วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 84

 บทที่ 84

หัวหน้าอัศวินเหมือนถูกค้อนทุบหัว “ฟังมีเหตุผลนะ”

“ครับ หญ้าฮอร์นที่เจอในท้องของหัวหน้าออกฤทธิ์ทันทีที่กินเข้าไป แต่มันมีวิธีทำให้เกิดพิษช้าลง”

“วิธีอะไร?”

“วิธีพื้นฐานที่สุดคือห่อกับเยื่อบางๆเพื่อยืดเวลาสัมผัสกับกระเพาะออกไป แต่หัวหน้าจะรู้ตัวถ้าใช้วิธีนี้”

“ทำไม?”

“เวลากินอาหาร นอกจากตั้งใจกลืนเข้าไปทั้งอย่างนั้น ปกติเราจะเคี้ยวก่อน เยื่อบางจะขาดและกลายเป็นไร้ประโยชน์ แต่สำหรับฮอร์น มีวิธีพิเศษในการลดพิษและทำให้ออกฤทธิ์ช้าลง แต่วิธีนั้นอยู่ได้ไม่นาน หมายความว่าถ้าเราสามารถหาคนที่ใช้วิธีนั้นได้ภายในเวลาหนึ่งวัน เราจะสามารถตามรอยคนร้ายหรือคนที่ติดต่อกับเขา”

หัวหน้าอัศวินยังมีความสงสัย “แล้วเจ้ารู้เหรอว่ามีใครกี่คนในเมืองที่รู้วิธีนี้?”

ผมยิ้ม “ท่านรู้จักร้านขายข่าวแม่ใหญ่ไหมครับ?”

หัวหน้าอัศวินมองผมอย่างประหลาดใจ

***

สุดท้ายแล้วผมก็ได้รับการปล่อยตัวหนึ่งวันแต่ต้องมีอัศวินหนึ่งคนไปกับผมด้วย นี่ทำให้หนีได้ง่ายถ้าผมจับตัวคนร้ายไม่ได้ แน่นอน ผมต้องจับเขาแน่ พอจับได้ผมจะทิ่มเฮอกามอร์ฟินที่รูก้น เอาให้ขี้รั่วไปเลย

แต่ มันไม่จำเป็นต้องซื่อบื้อยึดติดแต่ตัวเลือกเดียว ชีวิตไม่เป็นไปตามที่เราหวังเสมอไป ถ้ามีอะไรผิดพลาดผมก็จะหนีแบบไม่เหลียวหลัง การหนีเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด

“เจ้าคิดหนักอะไรอยู่?” เสียงเหมือนชวนคุยเรื่อยเปื่อยปลุกผมจากความคิด

“ข้ากำลังคิดว่าจะจับคนร้ายยังไง” ผมพูด

อัศวินที่หัวหน้าอัศวินส่งมาพยักหน้า เขาดูเหมือนอันธพาลแต่ที่จริงแล้วคือรองหัวหน้าหน่วยอัศวินกวางขาว

“แล้วต่อไปเจ้าจะทำอะไร?” เขาถาม

“ก่อนอื่น ไปร้านขายข่าวแม่ใหญ่กันเถอะ”

รองหัวหน้าถอนหายใจ แสดงความรำคาญออกมา และถาม “เจ้ารู้ไหมว่าร้านขายข่าวแม่ใหญ่อยู่ไหน?”

ผมรู้แน่นอน ตอนเดินทางมาเมืองหลวง ผมบังเอิญไปเจอร้านสาขาเข้า พวกเขาบอกว่าถ้าต้องการข้อมูลก็ให้ไปหาและให้แผนที่กับวิธีติดต่อไว้

มีอย่างหนึ่งที่กวนใจผมเกี่ยวกับการไปร้านขายข่าว นั่นก็คืออัศวินที่พ่วงมากับผม แต่มันไม่มีทางเลือก

“รู้ โปรดเดินตามข้า” เมื่อผมออกเดิน รองหัวหน้าก็ตามผมด้วยความรำคาญ

ผมตรงไปตลาดพร้อมกับทบทวนแผนที่เมืองหลวงและที่ตั้งของร้านขายข่าวในหัว เมื่อมาถึงตลาดผมก็เดินตามถนนเข้าไปในตรอกด้านหลัง

มาคิดดูแล้ว มันแถวนี้เองที่ผมเห็นหัวหน้าเพลแกรนท์เมื่อคืน ผมสงสัยว่าหัวหน้าก็แวะไปที่ร้านขายข่าวแม่ใหญ่หรือเปล่า มันเป็นความคิดที่เหลวไหล แต่ถ้าเขาแวะไปจริง ถ้าผมรู้ว่าทำไมหัวหน้าเพลแกรนท์ไปที่นั่นก็จะช่วยในการหาตัวคนร้ายได้

“ต้องเดินอีกนานไหม?”

รองหัวหน้าถาม ผมถามกลับ “เจ้าไม่รู้เหรอ?”

รองหัวหน้าพูดอย่างภูมิใจ “ข้าจะไปรู้เรื่องขององค์กรผิดกฎหมายอย่างนั้นได้ยังไง?”

ขอประทานโทษ? อย่างน้อยนายก็ควรรู้สิว่าองค์กรผิดกฎหมายอย่างนั้นมีฐานอยู่ตรงไหนในเมืองหลวง

เรื่องที่หมอนี่เป็นรองหัวหน้าของหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยของเมืองหลวงทำให้ผมเป็นห่วงเมืองหลวงขึ้นมา แต่เอาเถอะ ความปลอดภัยของเมืองหลวงจะดีหรือไม่มันไม่เกี่ยวกับผม

“ใกล้ถึงแล้ว”

จากนั้นพวกเราเข้าไปในร้านเหล้าแห่งหนึ่งในมุมตรอก ในร้านมีขวดเหล้าเกลื่อนกลาดบนพื้น ให้ความรู้สึกเป็นสวรรค์ของอันธพาล แต่กลับไม่มีกลิ่นเหม็นแบบที่ผมคิดว่าจะมีในที่แบบนี้ แต่จะว่าไป ไม่ว่าลูกค้าจะมาเพราะเหล้าหรือข่าว ผมว่าพวกเขาคงไม่อยากเข้าร้านเหม็นๆหรอก โล่งอกไปที ดูเหมือนผมจะมาถูกที่

เมื่อผมเดินเข้าไป พวกอันธพาลในร้านก็ลุกขึ้นและระวังตัว ผมงงไปครู่หนึ่งก่อนจะเห็นว่าพวกเขาไม่ได้มองผมแต่เป็นคนข้างหลัง รองหัวหน้าดูเหมือนพวกอันธพาลแต่ที่จริงแล้วเขาเป็นอัศวิน

“เจ้าออกไปรอข้างนอกได้ไหม?” ผมพูดเพราะถ้าพวกอันธพาลระวังตัวกับผมมันจะยุ่งยาก แต่รองหัวหน้ามองผมเหมือนจะถามว่าล้อเล่นใช่ไหม ผมเดาะลิ้นในใจ หมอนี่มันภาระจริงๆ

เพราะอย่างนี้การเป็นผู้ต้องสงสัยถึงน่ารำคาญ ไม่มีทางเลือกอื่น ผมนำภาระตรงไปที่บาร์เทนเดอร์

“ต้องการอะไร?” บาร์เทนเดอร์ถามโดยไม่ยอมสบตากับผมด้วยความระแวงภาระด้านหลังของผม

“เหล้า” ผมพูด

“แล้วอยากดื่มอะไร?” เมื่อบาร์เทนเดอร์ถามทื่อๆ ผมนึกถึงรหัส อะไรแล้วนะ?

“พรมารดา?” ผมจำไม่ได้ว่านี่เป็นรหัสสำหรับสาขาในเมืองหลวงหรือสาขาเมืองของเมืองอื่นที่อยู่ใกล้ๆ

ได้ยินที่ผมสั่ง บาร์เทนเดอร์มองผมทันที เขามองด้วยสายตาไม่แน่ใจและถาม “ท่านอยากกินอะไรครับ?”

เขาเปลี่ยนไปพูดด้วยคำสุภาพทันที โชคดี ดูเหมือนรหัสจะถูก

“ปรุงเนื้อส่วนหลังแบบฉ่ำน้ำ” ผมตอบ

“เนื้อส่วนหลังจะมีกลิ่นแรง” บาร์เทนเดอร์ตอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกินตรงอื่น”

มองภาระด้านหลังผม บาร์เทนเดอร์หยุดการสนทนาที่กำลังลื่นไหล “รอสักครู่ ข้าจะไปดูว่ามีเนื้อส่วนหลังอยู่ไหม”

บาร์เทนเดอร์เข้าไปยังพื้นที่เฉพาะของพนักงานด้านหลังของเขา แต่ประโยคที่บอกจะไปดูว่ามีเนื้อหรือเปล่าไม่ใช่รหัส แปลก

จากนั้นภาระก็จิ้มหลังผมและถามอย่างสงสัย “ใช่ที่นี่เหรอ?”

“คงใช่ ข้าไม่รู้แน่เพราะข้าเจอที่นี่โดยบังเอิญ”

“ไม่รู้เหรอ? เจ้าไม่เคยมาที่นี่เหรอ?”

“นี่เป็นครั้งแรก” ผมพูดพลางยักไหล่ ภาระขมวดคิ้ว

ภาระกำลังจะพูดอะไรขึ้นมา แต่บาร์เทนเดอร์เดินออกมาและนำทางพวกเราไปประตูหลังร้าน

“มีเนื้อส่วนหลัง ข้าจะพาท่านไปที่โต๊ะ ท่านข้างหลัง... ก็ตามมาด้วยนะครับ”

ผมตามบาร์เทนเดอร์โดยไม่มีปัญหาอะไรขณะที่ภาระมากับผมด้วยสีหน้าไม่เชื่อใจ เมื่อผ่านประตูหลังร้าน ผมก็เห็นบันไดลงชั้นใต้ดิน เมื่อเดินลงบันไดก็ไปถึงประตูที่มีด้ามจับสำหรับดึงบานประตู

ผมคิดว่าประตูจะเป็นแบบเลื่อนเปิดเสียอีก แต่เมื่อบาร์เทนเดอร์เคาะประตูด้วยจังหวะเฉพาะ ประตูก็เลื่อนเปิด

“อะไรกันนี่?!” ภาระด้านหลังผมประหลาดใจมากที่เห็นประตูเลื่อน ทำเหมือนเขาเพิ่งเคยเห็นประตูเลื่อนเป็นครั้งแรก ผมมองเขาแบบคนในเมืองมองคนบ้านนอกเข้าเมืองแล้วเดินเข้าไป

ว้าว! ที่กรันเวล มีแต่โต๊ะเก้าอี้ในห้องขนาดห้องอพาร์ทเมนท์ แต่อาจเพราะที่นี่เป็นเมืองหลวง จึงเป็นห้องกว้างและเครื่องตกแต่งหรูหราตามผนัง ถึงอย่างนั้น นอกจากรูปขนาดใหญ่บนผนังแล้วก็มีเวทมนตร์หลายแบบฝังอยู่ และผมรู้สึกถึงคนที่ซ่อนตัวอยู่ คิดแล้วห้องนี้ก็ไม่ต่างจากห้องในกรันเวลเท่าไหร่

“เชิญนั่ง”

ผมรู้สึกเหมือนกำลังเข้ามาในห้องคนรวยเมื่อผู้หญิงที่นั่งกลางห้องชี้ไปที่ที่นั่งตรงหน้าเธอ นี่มันคนที่ผมเจอที่กรันเวลนี่นา? หรือว่าจะเป็นการเลื่อนตำแหน่ง แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันอีกในเมืองหลวง

ผมนั่งลงอย่างสบายพลางคิดว่าย้ายจากห้องเล็กๆในกรันเวลมายังห้องหรูหราแบบนี้มันเป็นการเลื่อนตำแหน่งจริงๆ

“ยินดีต้อนรับสู่ร้านขายข่าวแม่ใหญ่ เจ้าเป็นลูกค้าใหม่ทั้งคู่สินะ?” เธอพูดเสียงต่ำ ไม่เหมือนคนกำลังค้าขายเท่าไหร่

แต่ผมรู้สึกใกล้ชิดกับเสียงของเธอ มันเป็นเสียงที่ผมได้ยินเมื่อครึ่งปีก่อน

“ใช่ ข้ามาเพื่อซื้อข้อมูล” เอาเถอะ ไม่ว่าเสียงของเธอคุ้นหรือไม่ เรื่องสำคัญคือหาหลักฐานคนร้าย

“ข้าต้องการข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับสถานที่ๆเกี่ยวข้องกับฮอร์นและการเคลื่อนไหวของเพลแกรนท์ วอน โบโลญนีโอ ในหนึ่งเดือนนี้ นอกจากนั้น ข้าต้องการข้อมูลทุกอย่างที่เพลแกรนท์ วอน โบโลญนีโอซื้อจากที่นี่”

ภาระที่นั่งข้างผมกับคนขายข่าวประหลาดใจ ที่จริง ข้อสุดท้ายนั่นผมโยนถามไปอย่างนั้น เมื่อคืนหัวหน้าเพลแกรนท์ทำตัวมีพิรุธ ผมเลยลองถามดูโดยไม่หวังอะไร แต่ดูเหมือนจะตกได้ปลาตัวใหญ่แล้ว

“เจ้าหมายความว่า-”

ผมมองคนขายข่าว หยุดคำถามที่ภาระจะถาม

คนขายข่าวคิดและพูดอย่างสนใจ “คาดไม่ถึงเลย ข้าคิดว่าเขาไม่ได้ฝึกผู้สืบทอดเสียอีก ยิ่งเป็นเด็กฝึกงานด้วย”

เธอพูดบ้าอะไร? ที่สำคัญกว่านั้นคือดูเหมือนจะรู้ว่าผมเป็นผู้รับการฝึกเป็นข้าราชการ แต่เอาธุระของผมให้จบก่อนดีกว่า

“ข้าแน่ใจว่าเจ้ารู้อยู่แล้ว แต่หัวหน้าเพลแกรนท์เกือบถูกพิษวันนี้” ที่นี่คือที่ขายข่าว ผมจึงสรุปว่าพวกเขาคงรู้อยู่แล้วแม้มันเพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อน

“ใช่ และเจ้าถูกจับในฐานะผู้ต้องสงสัย คุณเดน วอน มาร์ค”

อะไร? รู้ชื่อผมด้วย? แต่เห็นว่าพวกเขาไม่รู้ชื่อจริงของผมแล้วรู้สึกภูมิใจขึ้นมา ถ้าจู่ๆเรียกชื่อจริงผม ผมคงหนีจากเมืองหลวงไปประเทศอื่นเลย

“ได้ ข้าจะให้ข้อมูลทุกอย่างที่เจ้าเรียก” คนขายข่าวเคลื่อนไหวอย่างสง่า ขณะผมกำลังเลื่อมใส เธอก็หยิบลูกคิดขึ้นมาดีด แน่นอน มันไม่ฟรี

“เอาล่ะ แค่สองเหรียญทองเท่านั้น”

บอกให้รู้ไว้ เหรียญทองหกเหรียญเป็นงบประมาณหนึ่งเดือนของดินแดนขนาดเล็ก

ผมมองภาระ “ตามนั้น”

“อะไร? ข้าไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก!” ภาระมองผมด้วยสายตาตกตะลึง

ภาระก็เป็นภาระตลอด ผมกลับไปมองคนขายข่าวและพูด “ค่อยไปเก็บที่หน่วยอัศวินกวางขาวเถอะ”

“เฮ้ย!” ภาระตะโกนอย่างร้อนรน แต่โชคไม่ดี คนขายข่าวช่วยเขา

“ขอโทษค่ะ แต่ไม่มีการซื้อเชื่อ” เธอพูด

“ฮู้ว” ภาระถอนหายใจอย่างโล่งอก ชิ แย่ชะมัด

ผมทำเป็นล้วงหาในกระเป๋าหน้าอกและหยิบเหรียญทองสองเหรียญออกมาจากกระเป๋ามิติ เงินไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะผมจะไปเอาคืนจากหัวหน้าเพลแกรนท์และคนร้ายทีหลัง บวกดอกเบี้ย ถ้าพวกเขาไม่ยอมจ่าย ผมก็แค่ต้องไปเยี่ยมบ้านสักรอบ

เมื่อผมเอาเงินออกมาอย่างสะดวกใจ ภาระก็มองผมอย่างแปลกใจในขณะที่คนขายข่าวเพียงรับเงินไปเหมือนคาดไว้แล้ว

มันผิดปกติ ทำไมคนขายข่าวจึงไม่แปลกใจและทำเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาทั้งๆที่ผมมีเงินมากขนาดนั้น? ผมต้องตรวจสอบร้านขายข่าวแม่ใหญ่ทีหลัง มันต้องมีอะไรแน่ๆ


สารบัญ                                                      บทที่ 85


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น