วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 78

 บทที่ 78 – แผนวางยาพิษของข้าราชการคนหนึ่ง (1)

ลึกเข้าไปในป่าโอลิมปัส ทูตคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในศาลากลางของหมู่บ้านเผ่ากา เขารีบเข้าไปในห้องทำงานที่เขียนว่า ‘ที่ทำงานหัวหน้าเผ่า’ ในมือมีกล่องอันเต็มไปด้วยจดหมาย

“รองหัวหน้าเผ่า! จดหมายจากหัวหน้าเผ่าน้อยมาแล้ว!”

เฮสเทียวางเอกสารลงและพูด “ข้าบอกหลายครั้งแล้วนะ ไม่ใช่รองหัวหน้าเผ่า แต่เป็นรองหัวหน้าหมู่บ้าน”

ด้วยความปรารถนาจะปฏิรูปเผ่ากาที่ค่อนข้างปิดกั้นจากภายนอก เธอเริ่มจากเปลี่ยนตำแหน่งหัวหน้าเผ่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ไม่มีใครเรียกชื่อตำแหน่งใหม่นี้

คิดว่าจะเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อตำแหน่งหัวหน้าเผ่าตามเดิมดีไหม เฮสเทียรับจดหมายจากทูต

เมื่อเดนเบอร์กหนีไป เขาทิ้งจดหมายบอกว่าจะส่งจดหมายมาทุกเดือนเพื่อไม่ให้พวกเธอเป็นห่วง นี่เป็นฉบับที่หกแล้ว

จดหมายของเดนเบอร์กถูกส่งมาถึงทูตผ่านกิจการหนึ่งในหลายๆกิจการที่เผ่ากามีส่วนร่วม แอสทีเรีย

ตลาดแอสทีเรียดำเนินการโดยดยุคแห่งแอสทีเรีย หนึ่งในสองดยุคใหญ่ของจักรวรรดิ แม้จะไม่เท่ากับตลาดดรูวาล ก็ยังถือว่ามีขนาดใหญ่ทีเดียว

เฮสเทียอ่านจดหมายและหัวเราะ มันเขียนว่าเดนเบอร์กกำลังออกล่าปีศาจในเขตแดนปีศาจ

“โกหกเก่งจริง” เฮสเทียอุทาน

ตั้งแต่เด็กแล้ว เดนเบอร์กโกหกเก่งอย่างประหลาด ในจดหมายเขาบรรยายทิวทัศน์ในแต่ละพื้นที่ของเขตแดนปีศาจ ซึ่งละเอียดจนเธอนึกภาพตามได้ มันเหมือนเขาท่องเที่ยวในเขตแดนปีศาจจริงๆ

จดหมายฉบับก่อนบรรยายทิวทัศน์ได้ละเอียดจนเธอสงสัยว่าหรือมันจะจริง ขนาดทำให้เธอขอให้ทางตลาดแอสทีเรียตามหาที่มาของจดหมาย แต่พวกเขาบอกว่าจดหมายบินมากับนกที่ทำจากเวทมนตร์มาที่สาขาเมืองวาแรนท์ ดังนั้นพวกเขาจึงตามรอยของจดหมายกลับไปไม่ได้

ครั้งหนึ่ง ตลาดแอสทีเรียพยายามจับนกเวทมนตร์เพื่อหาว่ามันมาจากไหน แต่นกของเดนเบอร์กอาละวาดและทำลายอาคาร ทิ้งไว้แต่จดหมาย โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่เผ่ากาจำได้ขึ้นใจเพราะพวกเขาต้องจ่ายค่าเสียหาย

เฮสเทีย ด้วยความนับถือในอุบายที่ฉลาดและดุดัน ล้มเลิกความพยายามตามรอยของเดนเบอร์กผ่านทางจดหมาย

“แหม เขาบอกว่าส่งของขวัญวันเกิดมาให้ข้า”

ทูตเหมือนนึกขึ้นได้และล้วงกล่องไม้กล่องหนึ่งออกจากกระเป๋า “อ้อ! ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คือของขวัญถึงรองหัวหน้าเผ่า”

วันเกิดของเธอยังมาไม่ถึง แต่กว่าจดหมายฉบับต่อไปจะมาก็จะผ่านวันเกิดไปแล้ว

เธอรับกล่องไม้และถามเมื่อเห็นรอยไหม้บนกล่อง “นี่รอยไหม้ใช่ไหม?”

“ใช่ ตอนแรกมันมีเวทมนตร์ผนึกกล่องเพื่อป้องกันมันถูกเปิดออก แต่ตอนข้าเข้าป่าโอลิมปัส พลังเวทก็คลั่งทำให้มันระเบิด แต่ของข้างในไม่เป็นไร”

เห็นกล่องไม้ยังอยู่ดี เธอคิดว่าคงแค่เกิดประกายไฟนิดหน่อยแล้วเปิดต่อ

“จริงเหรอเนี่ย?”

เฮสเทียเปิดกล่อง ข้างในเป็นไพลินรูปกางเขน

“จดหมายบอกว่ามันเป็นอัญมณีชื่อ ‘พรเทวี’ ที่เขาบังเอิญได้มาจากตลาดมืด”

เธอมองปราดเดียวก็บอกได้จากประกายอ่อนๆของมันว่าเป็นอัญมณีราคาแพง

“อ้อ และนี่เป็นรายงานจากแลนซีลอต”

เมื่อเฮสเทียอ่านจดหมายของเดนเบอร์กจบ ทูตก็ส่งจดหมายอีกฉบับให้

จากรายงานของแลนซีลอต พวกเขาเดินทางไปเมืองหลวงกับเซนต์ฮิลลิส และบอกคร่าวๆถึงกิจกรรมประจำวันของพวกเขา เธออ่านและหัวเราะ

“พวกเขาดูสนุกกันดี ขอบใจนะ เจ้าไปทำธุระของเจ้าได้แล้ว”

ทูตคำนับและออกไป 

เฮสเทียเตรียมจะอ่านเอกสารต่อแต่แล้วก็ถอนหายใจพร้อมกับมองไปนอกหน้าต่าง

“อยู่ที่ไหนคะ พ่อ?”

เฮสเทียอ่อนแอเกินกว่าจะจัดการกับงานทั้งหมดในหมู่บ้านได้

***

ผมตื่นในตอนเช้าและเปิดหน้าต่าง อากาศเย็นที่เป็นเอกลักษณ์ของหน้าหนาวเข้ามาในห้อง ลมหายใจของผมกลายเป็นไอ นอกหน้าต่าง มีหิมะเป็นแผ่นบางๆจากหิมะที่ตกเมื่อคืน เพราะยังเป็นต้นหนาวมันจึงไม่หนานัก แต่ถนนลื่นแบบนี้ทำให้การเดินทางไปศูนย์ฝึกลำบากขึ้น

อีกไม่กี่วันก็จะได้เวลาเปิดไปหน้าสุดท้ายของปฏิทิน แปลว่าผมออกจากหมู่บ้านหลังเป็นผู้ใหญ่เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม มาอยู่ในเมืองหลวงได้ครึ่งปีแล้ว

รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเร็ว ผมปิดหน้าต่างเมื่อห้องระบายอากาศพอแล้วและลงบันไดไปที่ชั้นหนึ่ง

“ตื่นแล้วเหรอ?”

เมื่อผมมาถึงห้องนั่งเล่น ลิสบอนทักผมเป็นคนแรก

“ใช่”

“เย้! เดนล่ะ!”

อัลฟอนร้องและวิ่งมากอดผมอย่างเคย และอย่างเคย ผมจับศีรษะของเขาและหยุดเขา

หลังจากเป็นนักเรียนโรงเรียนทหาร อัลฟอนเริ่มมีกล้ามเนื้อขึ้นมา ผมรู้สึกว่าตอนนี้จะใช้แรงหยุดเขามากกว่าเดิมก็ได้ เพราะเขานี่เอง ทำให้ผมควบคุมแรงของตัวเองได้สำเร็จ

มันน่ารำคาญที่เขาวิ่งหาผมทุกเช้า แต่ก็ต้องขอบคุณเขาด้วยที่ทำให้ผมกะแรงถูก สมกับที่คิด เขามีร่างกายแข็งแรงเพราะเผ่าผีเสื้อก็เป็นชาติพันธุ์นักสู้เหมือนกัน

ผมพูดกับยูเรียที่ยิ้มมาจากด้านหลังอัลฟอนโซ

“ข้าอ่านหนังสือที่เจ้าให้ยืมหมดแล้ว อย่างที่คิดเลย เผ่าผีเสื้อมีเวทมนตร์แปลกใหม่หลายแบบ”

ผมยืมหนังสือเวทมนตร์ของเผ่าผีเสื้อแลกกับการสอนเทคนิคเล็กๆน้อยๆในการเล่นแร่แปรธาตุให้ยูเรีย ถึงจะเป็นเวทมนตร์ของเผ่าผีเสื้อ แต่มันเป็นเวทมนตร์ที่คนเผ่าผีเสื้อเรียนแค่ถึงวัยเป็นผู้ใหญ่ กระนั้นก็ตาม สมกับที่เป็นพวกเขา มันมีหัวข้อกว้างขวางให้เรียนได้มากมาย เพราะเหตุนี้ ผมเลยสามารถพัฒนาเวทมนตร์ละลายคาร์บอเนชั่นในน้ำและสร้างน้ำอัดลมขึ้นมาได้ ผมรู้สึกว่าเกือบจะสร้างโค้กได้แล้ว

“แหม อ่านหมดแล้วเหรอ?”

ยูเรียประหลาดใจที่ได้หนังสือที่ผมส่งคืนให้ ผมยักไหล่พร้อมกับปล่อยศีรษะอัลฟอนโซ

“อืม ข้าแค่อ่านอย่างเดียว”

แน่นอน ผมเรียนรู้ได้หมดหลังจากอ่านจบหนึ่งรอบ แต่เก็บเรื่องนี้เป็นความลับดีกว่าเพราะผมเป็นแค่คนธรรมดาที่มีความสนใจในเวทมนตร์

“ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ถามได้ตลอดนะ”

ผมขอบคุณยูเรียและตรงไปที่ห้องครัวเพื่อกินอาหารเช้ากับทุกคน คุณนายอาซิลลากับอลิซกำลังคุยกันที่โต๊ะ

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

ผมทักคุณนายอาซิลลาและนั่งลง เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว คนงานในบ้านพักก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร

“ค่ะ ขอบคุณเจ้าที่ทำให้เมื่อคืนข้าหลับสบาย” คุณนายอาซิลลาทักกลับในแบบของหญิงสูงศักดิ์และถาม “จะว่าไป เริ่มวันนี้แล้วใช่ไหม? การไปฝึกงานตามหน่วยงานต่างๆ?”

ผมพยักหน้า “ครับ เวลาดีๆได้หมดไปแล้วล่ะ” ผมพูดเล่นและหยิบมีดกับส้อม

แต่ที่จริงผมไม่ได้พูดเล่น ถึงตอนนี้มันไม่ถือว่าแย่เพราะเหมือนผมอยู่ในวิทยาลัยแบบชาติก่อน แต่ตอนนี้ผมต้องไปฝึกงาน ตั้งแต่วันนี้ไป ผมต้องไปตามหน่วยงานที่กำหนดแทนที่จะเป็นศูนย์ฝึก แต่ช่างมันก่อน อาหารเช้าที่นี่ยังอร่อยตามเคย ผมกัดขนมปังและพูดกับอลิซที่ดูเหนื่อยๆ

“เจ้าดูเหนื่อยนะ?”

“อือ เพราะการบ้านน่ะ ข้าต้องเตรียมสอบปลายเทอมแล้ว แย่แล้วล่ะ”

ช่างเป็นคำพูดที่เหมือนนักเรียน ผมมองยูเรียที่นั่งข้างอลิซ แต่เธอดูสดชื่นดี

ยูเรียเข้าใจสายตาของผมและหัวเราะส่วนดวงตาของยูเรียเปลี่ยนเป็นหดหู่

“อย่าเอาข้าไปเทียบกับยูเรีย นั่นเป็นเผ่าขี้โกงของโลกเวทมนตร์”

ยูเรียทำแก้มป่องใส่อลิซ “ถ้าพูดอย่างนั้นข้าไม่ช่วยเรื่องการบ้านนะ?”

อลิซจับแขนยูเรียอย่างสิ้นหวังมาก “ไม่นะ ขอร้องล่ะ!”

เห็นพวกคุยเล่นและเข้ากันได้ดีแล้วดีจัง แต่ว่า ผมไม่อยากไปทำงาน หวังว่าจะไม่มีคนขี้ข่มเหงในหน่วยงานนั้นนะ

***

การฝึกงานจะใช้เวลาทีละหนึ่งสัปดาห์ในหอคอยมนตรา, กิลด์นักผจญภัย, สมาพันธ์ทหารรับจ้าง, และหน่วยงานหนึ่งในพระราชวัง สุดท้ายแล้วผู้รับการฝึกจะสอบแล้วก็จะถูกส่งไปยังพื้นที่ต่างๆของจักรวรรดิตามเกรดที่ได้

เป้าหมายของผมคือเป็นข้าราชการส่วนนอก ไม่ใช่แบบต้องเดินทางไปทั่วจักรวรรดิหรือทำงานส่วนในเหมือนหน่วยงานในพระราชวัง ถ้าคิดตามเปอร์เซ็นต์ ผมต้องอยู่ต่ำกว่า 5 เปอร์เซ็นแรกและอยู่เหนือ 70 เปอร์เซ็นต์ 25 เปอร์เซ็นต์ของผู้รับการฝึกจะถูกส่งไปยังที่แบบที่ทำการเขตที่พวกเขาจะฝึกงานเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ คนเหล่านี้เป็นกลุ่มที่เราจะคิดถึงเมื่อคิดถึงข้าราชการ ที่ผ่านมา ผมลอบเข้ากองคลังและศูนย์ฝึกเพื่อดูเกรดของผู้รับการฝึก ผมอยู่ที่ราวๆ 10 เปอร์เซ็นต์แรก 

สาเหตุมาจากถูกลดคะแนนไปเยอะจากการทำยาเสน่ห์ทุกครั้งในวิชาเวทมนตร์ ผมไม่ชอบศาสตราจารย์ขี้เหนียวคนนั้น แต่เพราะเขาจึงทำให้ผมเลี่ยงหน่วยงานในพระราชวังมาได้ ต้องขอบคุณเขาในเรื่องนั้น

ผมกำลังจะเข้าที่ทำการเขตเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยจากที่ไกลๆ มันมาจากทางศูนย์ฝึก

“โอ้! มาเร็วจังนะ!”

ใช่เลย เด็กหนุ่มหน้าแก่ที่กำลังโบกมือให้ผมคือแฟลม จะว่าไปแล้ว เขาเป็นหนึ่งในผู้รับการฝึกห้าคนที่จะฝึกงานที่เดียวกัน

บอกให้รู้ไว้ แฟลมอยู่ใน 20 เปอร์เซ็นต์แรก รักษาผลการฝึกได้ค่อนข้างยอดเยี่ยม ผมยังจำคำตอบของเขาในข้อสอบประวัติศาสตร์ที่เก็บไว้ในตู้เซฟของศูนย์ฝึกได้ว่ามีความเฉพาะตัวมาก

จะว่ายังไงดี? มุมมองของเขาค่อนข้างมาจากทางฝ่ายผู้แพ้ มุมมองเฉพาะตัวของเขาได้รับการประเมินอย่างสูงจากวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งไปช่วยที่ถูกตัดคะแนนจากวิชาเวทมนตร์จากการปรุงยาเสน่ห์กับผม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อ เขาก็จะได้ทำงานในเมืองหลวงเหมือนกัน

ผมรอเขาตรงทางเข้าที่ทำการเขต และเมื่อเขามาถึง ผมเข้าไปและพูด “เข้าไปกันเถอะ”

แฟลมตามเข้ามาและปัดหิมะออกจากเสื้อผ้าของเขา

“เกิดการจราจรติดขัดเพราะหิมะ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาหิมะตกต้องเอารถม้าออกมาด้วย”

ดูเหมือนเขาจะใช้ทางอ้อมมาที่นี่เพราะรถม้าไปติดบนถนน ทางจากศูนย์ฝึกมาที่นี่เป็นทางที่รถม้าใช้บ่อย วันแรกที่ผมมาถึงเมืองหลวงและถูกน้ำโคลนกระเซ็นใส่ก็อาจเป็นถนนเดียวกัน

พอคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีก ต้องไปเยี่ยมมาร์ควิสบัลเธียนสักหน่อย หวังว่าเขาจะเก็บเงินได้เยอะแล้วนะ



สารบัญ                                                    บทที่ 79


เฮสเทียเรียกการส่งจดหมายทางนกของเดนเบอร์ว่าเป็นอุบายที่ง่ายและดุดันเพราะเดนเบอร์กวางยาไว้ที่นกไม่ให้ตามรอยได้ค่ะ มันจะอาละวาดเวลาถูกจับ และเผ่ากาต้องจ่ายค่าเสียหาย แบบนี้ทำให้เผ่ากาเข็ดไม่กล้าจับมัน ไม่งั้นก็ต้องจ่ายแพงอีก lol

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น