บทที่ 80
ถึงตอนเย็นฟ้าก็เริ่มมืดเพราะกลางวันสั้นลง ดูเหมือนฤดูหนาวจะมาถึงแล้ว ข้อดีคือผมได้กลับบ้านตรงเวลา
“ร่าเริงไว้ วันนี้ข้าเลี้ยงเหล้านะ”
“ขอบใจ”
ผมถอนหายใจและขอบใจแฟลม
หัวหน้าของแฟลมหัวเราะ ‘ฮ่าๆๆ’ เมื่อแฟลมทำพลาด แต่ของผมเหมือนมีด ไม่สิ เขาเหมือนคนไม่พอใจที่ไม่ได้กลั่นแกล้งผม ผมสงสัยว่าเขาเป็นศัตรูในชาติปางก่อนหรือเปล่า
แน่นอน ชาติก่อนผมทำอะไรไว้หลายอย่าง คนที่เข้าข่ายมีเยอะจนไม่รู้ว่าคนไหน ดังนั้นปล่อยไปเถอะ
การฝึกวันสุดท้าย ผมน่าจะคุยแบบเปิดอกกับหัวหน้าผู้ชอบข่มขู่นะ แบบนั้นเขาจะได้สำนึกตัวและพูดว่าชาติหน้าจะเกิดเป็นตัวเห็บ
พวกเราไปที่ร้านเหล้าใกล้ๆที่ดูใช้ได้
“หอพักไม่ได้ห้ามดื่มเหล้าเหรอ?”
เท่าที่ผมรู้ ผู้ดูแลหอพักเป็นคนเข้มงวดมาก
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร เมื่อวานเขาประกาศว่าอนุญาตให้พวกเราดื่มเหล้าได้ แต่ต้องกลับมาแบบมีสติ”
ดูเหมือนผู้ดูแลจะคลายความเข้มงวดลงเพราะการฝึกใกล้จบแล้ว
“ดี อ้อ ขอเบียร์สองกับไส้กรอกหนึ่งจานครับ”
เมื่อผมสั่งเสร็จ แก้วเบียร์ขนาดใหญ่มากก็มาถึง กับแกล้มยังไม่มา แต่ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มแล้ว
“ฮ้า!”
หัวหน้าคนนั้นต้องบ้าแน่ มีใครที่ไหนให้ ใบเสร็จหนึ่งกอง, กระดาษหนึ่งปึก, และลูกคิดแล้วบอกเด็กใหม่ให้ทำสรุปรายจ่ายสิ้นปี?
ใบเสร็จกองนั้นแม้แต่จัดเรียงยังไม่ถูกจัด ผมเลยต้องเริ่มตั้งแต่จัดเรียง ถ้าผมไม่ได้สร้างตารางเอ๊กเซลขึ้นมาด้วยเวทมนตร์ ตอนนี้คงยังต้องนั่งดีดลูกคิดอยู่
แต่ที่จริงแล้วผมไม่แน่ใจว่ามันจะถูกต้องเพราะผมต้องทำจากสมุดบัญชีและไม่ได้ตรวจกับรายการเดินบัญชีธนาคาร อย่างไรเสียผมก็ไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะตรวจได้ แต่ผมคำนวณใบเสร็จทั้งหมดที่ได้มา และเผื่อว่าจะมีรายการเดินบัญชีโผล่มาภายหลัง ผมจึงปล่อยให้มีช่องว่างไว้เพื่อจะได้เปลี่ยนได้ ดังนั้นผมแน่ใจว่าจะจัดการกับปัญหานี้ได้ทีหลัง
หลังจากเจอกับหัวหน้าเพลแกรนท์ เขาดูจะไม่อยากให้ผมผ่านการฝึก ดังนั้นผมจึงดูเหมือนจะต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อต่อให้เขาไม่อยากยังไงก็คงต้องให้คะแนนผมกลางๆ
แก้วเบียร์ว่างเปล่าก่อนผมจะรู้ตัว
“อีกแก้ว!”
“ดื่มเร็วไปหรือเปล่า?”
แฟลมกังวล แต่เผ่ากามีกระเพาะเหล็ก!
***
เพลแกรนท์ที่นั่งข้างอาร์คันทาถอนหายใจขณะรับแก้วเบียร์จากนายกรัฐมนตรี
“ข้าบอกหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอครับ ว่าอย่าส่งเด็กฝึกงานมา?”
“ฮ่าๆ ข้าส่งเด็กฝึกงานไปให้หัวหน้าทุกแผนก คงยกเว้นเจ้าไว้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?” อาร์คันทาหัวเราะและจิบเบียร์
แต่เพลแกรนท์ทำหน้าตึงมองอาร์คันทาอย่างเดียว
อาร์คันทาหยุดยิ้มและวางแก้วลง “ยังลืมเรื่องวันนั้นไม่ได้อีกเหรอ?”
เพลแกรนท์ก้มหน้าลงเหมือนรู้สึกผิด
“ขอโทษครับ”
“สี่ปี ไม่สิ เกือบห้าปีแล้ว ตั้งแต่เด็กฝึกงานที่เจ้าดูแลเข้าไปพัวพันกับงานของเจ้าและตาย ข้าจะไม่บอกให้ลืมหรอก แต่มันจบไปแล้ว เจ้าลงโทษตัวเองมามากแล้ว ควรหยุดได้แล้ว”
เพลแกรนท์ขมวดคิ้วและส่ายศีรษะ “ถ้าข้ายังลืมไม่ได้และคิดถึงมันเสมอ สำหรับคนอื่นข้าไม่รู้ แต่สำหรับข้าแสดงว่ามันคือปัจจุบัน”
อาร์คันทามองรอยย่นที่หว่างคิ้วของเพลแกรนท์ หน้าผากเพลแกรนท์มีรอยลึกจนต่อให้เขาไม่ได้ขมวดคิ้วก็เหมือนกำลังขมวดคิ้วอยู่
เขารู้ว่ารอยย่นนั้นมาจากความรู้สึกผิดและทรมานตัวเองของเขา
“เพราะอย่างนี้เจ้าเลยรังแกพวกเด็กฝึกงานเหรอ? เพื่อไม่ให้เข้าใกล้เจ้า?” อาร์คันทาถาม
เพลแกรนท์ยิ้มขม มองกลับไปที่การกระทำของเขา เขาอาจเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำที่เกิดจากแผลใจ ว่าเด็กฝึกงานอาจตายเพราะใกล้ชิดกับเขา
“ครับ ข้าเสียใจกับเด็กฝึกงานด้วย แต่ข้าชอบเอาแต่หาเรื่องตำหนิพวกเขาโดยไม่รู้ตัว”
อาร์คันทายิ้มและพูดหยอก “คราวนี้เด็กฝึกงานอยู่ได้กี่ชั่วโมงล่ะ ถ้าทนได้ถึงสามชั่วโมง ข้าต้องชวนเขามาทำงานที่กองคลังแล้ว”
เพลแกรนท์หัวเราะ
“กองคลังที่ถูกคนๆนั้นปั้นขึ้นมาน่ะหรือครับ? สามชั่วโมงจะพอเหรอ? ท่านไม่คิดเหรอว่าเขาต้องทนอย่างน้อยสามวัน?”
“ฮ่าๆ อย่างนั้นเชียว?”
“เฮ้อ ถ้าคิดแบบนั้น เด็กฝึกงานคนนี้ก็สมควรถูกชวน”
อาร์คันทาประหลาดใจ หัวหน้าแผนกคนนี้จู้จี้เจ้าระเบียบจนต้องเป็นคนมีความสามารถมากทีเดียวที่ทำให้เขาพูดแบบนั้นออกมา
“ใครกันที่ทำให้เจ้าพูดแบบนั้นได้?”
“เขาบอกว่าชื่อ...เดน” เพลแกรนท์ตอบ
อาร์คันทาคิดในใจ’ไม่จริงน่า’
มาคิดดูแล้ว เขาได้รับรายงานว่านักเรียนชื่อเดนที่พักในหอพักของแม่ของเขา สอบข้าราชการผ่านและตอนนี้เป็นผู้รับการฝึก
“ถ้าท่านสนใจ จะให้ข้าทำการตรวจสอบและเอามารายงานครั้งหน้าไหม?”
อาร์คันทาส่ายศีรษะให้เพลแกรนท์
“ไม่ต้อง ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเป็นการส่วนตัวหรอก เจ้างานยุ่งไม่ใช่เหรอ? ไว้ข้าจะดูผลการฝึกที่เจ้าประเมินทีหลังก็พอ”
“เข้าใจแล้วครับ”
เพลแกรนท์ดื่มเหล้าและเอาซองเอกสารออกมาจากกระเป๋า
“นี่เป็นเอกสารเกี่ยวกับการตรวจสอบ ‘พิจิก’ ครับ”
“ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
อาร์คันทาก้มหัวให้ เพลแกรนท์รู้สึกอึดอัดและโบกมือ
“ไม่หรอกครับ พวกนั้นก็เป็นศัตรูของข้าเหมือนกัน”
อาร์คันทาอ่านเอกสารในซองทันที มันเขียนถึงการสะกดรอยการเคลื่อนไหวของคนๆหนึ่งในวันที่ผ่านมา
“คนนี้” อาร์คันทาพูด
“เป็นแหล่งข่าวคนหนึ่งที่ข้าหาเจอครับ”
“ข้อมูลมันน้อยเกินกว่าจะเรียกคนๆนี้ว่าแหล่งข่าวของพิจิก”
หัวหน้าแผนกพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
อาร์คันทาอ่านเอกสารอย่างครุ่นคิด “มันอาจเป็นเหยื่อล่อ” ถ้ารีบร้อนแตะมัน อาจจะอันตรายกว่าเดิม
เพลแกรนท์เข้าใจความหมายของอาร์คันทาและฝืนยิ้ม “แต่มันเป็นเบาะแสเดียว”
“เจ้าอาจตาย” อาร์คันทาเตือน
เพลแกรนท์ลุกขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มขม “ถ้าอย่างนั้นปัจจุบันของข้าก็จะจบลง”
อาร์คันทาฟังแล้วเศร้า เขาควรแบกรับความผิดเอาไว้ แต่การที่เขาแบกรับไม่ได้ทำให้รู้สึกโหดร้าย
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนครับ”
ร้านเหล้าเงียบลงมากเมื่อเพลแกรนท์คำนับลาและจากไป อาร์คันทาถือแก้วแน่นในที่อันเต็มไปด้วยความเงียบ เสียงน้ำแข็งกระทบกันในแก้วฟังเศร้าสร้อย
***
ผมตื่นขึ้นตอนเช้า กุมหัวด้วยความรู้สึกเหมือนมันกำลังจะแตก อาการเมาค้างไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
“น้ำ”
ผมใช้เวทมนตร์เสกน้ำขึ้นมา และดื่มน้ำที่ลอยกลางอากาศ จากนั้นลุกจากเตียง เปิดหน้าต่างและร่ายเวทมนตร์
“เกาะกลุ่มออกซิเจน”
ออกซิเจนมารวมกันรอบตัวตามพลังเวทของผมและโมเลกุลอื่นถูกดันออกไป เวทมนตร์นี้มาจากหนังสือที่ผมยืมจากยูเรีย และถูกอ้างว่าเป็นเวทมนตร์จำเป็นสำหรับเผ่าผีเสื้อที่อาศัยในพื้นที่สูง
“ฮู่ ฮ่า ฮู่ ฮ่า!”
เมื่อผมหายใจเอาออกซิเจนเข้มข้นเข้าไปก็รู้สึกปวดหัวน้อยลง ไม่รู้เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ออกซิเจนไหลขึ้นสมองไม่สะดวกหรือเปล่า แต่มันได้ผล เมื่อพิจารณาว่าผมดื่มไปตั้งแต่เมื่อคืน มันอาจเป็นแค่พลาเซโบเอฟเฟคท์ ผมคิดไปเองก็ได้ว่ามันได้ผล?
ที่ช็อกยิ่งกว่าคือกระเพาะคนเผ่ากาไม่ได้ทำจากเหล็ก ผมยังอาเจียนไปสองสามรอบด้วยซ้ำระหว่างกลับหอ ผมดื่มเบียร์แค่ 30 แก้ว มันเป็นเบียร์ผสมกับน้ำอย่างอื่นครึ่งหนึ่ง ช่างเสียเกียรติคนเผ่ากาจริงๆ!
ผมอายจนบอกใครไม่ได้แล้วว่าเป็นคนเผ่ากา เออ ก็ไม่คิดจะบอกใครตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ผมต่อสู้กับอาการเมาค้าง ลงไปชั้นหนึ่งขณะคิดเรื่อยเปื่อย
“โอ้ ตื่นแล้วเหรอ?”
เหมือนเคย ลิสบอนทักทายผมตอนเช้า ตอนนี้มันเกือบ 6:40 เจ้าขี้ใจอ่อนนี่ตื่นตอนไหน?
เสื้อผ้าของเขาเปียกเหงื่อ ต่างจากสภาพเรียบร้อยของเขาตามปกติ ดูเหมือนจะไปออกกำลังกายมา
ตอนมาเมืองหลวงผมไม่คิดว่าเขาตื่นเช้าขนาดนี้ แต่ดูเหมือนจะใส่ใจเรื่องการฝึกกว่าเดิมหลังจากเข้าโรงเรียนอัศวินและมีเป้าหมาย เป้าหมายของเขาคือเข้าหน่วยอัศวินควายดำของลุงบลัดดี้
ผมไม่เข้าใจเขาเลย ดูเหมือนเขาจะได้ยินเรื่องดีๆมาตอนสอบเข้า
“เจ้าไม่หนาวเหรอ?”
ตอนนี้เป็นหน้าหนาว ฟ้ายังมืดและเป็นช่วงที่หนาวที่สุดของวัน
“หืม? อ๊ะ ข้าสบายดี ออกจะร้อนมากกว่า?” ลิสบอนยักไหล่
“อ๊ะ เพิ่งนึกได้ แต่ที่เจ้าพูดเมื่อวานไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม?”
ที่ผมพูดเมื่อวาน? อ้อ?
“มาแล้วเหรอ เจ้าขี้ใจอ่อน?”
“นั่นแหละ! เจ้าพูดอย่างนั้นหมายความว่ายังไง? พูดเพราะเมาใช่ไหม?”
ลิสบอนมองผมอย่างน้อยใจแบบไม่ค่อยได้เห็น ผมพยักหน้า
“เขาว่าคนเมาจะพูดความจริง”
ลิสบอนดูช็อกเหมือนถูกทรยศ “ใจร้าย! ทำไมเรียกข้าอย่างนั้นล่ะ เมื่อคืนเอลี่ได้ยิน ตั้งแต่นั้นมาก็เรียกข้าอย่างนั้นตลอด!”
ผมหัวเราะเมื่อเห็นลิสบอนที่ใกล้จะร้องไห้เต็มที
“ฮ่าๆ เข้าใจอลิซเลย เพราะเจ้าทำให้พวกเจ้าแทบไม่มีเงินเดินทางมาเมืองหลวง”
“ก็จริง แต่มันเกินไป!”
เจ้าขี้ใจอ่อนวิ่งไปห้องอาบน้ำด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่พอเลิกงานเขาก็คงลืมหมด ไม่อย่างนั้นจะถูกเรียกว่าขี้ใจอ่อนได้ยังไง?
ผมเข้าไปในห้องครัวและหาอะไรกิน
“โอ้ หลับสบายไหมคะ?”
ในห้องครัวมีคนครัวที่คุณนายอาซิลลาจ้างมา
“มีอะไรให้กินไหม?”
ผมกุมท้อง เธอหัวเราะและหยิบแอปเปิลลูกหนึ่งออกจากตู้เย็น
“รอสักครู่นะ ข้าปอกให้”
คุณนายอาซิลลาพูดและหยิบแอปเปิลจากคนครัว
“ข้ากินนี่เป็นอาหารเช้านะครับ วันนี้ต้องไปเร็วหน่อย”
“เมื่อคืนเจ้าเมาขนาดนั้น กินแค่นี้จะไหวเหรอ?” คุณนายอาซิลลาถามขณะบังเด็กสาวที่พยายามหยิบของจากตู้เย็นเพิ่ม
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่ร่างกายข้าแข็งแรง ขอบคุณสำหรับแอปเปิลนะพลีน่า”
เธอน่าจะชื่อพลีน่า ดูจากที่เธอแปลกใจตอนผมเรียกแล้วผมคงเรียกถูก
ผมกินแอปเปิลพลางเตรียมตัวไปทำงาน สำหรับผลไม้ที่ออกมานอกฤดูกาลแล้วมันอร่อยและสดมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น