนั้นก็ดื่มมัน

สมแล้วที่เป็นแฟลม! ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้! ทำให้คนอื่นสะท้าน! และทึ่ง!

“อุ! ไม่อร่อยเลย”

แฟลมส่งขวดเปล่าให้ศาสตราจารย์ พวกเรา รวมทั้งศาสตราจารย์ หัวเราะ

“ฮ่าๆๆ”

“ฮ่าๆๆ”

“ฮ่าๆๆ”

“ตัดคะแนนพวกเจ้าสองคน” สุดท้ายชายชราก็แค่นคำพูดออกมา

***

ในที่ว่างด้านหลังห้องโถงใหญ่ของโรงเรียนเวทมนตร์ เหล่าหญิงรับใช้ของอารีเลียกำลังวุ่นวาย นี่เพราะงานเต้นรำฉลองวันเกิดของเธอ งานฉลองการเข้าสู่วัยเป็นผู้ใหญ่ กำลังจะจัดขึ้นในวันนี้

อารีเลียอยู่นิ่งให้เหล่าหญิงรับใช้แต่งตัวอย่างราบรื่น เธอรู้ว่าหญิงรับใช้ทุ่มเทเท่าไหร่เพื่อวันนี้ ดังนั้นจึงเก็บความรู้สึกอึดอัดเอาไว้ วันเกิดของเธอคือพรุ่งนี้ แต่งานเลี้ยงจะจัดไปสามวัน งานฉลองวันเกิดของจักรพรรดิมีเจ็ดวัน ของรัชทายาทกับจักรพรรดินีห้าวัน ของเธอจึงถือว่าสั้น แน่นอน นี่เพราะเป็นวันเกิดปีที่ 16 ของเธอ เข้าสู่วัยเป็นผู้ใหญ่ ถึงจัดสามวัน ไม่อย่างนั้นปกติแล้วจะจัดแค่สองวัน

อารีเลียคิดว่างานเต้นรำไม่จำเป็นเพราะมันน่ารำคาญ แต่ขุนนางปกติฝันถึงงานเลี้ยงใหญ่ๆเช่นนี้

“แหม เจ้าหญิงสวยมากเลยค่ะ!” เหล่าหญิงรับใช้ชื่นชมเจ้าหญิง

อารีเลียอึดอัดที่ถูกแต่งตัว แต่ได้ฟังคำชมแล้วก็ยังรู้สึกดี

ก๊อกๆ

มีคนเคาะประตูห้อง แม้จะเป็นห้องชั่วคราวแต่ในจักรวรรดิมีไม่กี่คนที่สามารถเข้ามาถึงส่วนที่เจ้าหญิงอยู่ได้

“ใครกัน?”

“ข้าจะไปดูค่ะ”

เมื่ออารีเลียถาม หญิงรับใช้คนหนึ่งไปที่ประตูทันทีและถามผ่านทางท่อกับทหารที่ยืนคุ้มกันนอกห้อง

“ใครมา?”

ทหารคนหนึ่งตอบผ่านท่อด้วยเสียงสั่น “นายพลวิลเลียมกับหลานขอเข้าพบครับ”

ทหารไม่มีทางห้ามนายพลวิลเลียมไม่ให้เคาะประตูได้ ปกติเขาต้องตะโกนเรียกชื่อผู้มา แต่วิลเลียมไม่ชอบธรรมเนียมยุ่งยากและคงหยุดทหารไว้

“เจ้าหญิงคะ! นายพลวิลเลียมขอเข้าพบ!” หญิงรับใช้ตะโกนอย่างประหลาดใจ

“ให้เขาเข้ามา” อารีเลียตอบอย่างสงบ

หญิงรับใช้เปิดประตูอย่างระวัง

“ขออภัย ข้ากำลังแต่งหน้าอยู่ คงขยับไม่ได้มาก ขอโทษยูเรียด้วยนะ”

วิลเลียมยิ้ม “ไม่ ข้าผิดเองที่มากะทันหัน”

“ใช่แล้ว เป็นความผิดของลุง คิดได้ยังไงนะถึงมาห้องแต่งตัวที่ผู้หญิงใช้แต่งตัว? มันห้องน้ำผู้หญิงนะคะ ห้องน้ำผู้หญิง!”

ยูเรียส่ายหน้า จะเรียกห้องแต่งตัวของผู้หญิงว่าห้องน้ำก็ไม่ผิด แต่วิลเลียมไม่สบายใจกับคำพูดของหลาน

จะว่าไปพอมองไปรอบๆ ที่นี่มีแต่ผู้หญิง

“แฮ่ม ข้าขอโทษ เราออกไปก่อนดีไหม?”

อารีเลียได้เห็นวิลเลียมกระสับกระส่ายซึ่งหาดูได้ยาก เธอรู้สึกสนุก

“ไม่เป็นไร ยูเรีย อย่าแกล้งนายพลวิลเลียมสิ” ถึงจะเป็นการล้อเล่นในแบบที่เธอชอบ เธอกลัวว่าเหล่าหญิงรับใช้จะบ่นถ้าเธอแสดงความคิดในใจออกมา

“ไม่เป็นไร หลานกับข้าสนิทกัน นี่เป็นเรื่องปกติ ฮ่าๆๆ” วิลเลียมพูดพลางขยี้ผมยูเรีย

“โฮะๆ น่าอิจฉา ว่าแต่ นายพลวิลเลียมมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรเหรอ?” อารีเลียถาม

“อ้อ ข้ามาทักทายและส่งยูเรียให้เจ้าหญิง ดังนั้นงานของข้าก็เสร็จแล้ว” นายพลวิลเลียมกล่าวคำทักทายแล้วออกจากห้อง “ข้าจะไปตรวจตรารอบๆอีกครั้ง ฝากหลานของข้าด้วย”

เมื่อลุงของเธอออกไป ยูเรียเอาเก้าอี้มานั่งข้างโต๊ะแต่งหน้าของอารีเลีย

“ว้าว สวยมาก! น่าอิจฉาจัง” ยูเรียปรบมือชื่นชมหน้าเจ้าหญิง

เหล่าหญิงรับใช้อึ้งกับท่าทางเป็นกันเองอย่างกะทันหันของยูเรีย แต่อารีเลียตอบอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก “เจ้าจะแต่งด้วยไหม? คนของข้าเก่งเรื่องนี้มากนะ”

หลังจากวันแรกในโรงเรียนเวทมนตร์ พวกเธอไปกินขนมด้วยกัน อารีเลียกับยูเรียตัดสินใจคุยกันแบบปกติขณะกำลังกินไอศกรีม ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องเป็นธรรมดา แต่เหล่าหญิงรับใช้ที่ไม่รู้เรื่องดูประหลาดใจ

“ได้เหรอ?”

ยูเรียตาเป็นประกาย อารีเลียหัวเราะลั่น

“โฮะๆๆ เจ้าก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ตอนเจอกันครั้งแรก เจ้าเหมือนไม่รู้อะไรเลยนอกจากเวทมนตร์”

“แหม ก็นานๆที” ยูเรียเขิน

“ฮื้ม... อยากดูดีต่อหน้าคนชื่อเดน?” อารีเลียยิ้มอ่อนโยนมองอีกฝ่ายเริ่มหน้าแดง

ยูเรียอ้ำอึ้ง “เอ๊ะ ไม่ เจ้าพูดอะไร?”

“ก็นั่นไง ตอนเราไปกินไอศกรีมกัน เจ้ากับอลิซคุยกันใหญ่ถึงคนชื่อเดน”

ยูเรียขึ้นเสียง “คุยกันใหญ่? ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย!”

“หืม ไม่เหรอ?” อารีเลียถามอย่างเจ้าเล่ห์

ยูเรียหันหน้าหลบ

“ตกลงไม่แต่งหน้าเหรอ?” เจ้าหญิงถาม

“ข้า ข้าจะแต่ง” ยูเรียทำหน้ามุ่ย อารีเลียเห็นแล้วรู้สึกน่ารักดี

ยูเรียนั่งข้างเจ้าหญิง หญิงรับใช้แต่งหน้าให้

“เดี๋ยวข้าจะแนะนำคนที่อยู่หอเดียวกับข้าให้เจ้ารู้จัก ทุกคนไปโรงเรียนเพราะฉะนั้นก็จะมาที่งานเลี้ยงด้วย” ยูเรียพูดอายๆ

อารีเลียยิ้ม “ข้าจะตั้งตารอ”

***

ผมมองตัวเองในกระจก มีหนุ่มหล่อยืนอยู่เหมือนปกติ ที่ต่างจากปกติคือผมใส่สูท ถ้าประมาณนี้ผมคงดูไม่ผิดที่ผิดทาง

ผมเหวี่ยงแขน ลองทำท่านั่งแล้วยืน

สูทที่คุณนายอาซิลลาให้ผมยืมพอดีตัวและไม่ทำให้การเคลื่อนไหวดูเก้งก้าง และอาจเพราะทำจากผ้าไหม สัมผัสมันแล้วรู้สึกดี ผมสวมหมวก ถือไม้เท้า แล้วหมุนตัว

ด้านหลังผมเป็นอัลฟอนโซ ที่ขยับตัวเหมือนไม่สบายตัวในชุดสูท และลิสบอนที่นั่งสบายบนโซฟาใส่เครื่องแบบโรงเรียนอัศวิน

“สูทดีมากครับ ขอบคุณ คุณนายอาซิลลา”

ผมเล่นท่าใหญ่เล็กน้อยด้วยการงอแขนแล้วคำนับ

“เรื่องแค่นี้เอง โชคดีที่สูทเก่าของลูกข้ายังอยู่” คุณนายอาซิลลายิ้มพลางดื่มชา

อัลฟอนโซกับผมไม่มีเครื่องแบบที่ใช้แทนสูทได้เหมือนลิสบอน ในกรณีของอัลฟอนโซ โรงเรียนอัศวินขั้นต่ำมีแต่ชุดฝึก ไม่ใช่เครื่องแบบจริง เพราะอายุตอนเข้าเรียนโรงเรียนอัศวินขั้นต่ำส่วนใหญ่คือ 16 ให้เครื่องแบบกับคนในช่วงกำลังเติบโตเพื่องานพิธีที่ไม่มีบ่อยจึงถือว่าฟุ่มเฟือย ชุดฝึกใช้ใส่ร่วมงานเชิญธงที่มีนานๆครั้งได้ แต่ไม่ดีพอใส่ในงานเลี้ยงวันเกิดเจ้าหญิง

แม้ผมไม่รู้รายละเอียดเพราะไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนอัศวิน ดูจากการคัดเลือกที่เคร่งครัดแล้ว นักเรียนโรงเรียนอัศวินส่วนใหญ่มีฐานะดี กรณีอย่างอัลฟอนโซที่ไม่มีชุดใส่ในพิธีเป็นทางการจึงถือว่าหายาก




สารบัญ                                 บทที่ 60 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น