บทที่ 81
“อรุณสวัสดิ์ครับ!” ผมคำนับและทักทายหัวหน้าอย่างแข็งขัน เขามาทำงานตั้งแต่เช้าก่อนคนอื่นเสมอ
ตอนนี้เป็นเวลา 7:20 นาฬิกา หมายความว่าผมมาก่อนเวลาที่หัวหน้าบ้านี่บอกให้มา 15 นาที จะว่าไป เวลาทำงานปกติเริ่มตอน 8:30 แต่หัวหน้ามาถึงที่นี่ก่อนหนึ่งชั่วโมง
หัวหน้าเพลแกรนท์มีสีหน้าตะลึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นไม่สนใจขณะเดินผ่านผมไปยังโต๊ะของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นพูดตรงๆ “มาเร็วขนาดนี้คงไม่มีอะไรทำสินะ”
ฮ่าๆ ถ้าผมเอาหินทุบหัวเขาจะยังพูดอย่างนั้นได้ไหม
ในใจผมคิดอย่างนั้น แต่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง “เมื่อวานข้ามาสาย จึงสำนึกผิดและมาเช้าขึ้นครับ”
ใครเคยพูดนะว่าเราถ่มน้ำลายใส่คนกำลังยิ้มไม่ได้? หัวหน้ามองผมอย่างไม่พอใจและเดาะลิ้น “ชิ วุ่นวายไม่เข้าเรื่อง”
กร๊อบ!
“หือ?”
โอ๊ะ! ผมเผลอกำหมัดแน่นไปหน่อย หัวหน้าได้ยินและมองผม ผมยิ้มและยืดตัว
“ฮ่าๆ คิดว่ากล้ามเนื้อคงจะฝืดเพราะเป็นตอนเช้าน่ะครับ”
ผมฝืนใจไม่เสริมว่า “ช่วยข้ายืดกล้ามเนื้อด้วยการเป็นกระสอบทรายให้หน่อยได้ไหมครับ?”
“ของแบบนั้นให้ทำก่อนเข้างาน ที่นี่เป็นที่ทำงาน ไม่ใช่ที่ออกกำลังกาย”
พูดแล้ว หัวหน้าเพลแกรนท์ก็ส่งเอกสารปึกหนึ่งให้ผมจากลิ้นชักของเขา
“นี่เป็นบันทึกของผู้อาศัยในเขตของเรา เรียงมันตามอายุแล้วเอามาให้ข้า”
ปึกเอกสารหนาเกือบหนึ่งเมตร เอามาจากไหน? แต่ที่ถามมากกว่าคือ ทำไมต้องเรียงตามอายุด้วย?
“ครับ เข้าใจแล้วครับ!”
ผมตอบอย่างกล้าหาญ ปัดความสงสัยไปทางอื่น นี่ไม่ใช่งานไร้ประโยชน์ที่ให้ผมทำไปอย่างนั้นเอง ใช่ไหม?
ผมนั่งลงแล้วเริ่มเรียงเอกสาร
***
หลังเวลาอาหารกลางวัน ราวบ่ายสอง ผมเรียงเอกสารเสร็จในที่สุดและเอาไปวางตรงโต๊ะของหัวหน้า
“เสร็จแล้วครับ” ผมพูด
หัวหน้าเพลแกรนท์พูดโดยไม่มองผม “เหรอ? งั้นเรียงใหม่จากอายุอ่อนที่สุดไปแก่สุด”
ฮ่าๆๆๆ! ว่าแล้ว!
ผมคว้ากองเอกสารและเริ่มเรียงมันตรงนั้น คนอายุ 11-19 อยู่หน้า 63,40, และ 57 จากบนกอง คนอายุช่วง 20 อยู่หน้า 155,68,และ 120 จากบนกอง ผมเรียงไว้แล้วก่อนจะเอามาส่ง
หัวหน้ามองเหมือนผมเป็นคนบ้า แต่ช่างสิ
หลังจากเรียงเสร็จ ผมยิ้ม “เสร็จแล้วครับ”
เป็นไงล่ะ เจ้าหัวหน้าบ้า? ผมเรียงเอกสารอย่างลำบาก แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกสะใจ แต่แล้วความรู้สึกพึงพอใจก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อหัวหน้าเพลแกรนท์เอื้อมมือไปที่ลิ้นชักและดึงเอกสารอีกปึกหนึ่งออกมา เอกสารปึกใหม่ยังหนาเท่าเดิม
“นี่เป็นรายชื่อผู้เสียชีวิตในปีนี้ เอาคนที่มีทะเบียนบ้านอยู่นอกเขตออก”
ไม่เหมือนเอกสารก่อนหน้าที่หนึ่งใบมีข้อมูลของคนเดียว รายชื่อผู้เสียชีวิตมีหลายชื่อต่อหนึ่งหน้า
“ครับ!”
แค่ตอนนี้ ผมตอบอย่างร่าเริง – ไอ้บ้าเอ๊ย!
***
“ไปดื่มกันไหม?” ผมถามแฟลมระหว่างกลับบ้าน
ตลอดเวลาทำงาน หัวหน้าส่งเอกสารหลายประเภทให้ผมและสั่งให้เรียงในหลายๆแบบ
ฮ่าๆๆ ฆ่าดีไหม? ไม่ ยังก่อน ทนต่ออีกหน่อยเถอะ
แฟลมส่ายหน้า “ไม่ เพื่อสุขภาพของเจ้า วันนี้ผ่านดีกว่า ข้าตกใจจริงๆนะตอนเห็นเจ้าดื่มเบียร์ผสมกับน้ำอื่น”
“ทำไม? พวกเหล้ามันต้องผสมเพื่อให้แอลกอฮอล์มันเจือจางลงไม่ใช่เหรอ?” ผมถาม
“ใครเขาผสมเหล้ากับเหล้ากัน!”
จะบอกว่าเหล้าไม่ควรเอามาผสมกันเหรอ? ก็นะ ผมคิดว่าคงเพราะเบียร์เมื่อวานมีรสแรง ทำให้กลบรสชาติของเหล้าอื่น เบียร์เกาหลีในชาติก่อนของผมไม่อร่อยเพราะรสอ่อน แต่ถ้าเอาไปผสมกับโซจูแล้วจะอร่อย
“ยังไงก็เถอะ ข้าไม่ไป”
ผมเลียปากเมื่อแฟลมตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “แย่จัง”
“กลับหอของเจ้าเถอะถ้าเป็นไปได้”
“อืม ก็คงต้องอย่างนั้น”
น่าเสียดายแต่ผมไม่มีทางอื่น ไม่ใช่เพราะถ้าผมเมาแล้วจะกลับบ้านเองไม่ได้ แต่ผมคิดว่าทุกคนจะเป็นห่วงถ้าไม่มีใครอยู่ช่วยผม ด้วยเหตุนี้ผมจึงตัดสินใจเอาไว้ดื่มคราวหน้า
ผมไม่ดื่มเหล้ามานาน จึงดูเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้
หลังจากแยกกับแฟลม ผมก็เตรียมกลับหอแต่เผอิญเห็นหัวหน้าเพลแกรนท์หายไปในตรอกอย่างรวดเร็ว เหมือนเขากำลังหนีจากผู้ไล่ตาม
หืม ผมมีลางสังหรณ์ว่ากำลังเกิดเรื่องน่าสนใจ
ผมยิ้มแบบทำให้คนอื่นคิดถึงปีศาจและตัดสินใจเร้นตัวและตามเขาไป
***
เพลแกรนท์เก็บกระเป๋าและลุกจากโต๊ะก่อนเวลาปกติ
“สวัสดีนะครับ หัวหน้า!” พร้อมกันนั้น เด็กฝึกงานที่นั่งหน้าเขาก็ลุกและเอ่ยลา
สมาชิกในแผนกหันความสนใจจากเด็กฝึกงานมามองเขาอย่างคาดหวัง แต่เพลแกรนท์ไม่ทำตามความคาดหวังของพวกเขา
“ทำงานให้เสร็จก่อนกลับ สิ้นปีแบบนี้พวกเจ้าทิ้งงานค้างไว้ไม่ได้แล้วนะ รู้ไหม?”
คนในแผนกได้แต่มองเพลแกรนท์ด้วยสายตาหม่นหมองขณะเขาออกจากห้อง พูดว่าจะกลับมาตรวจงานพรุ่งนี้เช้า ที่จริงเพลแกรนท์พูดไม่ผิด การปล่อยงานให้คั่งค้างยังพอเป็นไปได้ถ้ายังมีเวลาเหลือ แต่ในช่วงสอบบัญชีสิ้นปีแบบนี้เป็นเรื่องยาก
ส่วนเขาไม่มีใครหยุดให้เลิกงานก่อนเวลาได้ เพราะเขามาก่อนคนอื่นและทำงานของตัวเองจนเสร็จ อย่างไรก็ตาม ถ้าคนในแผนกทำงานเสร็จก็กลับบ้านตรงเวลาได้
เมื่อออกจากที่ทำการเขต เพลแกรนท์เดินเรื่อยเปื่อยในตลาดแล้วลอบเข้าไปในตรอก เขาเดินอย่างรวดเร็วไปทางฝั่งตะวันออกของเมืองหลวงและเข้าไปในร้านเหล้าไม่โดดเด่นแห่งหนึ่งที่อยู่มุมตรอก
เหมือนร้านเหล้าก้นซอยทั่วไป ขวดเหล้ากลิ้งบนพื้น และคนท่าทางเหมือนนักเลงกำลังดื่มเหล้ากันอยู่ แต่ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีเศษฝุ่นแม้แต่ในมุมร้าน เหล่านี้เป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่ทำให้เพลแกรนท์แน่ใจ
เพลแกรนท์เข้าไปในร้านและไปหาบาร์เทนเดอร์ เขาหยิบเหรียญทองแดงออกมาห้าเหรียญและพูด “ขอเหล้าที่ถูกที่สุด”
เงินเดือนของเพลแกรนท์ไม่ต่ำขนาดต้องดื่มเหล้าถูกที่สุดของร้านแบบนี้
บาร์เทนเดอร์มองเพลแกรนท์ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ขอเหล้าถูกที่สุดทั้งๆที่ใส่สูทหรูแบบนี้นะ”
บาร์เทนเดอร์พูดเหมือนเยาะเย้ย เพลแกรนท์รู้สึกอายเล็กน้อย แต่เขาไอแห้งๆแล้วตอบ “มันไม่เกี่ยวกับเจ้าไม่ใช่เหรอ?”
บาร์เทนเดอร์ทำเสียงหึ “งั้นจะเอาอะไร?”
เขาพูดอย่างไม่มีความเคารพ แต่เพลแกรนท์ไม่สนใจ “ตะวันพักผ่อน...”
“ฮะ ห้าเหรียญทองแดงสำหรับเหล้าแพงแบบนั้นเหรอ? เฮ้ย เด็กๆ!”
พวกอันธพาลที่กำลังจิบเหล้าลุกขึ้นและเดินมาหาเพลแกรนท์
“พี่ชาย อย่ามาก่อเรื่องที่นี่สิ”
ชายร่างโตที่ล้อมเพลแกรนท์คว้าแขนของเขาและลากไปประตูหลังของร้าน
“เจ้าจะพาข้าไปไหน?!”
เพลแกรนท์ร้อง แต่พวกอันธพาลไม่สนใจและลากต่อ พอเปิดประตูหลัง แทนที่มันจะพาไปข้างนอก กลับเป็นบันไดนำไปใต้ดิน
เมื่อขึ้นบันไดและปิดประตู พวกเขาก็ปล่อยแขนเพลแกรนท์ เพลแกรนท์รีดชุดสูทให้หายยับและลงบันไดโดยไม่พูดอะไร สุดบันไดมีประตูบานหนึ่ง เพลแกรนท์เคาะประตู และประตูเลื่อนเปิดออก
เพลแกรนท์รู้สึกขัดๆที่ประตูที่มีด้ามหมุนกลับเป็นประตูเลื่อน แต่เขาเดินเข้าไปอยู่ดี
เข้าประตูไปเป็นห้องค่อนข้างใหญ่ตกแต่งหรูหรา กลางห้องเป็นโต๊ะและโซฟา ที่นั่งบนโซฟาเป็นผู้หญิงคลุมหน้าคนหนึ่ง
“ยินดีต้อนรับ ข้าควรเรียกเจ้าว่า หัวหน้า เพลแกรนท์ วอน โบโลญนีโอไหม?” เสียงผู้หญิงฟังขี้เล่น
เพลแกรนท์นั่งตรงข้ามเธอ “เรียกตามที่สะดวกเถอะ แต่เปลี่ยนรหัสผ่านไม่ได้เหรอ?”
เขาเข้าใจว่าต้องมีรหัสผ่าน แต่ที่เขาถูกลากมันไม่ค่อยน่าดู
หญิงคลุมหน้าทำเป็นประหลาดใจ “โอ เจ้าคงไม่ชอบละครของแหล่งข่าวแม่ใหญ่ของเรา สายสืบโบโลญนีโอ ไวท์”
เพลแกรนท์ขมวดคิ้ว เขาบอกให้เรียกชื่อเขาอย่างไรก็ได้ แต่การเรียกเขาว่า ‘สายสืบไวท์’... เธอรู้เรื่องของเขาแค่ไหน?
เมื่อเพลแกรนท์คิดสงสัย หญิงคลุมหน้าก็ท่องขึ้นมาเหมือนอ่านใจเขา
“เพลแกรนท์ วอน โบโลญนีโอ บุตรคนที่สามของเคานท์โบโลญนีโอ เครือญาติของดยุคอาร์ทีมิส และน้องชายของเคานท์โบโลญนีโอคนปัจจุบัน ปัจจุบันทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายในที่ทำการเขต เขาเคยทำงานในกองคลังแต่ถูกส่งมาเป็นหัวหน้าฝ่ายจึงเกิดข่าวลือว่าถูกลดขั้น แต่แม้จะมีข่าวลืออย่างนั้น จากความสำคัญของเขาในปฏิบัติการ ‘กับดักแมงมุม’ เมื่อสี่ปี เก้าเดือน สิบสามวันก่อน-”
“หยุด!” เพลแกรนท์ตะโกนด้วยความโมโห
เพลแกรนท์หายใจหอบ หน้าแดง หญิงคลุมหน้าก้มหัวขอโทษ “ขออภัย ข้าเผลอทำตัวหยาบคายไปเพราะรู้สึกว่าเจ้าสงสัยพวกเรา”
พูดจบ เธอหยิบกาน้ำชาและเทใส่ถ้วยชา ส่งให้เพลแกรนท์
“ชานี้ทำจากสมุนไพรช่วยทำให้จิตใจและร่างกายสงบลง ขอบคุณสำหรับการมาเยี่ยมร้านขายข่าวแม่ใหญ่เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการขอโทษ เราจะไม่คิดค่าบริการสำหรับข้อมูลที่เจ้าต้องการหนึ่งครั้ง”
เพลแกรนท์มองหน้าเธอ เขาไม่เห็นหน้าเพราะมีผ้าคลุมบัง แต่สายตาที่รู้สึกผ่านผ้าคลุมเย็นชา
เพลแกรนท์รู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบ ดูว่าข้อมูลที่พวกเขาได้มาถูกต้องไหม
เพลแกรนท์รู้สึกไม่พอใจแต่ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม เขาตัดสินอย่างใจเย็นว่าถึงเวลาลาออกจากงานนี้แล้วเพราะจุดอ่อนร้ายแรงของเขาถูกคนอื่นเจอ
“เจ้าบอกว่าจะให้ข้อมูลฟรีหนึ่งครั้ง?”
หญิงคลุมหน้าพยักหน้า “แน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นส่งข้อมูลทั้งหมดที่เจ้ามีเกี่ยวกับ ‘พิจิก’”
หญิงคลุมหน้าแสร้งทำเป็นตกใจด้วยการยกมือปิดปาก “ดูเหมือนข้าต้องจ่ายค่าชดใช้ราคาแพงจากการทำตัวหยาบคายชั่วครู่”
แม้พูดอย่างนั้น แต่อารมณ์ของเธอไม่เปลี่ยนแปลง เพลแกรนท์ทึ่งในใจที่เธอทำเหมือนทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย เขายังสังเกตว่าเธอจงใจส่งข้อมูลให้ ไม่อย่างนั้น คงไม่จงใจพูดว่าจะให้ข้อมูลฟรีๆ
ราวกับเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเธอกวักมือ ชายคนหนึ่งก็เปิดประตูและนำซองเอกสารเข้ามา
“เอาไปสิ”
เพลแกรนท์รับซองเอกสารและถาม “เจ้าเป็นใคร?”
หญิงคลุมหน้ายิ้ม “เรียกข้าว่าผู้จัดการสำนักงานใหญ่เถอะ”
เสียงของเธอฟังอายุน้อยมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น