บทที่ 83
อัศวินขั้นสูงนั่งที่อัศวินคนก่อนเคยนั่งและขอโทษ “ข้าขออภัยแทนลูกน้องที่ทำตัวหยาบคายด้วย ขอโทษจริงๆ”
ผมปัดคำขอโทษไป “ไม่ต้องครับ ไม่เป็นไร” เดี๋ยวตอนกลางคืนผมก็จะไปเล่นงานเขาให้ปางตายอยู่แล้ว
เขาส่ายหน้า ไม่รู้ความคิดในใจของผม “ไม่ ข้ารับรองด้วยชื่อของหน่วยอัศวินกวางขาว ลูกน้องของข้าต้องถูกลงโทษทางวินัย”
พอเขาพูดอย่างนั้น ผมก็รู้สึกสำนึกผิดกับความคิดที่จะไปเล่นงานเขา แน่นอน มันไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ทำ ลงโทษก็ส่วนลงโทษ แก้แค้นก็ส่วนแก้แค้น
ที่สำคัญกว่านั้น ผมแปลกใจที่คนตรงหน้าเป็นหัวหน้าหน่วยอัศวินกวางขาวที่ดูแลความสงบของเมืองหลวง เทียบกับชาติก่อนของผมก็เหมือนอธิบดีกรมตำรวจมาที่ห้องสอบสวนและขอโทษผม ถ้าอัศวินกับตำรวจเทียบกันได้นะ
“เพลแกรนท์ เขาเป็นเพื่อนข้ามาตั้งแต่เด็ก ได้ยินว่าเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตเพื่อนของข้า ขอบคุณจริงๆ”
ผมประหลาดใจอีกครั้ง เส้นสายของหัวหน้ากว้างขวางและใหญ่กว่าที่คิด นิสัยของเพื่อนเขาดูน่านับถือ ไม่รู้ทำไมนิสัยของหัวหน้าถึงเพี้ยนนัก
“ไม่หรอกครับ ข้าดีใจที่เขาไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต”
เมื่อหัวหน้าอัศวินมองยิ้มของผม เขาก็ดูทึ่งเล็กน้อย “ผู้รับการฝึกในแผนกของเขามักจะสาปส่งให้เขาไปตาย แต่ดูเหมือนเจ้าจะมีนิสัยน่าประทับใจ”
อ้อ คงเพราะเป็นเพื่อนกัน เขาเลยรู้นิสัยหัวหน้าดี
หัวหน้าอัศวินดึงกองกระดาษมาจากลิ้นชักโต๊ะและพูด “เอิ่ม ขอโทษนะ แต่จากนี้ไปข้าจะต้องสอบสวนเจ้า อ้อ ไม่ได้หมายความว่าข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนร้ายนะ มันเป็นขั้นตอนจำเป็นมากกว่า”
มันแปลว่าเขาไม่คิดว่าผมเป็นคนร้าย แต่ก็ไม่เชื่อว่าผมไม่ใช่คนร้ายด้วย หรือก็คือ เขาบอกว่าถ้ามีเหตุผลมากพอที่จะสงสัยผม ผมจะถูกกล่าวหาเป็นคนร้าย
“ก่อนอื่น เฮอกามอร์ฟินที่เจ้าใช้ไม่ใช่ของที่ผู้รับการฝึกธรรมดาจะมี ข้าจะถามตรงๆ ทำไมเจ้ามี?”
ผมมีของจิปาถะสารพัดอย่างในกระเป๋ามิติ โดยเฉพาะของที่เกี่ยวกับเวทมนตร์
“คือ ข้าจะเอามันใส่ในชาและให้หัวหน้าเพลแกรนท์ดื่ม”
“...อะไรนะ?” หัวหน้าอัศวินดูมึนไป คำพูดของผมฟังแล้วชวนให้เข้าใจผิดได้เลย
ผมอธิบายต่อ “เฮอกามอร์ฟินมีผลทำให้ท้องเสีย ท่านหัวหน้าอัศวินดูจะรู้อยู่แล้ว แต่ข้าอยากเอาคืนที่เขาบ่นและให้งานแปลกๆข้าทำมาสามวัน”
หัวหน้าอัศวินทำหน้าเข้าใจวูบหนึ่งก่อนจะลบมันไปและถาม “ถ้าอย่างนั้น เฮอกามอร์ฟินนี่มาจากไหน?”
นี่เป็นคำถามที่คาดเดาได้ เฮอกามอร์ฟินเป็นสมุนไพรที่ไม่ได้วางขายในร้านขายยาทั่วไป ผมตอบอย่างจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง
“มาจากบ้านเกิดของข้า อย่างที่เห็นในบัตร บ้านเกิดของข้าอยู่แถบเทือกเขาดูม ข้ามักจะเก็บสมุนไพรแถวนั้น”
ที่จริงบ้านเกิดของผมขายวัตถุดิบที่ได้จากปีศาจเป็นหลัก แต่ผมไม่ได้โกหกทั้งหมดเพราะนักเวท นำโดยผู้เฒ่าเมอร์ปา ขายสมุนไพรที่เราเก็บมาให้จักรวรรดิ หัวหน้าอัศวินขมวดคิ้วเพราะคำพูดของผมพิสูจน์ยาก
ดังนั้นผมจึงพูดเสริม “เพื่อเป็นข้อมูลครับ เฮอกามอร์ฟินไม่ใช่สมุนไพรต้องห้าม และไม่ต้องมีใบอนุญาตในการใช้หรือซื้อขาย” มันแค่สมุนไพรนี้ค่อนข้างหายากและโตเฉพาะในบริเวณใกล้ป่าโอลิมปัส
“หืม เจ้าเป็นผู้รับการฝึกเป็นข้าราชการ แปลว่าไม่เคยออกจากเมืองหลวง ถ้าอย่างนั้นคนที่ให้หรือขายสมุนไพรให้เจ้าอยู่ไหน?”
“ไม่รู้สิครับ เขาอาจกำลังเดินทางกลับบ้านเกิดแล้ว? ข้าซื้อสมุนไพรนี้มาเกิน 15 วันแล้ว” ที่จริงคนขายสมุนไพรก็อยู่ตรงหน้านายนี่ไง ขุดเองกับมือ
“แปลว่าเจ้าได้สมุนไพรก่อนรู้ว่าจะไปฝึกงานที่ไหน” หัวหน้าอัศวินพูด
สายตาของเขาค่อนข้างทิ่มแทง ผมเชื่อว่าคงมีไม่กี่คนที่ไม่สนใจเรื่องของเพื่อนตัวเอง แต่ถ้าสายตาของเขาฟันคนได้ ผมคงกลายเป็นชิ้นเนื้อพันชิ้นแล้ว
“ใช่ ตอนเด็กข้าเรียนการเล่นแร่แปรธาตุ สมุนไพรจากบ้านเกิดข้าถูกส่งมาที่นี่ทางอากาศ ข้าอยากสอนกลเม็ดเล็กน้อยให้เพื่อน” ผมพูด
“การเล่นแร่! เพราะอย่างนั้นเจ้าถึงรักษาได้ตรงจุด”
ในโลกนี้ นักเล่นแร่แปรธาตุมักจะทำงานเป็นหมอในที่ๆขาดวิหาร การเล่นแร่แปรธาตุใกล้เคียงกับการรักษาแบบตะวันออกมากกว่าตะวันตก การรักษาแบบตะวันออกใช้สมุนไพรและการกดจุด ส่วนการรักษาตะวันตกพึ่งการผ่าตัด อีกอย่าง ยาเมื่อรวมกับเวทมนตร์แล้วได้ผลดีกว่าที่คิด
“อย่างนี้นี่เอง เจ้าเล่าเรื่องเพื่อนที่เจ้าสอนการเล่นแร่แปรธาตุให้ได้ไหม?” เสียงของหัวหน้าอัศวินอ่อนลงขั้นหนึ่ง
ผมพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไม่มีเหตุผลต้องปิดเรื่องนี้ ถึงผมบอกไปเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“ยูเรีย เฟนเดรีย”
“อืม ยูเรีย เฟนเดรีย”
หัวหน้าอัศวินจดแล้วพึมพำออกมาเหมือนเห็นความผิดปกติ “เฟนเดรีย?”
สายตาของหัวหน้ากัปตันเต็มไปด้วยความสงสัย “ไม่ใช่เฟนเดรียที่ข้ารู้จัก ใช่ไหม?”
“เอ่อ เฟนเดรียที่ท่านรู้จักเป็นใครล่ะครับ?” ผมแกล้งโง่ โอ๊ะๆ รอยยิ้มขี้เล่นมันคอยจะโผล่มาบนหน้าผม
“ยูเรียคนนี้ มีผมสีขาวหรือเปล่า?”
เสียงหัวหน้าอัศวินสั่น ผมเกือบหัวเราะลั่น “ตาของเธอเป็นสีแดงด้วย”
หัวหน้ากัปตันตะลึง “เจ้ามีพรสวรรค์เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุเหรอ?”
เหมือนเขากำลังถามว่าทำไมนักแปรธาตุที่เก่งขนาดนั้นไม่ไปเป็นนักเวทหลวงแต่มาฝึกเป็นข้าราชการ บางทีเขาอาจไม่เชื่อผม
“เปล่าหรอก แต่จากที่ยูเรียเล่า สภาพอากาศที่บ้านเกิดของเธอไม่เอื้อต่อการเรียนแปรธาตุ เพราะอย่างนั้น มือสมัครเล่นอย่างข้าเลยมีโอกาสได้สอนคนจากเผ่าผีเสื้อ เป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับข้าเลย” ผมยิ้มอย่างพอใจ
ที่จริง เรื่องเคล็ดลับในการแปรธาตุนั้น ผมสอนยูเรียครั้งเดียวเธอก็เข้าใจแล้ว อย่างมากผมก็แค่สอนเรื่องสัดส่วนของยา ซึ่งเธอทำได้ไม่ค่อยคล่องเพราะมันไม่เกี่ยวกับพลังเวท แต่ผมบอกได้ว่าเธอมีความสามารถพอดู
หัวหน้าอัศวินดูไม่เชื่อแต่สุดท้ายก็ยอมรับคำอธิบายของผม
“แล้วจะปล่อยข้าได้เมื่อไหร่? ข้ากำลังอยู่ในช่วงประเมินนะครับ” การประเมินมีความสำคัญต่อผู้เข้ารับการฝึก เพราะความผิดพลาดสามารถส่งผลถึงขั้นอาจไม่ได้งานทำ
หัวหน้าอัศวินถอนหายใจ “โชคร้ายหน่อย ตามขั้นตอนแล้วเจ้าต้องถูกกักตัวอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์”
“อะไรนะครับ?”
“ขอให้เจ้าเข้าใจ นี่เพราะคนที่ถูกยาพิษได้รับเกียรติสูงสุดจากจักรพรรดิโดยตรง”
พูดอะไรไม่เข้าใจ?
“เวลากักตัวแค่หนึ่งสัปดาห์เพราะเจ้าช่วยชีวิตเพลแกรนท์ ถ้าไม่ใช่ล่ะก็...” หัวหน้าอัศวินหยุดพูดไป เขาคงจะพูดว่าผมคงถูกจับในฐานะคนร้ายไปแล้ว
บ้าเอ๊ย ผมวางแผนจะถูกปล่อยตัวด้วยการใช้ชื่อยูเรีย แต่หัวหน้าเพลแกรนท์ดูจะเป็นคนใหญ่คนโตกว่าที่ผมคิด
นี่เป็นสัญญาณอันตรายสำหรับผม ถ้าหัวหน้าเพลแกรนท์ไม่ได้สติและเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา แน่ใจได้ว่าผมจะถูกจับในฐานะคนร้าย
บางทีถ้ายูเรียหรือคุณนายอาซิลลารู้ ผมอาจใช้ชื่อของนายพลวิลเลียมหรือนายกรัฐมนตรีออกไปได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น เรื่องของผมอาจไปถึงลุงบลัดดี้ที่รู้จักหน้าผมและสนิทกับสองคนนั้น
ไม่สิ เป็นไปได้ว่าผมอาจถูกกำจัดในฐานะบุคคลอันตราย กับวิลเลียมผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นอาร์คันทาผู้จับตามองผมอย่างใกล้ชิดหนึ่งเดือนต้องทำแน่
ถ้าเป็นแบบนี้ก็เหลือทางเดียว “หัวหน้าอัศวิน ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้าไม่ใช่คนร้าย?”
หัวหน้าอัศวินเบิกตากว้าง จากนั้นส่ายหน้า “ไม่ ข้าเชื่อไม่ได้”
หัวหน้าอัศวินพูดว่าเขาเชื่อ’ไม่ได้’ มันใกล้เคียงกับเขาพูดว่าเขาสรุปอะไรไม่ได้
สำหรับผมมันเป็นทั้งเรื่องดีและแย่ ที่แย่คือถ้าจับตัวคนร้ายไม่ได้ ผมจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้าย ที่ดีคือเพราะผมช่วยชีวิตหัวหน้าเอาไว้ ใจส่วนหนึ่งของหัวหน้าอัศวินจึงอยากเชื่อผม
ผมยิ้ม “ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ที่จริงท่านก็ไม่ควรเชื่อ”
เชามองผมอย่างประหลาดใจ พูดแบบนี้ทำให้ได้ความไว้ใจจากคนที่ดูซื่อสัตย์
“แต่ ข้ามีเรื่องอยากขอ” ผมพูด
“อะไร?” หัวหน้าอัศวินถาม
ผมทำหน้ามั่นใจ “ขอเวลาข้าหนึ่งวัน ข้าจะจับคนร้ายในหนึ่งวัน”
หัวหน้าอัศวินมองเหมือนได้ยินเรื่องบ้าที่สุด ถ้าเป็นคนแปลกหน้าพูดแบบนี้ จะไม่เชื่อเขาก็เป็นเรื่องปกติ แต่ผมไม่ใช่คนปกติ ผมจะทำทุกอย่าง รวมถึงเรื่องนอกกฎหมาย เพื่อจับคนที่ทำให้ผมซวย
“อย่างที่บอก ข้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ถ้าเป็นเรื่องยาและพิษ ข้ามั่นใจว่าเก่งกว่าอัศวิน”
หัวหน้าอัศวินทำหน้าว่าอยากฟังต่อมากกว่าจะปฏิเสธ เขาอาจให้โอกาสเพราะผมช่วยเพื่อนของเขา
“ข้าขอถามอีกข้อ ผลการตรวจสอบของในอาเจียนของหัวหน้าเพลแกรนท์ออกมาแล้วหรือยัง?”
ถ้าหัวหน้าเป็นคนสำคัญ พวกเขาต้องเริ่มตรวจสอบอาเจียนแล้ว
หัวหน้าอัศวินส่ายหน้า “ยัง คงต้องใช้อย่างน้อยสามวันถึงจะตรวจสอบเสร็จ”
อะไรนะ? นานขนาดนั้นเลยเหรอ? ดูเหมือนนักเวทที่เป็นคนตรวจสอบจะไม่เก่งเลย แต่นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับผม
“สามวันนานเกินไป ระหว่างที่ท่านรอผลการตรวจ มันนานพอให้คนร้ายลบร่องรอยและหนีไปใช่ไหม?”
หัวหน้าอัศวินเห็นด้วย “ใช่”
“ถ้าท่านให้โอกาส ข้าจะหาข้อมูลจากอาเจียนของหัวหน้าเพลแกรนท์”
“ยังไง? อาเจียนนั่นเป็นหลักฐานสำคัญ ตอนนี้มันถูกส่งไปที่นักเวทหลวงแล้ว แม้แต่ข้าก็เอาคืนมาไม่ได้”
ผมยิ้มให้หัวหน้าอัศวิน “ไม่จำเป็นต้องเอามันมาที่นี่ ข้อมูลมันอยู่ในหัวข้าแล้ว”
สีหน้าของหัวหน้าอัศวินแสดงว่าอยากรู้ว่าผมรู้ได้ยังไง
ผมยิ้มขี้เล่น “ดูเหมือนท่านจะลืมไป แต่ข้าเป็นคนล้างท้องและตรวจอาเจียนเพื่อให้ยาแก้พิษ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น