บทที่ 78 – แผนวางยาพิษของข้าราชการคนหนึ่ง (1)
ลึกเข้าไปในป่าโอลิมปัส ทูตคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในศาลากลางของหมู่บ้านเผ่ากา เขารีบเข้าไปในห้องทำงานที่เขียนว่า ‘ที่ทำงานหัวหน้าเผ่า’ ในมือมีกล่องอันเต็มไปด้วยจดหมาย
“รองหัวหน้าเผ่า! จดหมายจากหัวหน้าเผ่าน้อยมาแล้ว!”
เฮสเทียวางเอกสารลงและพูด “ข้าบอกหลายครั้งแล้วนะ ไม่ใช่รองหัวหน้าเผ่า แต่เป็นรองหัวหน้าหมู่บ้าน”
ด้วยความปรารถนาจะปฏิรูปเผ่ากาที่ค่อนข้างปิดกั้นจากภายนอก เธอเริ่มจากเปลี่ยนตำแหน่งหัวหน้าเผ่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ไม่มีใครเรียกชื่อตำแหน่งใหม่นี้
คิดว่าจะเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อตำแหน่งหัวหน้าเผ่าตามเดิมดีไหม เฮสเทียรับจดหมายจากทูต
เมื่อเดนเบอร์กหนีไป เขาทิ้งจดหมายบอกว่าจะส่งจดหมายมาทุกเดือนเพื่อไม่ให้พวกเธอเป็นห่วง นี่เป็นฉบับที่หกแล้ว
จดหมายของเดนเบอร์กถูกส่งมาถึงทูตผ่านกิจการหนึ่งในหลายๆกิจการที่เผ่ากามีส่วนร่วม แอสทีเรีย
ตลาดแอสทีเรียดำเนินการโดยดยุคแห่งแอสทีเรีย หนึ่งในสองดยุคใหญ่ของจักรวรรดิ แม้จะไม่เท่ากับตลาดดรูวาล ก็ยังถือว่ามีขนาดใหญ่ทีเดียว
เฮสเทียอ่านจดหมายและหัวเราะ มันเขียนว่าเดนเบอร์กกำลังออกล่าปีศาจในเขตแดนปีศาจ
“โกหกเก่งจริง” เฮสเทียอุทาน
ตั้งแต่เด็กแล้ว เดนเบอร์กโกหกเก่งอย่างประหลาด ในจดหมายเขาบรรยายทิวทัศน์ในแต่ละพื้นที่ของเขตแดนปีศาจ ซึ่งละเอียดจนเธอนึกภาพตามได้ มันเหมือนเขาท่องเที่ยวในเขตแดนปีศาจจริงๆ
จดหมายฉบับก่อนบรรยายทิวทัศน์ได้ละเอียดจนเธอสงสัยว่าหรือมันจะจริง ขนาดทำให้เธอขอให้ทางตลาดแอสทีเรียตามหาที่มาของจดหมาย แต่พวกเขาบอกว่าจดหมายบินมากับนกที่ทำจากเวทมนตร์มาที่สาขาเมืองวาแรนท์ ดังนั้นพวกเขาจึงตามรอยของจดหมายกลับไปไม่ได้
ครั้งหนึ่ง ตลาดแอสทีเรียพยายามจับนกเวทมนตร์เพื่อหาว่ามันมาจากไหน แต่นกของเดนเบอร์กอาละวาดและทำลายอาคาร ทิ้งไว้แต่จดหมาย โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่เผ่ากาจำได้ขึ้นใจเพราะพวกเขาต้องจ่ายค่าเสียหาย
เฮสเทีย ด้วยความนับถือในอุบายที่ฉลาดและดุดัน ล้มเลิกความพยายามตามรอยของเดนเบอร์กผ่านทางจดหมาย
“แหม เขาบอกว่าส่งของขวัญวันเกิดมาให้ข้า”
ทูตเหมือนนึกขึ้นได้และล้วงกล่องไม้กล่องหนึ่งออกจากกระเป๋า “อ้อ! ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คือของขวัญถึงรองหัวหน้าเผ่า”
วันเกิดของเธอยังมาไม่ถึง แต่กว่าจดหมายฉบับต่อไปจะมาก็จะผ่านวันเกิดไปแล้ว
เธอรับกล่องไม้และถามเมื่อเห็นรอยไหม้บนกล่อง “นี่รอยไหม้ใช่ไหม?”
“ใช่ ตอนแรกมันมีเวทมนตร์ผนึกกล่องเพื่อป้องกันมันถูกเปิดออก แต่ตอนข้าเข้าป่าโอลิมปัส พลังเวทก็คลั่งทำให้มันระเบิด แต่ของข้างในไม่เป็นไร”
เห็นกล่องไม้ยังอยู่ดี เธอคิดว่าคงแค่เกิดประกายไฟนิดหน่อยแล้วเปิดต่อ
“จริงเหรอเนี่ย?”
เฮสเทียเปิดกล่อง ข้างในเป็นไพลินรูปกางเขน
“จดหมายบอกว่ามันเป็นอัญมณีชื่อ ‘พรเทวี’ ที่เขาบังเอิญได้มาจากตลาดมืด”
เธอมองปราดเดียวก็บอกได้จากประกายอ่อนๆของมันว่าเป็นอัญมณีราคาแพง
“อ้อ และนี่เป็นรายงานจากแลนซีลอต”
เมื่อเฮสเทียอ่านจดหมายของเดนเบอร์กจบ ทูตก็ส่งจดหมายอีกฉบับให้
จากรายงานของแลนซีลอต พวกเขาเดินทางไปเมืองหลวงกับเซนต์ฮิลลิส และบอกคร่าวๆถึงกิจกรรมประจำวันของพวกเขา เธออ่านและหัวเราะ
“พวกเขาดูสนุกกันดี ขอบใจนะ เจ้าไปทำธุระของเจ้าได้แล้ว”
ทูตคำนับและออกไป
เฮสเทียเตรียมจะอ่านเอกสารต่อแต่แล้วก็ถอนหายใจพร้อมกับมองไปนอกหน้าต่าง
“อยู่ที่ไหนคะ พ่อ?”
เฮสเทียอ่อนแอเกินกว่าจะจัดการกับงานทั้งหมดในหมู่บ้านได้
***
ผมตื่นในตอนเช้าและเปิดหน้าต่าง อากาศเย็นที่เป็นเอกลักษณ์ของหน้าหนาวเข้ามาในห้อง ลมหายใจของผมกลายเป็นไอ นอกหน้าต่าง มีหิมะเป็นแผ่นบางๆจากหิมะที่ตกเมื่อคืน เพราะยังเป็นต้นหนาวมันจึงไม่หนานัก แต่ถนนลื่นแบบนี้ทำให้การเดินทางไปศูนย์ฝึกลำบากขึ้น
อีกไม่กี่วันก็จะได้เวลาเปิดไปหน้าสุดท้ายของปฏิทิน แปลว่าผมออกจากหมู่บ้านหลังเป็นผู้ใหญ่เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม มาอยู่ในเมืองหลวงได้ครึ่งปีแล้ว
รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเร็ว ผมปิดหน้าต่างเมื่อห้องระบายอากาศพอแล้วและลงบันไดไปที่ชั้นหนึ่ง
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เมื่อผมมาถึงห้องนั่งเล่น ลิสบอนทักผมเป็นคนแรก
“ใช่”
“เย้! เดนล่ะ!”
อัลฟอนร้องและวิ่งมากอดผมอย่างเคย และอย่างเคย ผมจับศีรษะของเขาและหยุดเขา
หลังจากเป็นนักเรียนโรงเรียนทหาร อัลฟอนเริ่มมีกล้ามเนื้อขึ้นมา ผมรู้สึกว่าตอนนี้จะใช้แรงหยุดเขามากกว่าเดิมก็ได้ เพราะเขานี่เอง ทำให้ผมควบคุมแรงของตัวเองได้สำเร็จ
มันน่ารำคาญที่เขาวิ่งหาผมทุกเช้า แต่ก็ต้องขอบคุณเขาด้วยที่ทำให้ผมกะแรงถูก สมกับที่คิด เขามีร่างกายแข็งแรงเพราะเผ่าผีเสื้อก็เป็นชาติพันธุ์นักสู้เหมือนกัน
ผมพูดกับยูเรียที่ยิ้มมาจากด้านหลังอัลฟอนโซ
“ข้าอ่านหนังสือที่เจ้าให้ยืมหมดแล้ว อย่างที่คิดเลย เผ่าผีเสื้อมีเวทมนตร์แปลกใหม่หลายแบบ”
ผมยืมหนังสือเวทมนตร์ของเผ่าผีเสื้อแลกกับการสอนเทคนิคเล็กๆน้อยๆในการเล่นแร่แปรธาตุให้ยูเรีย ถึงจะเป็นเวทมนตร์ของเผ่าผีเสื้อ แต่มันเป็นเวทมนตร์ที่คนเผ่าผีเสื้อเรียนแค่ถึงวัยเป็นผู้ใหญ่ กระนั้นก็ตาม สมกับที่เป็นพวกเขา มันมีหัวข้อกว้างขวางให้เรียนได้มากมาย เพราะเหตุนี้ ผมเลยสามารถพัฒนาเวทมนตร์ละลายคาร์บอเนชั่นในน้ำและสร้างน้ำอัดลมขึ้นมาได้ ผมรู้สึกว่าเกือบจะสร้างโค้กได้แล้ว
“แหม อ่านหมดแล้วเหรอ?”
ยูเรียประหลาดใจที่ได้หนังสือที่ผมส่งคืนให้ ผมยักไหล่พร้อมกับปล่อยศีรษะอัลฟอนโซ
“อืม ข้าแค่อ่านอย่างเดียว”
แน่นอน ผมเรียนรู้ได้หมดหลังจากอ่านจบหนึ่งรอบ แต่เก็บเรื่องนี้เป็นความลับดีกว่าเพราะผมเป็นแค่คนธรรมดาที่มีความสนใจในเวทมนตร์
“ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ถามได้ตลอดนะ”
ผมขอบคุณยูเรียและตรงไปที่ห้องครัวเพื่อกินอาหารเช้ากับทุกคน คุณนายอาซิลลากับอลิซกำลังคุยกันที่โต๊ะ
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
ผมทักคุณนายอาซิลลาและนั่งลง เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว คนงานในบ้านพักก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร
“ค่ะ ขอบคุณเจ้าที่ทำให้เมื่อคืนข้าหลับสบาย” คุณนายอาซิลลาทักกลับในแบบของหญิงสูงศักดิ์และถาม “จะว่าไป เริ่มวันนี้แล้วใช่ไหม? การไปฝึกงานตามหน่วยงานต่างๆ?”
ผมพยักหน้า “ครับ เวลาดีๆได้หมดไปแล้วล่ะ” ผมพูดเล่นและหยิบมีดกับส้อม
แต่ที่จริงผมไม่ได้พูดเล่น ถึงตอนนี้มันไม่ถือว่าแย่เพราะเหมือนผมอยู่ในวิทยาลัยแบบชาติก่อน แต่ตอนนี้ผมต้องไปฝึกงาน ตั้งแต่วันนี้ไป ผมต้องไปตามหน่วยงานที่กำหนดแทนที่จะเป็นศูนย์ฝึก แต่ช่างมันก่อน อาหารเช้าที่นี่ยังอร่อยตามเคย ผมกัดขนมปังและพูดกับอลิซที่ดูเหนื่อยๆ
“เจ้าดูเหนื่อยนะ?”
“อือ เพราะการบ้านน่ะ ข้าต้องเตรียมสอบปลายเทอมแล้ว แย่แล้วล่ะ”
ช่างเป็นคำพูดที่เหมือนนักเรียน ผมมองยูเรียที่นั่งข้างอลิซ แต่เธอดูสดชื่นดี
ยูเรียเข้าใจสายตาของผมและหัวเราะส่วนดวงตาของยูเรียเปลี่ยนเป็นหดหู่
“อย่าเอาข้าไปเทียบกับยูเรีย นั่นเป็นเผ่าขี้โกงของโลกเวทมนตร์”
ยูเรียทำแก้มป่องใส่อลิซ “ถ้าพูดอย่างนั้นข้าไม่ช่วยเรื่องการบ้านนะ?”
อลิซจับแขนยูเรียอย่างสิ้นหวังมาก “ไม่นะ ขอร้องล่ะ!”
เห็นพวกคุยเล่นและเข้ากันได้ดีแล้วดีจัง แต่ว่า ผมไม่อยากไปทำงาน หวังว่าจะไม่มีคนขี้ข่มเหงในหน่วยงานนั้นนะ
***
การฝึกงานจะใช้เวลาทีละหนึ่งสัปดาห์ในหอคอยมนตรา, กิลด์นักผจญภัย, สมาพันธ์ทหารรับจ้าง, และหน่วยงานหนึ่งในพระราชวัง สุดท้ายแล้วผู้รับการฝึกจะสอบแล้วก็จะถูกส่งไปยังพื้นที่ต่างๆของจักรวรรดิตามเกรดที่ได้
เป้าหมายของผมคือเป็นข้าราชการส่วนนอก ไม่ใช่แบบต้องเดินทางไปทั่วจักรวรรดิหรือทำงานส่วนในเหมือนหน่วยงานในพระราชวัง ถ้าคิดตามเปอร์เซ็นต์ ผมต้องอยู่ต่ำกว่า 5 เปอร์เซ็นแรกและอยู่เหนือ 70 เปอร์เซ็นต์ 25 เปอร์เซ็นต์ของผู้รับการฝึกจะถูกส่งไปยังที่แบบที่ทำการเขตที่พวกเขาจะฝึกงานเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ คนเหล่านี้เป็นกลุ่มที่เราจะคิดถึงเมื่อคิดถึงข้าราชการ ที่ผ่านมา ผมลอบเข้ากองคลังและศูนย์ฝึกเพื่อดูเกรดของผู้รับการฝึก ผมอยู่ที่ราวๆ 10 เปอร์เซ็นต์แรก
สาเหตุมาจากถูกลดคะแนนไปเยอะจากการทำยาเสน่ห์ทุกครั้งในวิชาเวทมนตร์ ผมไม่ชอบศาสตราจารย์ขี้เหนียวคนนั้น แต่เพราะเขาจึงทำให้ผมเลี่ยงหน่วยงานในพระราชวังมาได้ ต้องขอบคุณเขาในเรื่องนั้น
ผมกำลังจะเข้าที่ทำการเขตเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยจากที่ไกลๆ มันมาจากทางศูนย์ฝึก
“โอ้! มาเร็วจังนะ!”
ใช่เลย เด็กหนุ่มหน้าแก่ที่กำลังโบกมือให้ผมคือแฟลม จะว่าไปแล้ว เขาเป็นหนึ่งในผู้รับการฝึกห้าคนที่จะฝึกงานที่เดียวกัน
บอกให้รู้ไว้ แฟลมอยู่ใน 20 เปอร์เซ็นต์แรก รักษาผลการฝึกได้ค่อนข้างยอดเยี่ยม ผมยังจำคำตอบของเขาในข้อสอบประวัติศาสตร์ที่เก็บไว้ในตู้เซฟของศูนย์ฝึกได้ว่ามีความเฉพาะตัวมาก
จะว่ายังไงดี? มุมมองของเขาค่อนข้างมาจากทางฝ่ายผู้แพ้ มุมมองเฉพาะตัวของเขาได้รับการประเมินอย่างสูงจากวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งไปช่วยที่ถูกตัดคะแนนจากวิชาเวทมนตร์จากการปรุงยาเสน่ห์กับผม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อ เขาก็จะได้ทำงานในเมืองหลวงเหมือนกัน
ผมรอเขาตรงทางเข้าที่ทำการเขต และเมื่อเขามาถึง ผมเข้าไปและพูด “เข้าไปกันเถอะ”
แฟลมตามเข้ามาและปัดหิมะออกจากเสื้อผ้าของเขา
“เกิดการจราจรติดขัดเพราะหิมะ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาหิมะตกต้องเอารถม้าออกมาด้วย”
ดูเหมือนเขาจะใช้ทางอ้อมมาที่นี่เพราะรถม้าไปติดบนถนน ทางจากศูนย์ฝึกมาที่นี่เป็นทางที่รถม้าใช้บ่อย วันแรกที่ผมมาถึงเมืองหลวงและถูกน้ำโคลนกระเซ็นใส่ก็อาจเป็นถนนเดียวกัน
พอคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีก ต้องไปเยี่ยมมาร์ควิสบัลเธียนสักหน่อย หวังว่าเขาจะเก็บเงินได้เยอะแล้วนะ
เฮสเทียเรียกการส่งจดหมายทางนกของเดนเบอร์ว่าเป็นอุบายที่ง่ายและดุดันเพราะเดนเบอร์กวางยาไว้ที่นกไม่ให้ตามรอยได้ค่ะ มันจะอาละวาดเวลาถูกจับ และเผ่ากาต้องจ่ายค่าเสียหาย แบบนี้ทำให้เผ่ากาเข็ดไม่กล้าจับมัน ไม่งั้นก็ต้องจ่ายแพงอีก lol
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น