วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 82

 บทที่ 82

ผมตามดูหัวหน้าอย่างใกล้ชิด ถ้าได้ข้อมูลที่จะเอามาเล่นงานเขาได้ก็ดีสิ หรือถ้าไม่ ได้สำรวจสถานที่ที่ผมจะได้เจอกับเขาเป็นการส่วนตัวระหว่างทางกลับบ้านก็ดีเหมือนกัน

หัวหน้าเดินไปตามตรอกพลางถือซองเอกสารซองหนึ่งแน่นเหมือนมันเป็นของมีค่า ผมแน่ใจว่าตอนออกจากที่ทำงานเขาไม่ได้ถือมัน ไปเอามาจากไหนนะ? อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามันจะเป็นข้อมูลลับสุดยอดหรือหนังสืออีโรติคก็ไม่เกี่ยวกับผม

ขณะผมสะกดรอยตามหัวหน้าก็รู้สึกผิดสังเกต พวกเราเคยผ่านตรงนี้มาแล้ว เขาหลงทางเหรอ? ไม่ ถึงแม้ตรอกซอยจะซับซ้อน เขาไม่มีทางหลงทางแน่ถ้าไม่ใช่พวกหลงทิศขั้นเลวร้าย

จะว่าไป ที่แปลกอีกอย่างคือ ทำไมหัวหน้าเพลแกรนท์ถึงมาเดินในตรอกซึ่งเป็นที่ๆพวกอันธพาลชอบมาเตร็ดเตร่ล่ะ?

นอกจากนั้นแล้ว ผมสงสัยว่าเขารู้สึกว่ามีคนอื่นอยู่ในตรอกที่ไร้ผู้คนนี้ด้วยหรือเปล่า? ขณะที่ผมสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา จู่ๆหัวหน้าก็โยนซองเอกสารที่เขาถือข้ามกำแพง

แต่ที่ตลกคือผมไม่ได้ยินเสียงซองเอกสารหล่น แปลว่าคนที่อยู่อีกฝั่งรับมันไว้ หัวหน้าไม่ชะงักและเดินต่อไป โดยไม่มีเสียงจากอีกด้านของกำแพง

นี่มัน แทนที่จะเป็นเรื่องสนุก มันจะกลายเป็นปัญหามากกว่าถ้าผมได้รู้ ผมรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา หลังจากลังเลระหว่างความอยากรู้อยากเห็นกับความไม่อยากยุ่งด้วย ผมก็ตัดสินใจเลี้ยวกลับ เวลาแบบนี้สมควรกลับบ้าน ล้างเท้า และเข้านอน

ผมควรระงับแผนหาเรื่องเขาระหว่างทางกลับบ้านสักพัก แล้วจะทำอะไรแทน? ผมต้องคิดอีกที

***

วันนี้ผมยังคงมาถึงที่ทำการเขตแต่เช้า ตั้งใจทำงานและฟังเสียงบ่นของหัวหน้า ขณะผมจัดการกับเอกสารก็สงสัยว่าทำไมผมยังทำแบบนี้ เพราะถึงทำงานก็โดนดุผมเลยคิดว่าจะไม่ทำงานและเอาแค่โดนดุพอ

แต่ถ้าผมไม่ทำงาน มันจะไม่จบแค่โดนดุแต่จะมีผลกับผลประเมินการฝึกด้วย ดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากร้องไห้และทำงานให้ดีที่สุด

ตัดสินจากคำพูดและท่าทางของเพลแกรนท์ เขาไม่น่าจะให้คะแนนผมสูง เวลาเขามองผม ดวงตาของเขาเหมือนจะประกาศเจตนารมย์ของเจ้าของว่าจะให้ผมตก

บอกให้รู้ไว้ ถ้าผู้รับการฝึกตกแม้แต่ครั้งเดียวในช่วงฝึกงาน เขาต้องเริ่มฝึกใหม่ตั้งแต่ต้น หลังจากฝึกงานได้สามวัน ผมรู้สึกแต่ว่าหัวหน้ามีนิสัยแย่ ผมเชื่อว่าที่เขาเอางานประหลาดๆพวกนี้ให้ผมเพราะเขาเป็นคนนิสัยเสีย

ขณะผมยิ้มพลางด่าในใจ พนักงานที่นั่งข้างผมกระแอมแล้วชำเลืองมาทางผม มันเป็นสัญญาณสั่งให้ผมไปชงชามาให้ ทำเองไม่เป็นเหรอ? แต่ดูเหมือนเขายังรู้ว่าอะไรควรไม่ควร จึงไม่สั่งผมตรงๆ ยังไงก็ตาม เด็กฝึกงานเหมาะกับการใช้สอยที่สุด

ผมยืนขึ้นด้วยรอยยิ้มสุภาพ พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงของหัวหน้าเพลแกรนท์ “เจ้าจะไปไหนแทนที่จะทำงาน?”

ถึงตอนนี้ การบ่นเหมือนการตอบสนองของไขสันหลังไปแล้ว ผมเลี่ยงคำตอบด้วยการหัวเราะและตรงไปที่ห้องเก็บอาหาร ปิดประตูและหยิบถ้วยชาเท่ากับจำนวนคนในแผนกออกมา

“ขาก! ถุย!” ผมถุยน้ำลายใส่ถ้วยใบหนึ่ง ร่างกายผมแข็งแรงจนน้ำลายไม่เหนียวเลย เวลาแบบนี้ผมรู้สึกเสียดายที่เกิดเป็นคนเผ่ากา

ขณะกำลังรินชาใส่ถ้วยก็คิดอะไรได้ “ฮ้า อัจฉริยะจริงๆเรา!”

ถ้าน้ำลายไม่ดี ใช้ที่คล้ายๆกันก็ได้ ผมเปิดกระเป๋ามิติและหยิบรากเฮอกามอร์ฟินออกมา มันเป็นสมุนไพรสำหรับสร้างเวทมนตร์ รากของมันหวานและมีพิษอ่อนๆ ทำให้ท้องเสีย ที่หมู่บ้าน พี่สาวของผมมักใช้มันเป็นยาแก้ท้องผูก

ผมคั้นน้ำจากรากเฮอกามอร์ฟินลงในถ้วยใบหนึ่งและเทชาลงไป อาการปวดท้องจะไม่เกิดขึ้นทันทีจึงไม่มีปัญหา ผมใส่เท่ากับที่พี่สาวคนรองเคยกิน แค่พอให้เกิดผลที่ต้องการแต่ไม่ถึงตาย

ผมตัดสินใจเอาถ้วยที่มีน้ำลายผสมให้คนที่สั่งให้ผมชงชา ส่วนชาถ้วยพิเศษให้หัวหน้าเพลแกรนท์ ผมหยิบถาดใส่ถ้วยน้ำชาและขนม แล้วออกจากห้องเก็บอาหาร

“พักกันหน่อยไหมครับทุกคน” ผมแจกชาพร้อมหัวเราะอย่างจริงใจเป็นครั้งแรก

“ขอบใจ”

“ขอบใจนะ”

ผมแจกชาให้ทีละคน เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่สั่งให้ผมชงชาได้ถ้วยที่มีน้ำลาย

“เชิญครับ”

“ฮ่าๆ ขอบใจ” ไอ้เวรหัวเราะและดื่มชา เออ ดื่มให้อร่อย

ผมวางถ้วยน้ำชาของผมไว้ที่โต๊ะตัวเองและตรงไปหาหัวหน้าเพลแกรนท์ “เชิญดื่มชาครับหัวหน้า”

หัวหน้าไม่แม้แต่จะตอบขณะหยิบถ้วยทั้งๆยังอ่านเอกสารบนโต๊ะ ดื่มสิ! ด้วยความรู้สึกตึงเครียดนิดๆ ผมมองถ้วยชาเข้าใกล้ปากหัวหน้าช้าๆ รีบๆดื่มสิ! เวลาที่ถ้วยชาไปยังปากของหัวหน้าเหมือนมันช้าลงยังไงไม่รู้

ทันทีที่ได้ยินเสียงหัวหน้าเพลแกรนท์ซดน้ำชา ผมรู้สึกพอใจแบบแปลกๆ

“ฮึ่ม หวาน” หัวหน้าพูด

ผมยิ้มและพูดกับหัวหน้าที่มีสีหน้าไม่พอใจ “คราวหน้าข้าจะทำให้หวานน้อยลงครับ”

ขณะผมหันกลับ หัวหน้าก็ทำเสียงประหลาดและคายบางอย่างออกมา 

เลือดสีข้นกระเซ็นเลอะโต๊ะของเขา ทันทีต่อจากนั้นเขาก็ทำถ้วยชาหลุดมือและมันหล่นลงพื้น

เกิดอะไรขึ้น? ครู่หนึ่ง ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและแค่มองนิ่งๆ

แคล้ง!

ตอนที่ถ้วยหล่นลงพื้นและแตก ผมก็ได้สติและเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด เวรแล้ว!

“นักบวช! เรียกนักบวชมาที!” ผมตะโกนขณะให้หัวหน้านอนลงกับพื้น

“อ๊า!”

“อะไร?!?”

ทุกคนสับสนและตะโกน แต่แฟลมวิ่งออกไปทันทีที่เห็นเลือด โยนเอกสารที่เขาถืออยู่ทิ้ง

“ข้าไปเอง!”

แฟลม ไว้เลี้ยงข้าวนายทีหลัง ดูเหมือนแฟลมจะเป็นคนเดียวที่มีสติดี

ผมเสกน้ำขึ้นมา ที่จริงมันควรจะเป็นน้ำเกลือแต่ตอนนี้มันไม่มี ผมส่งน้ำเข้าปากเพลแกรนท์ ยังไงก็ต้องหาทางล้างท้องให้ได้

“แหวะ!”

ขณะผมทำให้เขาอาเจียนทุกอย่างออกมาก็พยายามหาสาเหตุไปด้วย มันเกิดอะไรขึ้น? เฮอกามอร์ฟินไม่ได้ทำให้อาเจียนเป็นเลือด

ผมทวนความรู้ที่ถูกบังคับสอนจากผู้เฒ่าเมอร์ปา เพราะไม่มีนักเรียนคนไหนนอกจากผม ไม่มีสมุนไพรหรืออาหารอย่างใดที่ถ้ากินร่วมกับเฮอกามอร์ฟินแล้วจะทำให้อาเจียนเป็นเลือด 

ถ้ายาออกฤทธิเร็วเกินไปและเขาท้องร่วงทันที ผมคงคิดว่าใส่ยามากเกินไป แต่เท่าที่ผมรู้ มันไม่ทำให้อาเจียนเป็นเลือด

“ฟื้นฟู! คืนสภาพ!” ผมพยายามทำให้สภาพร่างกายของหัวหน้าอยู่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากล้างท้องเสร็จแล้ว

บ้าจริง ผมอยากให้มีเวทมนตร์ที่แก้พิษได้ทุกอย่างเหมือนในนิยาย โชคร้าย เท่าที่ผมรู้มันไม่มี ถึงแม้พลังศักดิ์สิทธิ์จะให้ผลเหมือนกันได้ นอกจากจะเป็นผู้ใช้พลังระดับเซนต์แล้วมันจะแก้พิษได้ไม่หมด ที่จริงแล้ว ผมไม่ได้เรียกนักบวชมาแก้พิษแต่เพราะต้องการพลังพิเศษของพลังศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอะไรดีกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์แล้วในเรื่องประคองชีวิต

เหตุเกิดในงานเต้นรำทำให้ผมเกิดความสงสัยมาก จึงหาข้อมูลหลายอย่าง ทำให้ตัดสินใจอย่างนี้ แทนที่จะให้ผมส่งพลังชีวิตเล็กน้อยไปให้ เรียกนักบวชมาส่งพลังศักดิ์สิทธิ์ให้เขาจะเพิ่มโอกาสรอดมากกว่า แน่นอน ถ้านักบวชที่มาไม่เก่งก็อีกเรื่อง

ผมใช้เวทรักษาไปเรื่อยๆและใช้มือคุ้ยอาเจียนของหัวหน้า ดูจากเสียงตอนอาเจียนเลือดที่ไม่มีไอแสดงว่าเลือดมาจากท้อง ไม่ใช่ปอด แต่ผมไม่ได้ล้างท้องเขาเพราะรู้เรื่องนั้น แต่เพราะคิดว่ามีอะไรผิดปกติในของที่ผมให้เขากิน

ขณะล้างท้อง เลือดที่ออกมาก็ค่อยๆน้อยลง ถึงอย่างนั้น สำหรับผมที่ไม่รู้เรื่องการแพทย์คงรักษาอะไรไม่ได้ แต่ผมมีข้อมูลทันสมัยในเรื่องสมุนไพร จึงตัดสินใจหาปัญหาจากสิ่งที่เขาอาเจียนออกมา 

ผมเจอใบหญ้าเปื่อยยุ่ยใบหนึ่งและเอามันมาจ่อจมูกดม กลิ่นเหม็นของอาเจียนและกรดปนกัน และสีเลือดคล้ำทำให้บอกยากว่าเป็นสีอะไร แต่ผมสรุปได้ว่ามันเป็นพืชมีพิษชื่อฮอร์น คราวนี้ ผมทึ่งกับประสาทดมกลิ่นเหนือมนุษย์ของผม

ผมตัดสินใจให้การแก้พิษเป็นเรื่องของโชค เมื่อดูแล้วว่าไม่มีใครมองอยู่ ผมแอบเอาเฮอกามอร์ฟินและสมุนไพรอื่นออกมาจากกระเป๋ามิติและเคี้ยว พวกมันใช้เป็นตัวแก้พิษฮอร์น

ภาวนาให้ข้อสรุปของผมถูก ผมวางสมุนไพรที่ถูกเคี้ยวในปากหัวหน้าและใช้เวทมนตร์ดันมันเข้าไปในท้อง จากนั้นผมก็เห็นแฟลมวิ่งเข้ามาโดยมีนักบวชชราคนหนึ่งอยู่บนหลัง

งานผมจบแล้ว ผมคงต้องเข้าออกห้องน้ำเพราะน้ำเฮอกามอร์ฟินติดในปาก แต่มันเลี่ยงไม่ได้ ถ้ามีอะไรผิดพลาดไป ชีวิตข้าราชการของผมก็เป็นอันจบ

***

หัวหน้าเพลแกรนท์ถูกส่งไปโรงพยาบาล เขายังไม่ได้สติแต่พ้นขีดอันตราย ผมได้ยินข่าวนี้ตอนอยู่ในห้องสอบสวนอันเหน็บหนาว

อัศวินตรงหน้ามองผมด้วยสายตาเย็นชาและถาม “เจ้าวางยาพิษเขาใช่ไหม?”

ไม่ใช่ ผมวางยาพิษเขาจริง แต่มันเป็นยาพิษทำให้ท้องเสียแค่วันเดียว มันเข้าใจได้ที่พวกเขาสงสัยผมเพราะหัวหน้าอาเจียนเป็นเลือดทันทีที่ดื่มชาที่ผมชง แต่มันยังรู้สึกไม่ยุติธรรมอยู่ดี ยิ่งกว่านั้น ยาพิษที่ผมให้เขากินยังแก้พิษฮอร์นด้วย

“ข้าไม่ได้ทำ” ผมพูด

“ว่าแต่ ไอ้นั่นมันอะไรนะ มอร์ฟิน?”

“เฮอกามอร์ฟิน มอร์ฟินนั่นเป็นยาสกัดจากฝิ่น”

อัศวินพูดเรื่องอันตรายแล้วนะ คิดยังไงถึงจะให้ผมเป็นคนขายยา? พูดอย่างนั้นแต่ในกระเป๋ามิติผมมีฝิ่นอยู่ และเพราะมันทำในโอลิมปัสจึงมีพิษสูงและคุณภาพดี

“ใช่ นั่น เจ้ามีใช่ไหมล่ะ พิษนั่น ชื่ออะไรนะ...”

“ฮอร์น?”

อัศวินตบมือ “ใช่! เจ้ามีฮอร์นด้วยใช่ไหม?”

“ไม่มี”

“หมายความว่ายังไงที่ว่า‘ไม่มี’ เจ้ารู้กระทั่งชื่อพิษแต่บอกว่าไม่ได้ทำเหรอ?” อัศวินกดดัน

“ข้ารู้ชื่อพิษเพราะเห็นมันในอาเจียนที่ เฮอกามอร์ฟินเป็นยาแก้พิษฮอร์น ข้าเลยให้เขากิน” ผมพูด

“อาฮะ!”

ผมเกือบถอนหายใจใส่สีหน้าก้าวร้าวของอัศวิน ขณะคิดว่าจะอัดเขาสักเปรี้ยงดีไหมประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกและชายคนหนึ่งเข้ามา

“สวัสดีครับ!” อัศวินที่สอบสวนผมลุกขึ้นและคำนับ

ชายคนที่ถูกคำนับถลึงตาใส่อัศวินและพูด “ข้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่ายัดเยียดความผิดใส่เขา?”

ห้องสอบสวนคงไม่เก็บเสียงเลยสินะ

อัศวินที่สอบสวนผมตกใจจนพูดไม่ออก คนที่เพิ่งเข้ามาคงเป็นอัศวินระดับสูง

อัศวินระดับสูงเดาะลิ้นและสั่ง “ออกไป”

“ครับ?”

“ข้าบอกให้ออกไป”

อัศวินรีบทิ้งการสอบสวนและออกไปด้วยสีหน้าหวาดกลัวชายที่พูดเสียงต่ำ ผมเสียดายที่อายุของอัศวินคนนั้นถูกยืดออกไป แต่ก็โล่งอกว่าคนที่เข้ามาอาจจะคุยกันเข้าใจได้


สารบัญ                                         บทที่ 83

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น