บทที่ 79
จะว่าไปก็ใกล้ถึงวันเกิดพี่สาวของผมแล้ว ผมส่งพรเทวีไปให้ หวังว่าจะได้รับดีแล้ว
ตอนแรกผมตั้งใจจะเอามันไปทำเป็นสร้อยคอหรือเครื่องประดับอย่างอื่น แต่พลอยนั่นโด่งดังเกินไปจนผมไม่กล้าให้ช่างทำเครื่องประดับเห็น หรือถ้าผมทำเองก็กลัวจะทำเสียของ จึงส่งไปทั้งอย่างนั้น ไม่เหมือนผม ช่างของหมู่บ้านใช้มือเก่ง ผมเชื่อว่าเขาจะสามารถเอามันไปทำเป็นอะไรสักอย่างได้
“โอ้ ข้างในอุ่นนะ”
แฟลมสัมผัสลมอุ่นและสีหน้าผ่อนคลายลง
“ข้างในสะอาดกว่าที่คิด”
มันสะอาดกว่าที่ทำการอำเภอที่ผมเคยไปรายงานตัว
“ข้าอยู่แผนกสาม แฟลม เจ้าล่ะ?”
“ข้าอยู่แผนกสี่”
ที่ทำการเขตมีทั้งหมด 5 แผนก แต่ละแผนกรับเด็กฝึกงานหนึ่งคน ถ้าเป็นการฝึกต่างๆที่จะจัดขึ้นภายหลังก็จะเป็นการฝึกร่วมกับอีกหลายคนเหมือนเป็นชั้นเรียน แต่ในจักรวรรดิมีที่ทำการหลายที่จึงฝึกเป็นรายคนได้ แฟลมกับผมมีผลการฝึกอยู่ระดับบนจึงถูกส่งไปที่ทำการเขต คนที่ผลการฝึกต่ำลงไปก็ถูกส่งไปที่ทำการอำเภอ
เพื่อเป็นข้อมูล ผมเคยไปที่ทำการอำเภอครั้งหนึ่งเพื่อรายงานการส่งตัว แต่สภาพที่นั่นไม่ดีนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่ทำการเขต แต่ดูจากที่นี่มีเครื่องทำความร้อน ความแตกต่างระหว่างสภาพแวดล้อมในที่ทำงานระหว่างทั้งสองที่ก็ชัดเจนมาก อาคารสะอาดเรียบร้อยขนาดทำให้อยากยกผลการฝึกตัวเองขึ้นเล็กน้อยเพื่อมาทำงานในที่ทำการเขต
แฟลมกับผมขึ้นไปชั้นสองเพื่อไปยังแผนกที่เราถูกส่งมาฝึกงาน ทันทีที่มาถึงชั้นสองเราก็เห็นป้ายแขวนเขียนว่า “ได้รับเลือกจากราชวงศ์ให้เป็นที่ทำการเขตยอดเยี่ยม” และตัวอักษรที่เล็กลงมาด้านล่าง “ขอบคุณเป็นอย่างสูงสำหรับความพยายามของทุกคน”
ผมแทบหัวเราะลั่นเมื่อเห็นป้ายที่เหมาะกับการเอาไปแขวนในสถาบันแห่งชาติสักที่ ดูเหมือนทุกโลกมีของแบบนี้
ดูเหมือนในระดับที่ทำการเขต ราชวงศ์จะเป็นฝ่ายดูแล
“ข้าไปทางนั้นนะ” แฟลมชี้ไปที่ประตูที่เขียนว่าแผนกที่สี่
ผมดูด้วย
“ข้าทางนั้น”
ประตูข้างแผนกที่สี่คือแผนกที่สาม
“งั้นไว้เจอกัน เสร็จแล้วไปดื่มกันไหม?”
แฟลมทำท่าดื่มหน้าประตูและผมพยักหน้า
“เข้าท่า”
ในหอพักมันเสียงดังเกินกว่าจะดื่มคนเดียว แต่ถ้าจะดื่มกับคนอื่น... นอกจากผมแล้วก็มีแต่คุณนายอาซิลลาที่ดื่มเหล้าได้ แต่เธอชอบไวน์ซึ่งชั้นสูงเกินไปไม่ค่อยเหมาะกับผม และสำหรับผมที่ชอบดื่มเบียร์แก้วใหญ่ทำจากธัญพืชประเภทอื่นๆแล้วจะเอามันไปแนะนำให้เธอดื่มก็คงไม่ดี
ผมเข้าประตูที่เขียนว่าแผนกที่สาม
“หือ?”
ผมเห็นที่เปิดโล่ง ไม่ใช่ห้องเล็กๆ มีโต๊ะตั้งเป็นกลุ่มใต้ป้ายไม้แขวนลงมาจากเพดานเขียนว่า ‘แผนกที่สี่’ ข้างๆมีป้ายไม้เขียนว่า ‘แผนกที่สาม’
และเมื่อผมหันไปมองข้างๆ ก็สบตากับแฟลม ถ้าเป็นแบบนี้แล้วทำไมต้องทำประตูสองบาน?
แฟลมกับผมยิ้มเก้อๆและตรงไปที่โต๊ะที่มีป้ายชื่อ ‘หัวหน้าแผนก’
ที่โต๊ะ ชายอายุราว 40 ผอม ใส่แว่น กำลังนั่งอ่านเอกสาร ผมสีน้ำตาลเข้มที่แสกเป็น 2:8 และรอยย่นกลางหน้าผากทำให้ดูเป็นคนเข้มงวด
หัวหน้าแผนกที่สาม เพลแกรนท์ วอน โบโลญนีโอ เมื่ออ่านป้ายชื่อแล้วผมก็คำนับ
“สวัสดีครับ! ผมเป็นผู้รับการฝึกที่ได้มาฝึกงานที่นี่ เดน วอน มาร์ค ครับ! หนึ่งสัปดาห์นี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ!”
ดี คำนับ 60 องศา กับเสียงเข้มแข็งที่ไม่ดังหรือเบาเกินไปและฟังสุภาพ มือทั้งสองข้างอยู่เหนือสะดือ คะแนนเต็มสำหรับการทักทายครั้งแรก
เหลือบมองไป แฟลมกำลังทักทายเหมือนทักพี่น้อง ด้วยแขนที่กางออกเล็กน้อยกับเสียงดัง
แย่ล่ะ! ผมเป็นห่วงแฟลมเล็กน้อย แต่หัวหน้ายิ้มอย่างใจดี ผมคำนับ แต่หัวหน้าที่รับการคำนับจากผมไม่มีปฏิกิริยา
ผมเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองหน้าของหัวหน้า แต่เขามองต่ำใส่ผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เจ้า... ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”
เขาถามด้วยเสียงค่อนข้างหงุดหงิด ผมเหยียดหลังกลับขึ้นมาช้าๆพลางตอบ “เจ็ดโมงห้าสิบนาทีครับ!”
“ทำไมมาสายนัก!”
พูดบ้าอะไรของเขาน่ะ?!
ผมได้จดหมายบอกให้มาตอน 8:30 จึงตั้งใจจะมาตอนแปดโมง 30 นาทีก่อนเวลานัด แต่ยังมาเร็วไป 10 นาทีเพราะเดินเร็ว แต่อะไร? สาย? ผมน่ะนะ?
“สำหรับเจ้านี่เป็นวันเริ่มงานวันแรก เจ้าควรมาตอนเจ็ดโมงครึ่ง!” หัวหน้าคำราม
ผมก้มหัวอีกครั้ง “ขอโทษครับ!”
โชคร้ายชะมัด! นี่ไม่ใช่เวลาเป็นห่วงคนอื่นแล้ว แม่งเอ๊ย ทำไมผมโชคร้ายแบบนี้!
นี่ไม่เกี่ยวกับพฤติกรรมของผม แต่เพราะมาเจอคนแบบนั้น ทันใดนั้นผมก็อิจฉาแฟลมขึ้นมา ถ้าเปลี่ยนกันจะช้าไปไหม?
“ขอโทษแล้วมันจบไหม!?”
ผมรับเสียงตวาดด้วยการจ้องเข็มติดเน็คไทของหัวหน้า ไม่ใช่หน้าของเขา
เวลาแบบนี้ ถ้ามองพื้นจะถูกตำหนิที่มองไปที่อื่น แต่ถ้ามองหน้าจะถูกตำหนิว่าไม่สำนึกผิด เราต้องมองไปยังที่ๆเขาตำหนิไม่ได้ พยักหน้าและตอบรับว่ากำลังฟังเสียงบ่นอยู่
“ไม่จบครับ”
“ชิ เพราะอย่างนี้เด็กสมัยนี้ถึงใช้ไม่ได้”
ผมอยากเตะหัวหน้าที่กำลังเดาะลิ้นให้เต็มแรง แต่คนนี้เป็นคนที่จะให้คะแนนผม ไม่สิ ถ้าผมเตะเต็มแรงเขาจะตายเอา ผมไม่แย่ขนาดจะฆ่าคนเพราะเรื่องแบบนี้ แน่อยู่แล้ว เอาแค่เบาะๆด้วยการถุยน้ำลายใส่น้ำชาที่เขาดื่มแทน
เมื่อผมยืนนิ่งรอฟังคำบ่น เขาตวาด “ไป!”
“ครับ!”
ผมจะทำหน้าน้อยใจไม่ได้ ข้อมูลยังมีไม่พอจะตัดสินว่าหัวหน้าคนนี้เป็นคนยังไง แต่มีกรณีที่ถ้าทำหน้าน้อยใจจะยิ่งถูกตำหนิมากขึ้น
ผมถอยอย่างระวัง ชายอ้วนคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะอยู่แผนกเดียวกับผมเดินมาหา
“เอ่อ ฮะๆ บอกว่าชื่อ เดน ใช่ไหม? นั่งตรงนี้นะครับ”
ที่นั่งที่เขาชี้ไปพร้อมกับรอยยิ้มขัดเขินคือที่ๆอยู่ใกล้หัวหน้าที่สุด
เมื่อผมมองด้วยสีหน้า ‘ไม่มีที่อื่นที่ไกลหน่อยแล้วเหรอ’ เขากระซิบ “ตรงนี้เป็นที่นั่งของเด็กฝึกงาน”
เพราะหัวหน้าเป็นคนประเมิน เด็กฝึกงานจึงต้องนั่งตรงนี้เพื่อให้เขามองเห็นง่ายๆ
“ร่าเริงไว้นะ!”
ชายอ้วนมองผมด้วยสายตาขอโทษและกลับไปนั่งที่ของเขา
ดูจากท่าทางแล้วของเขาแล้ว หัวหน้าคงเป็นคนแบบนั้น
แม่งเอ๊ย เวรแล้วไง!
***
ตอนเย็น เพลแกรนท์ลุกขึ้นเพื่อเลิกงาน
จากนั้นเด็กฝึกงานคนใหม่ที่นั่งใกล้เขาที่สุดก็หยุดทำธุระของเขาและลุกขึ้น
“หัวหน้า เลิกงานแล้วเหรอครับ!”
เพลแกรนท์ทวนชื่อของเด็กฝึกงานในใจ ชื่อเดนใช่ไหม? เห็นเขาทำงานแข็งขันและดูอารมณ์ดีแล้วทำให้รู้สึกดี
“ที่หยุดนี่เพราะทำงานเสร็จแล้วเหรอ?”
“ครับ! ที่ท่านสั่งทำเสร็จหมดแล้วครับ”
เพลแกรนท์ประหลาดใจ ที่เขาสั่งให้เดนทำไม่ใช่ของที่จะทำให้เสร็จได้ในวันเดียว
“เอามาให้ดูสิ” เพลแกรนท์ขมวดคิ้วจริงๆ และยื่นมือไปยังเด็กฝึกงาน
ถ้าทำงานแบบครึ่งๆกลางๆเพราะอยากจะเลิกงานเร็ว เขาคงต้องดุจริงๆแทนที่จะเพียงตำหนิเล็กน้อย
“นี่ครับ”
เดนส่งกระดาษปึกหนาให้ เพลแกรนท์ตรวจเอกสารอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เพลแกรนท์ให้เด็กฝึกงานทำคือเรียงบัญชีสำหรับตรวจสอบสิ้นปี มันไม่ใช่งานที่เขาส่งให้ด้วยความตั้งใจจะเห็นมันเสร็จ
มันเป็นงานที่เพลแกรนท์ไม่ให้พนักงานใหม่ทำ เขาส่งงานนี้ให้เด็กฝึกงานคนใหม่ เดน พร้อมกับลูกคิดหนึ่งราง เพื่อว่าเมื่อเดนมาร้องไห้กับเขาว่าทำไม่ได้ เขาจะได้ปลดเดนออกจากหน้าที่นี้และไม่ให้เดนเข้าใกล้เขาได้อีก
แต่ทว่า มองผ่านๆแล้ว บัญชีดูถูกต้องสมบูรณ์ เพื่อให้แน่ใจ เขาต้องตรวจใบเสร็จและรายการเดินบัญชีธนาคาร แต่ดูคร่าวๆมันตรงกับที่เขาจำได้
“และนี่คือใบเสร็จกับเอกสารเบิกจ่ายเรียงตามวันที่ครับ”
เพลแกรนท์กลัว หมอนี่มันอะไรกัน?
ตอนเช้าเขาไปตลาดเพื่อซื้อชากับขนมให้คนในแผนก, ช่วยขนของหนัก, และทำงานจิปาถะตามที่สั่ง แต่ยังมีเวลาทำงานนี้เสร็จ?
สัตว์ประหลาดอะไรนี่?
จำนวนใบเสร็จและเอกสารขออนุมัตินั้นเยอะจนแม้แต่เขาเองทำทั้งวันยังไม่เสร็จ เขาสงสัยว่าเด็กฝึกงานได้รับความช่วยเหลือจากคนในแผนกหรือเปล่า แต่เด็กฝึกงานสายตาไร้เดียงสาคนนี้อยู่ในสายตาของเขาตั้งแต่เช้า เขาคิดว่าเขายอมแพ้ไปแล้วเพราะไม่เห็นแตะลูกคิด แต่ดูเหมือนเขาแค่คิดเลขในใจ
จะด่าดีไหม? สำนึกผิดชอบชั่วดีของเพลแกรนท์ไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้น
“ฮึ่ม! ทุกคนเลิกงานได้”
เพลแกรนท์โยนปึกเอกสารลงบนโต๊ะของเขาและออกไป จากด้านหลังได้ยินเสียงร้องอย่างดีใจของคนในแผนก
หัวหน้ายิ้มและออกจากที่ทำการเขตอย่างรวดเร็ว เขาดูนาฬิกาและเร่งฝีเท้าผ่านถนนหลายๆสายพลางคิดว่าใกล้จะสายแล้ว
หยุดตรงหน้าร้านเหล้าที่ปิดอยู่ ในตรอกแห่งหนึ่ง เพลแกรนท์หายใจหอบและเอาบัตรข้าราชการของเขาไปยังประตู
ปี๊บ!
เมื่อเกิดเสียง ชายร่างบึกบึนคนหนึ่งก็ออกมาจากร้านเหล้า
“มาช้าไปนิดนะ”
“งานมันยุ่งช่วงสิ้นปีเจ้าก็รู้ เจ้าเป็นข้าราชการเหมือนกัน”
เขายิ้มเมื่อได้ยินเพลแกรนท์พูดอย่างนั้น “รู้ ช่วงนี้เจ้าทำข้าจะตายแล้ว”
เพลแกรนท์ยิ้มให้ความขวานผ่าซากของชายคนนั้น
“ถึงอย่างนั้น เจ้าได้เลิกงานเร็วเพราะชั่วโมงทำงานที่ท่านเป็นคนกำหนดนี่?”
“เพราะเจ้า จำนวนครั้งที่ข้าเลิกงานเร็วเลยนับได้ด้วยมือข้างเดียว”
ขณะพวกเขาคุยกัน เสียงก็ดังมาจากข้างในร้านเหล้า
“พวกเจ้าคุยอะไรกันตรงนั้น? เข้ามาสิ”
เพลแกรนท์เข้ามาข้างใน เมื่อประตูปิดก็ล็อกอัตโนมัติพร้อมเสียงดังแคล้ง
เพลแกรนท์ไม่รู้สึกถึงมัน แต่เขารู้ว่าข้างในร้านเหล้าถูกป้องกันด้วยเวทมนตร์หลายชนิด เขาก้าวเข้าไปอีกก้าวและคำนับ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ท่านนายกรัฐมนตรี”
อาร์คันทายิ้มให้เพลแกรนท์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น