บทที่ 39 – การสอบเข้า (3)
“เอ่อ จะบอกว่ามั่นใจก็เหมือนโกหกนะ” ลิสบอนยิ้มด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
“จะว่าไป วันสอบของอลิซคือพรุ่งนี้ใช่ไหม?”
“อืม เวลาสอบก่อนข้า แต่เธอไม่ให้ข้าไป”
อลิซรู้ดีว่าลิสบอนอยู่ในสถานการณ์ไหนและเกรงใจเขา แต่ดูเหมือนเจ้านี่จะผิดหวังเล็กน้อย
“เฮ้ เดน”
“อะไร?”
“ขอโทษนะ แต่ช่วยไปดูอลิซสอบแทนข้าได้ไหม? มันเปิดให้ทุกคนเข้าชมแต่ข้ารู้สึกแย่ที่ไปให้กำลังใจเธอไม่ได้”
ผมแอบถอนหายใจ เขาเป็นห่วงคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองก็มีปัญหาต้องแก้ได้ยังไงนะ?
ผมไม่รู้ว่าการสอบของอัศวินยากขนาดไหน แต่ระดับความยากของการสอบนักเวทนั้นรวมอยู่ในข้อมูลเกี่ยวกับเวทมนตร์ที่ผมซื้อจากร้านขายข่าว ในฐานะนักเวทที่เก่งพอดูอย่างผมก็รู้ว่าอลิซไม่มีปัญหา
การสอบมีแต่ความสามารถด้านปฏิบัติ แต่พอดูว่าแค่ต้องยิงเวทให้โดนและสร้างความเสียหายกับเป้าหมายที่ห่างไป 50 เมตร หรือบินให้สูงอย่างน้อย 5 เมตรแล้ว ระดับความยากถือว่าต่ำมาก
ไม่รู้ว่ามีอะไรให้ห่วง ไม่ใช่ว่าต้องทำลายทุกอย่างในรัศมี 50 เมตร หรือบินผาดโผนที่ความสูง 5 พันเมตรสักหน่อย!
หรือพวกเขาจะสร้างสภาพแวดล้อมเหมือนโอลิมปัสแล้วค่อยให้ใช้เวทมนตร์นะ?
ถ้าเป็นแบบนั้น อลิซคงสอบตกแน่ แย่จริง
“ได้ ไหนๆข้าก็สอบเสร็จแล้ว ข้าจะทำเป็นไปเดินเที่ยวที่นั่นแล้วกัน”
ไหนๆก็ไปโรงเรียนเวทมนตร์แล้ว ผมน่าจะดูหนังสือเวทมนตร์ที่นั่นด้วย แม้จะไม่ใช่ของแบบคัมภีร์เวทต้องห้ามแต่ห้องสมุดเปิดให้พวกขุนนางเข้าไปได้ ดังนั้นผมจึงจะค่อยๆอ่านไป
คืนนี้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนเวทมนตร์ดีกว่า
“ขอบใจมาก!”
ลิสบอนกลับไปฝึกดาบกลางสวนด้วยสีหน้าดีขึ้นกว่าเดิม
เขาพยายามมากขนาดนี้ ถ้าสอบผ่านก็ดี
***
ตรงหน้าประตูวาร์ปของเผ่าผีเสื้อ ปู่หลานกำลังเริ่มละครรอบใหม่
“อัลฟอนโซ ไม่ไปไม่ได้เหรอ?”
ปู่ของอัลฟอนโซ ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าผีเสื้อ กำลังกอดเด็กหนุ่มและขอร้องทั้งน้ำตา
“ปู่ อย่าร้องไห้สิ มันทำให้ข้าเศร้าไปด้วย”
หลังจากดูทั้งสองร้องไห้เมื่อคืน ยูเรียต้องอึ้งเมื่อเห็นวันนี้พวกเขาก็ร้องอีก ผู้อาวุโสสูงสุดยื่นแขนซ้ายและเรียกยูเรียเพราะแขนขวากำลังกอดอัลฟอนโซอยู่
“ยูเรีย เจ้าก็ไม่ไปไม่ได้เหรอ?”
ยูเรียถอนหายใจแล้วตรงไปกอดปู่ของเธอ
“ปู่ ถ้าอัลฟอนโซไม่ไปก็ว่าไปอย่าง แต่เขาทำให้ข้าเป็นห่วง ข้าต้องตามไปดูแลเขา อีกอย่าง ที่นี่ข้าฝึกการเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้”
ในเผ่าผีเสื้อมีเวทมนตร์แขนงหนึ่งที่เรียนเต็มที่ไม่ได้ นั่นคือการเล่นแร่แปรธาตุ การแปรธาตุต้องใช้วัตถุดิบมาก แต่ในภูเขาเอเวอเรสท์ วัตถุดิบหายากและต้องใช้เวลาเอาเข้ามานาน
“ยูเรีย อัลฟอนโซ!”
ยูเรียเช็ดน้ำตาให้ปู่ของเธอ พลางคิดว่าที่ฝาแฝดของเธอขี้แยก็มาจากปู่นี่เอง หลังจากแยกทั้งสองคนออก พวกเขาก็ตรงไปที่ประตูวาร์ป
“พ่อ แม่ ปู่ ไว้ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย” ยูเรียกล่าวลา
พ่อและแม่ของเธอพยักหน้าและตอบ “เขียนจดหมายมาบ่อยๆล่ะ ถ้ามีอะไรก็บอกวิลเลียมไม่ต้องเกรงใจ อย่าลืมเขียนบอกพวกเราด้วย”
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น แม่กับพ่อจะไปหาทันที ไม่ต้องกลัวนะ”
“ยูเรีย~”
ปู่ร้องเรียกชื่อยูเรีย เด็กสาวยิ้มและตรงไปที่ประตูวาร์ป
“ถ้าอย่างนั้น ข้าไปล่ะค่ะ”
“แม่ พ่อ ปู่ พวกเราไปล่ะนะ” อัลฟอนโซโบกมือพลางตรงไปที่ประตูวาร์ป
“อัลฟอนโซ~”
แม้จะได้ยินเสียงเรียก อัลฟอนโซก็หลับตาปี๋แล้ววิ่งเข้าประตู
หลังประตูคือห้องว่างเปล่า
“เอ๋? ข้านึกว่าลุงจะอยู่ที่นี่เสียอีก?”
ยูเรียตอบ “เจ้าไม่เรียนเลยสินะ? จริงๆเลย มีความเข้าใจเรื่องมิติแค่นี้ สร้างกระเป๋ามิติได้ยังไงเนี่ย”
“ฮ่าๆๆ เอ่อ...ด้วยพลังใจ?”
ยูเรียพึมพำ “ไม่น่าถามเลย” พลางออกจากห้อง วิลเลียมกำลังรออยู่ข้างนอกห้อง
“ถึงเร็วกว่าที่คิดนะ? ข้านึกว่าพ่อจะรั้งพวกเจ้าไว้นานกว่านี้เสียอีก”
“ข้าก็คิดอย่างนั้นค่ะ แต่ท่านปล่อยพวกเราไปง่ายกว่าที่คิด”
“อืม ก็ดีแล้ว”
วิลเลียมยิ้ม อัลฟอนโซที่เดินรั้งท้ายวิ่งมาหา
“ลุง!”
“โอ้โห เจ้าโตแล้วนะ คิดถึงน้ำหนักตัวเจ้าบ้าง”
“ฮิๆ”
วิลเลียมตบศีรษะอัลฟอนโซเบาๆแล้วพูด “ข้าสมัครเรียนให้แล้วแต่พวกเจ้าต้องสอบก่อน ยูเรียจะเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ ส่วนอัลฟอนโซจะเข้าโรงเรียนอัศวิน ใช่ไหม?”
“ครับ”
“การสอบเข้าโรงเรียนเวทมนตร์คงไม่ทำให้รู้สึกอะไรเพราะพวกเจ้าผ่านพิธีเข้าสู่วัยเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่โรงเรียนอัศวินมีแข่งสู้ด้วยดาบ เจ้าต้องระวังตัว”
“อย่าห่วงครับ! ข้าฝึกมาอย่างหนัก!”
ดูอัลฟอนโซเบ่งกล้ามด้วยแขนผอมของเขา วิลเลียมหัวเราะแล้วขยี้ผมของหลานชาย
“ฮ่าๆ เผ่าของเราใช้เวทมนตร์เป็นหลักและเรื่องพลังกายสู้เผ่านักสู้อื่นไม่ได้ แต่อย่างน้อยพวกเราก็มีพลังเทียบเท่ากับอัศวินทั่วไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล แต่ระวังนะ ถ้าใช้เวทมนตร์จะถือว่าแพ้”
“ครับ!”
“อีกอย่าง ข้าจะให้อัศวินมาช่วยพวกเจ้าจัดของ เพราะฉะนั้นไว้เดินดูเมืองหลวงพรุ่งนี้นะ”
“ครับ!”
***
2 วันต่อมา
หลังกินอาหารเช้า อัลฟอนโซไปโรงเรียนอัศวินคนเดียวอย่างกล้าหาญ ก่อนไป ฝาแฝดของเขา ยูเรียบอกให้เขารอก่อนจะได้ไปด้วยกัน แต่เพราะเมื่อวานได้เที่ยวมารอบหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เขาแสดงความกล้าหาญด้วยการจะไปคนเดียว
“ข้าไปคนเดียวได้!”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ วันนี้เป็นวันสอบ ถ้าเจ้าหลงทางจะทำยังไง?”
อัลฟอนโซลังเลไปครู่หนึ่งแต่วิลเลียมสนับสนุนเขา
“จะเป็นอะไรไปเล่า โรงเรียนไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ”
วิลเลียมให้กำลังใจอัลฟอนโซและพูดว่าอัลฟอนโซจะไปคนเดียวก็ไม่เลวเพราะเขาไม่สามารถไปไหนมาไหนกับอัลฟอนโซได้ทุกวัน วิลเลียมปลอบใจยูเรียว่าถ้าหลงทาง เขาสามารถใช้เวทมนตร์ค้นหาได้
“ถ้าอย่างนั้น ข้าไปล่ะ!”
อัลฟอนโซเอ่ยลาอย่างร่าเริง จากนั้นกางร่มสีดำออกเดินทาง ผมเปียสีขาวของเขาแกว่งไกวอยู่ด้านหลัง
เมื่อวาน อัลฟอนโซเที่ยวรอบเมืองหลวงกับยูเรียและลุงวิลเลียมทั้งวัน เทียบกับหมู่บ้านเผ่าผีเสื้อที่อยู่บนภูเขาเอเวอเรสท์ ถนนพลุกพล่านของเมืองหลวงเต็มไปด้วยสีสันชีวิตชีวาต่างจากที่นั่นมาก
อัลฟอนโซเดินเที่ยวถนนสายต่างๆด้วยตาเป็นประกาย คนบนถนนชนร่มที่เขาใช้เพราะคนเผ่าเขาแพ้แสงอาทิตย์ไม่หยุด เขาเอ่ยขอโทษพลางเดินไปทางที่มีคนน้อยกว่า
เมื่อเขาหลุดจากถนนที่คนพลุกพล่านและก้าวถอยหลัง เขาได้ยินเสียงโกรธจากด้านหลัง
“โอ๊ย!”
เมื่อหันไปดูก็เห็นชายสามคนกำลังทำหน้าบึ้งน่ากลัว หนึ่งในนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังนวดแขนซ้าย ดูเหมือนเขาจะถูกร่มที่อัลฟอนโซถือเกี่ยว
ร่มที่อัลฟอนโซถือถูกสร้างเป็นพิเศษโดยปู่ของเขา มันทำจากเนื้อและกระดูกของเบฮีมอธ หนึ่งในสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดบนเทือกเขาแอลพ์ที่รู้กันว่าเป็นที่พักอาศัยของเหล่าสัตว์ประหลาด ผ้าทำจากเส้นไหมของตัวไหมสวรรค์และชุบด้วยเวทมนตร์ แข็งกว่าเหล็กหลายเท่าในความหนาเท่ากัน พูดได้ว่ามันคืออาวุธดีๆนี่เอง
“แก!”
ชายคนนั้นจะโจมตี แต่ชายท่าทางเจ้าเล่ห์ที่อยู่ด้านหลังยกมือห้ามและกระซิบบางอย่างกับเขา ชายเจ้าเล่ห์ยิ้มแปลกๆและมองมาทางอัลฟอนโซ อัลฟอนโซเห็นท่าไม่ดีและกล่าวขอโทษ
“ข้า...ข้าขอโทษ”
แต่ชายคนนั้นตะคอกกลับ
“พูดเป็นเล่นไปได้! หา? ถ้าชนคน เฮอะ ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายมาสิ!”
อัลฟอนโซตกใจกลัวเมื่อถูกชายหน้าตาน่ากลัวตะคอกใส่
“ขอ...ขอโทษ”
“ขอโทษแล้วมันหายเรอะ! นี่ข้าแขนหักนะ จ่ายมา 3,000 เบี้ย!”
ชายคนนั้นเหมือนจะตีเขา อัลฟอนโซหลับตาด้วยความกลัวและเหวี่ยงหมัดออกไป
***
ในที่สุด เช้าวันสอบของลิสบอนและอลิซก็มาถึง
บอกว่าเธอไม่มีสมาธิ อลิซไม่กินอาหารมื้อเช้าและเก็บตัวฝึกเวทมนตร์ในห้อง บอกว่ากินมากเกินไปจะทำให้ร่างกายของเขาเฉื่อยชา ลิสบอนกินอาหารมื้อเช้าเข้าไปนิดเดียวและออกไปยืดเส้นยืดสายที่สวน เมื่อไม่มีพี่น้องโต้เถียงกัน โต๊ะอาหารจึงค่อนข้างเงียบ คุณนายอาซิลลากับผมกินอาหารและคุยกันบ้าง
“จะว่าไป เดน ถ้าเจ้าสอบผ่านจะไปอยู่ที่หอเหรอ?”
“ครับ มันเป็นกฎ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
คุณนายอาซิลลาพูดอย่างเสียใจจริงๆ “ถ้าเจ้าสอบผ่านก็ต้องย้ายไปอยู่หอก่อนสิ้นเดือนกรกฎา เวลาเหลือน้อยจริงๆ หนึ่งเดือนมานี้ข้าชอบเจ้ามาก”
อย่างที่คุณนายอาซิลลาพูด ผมพักที่นี่ครบเดือนแล้ว ผลการสอบจะประกาศในอีกครึ่งเดือน เพราะฉะนั้นไม่เกินหนึ่งเดือนผมก็ต้องจากที่นี่ไป เรื่องอื่นไม่รู้ แต่พอคิดว่าจะไม่ได้กินอาหารที่นี่อีกแล้วทำให้ผมเศร้า
“น่าเสียดายนะครับ แต่ผลสอบยังไม่ออก ถ้าโชคไม่ดีข้าอาจต้องรบกวนท่านไปอีกครึ่งปี”
ก็พูดไปอย่างนั้น ผมกระทั่งแอบเข้าวังไปดูข้อสอบจึงไม่มีทางสอบตกอยู่แล้ว ข้อสอบจริงที่ง่ายมากทำให้ผมรู้สึกโง่ที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงไป
“อีกอย่าง ต่อให้สอบผ่าน อีกครึ่งปีข้าก็ต้องย้ายออกมาหาที่อยู่ใหม่ อาจต้องรบกวนท่านอีก”
คุณนายอาซิลลายิ้มให้คำพูดหน้าไม่อายของผม บอกให้มาได้ทุกเวลา
กินอาหารเช้าเสร็จ ผมเดินเอื่อยๆไปโรงเรียนเวทมนตร์ ที่จริงโรงเรียนอัศวินและศูนย์ฝึกข้าราชการก็อยู่ติดกัน จะเรียกว่าโรงเรียนเวทมนตร์อย่างเดียวก็ไม่ได้
เพราะว่าเป้าหมายของผมคือห้องสมุด จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนว่าจะดูการสอบไม่ทัน โดยเฉพาะอลิซ คนเข้าสอบเองยังเก็บตัวอยู่ในห้อง ขณะอยู่ระหว่างทางเดินไปโรงเรียน ก็เห็นร่มสีดำคันหนึ่งท่ามกลางฝูงชน
ทำไมกางร่ม ฟ้าออกจะใส
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็มีคนประหลาด ขณะผมใช้ทางลัดอย่างไม่คิดมากก็ได้ยินเสียงตะโกนมาจากที่ใดที่หนึ่ง
“พูดเป็นเล่นไปได้! หา?”
โอ้! เรื่องทะเลาะ! สิ่งที่น่าดูที่สุดคือการทะเลาะกับไฟไหม้ ยิ่งเป็นคนไม่เกี่ยวข้องกับผมยิ่งดี
เพื่อจะได้ดูเงียบๆ ผมย่องไปทางตรอกอันเป็นที่มาของเสียง
“ถ้าชนคน เฮอะ ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายมาสิ!”
ตรงข้ามกับความคาดหวังของผม ภาพในตรอกคือชายท่าทางเหมือนนักเลง 3 คนกำลังรังแกเด็กหนุ่มท่าทางอ่อนแอถือร่มดำ
ผิดหวังชะมัด! ผมอยากดูการต่อสู้ข้างถนนต่างหาก
สารบัญ รอใส่บทที่ 40
สุขสันต์ปีใหม่ค่ะ ^.^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น