วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 74.2

 บทที่ 74.2

โดยส่วนตัวแล้ว เมลเซียคิดว่าคนร้ายจะต้องพักที่โรงแรมถ้าพวกมันมาที่หมู่บ้านนี้ ตอนกลางคืนของทะเลทรายไม่ใช่เรื่องที่จะทนกันได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นนักรบที่ฝึกมาดีเท่าไหร่ก็ตาม

“ว่าแต่ว่ากัปตันครับ เซนต์หญิงอาจพักอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า เพราะมันใกล้แดนศักดิ์สิทธิ์ ซาฮาราม?” ลูกน้องคนหนึ่งถามด้วยความกังวล

เมลเซียส่ายหน้า “ไม่ น่าจะอีกสองสามวันเซนต์จึงจะมาถึงที่นี่ คิดตามเหตุผลแล้ว เซนต์จะต้องเดินทางกับพาลาดินเป็นกลุ่มใหญ่ ย่อมต้องเดินทางช้าลง เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องเซนต์ตราบใดที่นางไม่ได้เดินทางกับกลุ่มเล็กๆ ถ้าเซนต์เห็นพวกเรา พิธีกรรมและทุกอย่างจะล้มเหลวหมด”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เรามีกัปตันอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ลูกน้องเชื่อว่าถ้าเป็นเมลเซีย แม้แต่เซนต์หญิงก็แพ้เขา

ความเชื่อทำให้เมลเซียฝืนยิ้ม “อย่าดูถูกนาง เซนต์ฮิลลิสเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด กระทั่งพระนักรบเฟอนันโดผู้โด่งดังยังต้องถอยให้นาง”

เหล่าลูกน้องกลืนน้ำลาย เหตุผลเพราะคนของพวกเขาตายในมือของคาดินัล เฟอนันโดมาหลายคนแล้ว

ในสายตาของวิหาร พวกเขาคือศัตรูนอกรีต และพิธีกรรมที่พวกเขากำลังจะทำในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นสิ่งชั่วร้ายที่จะต้องไม่เกิดขึ้น ดังนั้น เมลเซียสงสัยวิหารที่สุดว่าเป็นองค์กรที่อยู่เบื้องหลังคนร้าย

รวมถึงการแสวงบุญของเซนต์หญิงที่ไม่มีการประกาศเป็นทางการ ทำให้วิหารยิ่งน่าสงสัยเป็นอันดับหนึ่ง

“ข้าได้ยินข่าวลือว่าเซนต์สามารถสู้กับวิลเลียมแห่งเผ่าผีเสื้อได้อย่างเท่าเทียม”

“ปีศาจขาวนั่นเหรอ!”

เหล่าลูกน้องตะลึงกับคำพูดของเมลเซีย บางคนเริ่มวิตกเพราะพวกเขาเคยเห็นวิลเลียมในสนามรบ

“อย่ากังวลเกินไป มันเป็นแค่ข่าวลือ แค่ระวังไว้” เมลเซียพูด

“เข้าใจแล้วครับ”

ถึงเมลเซียจะพูดแล้ว แต่ลูกน้องของเขายังไม่หายวิตกกังวล เขาเดินเข้าโรงแรมพลางคิดว่าไม่ควรพูดเลย

“ยินดีต้อนรับ!” เจ้าของโรงแรมทักทายพวกเขาขณะเก็บโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง

เมลเซียขมวดคิ้ว “แปลก มีกลิ่นไหม้”

โรงแรมสะอาดและไม่มีเศษเถ้าถ่านทั้งๆที่มีกลิ่นไหม้ เมลเซียเลยคิดว่าในครัวคงทำอาหารไหม้และเลิกคิดมาก

มองไปรอบๆ เขาไม่รู้สึกถึงคนอื่นนอกจากเจ้าของโรงแรม ดูเหมือนเซนต์หญิงจะยังมาไม่ถึง เขาคิดมากเกินไป เซนต์ไม่มีทางเดินทางได้เร็วขนาดนั้น

ตอนนี้เขาห่างจากแท่นบูชาเพื่อตามคริสตัลคานีเลียนที่ถูกขโมย เขาไม่อาจโต้ตอบการเคลื่อนไหวของเซนต์หญิงได้ในทันที

การแสวงบุญเป็นการตัดสินใจกะทันหัน เขาเลยพาคนที่สามารถหลอกพวกพาลาดินมาด้วยไม่ได้ เพราะอย่างนั้นจึงจับตามองเซนต์หญิงใกล้ชิดไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร

“เถ้าแก่ ข้ามีเรื่องอยากถาม” เมลเซียพูด

เจ้าของโรงแรมยิ้มกว้าง “ครับๆ แน่นอน ค่าที่พักคืนละ-”

“ไม่ใช่-” เมลเซียตัดบท “เราไม่ได้จะพักที่นี่”

เจ้าของโรงแรมหยุดยิ้ม ถอนหายใจแล้วกลับไปเช็ดโต๊ะ

ลูกน้องของเมลเซียโกรธขึ้นมาทันที

“แก!”

“หยุด!” เมลเซียสั่ง

เมื่อเมลเซียโบกมือ ลูกน้องของเขาก็ลดกำปั้นลง เมลเซียเข้าไปใกล้เจ้าของโรงแรม

“เฮ้ เถ้าแก่” 

เมื่อดวงตาข้างเดียวของเมลเซียจ้องเจ้าของโรงแรม เจ้าของโรงแรมก็ทำผ้าเช็ดโต๊ะในมือตก

“เห็นคนผมดำสามคน เป็นคนหนุ่ม เด็กหนุ่ม และเด็กสาวไหม?”

ทันทีที่เห็นดวงตาของเมลเซีย เจ้าของโรงแรมรู้สึกเหมือนผมตัวเองกำลังเปลี่ยนเป็นสีขาว

เจ้าของโรงแรมพูดติดๆขัดๆด้วยความกลัวเหมือนเจอกับหมาป่า “นั่น นั่น”

เมลเซียมองเจ้าของโรงแรมด้วยสายตาอบอุ่น

“ค่อยๆคิด” เมลเซียพูดอย่างสุภาพ แต่เจ้าของโรงแรมเข่าอ่อน เขาล้มก้นกระแทกพื้นด้วยความกลัว

“อ๊า! มี มี! กลุ่มสามคนผมดำ!”

มองเจ้าของโรงแรมที่หน้าซีด เมลเซียยื่นมือเพื่อช่วยเขาลุกขึ้น “พวกเขาออกจากที่นี่ไปเมื่อไหร่?”

เมื่อเมลเซียยื่นมือ เจ้าของโรงแรมร้องและยกแขนปิดหน้าเหมือนขอร้องว่าอย่าตีเขา

“อ๊า! บ่าย! พวกเขาออกไปตอนบ่ายกับกลุ่มของเซนต์หญิง อย่าทำข้า!”

เมลเซียตีหน้าเครียดเพื่อปิดบังความกระอักกระอ่วนเพราะปฏิกิริยาของเจ้าของโรงแรม ด้วยความร้อนรน เขาจึงพูดเสียงดังกว่าเดิม “อะไรนะ! เซนต์?! พวกเขาบอกหรือเปล่าว่าไปไหน!”

“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์! ซาฮาราม! อ๊า!”

เมลเซียเลิกสนใจเจ้าของโรงแรมที่พยายามคลานหนี เขาตะโกน “เรากลับไปที่แท่นบูชาเดี๋ยวนี้!”

เมลเซียกำหมัด เขาคิดว่าระวังการเคลื่อนไหวของเซนต์หญิงดีแล้ว แต่เธอเดินทางเร็วเกินไป

ตามเหตุผลของเมลเซีย พวกเขาควรเดินทางช้าเพราะเซนต์หญิงเดินทางมากับพาลาดินเป็นกลุ่มใหญ่

แต่ที่ยิ่งกว่านั้น ทำไมเขาจึงไม่รู้ตัวในเมื่อเซนต์อยู่ใกล้ขนาดนี้?

ในที่โล่งกว้างอย่างทะเลทราย เป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนกลุ่มเดินทางขนาดใหญ่

“ครับ!” คนของเขาตอบพร้อมกัน ทันทีที่พวกเขาออกจากโรงแรมก็ปล่อยสัญญาณฉุกเฉินขึ้นฟ้า

ควันแดงเรืองรองในท้องฟ้า เมลเซียรวบรวมคนของเขาและตรงไปซาฮารามด้วยความเร็วเต็มที่

***

ในเกวียนเดินทางสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ ซาฮาราม ที่นั่งอยู่ไม่ได้มีแต่ฮิลลิสและหญิงรับใช้ของเธอ แต่มีเลชาและแลนซีลอตด้วย แมคบอกว่าการไม่ได้ขยับตัวไม่เข้ากับนิสัยของเขาและเลือกขี่อูฐกับพวกพาลาดินแทนที่จะนั่งในเกวียนสบายๆ อาจเพราะนิสัยใจกว้างของพวกพาลาดิน พวกพาลาดินเข้ากับแมคได้ดี แม้จะผ่านนรกฮิลลิสตอนเมาเพราะเขา 

แลนซีลอตได้แต่อึ้งเมื่อมองพาลาดินกับแมค

คิดอีกทาง สำหรับพาลาดินที่ศรัทธาและติดตามฮิลลิสจากใจจริง การปลุกนรกอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของแมคอาจเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยของพวกเขาก็ได้

แน่นอน สมมติฐานว่าพวกพาลาดินเป็นพวกโรคจิตชอบอะไรแปลกๆยังคงไม่หมดไปแม้แต่น้อย

“อา... สบายจัง”

ฮิลลิสซาบซึ้งกับความเย็นในเกวียนและพูด “ขอบใจมาก!”

เลชารู้สึกอึดอัดเมื่อถูกฮิลลิสกุมมือและมองเธอด้วยดวงตาชุ่มน้ำตา “ไม่หรอก มันแค่เวทมนตร์ธรรมดา”

สำหรับเลชา เวทมนตร์ระดับนี้ง่ายมาก การฝึกโหดของครูเมอร์ปาทำให้เธอใช้เวทมนตร์ที่ยากกว่านี้ได้ง่ายเท่าหายใจ อีกอย่าง พลังเวทที่นี่นิ่งสงบ ไม่เหมือนตอนที่เธอเรียนกับครูเมอร์ปา บางครั้ง เธอนั่งเหม่อในเกวียนที่นั่งสบายและลืมไปว่ากำลังใช้เวทมนตร์อยู่

“ข้าได้ยินว่าเซนต์ใช้เวทศักดิ์สิทธิ์ได้ ไม่มีเวทมนตร์แบบนี้ในเวทศักดิ์สิทธิ์เหรอ?”

ฮิลลิสยิ้มและส่ายหน้า “เปล่าหรอก เท่าที่ข้ารู้ มันมี แต่ข้ายังไม่ได้ฝึก”

ที่จริงแล้ว สมัยจักรพรรดิชาร์ลอตมีอำนาจ เขาสั่งห้ามเวทมนตร์ที่สร้างความสะดวกสบาย ให้เหตุผลว่าเวทมนตร์เหล่านี้ทำให้เกิดความแตกแยกในจักรวรรดิ ในความเป็นจริง เขาไม่ต้องการให้ประชาชนจดจำความรุ่งเรืองในอดีตของวิหาร

เหตุผลนี้เป็นความลับ แต่คนที่รู้ประวัติศาสตร์สามารถเดาได้ง่ายดาย

“โอ้ เข้าใจแล้ว”

เลชาไม่คิดมาก แต่แลนซีลอตรู้เรื่องจักรวรรดิดีเพราะเขาถูกสอนมาหลายอย่างในฐานะทูต

แลนซีลอตยิ้มเก้อและหลบตาฮิลลิส ฮิลลิสรู้ว่าแลนซีลอตรู้เมื่อเห็นท่าทางของเขา แต่เธอทำเป็นไม่รู้

ไม่จำเป็นต้องให้คนรู้ถึงสถานการณ์ของจักรวรรดิ แต่เมื่อเธอเห็นแลนซีลอตก็รู้สึกอยากแหย่เล่น “แลนซีลอตสงสัยอะไรหรือเปล่า?”

“ครับ?!” แลนซีลอตตกใจเมื่อฮิลลิสพูดกับเขา

เห็นเขาสะดุ้งแบบนั้น ฮิลลิสก็แอบหัวเราะในใจ

“เอ่อ ข้ากำลังสงสัยว่า พาลาดินที่คุ้มกันเซนต์หญิงน้อยไปหรือเปล่า?” แลนซีลอตถาม

กลุ่มของฮิลลิส มีฮิลลิส หญิงรับใช้ของเธอ และพาลาดิน 13 คน รวมเป็น 15 คน มันน้อยเกินไปเมื่อคิดถึงฐานะของเซนต์หญิงแห่งจักรวรรดิ ตามกฎของจักรวรรดิ อัศวินแต่ละคนจะมีอัศวินฝึกหัด 2 คน หรือก็คือ กลุ่มของฮิลลิสมีแค่หนึ่งในสามของที่ควรจะเป็น

เลชาคิดว่า 13 คนก็เยอะแล้วและเอียงคอด้วยความสงสัย

ที่เธอสงสัยเพราะผู้เข้มแข็ง 13 คนของเผ่ากาสามารถทำลายนิคมของสัตว์ประหลาดก่อนน้ำร้อนในแก้วหนึ่งใบจะหายร้อน เพื่อเอาไว้เปรียบเทียบ ถ้าสัตว์ประหลาดปรับตัวเข้ากับป่าโอลิมปัสและสร้างนิคมขึ้นมา ประชากรมักจะมีไม่น้อยกว่า 1,000 ตัว

เลชาไม่ถามเพราะโลกนอกป่าโอลิมปัสมีหลายเรื่องที่เกินสามัญสำนึก บางทีในประเทศที่เรียกว่าจักรวรรดิ 13 คนคงถือว่าน้อย

เลชารอฟังคำตอบของฮิลลิสระหว่างที่ตอบคำถามของตัวเองพร้อมกับยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรมไปด้วย

ฮิลลิสทำหน้าแปลกใจเหมือนไม่คิดว่าเขาจะถามเรื่องนี้ แต่เธอรีบกลับไปยิ้มใจดีเหมือนเดิมและตอบ “ที่จริงคือ ข้าทิ้งกองอัศวินปกติที่จะมากับข้าไปเพราะมันน่ารำคาญ”

อัศวินที่ฮิลลิสพูดถึง ไม่ใช่กลุ่มอัศวินไม่เป็นทางการที่กำลังคุ้มกันเธออยู่ ต้องมีอัศวินอย่างน้อยสองกลุ่มถึงจะถือเป็นกองอัศวินอย่างเป็นทางการ รวมถึงอัศวินฝึกหัดด้วย

กองอัศวินของจักรวรรดิโดยทั่วไปมีห้ากลุ่มรวมกัน แต่กองอัศวินเป็นหน่วยพิเศษ จำนวนกลุ่มสามารถแตกต่างกันไปได้ขึ้นอยู่กับหัวหน้ากองอัศวิน

“เอ๋? แบบนั้นก็ได้เหรอ?”

เลชาไม่รู้ขนาดจริงๆของกองอัศวิน แต่เธอสงสัยว่าคนที่มีฐานะอย่างเซนต์หญิงจะเดินทางในทะเลทรายหลังจากทิ้งขบวนคุ้มกันได้โดยไม่เกิดปัญหา สำหรับเลชา ถ้ามันเป็นกฎ เธอจะไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้ไม่ว่าจะมีฐานะสูงขนาดไหน

“แน่นอนว่าไม่ ฮุๆๆ”

เลชาคิดว่าฮิลลิสหัวเราะเหมือนเดนเบอร์ก

ด้วยความคิดที่ถ้าแลนซีลอตได้ยินคงไม่เห็นด้วยแน่นอน เลชามองฮิลลิสด้วยสายตาสงสัย


สารบัญ                                                         บทที่ 75.1

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 74.1

 บทที่ 74.1 

ช่วงเที่ยง ฮิลลิสตื่นพร้อมกับกุมขมับ หลังจากลุกและมองไปรอบๆเธอก็รู้ตัวว่าได้กลับมานอนที่ห้องของเธอ

เธอตื่นสายไปหน่อยและลงไปทานอาหารเช้า ขณะที่คิดว่าพวกเธอต้องออกแต่เช้าเพื่อไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซาฮาราม เธอก็เห็นเหล่าพาลาดินกำลังตั้งวงกินเหล้า จึงดุพวกเขา เธอจำได้ถึงแค่ตรงนี้

“อูย หัวข้า”

ฮิลลิสตื่นด้วยความรู้สึกเหมือนเมาค้าง และเมื่อตื่นดีแล้วก็รู้สึกกระหายน้ำมาก

ขณะที่ฮิลลิสเกาศีรษะคิดจะลงไปชั้นล่างเพื่อหาน้ำดื่ม ก็เห็นแก้วใส่น้ำวางอยู่บนโต๊ะ นี่เป็นตอนเที่ยงแล้วในห้องจึงเริ่มร้อน ฮิลลิสเชื่อว่าน้ำคงจะกลายเป็นน้ำอุ่นไปแล้วและรีบดื่มให้หมด

“เอ๋?”

ตรงข้ามกับที่คิด น้ำเป็นน้ำเย็น ความกระหายของเธอหมดไปด้วยน้ำเย็นสดชื่น ไม่อุ่นหรือเย็นเกินไป

ทำไมน้ำยังเย็นอยู่ได้? เมื่อมองแก้วดีๆ ฮิลลิสก็เห็นว่ามีเวทมนตร์อยู่บนแก้ว ฮิลลิสรู้จักเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ดี แต่นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ เธอจึงไม่รู้ว่ามันเป็นเวทมนตร์ประเภทไหน

ถึงอย่างนั้นเธอก็เดาได้ว่าใครเป็นคนลงเวท เลชา เธอเป็นนักเวทคนเดียวที่สามารถใช้เวทมนตร์บนแก้วน้ำที่อยู่ในห้องของฮิลลิสได้

อย่างแรกเลยคือไม่ใช่ว่าใครก็เข้ามาในห้องของเธอที่เหล่าพาลาดินเฝ้าอยู่ได้ 

“ฮุๆๆ”

ฮิลลิสหัวเราะพลางคิดแผน จะว่าไป เธอต้องการนักเวทสักคนมาสร้างความเย็นให้เธอนี่นะ มันเป็นเหตุผลเห็นแก่ตัว แต่เธอตัดสินใจเสนอให้เดินทางกับคนเผ่ากา

อีกอย่าง คนเผ่ากาบอกว่าพวกเขาจะจ้างคนนำทางออกจากทะเลทรายอยู่แล้ว เท่ากับต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์

ฮิลลิสฮัมเพลงเดินลงไปชั้นล่าง แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็น

ตรงกลางของชั้นหนึ่ง แมคถูกเชือกมัดและถูกห้อยกลับหัว

“นี่มันอะไรกัน?” ฮิลลิสร้อง ตกใจกับภาพที่คาดไม่ถึง

หญิงรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาถาม “ท่านเซนต์ รู้สึกดีขึ้นไหมคะ?”

“หือ? อื้อ ข้าสบายดี แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

หญิงรับใช้เบิกตาโตและถาม “ท่านจำไม่ได้เหรอ?”

“จำเหรอ? จะว่าไปแล้วข้าก็รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย” ฮิลลิสพูด

หญิงรับใช้รีบรินน้ำให้ “ดื่มน้ำสิคะจะได้รู้สึกดีขึ้น”

“ขอบใจ เอ๊ะ?” ฮิลลิสรู้สึกเหมือนเกิดเรื่องแบบนี้มาแล้วตอนรับน้ำจากหญิงรับใช้

เธอรู้สึกเหมือนเคยรับแก้วน้ำอย่างนี้มาก่อน ฮิลลิสดื่มน้ำอย่างไม่คิดมาก เธอดื่มน้ำชาและน้ำดื่มที่คนรินให้หลายครั้งจนไม่ควรจะถือว่าเป็นเดจาวู

ตรงกันข้าม สถานการณ์ที่เธอรินน้ำดื่มเองกลับมีไม่บ่อย

“อะไรเหรอคะ?” หญิงรับใช้ถาม

ฮิลลิสหัวเราะ “ไม่มีอะไร แต่ทำไมเขาถึงถูกแขวนอย่างนั้นล่ะ?”

หญิงรับใช้ตอบเก้อๆ “นั่น เขากำลังถูกลงโทษค่ะ”

“ถูกลงโทษ? ใครลงโทษเขา?” ฮิลลิสถาม

“คนนั้นค่ะ” หญิงรับใช้ชี้

ฮิลลิสมองตามไปและเห็นเลชา ที่กำลังทำหน้าโกรธขนาดฮิลลิสยังสังเกตได้

“เอ่อ คุณหนู ขอร้องล่ะ แก้มัดให้ข้าได้แล้ว!” แมคขอร้อง

เลชาอึ้งเมื่อเห็นแมค แม้จะถูกแขวนห้อยหัวยังยิ้มได้ไม่เปลี่ยน

“คุณหนูก็พูดไม่ใช่เหรอว่าอยากรู้เหมือนกัน ข้าผิดแค่เพราะคลายความสงสัยให้เจ้า” แมคพยายามให้เหตุผล

“นั่นคือสิ่งที่เจ้าสมควรพูดต่อหน้าคนพวกนี้เหรอ?”

เมื่อเลชายกพวกเขามาพูด เหล่าพาลาดินส่งเสียงเชียร์ให้เธอ

“ใช่แล้ว! แม่นางจากเผ่ากา ลงโทษเขาให้หนักกว่านี้!”

“แม่นาง สู้ๆ!”

เห็นอย่างนั้นแล้วฮิลลิสก็ถามหญิงรับใช้ “พวกนั้นเป็นอะไรกัน?”

เหล่าพาลาดินมีรอยเกรียมในหลายๆที่ เหมือนถูกฟ้าผ่า หญิงรับใช้ไม่ยอมสบตาฮิลลิสพลางตอบ

“ข้าไม่แน่ใจ... เอ่อ จะบอกว่าเป็นผลกรรมก็ได้ค่ะ”

“ผลกรรม?” ฮิลลิสเอียงคออย่างไม่เข้าใจคำตอบของหญิงรับใช้

แต่แทนที่จะฟังรายละเอียด พวกเขาต้องออกไปแดนศักดิ์สิทธิ์ซาฮารามก่อนเพราะเสียเวลาไปมากแล้ว

ฮิลลิสตรงไปที่กลุ่มของแลนซีลอตเพื่อชวนพวกเขาไปด้วย

“ขอโทษนะ”

เมื่อฮิลลิสเข้ามา แลนซีลอตก็สะดุ้ง นรกเมื่อเช้ายังไม่หายไปจากความทรงจำของเขา

ฮิลลิสรู้ว่าบางอย่างไม่เข้าท่าแล้วเมื่อแลนซีลอตแสดงท่าว่ากลัวเธอ เธอรู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นแลนซีลอตหลบไปข้างหลังเลชา

“ตื่นแล้วเหรอ?” เลชาทัก มีสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย

เห็นทุกคนแปลกไปแบบนี้ ฮิลลิสก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่เธอจำไม่ได้ แต่เธอเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน

“ใช่ ข้าขอบคุณสำหรับน้ำดื่มในห้องด้วย ข้าสังเกตเห็นว่ามีเวทมนตร์บนแก้ว เลชาเป็นคนใช้เวทมนตร์ใช่ไหม?” ฮิลลิสถาม

เลชาโบกมืออย่างถ่อมตน “ไม่ใช่เวทมนตร์ยิ่งใหญ่อะไรหรอก”

“โอ๊ะ จะว่าไปแล้ว เจ้าบอกว่ากำลังหาคนนำทางออกจากทะเลทรายใช่ไหม?”

เลชาพยักหน้า “ใช่ พวกพ่อค้าที่ข้าจ้างเป็นคนนำทางทีแรกจู่ๆก็หันมาปล้น พวกข้าเลยหลงทาง”

ฮิลลิสปรบมือเหมือนพวกเขาเจอโชคดีมากและเสนอ “ถ้าอย่างนั้นมากับพวกข้าไหม? ตัวตนของพวกข้าเชื่อใจได้ และพวกข้ารู้จักทางดีเพราะมันเป็นเส้นทางแสวงบุญ ยิ่งไปกว่านั้นนะ เรามีอูฐและเกวียน เจ้าจะได้เดินทางสบายขึ้น”

ฮิลลิสพูดเหมือนใจดี แต่ที่จริง เธออยากใช้เวทมนตร์ของเลชาทำให้หายร้อนจะแย่แล้ว

“เป็นข้อเสนอที่ดีมากเลย... แต่ ข้าไม่ใช่คนตัดสินใจ” เลชาพูดและแอบมองแลนซีลอตที่หลบข้างหลังเธอ

ตั้งแต่แรกแล้ว แมคกับเลชาเป็นคนผิดที่ทำให้กลุ่มหลงทางกลางทะเลทราย ดังนั้นพวกเธอจึงตกลงที่จะทำตามคำพูดของแลนซีลอต

ฮิลลิสที่รู้เรื่องของพวกเขาเพียงคร่าวๆจึงประหลาดใจที่ได้ยินว่าลูกสาวของดูมสโตนไม่ใช่คนมีอำนาจตัดสินใจ

ฮิลลิสหันไปมองแมค ที่กำลังถูกแขวนห้อยลงมาจากเพดาน

“ฮ่าๆ ไม่ใช่ข้าเหมือนกัน”

“ถ้าอย่างนั้น?” ฮิลลิสมองแลนซีลอต ที่โผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังเลชา

แสดงว่าที่เมื่อคืนแมคผลักแลนซีลอตออกมาเป็นเพราะเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มจริงๆ ไม่ใช่เพราะเห็นว่ายุ่งยากเหรอ?

ฮิลลิสอดแปลกใจไม่ได้

“เจ้าคิดว่ายังไง?” เลชาถามแลนซีลอต

“อืม ถ้าเริ่มจากข้อสรุป ข้าคิดว่าข้อเสนอนี้ดี อย่างแรก ข้อดีหนึ่งคือตัวตนของเซนต์หญิงเชื่อถือได้ และรู้จักเส้นทางดีด้วย อย่างที่เจ้าพูด แต่กลุ่มของเซนต์หญิงกำลังเดินทางแสวงบุญ คงจะแวะเวียนวิหาร ไม่ได้ออกจากทะเลทรายทันที แต่ว่า ถ้าคิดถึงความเร็วของคนนำทางที่เป็นชาวบ้านธรรมดาแล้วคงไม่ต่างกันนักถ้าเราเดินทางกับอูฐและเกวียน เพราะฉะนั้น ข้าคิดว่าไปกับกลุ่มของเซนต์หญิงที่ไม่ต้องให้พวกเราคอยปกป้องจะดีกว่า”

ฮิลลิสมองแลนซีลอตอย่างประหลาดใจในการวิเคราะห์อย่างรอบคอบของเขา ทำให้แลนซีลอตรีบหลบข้างหลังเลชาอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงกันแล้วนะ ปล่อยข้าลงได้แล้วยัง?” แมคถาม

เลชาไม่สนใจแมคแล้วถาม

“เราจะไปกันเมื่อไหร่?”

ฮิลลิสยิ้ม “ทันทีที่ทุกคนพร้อมดีไหม?”

“ข้าจะไปเก็บของเดี๋ยวนี้แหละ”

เลชากับแลนซีลอตกลับห้องของตัวเอง

“เดี๋ยวก่อน! คุณหนู! ปล่อยข้าลงก่อน!” แมคดิ้นรนแต่ไม่มีใครสนใจ

***

เมลเซียพาผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไปยังหมู่บ้านโอเอซิสที่ใกล้จุดพบศพที่สุด

เขาไม่สามารถตามรอยคนผมดำที่ขโมยคริสตัลคานีเลียนในทะเลทราย แต่เขาแน่ใจได้อย่างหนึ่งว่าคนร้ายเป็นฝ่ายเข้าหาลูกน้องของเขา ที่แต่งตัวเป็นพ่อค้า เหตุผลที่เขาแน่ใจมี 2 ข้อ

ข้อแรกคือสัมภาระที่ลูกน้องของเขาขนย้ายทั้งหมดหายไป เหตุผลอีกข้อคือรายงานสุดท้ายที่ลูกน้องของเขาส่งมา คนร้ายให้เหรียญทองพวกเขาเป็นค่าจ้างนำทาง

เหรียญทองสูงค่าเกินกว่าค่าจ้างคนนำทางมาก ต่อให้เป็นลูกขุนนางไม่รู้ประสีประสายังรู้จักค่าของเหรียญทอง ลูกน้องของเขาคงถูกมองว่าน่าสงสัยแล้วในทันทีที่ตกลงรับเหรียญทองเป็นค่านำทาง

ยิ่งกว่านั้น คนร้ายแขวนถุงเงินไว้ที่เอวระหว่างเดินทาง ไม่ว่าจะมองอย่างไรนั่นก็เป็นการล่อลวงให้โจมตี

ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าพวกเขาแค่อยากได้คนนำทาง คงไม่แย่งสัมภาระทั้งหมดไปเพราะจะทำให้เดินทางลำบาก

ถ้าเป็นการปล้น พวกเขาจะแค่เอาเสาชุบทองและถุงเงิน แต่ ไม่แค่คริสตัลคานีเลียนแต่สัมภาระทั้งหมดหายไป คริสตัลคานีเลียนเป็นของสำคัญที่สุดในสัมภาระเหล่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องใช้ของอย่างอื่น

พวกมันเป็นของที่ใช้ในพิธีกรรม อาจไม่จำเป็นที่สุดแต่ย่อมดีกว่าถ้ามี การเตรียมพิธีกรรมจะช้าลงเพราะของเหล่านั้นหายไป

คนร้ายมีเป้าหมายชัดเจนคือการขโมยคริสตัลคานีเลียนและถ่วงเวลาประกอบพิธีกรรม

เขาหันเหความสนใจไปยังข่าวการแสวงบุญของเซนต์เพียงครู่เดียวก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น เป็นปัญหายุ่งยากจริงๆ

แม้จะพยายามเดาว่าใครเป็นคนพยายามรบกวนพิธีกรรม ก็มีสาม ไม่สิ เกินกว่าห้ากลุ่มองค์กรที่เข้าข่าย เขาจึงเดาไม่ถูก

“บ้าจริง” เมลเซียขมวดคิ้วและสบถเสียงต่ำ

พวกเขาแค่ต้องเลื่อนเวลาประกอบพิธีกรรมออกไป แต่นักเวทชราผู้ดูแลการประกอบพิธีกรรมกลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอย่างอื่นขึ้น เขาจึงเตรียมการต่อโดยไม่สนว่าเป็นการสร้างความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น

เมลเซียเชื่อว่าชายชราที่เฝ้าแท่นพิธีมั่นใจในตัวเองเกินไป

เมื่อเมลเซียดูหงุดหงิด ลูกน้องของเขาก็ยิ่งกระวนกระวาย เมลเซียเกลียดการระบายความโกรธลงกับลูกน้อง แต่ลูกน้องของเขากลัวที่เขาโกรธอยู่แล้ว เขาคิดจะพูดตลกให้ลูกน้องหายกลัวแต่หยุดไว้ ไม่รู้ทำไม แต่เรื่องตลกของเขาทำให้บรรยากาศแย่ลงทุกครั้ง

เมลเซียมาถึงหมู่บ้านโอเอซิสเมื่อเลยเวลาเที่ยงไปมากแล้ว

เมลเซียชี้ลูกน้องของเขาและสั่ง “เจ้า และเจ้า ไปสำรวจที่ร้านขายของชำ เจ้า เจ้า และเจ้าไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน ที่เหลือไปโรงแรมกับข้า”

“ครับ!” ลูกน้องตอบเมลเซียเสียงดังแล้วแยกย้าย


สารบัญ                                                                      บทที่ 74.2



วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 73.2

บทที่ 73.2 – แลนซีลอตผจญภัย

ในคืนมืดหลังดวงอาทิตย์ตก ชายกลุ่มหนึ่งพันผ้าโพกหัวและหน้ากากกันทรายลงจากอูฐและมองไปรอบๆ จุดคบไฟให้แสงสว่าง พวกเขาดูเคร่งเครียด

“เจอแล้ว! ตรงนี้!

ได้ยินเสียงตะโกนจากที่ห่างไปไม่ไกล พวกเขารีบตรงไปทางนั้น มีศพถืออาวุธ 5 ศพและรถม้าพังถูกกลบในทราย

“กัปตันเมลเซีย ยินดีต้อนรับ!” เจ้าของเสียงตะโกนพูด

เมื่อคนกลุ่มที่เจอศพก่อนเห็นผู้มาใหม่ พวกเขาก็หยุดหาและทำความเคารพ

“ไม่เป็นไร ทำงานต่อเถอะ”

เมื่อชายวัยกลางคนที่ดูแก่ที่สุด กัปตันเมลเซียพูด ชายกลุ่มนั้นก็หาต่อโดยไม่ต้องให้สั่งซ้ำ

“พวกเจ้าก็ช่วยด้วย”

เมลเซียนวดแผลเก่าที่ทำให้เขาเสียตาไปข้างหนึ่งด้วยความเคยชินและสั่ง ชายกลุ่มที่ใส่ผ้าโพกหัวแยกไปช่วยหาทันที

“เกิดอะไรขึ้น?” เมลเซียถามพลางลดหน้ากากลง

ชายหนุ่มที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในกลุ่มค้นหาตอบตัวตรง “ครับ! ตอนเราเจอเขาก็ตายไปแล้วครับ!

“ข้ารู้แล้ว ที่ข้าถามคือพวกเขาตายได้ยังไง ใครทำ”

ชายหนุ่มตอบตัวแข็ง “ขอโทษครับ!

เมลเซียมองชายหนุ่มอย่างไร้อารมณ์ ใครเห็นก็บอกได้ว่าชายคนนี้กำลังเครียดมาก แบบนี้เขาไม่มีทางทำงานให้ดีได้

เมลเซียรู้สึกหมดหนทาง เปลี่ยนไปมองศพและพูดต่อ “เอาเถอะ ข้าจะหาคำตอบเอง แล้วของที่พวกเขาขนไปไหน”

ชายหนุ่มเหงื่อตก “นั่น... เราหาไม่เจอครับ”

“อะไรนะ!

เมื่อเมลเซียเปลี่ยนจากพูดเสียงเบาเป็นตะโกน ชายหนุ่มก็หวาดกลัว “ขอโทษ ขอโทษครับ!

“บ้าเอ๊ย!

เมลเซียตรวจศพโดยไม่สนใจชายหนุ่ม โอกาสที่ฆาตกรจะเอาของไปด้วยมีสูง

เมลเซียสำรวจสภาพศพเพื่อหาข้อมูลของฆาตกรให้ได้มากที่สุด บนร่างไม่มีแผลจากดาบ อย่าว่าแต่รอยดาบ ศพสะอาดเกินไป ไม่มีร่องรอยบาดแผลภายนอกเลย

ถือเป็นโชคดีที่ศพยังไม่เน่าและยังไม่ถูกสัตว์ประหลาดในทะเลทรายขุดขึ้นมากิน

เมลเซียถอดเสื้อผ้าบนร่างศพออก อาจเป็นเพราะความร้อนในทะเลทรายทำให้ศพยังไม่แข็งดี จึงถอดได้ไม่ยากนัก

หลังจากถอดเสื้อผ้าบนร่างศพออก เมลเซียสังเกตเห็นจุดที่เหมือนกัน แต่ละศพมีรอยแดงคล้ำขนาดใหญ่กลางหน้าอก

เมลเซียกดหน้าอกศพเบาๆ นิ้วของเขากดบุ๋มลงไป เขาไม่รู้สึกถึงกระดูกซี่โครงที่ป้องกันหัวใจ เมลเซียหยิบมีดและค่อยๆผ่าหน้าอกออก

เมื่อผ่าหน้าอกของแต่ละศพออก เขาพบว่าหัวใจและกระดูกซี่โครงถูกทำลายอย่างหมดจดในการโจมตีครั้งเดียว คนลงมือเป็นผู้เชี่ยวชาญ

เมลเซียแน่ใจ มันเป็นการสังหารที่หมดจดขนาดทำให้คนที่สามารถฆ่าด้วยการแทงหนึ่งครั้งตายหนึ่งครั้งกลายเป็นมือสมัครเล่นไปเลย

นักลอบสังหารเหรอ?

ไม่ ไม่มีร่องรอยของยาพิษ เขาไม่เคยได้ยินว่ามีนักลอบสังหารที่ไม่ใช้ยาพิษ ถ้ามี ก็ต้องเป็นนักลอบสังหารที่โง่มาก ไม่ว่าจะเก่งหรือไม่ก็ตาม ยิ่งกว่านั้น นี่เหมือนการล่ามากกว่าการลอบสังหาร เพราะเป็นการฆ่าที่เด็ดขาดมาก

ถ้าอย่างนั้นฆาตกรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการล่า? นอกจากนี้ก็ไม่มีข้อมูลอื่นแล้ว

เมลเซียลุกขึ้นเมื่อมาถึงทางตัน

“พวกเจ้าเก็บศพและค้นหารอบๆต่อ” เมลเซียสั่ง

“ครับ!

ทิ้งชายหนุ่มที่ทำความเคารพตัวแข็งไว้ข้างหลัง เมลเซียเรียกลูกน้องที่มากับเขา

“พวกเรากลับ”

“ครับ!

เมลเซียและพวกปีนขึ้นอูฐและขี่จากไปอย่างรวดเร็ว ที่หมายของพวกเขาคือซาฮาราน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งชื่อตาม

***

“ฮ้าว หลับสบายจัง” แลนซีลอตหาวและยืดตัวขณะนอนบนเตียง

ไม่เพียงแค่พวกเขาได้ห้อง ฮิลลิสยังออกค่าที่พักทั้งหมดให้เป็นการขอโทษ

ขณะแลนซีลอตกำลังจะลุกจากเตียง แมคก็เข้ามาในห้อง “โอ้ ตื่นแล้วเหรอ?”

ดูจากผมที่เปียกชื้น แมคคงตื่นแต่เช้า ออกกำลังกายและอาบน้ำมาแล้ว

“ครับ หลับสบายดีไหม?” แลนซีลอตถาม

หลังจากทักทายตอนเช้า แลนซีลอตกับแมคก็ลงมาที่ชั้นล่างของโรงแรมเพื่อกินอาหารเช้าด้วยรอยยิ้ม

“โอ้! สหายเผ่ากา! หลับสบายดีไหม?”

ที่ชั้นล่าง เหล่าพาลาดินนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่แล้ว

แลนซีลอตทักทายพวกเขาอย่างสดใสและถามอย่างระวัง “ครับ เอ่อ เมื่อคืนพวกเจ้าหลับไหวเหรอ?”

เหล่าพาลาดินหัวเราะฮ่าๆ

“ฮ่าๆๆ แน่นอน พวกเราหลับสบายดี!

“ใช่ๆ ท่านเซนต์ยอมเมตตา หยุดลงโทษพวกเราตอนเพิ่งจะตีหนึ่งเอง”

“ใช่ ช่างเมตตา”

เหล่าพาลาดินถูกลงโทษให้เอาหัวปักพื้นตอน 3 ทุ่ม แลนซีลอตคำนวณแล้วพวกเขาถูกลงโทษสี่ชั่วโมง

แต่ถึงอย่างนั้น คำพูดของเหล่าพาลาดินไม่มีร่องรอยของการโกหก

ระหว่างที่แลนซีลอตอึ้ง แมคแทรกเข้าไปในกลุ่มพาลาดินอย่างเป็นธรรมชาติและขโมยขนมปังมาหนึ่งชิ้นก่อนจะพูดอย่างเจ้าเล่ห์ “ว้าว! เซนต์หญิงใจดีจัง ท่านทูตก็คิดอย่างนั้นใช่ไหม?”

ความเจ้าเล่ห์ของแมคทำให้แลนซีลอตพูดไม่ออก เหล่าพาลาดินพยักหน้าหงึกๆ “ฮ่าๆๆ เจ้าก็รู้ดีเหมือนกัน!

“แน่นอน! ข้าพอรู้อยู่บ้าง! ฮ่าๆๆ!” แมคตอบ

แลนซีลอตถอยห่างจากกลุ่มพาลาดิน

“ทำไมเจ้าขยับไปไกลนักล่ะ?”

ข้าไม่อยากอยู่ใกล้พวกชอบความซาดิสท์

แลนซีลอตกลืนคำพูดนั้นลงไปแล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะ “ฮ่าๆ ข้าสงสัยว่ามื้อเช้ามีอะไร?”

แลนซีลอตเดินผ่านกลุ่มพาลาดินขณะที่เจ้าของโรงแรมนำเบียร์และอาหารมาวางบนโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง ดูสบายดีหลังจากฮิลลิสรักษาให้เมื่อคืน

ไปๆมาๆ แมคก็นั่งกับเหล่าพาลาดินและเหมือนจะตั้งวงเหล้ากันแต่เช้า

“อย่าดื่มจนเมานะ!” แลนซีลอตพูด

แมคโบกมือให้เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องห่วง

“ฮ่า! ต้องอย่างนี้สิ!

เหล่าพาลาดินเชียร์เมื่อแมคดื่มเบียร์รวดเดียวหมดแก้ว

“สมเป็นลูกผู้ชาย!

“เท่มาก!

ดื่มเบียร์ที่ทำให้เย็นด้วยอากาศของทะเลทรายยามกลางคืน เหล่าพาลาดินและแมคร้องและเต้น

“โอ้ เพื่อนเอ๋ย อย่ามองน้องนางที่ท่าเรือ อย่ามองเลย ข้านี่ถูกกระโปรงแดงน้องจองแล้ว!

“อย่ามอง!

“ดื่ม!

พวกเขาร้องเพลงที่คนคงคิดไม่ถึงว่าพาลาดินจะร้องและถือแก้วเบียร์ตะโกนเชียร์ แลนซีลอตถอนหายใจมองแมคที่อยู่ตรงกลาง ดื่มเบียร์จากแก้วที่ใหญ่กว่าศีรษะของเขาทีเดียวหมด

“เป็นอะไรกันน่ะ?” เลชาถาม ไม่รู้ว่าลงมาที่ชั้นล่างเมื่อไหร่

แลนซีลอตคิดหาคำตอบแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นถอนหายใจ เลชาเลิกถามและสั่งอาหารเช้า

หลังจากการดื่มยาวนาน พวกเขาก็เริ่มสงบลงเมื่อฮิลลิสลงมา และหยุดเมื่อเธอกินอาหารเสร็จ

“โอ้? หยุดทำไมล่ะ? เทเบียร์ลงคอต่อไปสิ เจ้าพวกบ้า”

เห็นฮิลลิสยิ้มอย่างใจกว้าง เหล่าพาลาดินเริ่มเหงื่อตก

“ไม่ พอแล้วครับ” พวกเขาพูด

“ทำไมล่ะ? เห็นพวกเจ้าทำลายแผนการของพวกเราแล้วรู้สึกดีออก ข้าก็ดื่มด้วยดีไหม?” ฮิลลิสถาม

“ขอโทษครับ อะไรก็ได้แต่อย่าให้เป็นเหล้าเลย!

“ไม่นะ! อะไรก็ได้นอกจากเหล้า ได้โปรด!

เมื่อพวกเขาคุกเข่า พยายามขอร้องไม่ให้ฮิลลิสดื่มเหล้า เลชาก็สงสัยขึ้นมา

“ข้าสงสัยจังว่าเกิดอะไรขึ้นตอนเธอเมา พวกเขาถึงขอร้องขนาดนั้น?”

“ไม่รู้สิ” แลนซีลอตตอบ

แลนซีลอตก็สงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเขาก็เห็นแมคเปิดขวดไวน์ และเดินไปหาฮิลลิส

“แหม อย่าโกรธนักสิ ดื่มของเย็นๆสิจะได้รู้สึกดีขึ้น” แมคพูดแล้วเทไวน์ใส่แก้วของฮิลลิส

“ขอบคุณ” ฮิลลิสขอบคุณและเริ่มดื่มไวน์

“นั่นไวน์ใช่ไหม?”

แลนซีลอตพยักหน้าตอบคำถามเลชา

เมื่อได้ยิน เหล่าพาลาดินก็ตะโกน

“ไม่!

“ทุกคนหนีเร็ว!

หน้าของฮิลลิสกลายเป็นสีแดง และเธอเริ่มสะอึก “ทัณฑ์ ฮึก! สวรรค์!

แสงสีขาวส่องจากมือของฮิลลิสและเปลี่ยนเป็นแส้

“กล้า ฮึก! หนีเหรอ!

แส้ฟาดใส่พาลาดินคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ประตูทางออกของโรงแรมที่สุด

รู้ว่าสายไปแล้ว เหล่าพาลาดินใช้พลังเวทคลุมร่างตัวเองเอาไว้

“อ๊าก!

แม้จะใช้พลังเวทคลุมร่างแล้วก็ยังป้องกันพลังของฮิลลิสไม่ได้ พาลาดินถูกไฟช๊อตและลากไปทางฮิลลิส

“โอ้! ฮึก! น่าสงสาร”

พาลาดินสลบไปเพราะถูกช๊อต ฮิลลิสลูบศีรษะเขาและรักษา

“ความเมตตา ฮึก! ของพระเจ้า”

แล้วนรกก็เริ่มขึ้น

***

เมลเซียคุกเข่าหนึ่งข้างตรงหน้าแท่นบูชาเพื่อแสดงความเคารพ เสร็จแล้วเขาลุกขึ้นและพูดกับชายที่ยืนข้างแท่นบูชา

“ขอโทษครับ แต่คริสตัลคานีเลียนถูกขโมยไประหว่างทางโดยคนร้ายที่เรายังไม่ทราบตัว”

ชายชราในเสื้อคลุมหัวสีดำโมโห “อะไรนะ! เจ้ารายงานอย่างนี้เหรอ?!

“ขอโทษครับ ข้าควรระวังให้มากกว่านี้ ข้ามันไร้ความสามารถจึงทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น”

เมลเซียขอโทษ ชายชราตะโกนด้วยความโกรธอีก “เจ้าแก้ตัวอย่างนี้เหรอ! ที่พูดเพราะไม่รู้ว่าคริสตัลนั่นสำคัญขนาดไหนเหรอ?!

ชายชรายกไม้เท้าเพื่อจะตีศีรษะเมลเซียแต่หยุดเมื่อเห็นสายตาดุดันของเขา

“ขอให้ท่านปฏิบัติต่อข้าอย่างมีสติ”

แม้เมลเซียจะเป็นลูกน้องของชายชรา แต่ภูมิหลังของเขาห้ามไม่ให้ชายชราทำรุนแรง ชายชรารู้ดี ดังนั้นแม้เขาจะโกรธก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้

“เจ้า...! เจ้า!

เมลเซียผละจากไป

“เจ้าจะไปไหน!

ชายชราร้อง เมลเซียมองกลับไป ชายชราสะดุ้งเมื่อเห็นสายตาของเขา

“เราต้องหาตัวคนร้ายและเอาคริสตัลคานีเลียนกลับมา”

“เฮ้อ เจ้ารู้เหรอว่าคนร้ายเป็นใคร?”

ชายชราถามเสียงสั่น เมลเซียยิ้มตอบ

“รายงานสุดท้ายบอกว่ามีชายหญิงสามคน ผมสีดำและรวย สมบัติของพวกเขาจะช่วยได้มาก รายงานบอกว่าจะปล้นพวกเขา จึงเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนผมดำสามคนนั่นจะเป็นคนร้าย”

เมื่อพูดจบ เมลเซียออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว อีกนานชายชราจึงตะโกนออกมา “ไอ้... ไอ้อัยการต่ำต้อย!

ชายชราอยากทำลายข้าวของ แต่ไม่มีอะไรในห้องบูชาที่เขาจะทำลายได้ ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่อยู่ในฐานะที่จะหุนหันออกจากห้อง จึงไม่มีทางอื่นนอกจากทนโกรธและรอในห้องบูชาจนกว่าพิธีกรรมจะจบลง

 

 

 

สารบัญ                                         บทที่ 74.1

 

 

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 73.1

 บทที่ 73.1 – แลนซีลอตผจญภัย


“หยุดนะ! ทำอะไรกันน่ะ?” เสียงแหลมสูงดังทั้งชั้นล่างของโรงแรม บังคับให้เหล่าพาลาดินกดพลังของพวกตนลง

พลังงานปริศนาในเสียงดูเหมือนจะควบคุมเหล่าพาลาดินเอาไว้ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงบันไดมา เหล่าพาลาดินคุกเข่าข้างหนึ่งเพื่อทำความเคารพพร้อมกัน

นี่คือคนที่พวกเขาเคารพยกย่อง เซนต์ฮิลลิส

ฮิลลิสผ่านเหล่าพาลาดินที่กำลังคุกเข่าไปหากลุ่มของแลนซีลอตที่อยู่กลางห้อง

“ท่านเซนต์! อันตราย!” พาลาดินคนหนึ่งท้วงขึ้น

“เงียบ!” เซนต์พูด

และอีกครั้ง เหล่าพาลาดินไม่สามารถเงยหน้าขึ้นเหมือนมีแรงกดดันพวกเขาเอาไว้

เซนต์หญิงก้มศีรษะขอโทษแมค “คนของข้าเสียมารยาทไป”

ในสายตาฮิลลิส ลูกน้องของเธอล้อมและข่มขู่พลเมืองที่ไม่มีความผิด แต่ที่จริงแล้วแมคจงใจยั่วยุเหล่าพาลาดินโดยไม่มีใครรู้ และในเมื่อขนาดพวกพาลาดินเองยังไม่รู้ ฮิลลิสที่ลงมาทีหลังยิ่งไม่รู้

เมื่อฮิลลิสก้มหัวขอโทษ เหล่าพาลาดินก็คราง พวกเขาโทษตัวเองที่ทำให้เซนต์ผู้สูงส่งต้องก้มหัว แต่พวกเขาถูกคำสั่งของฮิลลิสควบคุมและเปิดปากพูดไม่ได้

แมคเลียริมฝีปากเมื่อเห็นสถานการณ์เปลี่ยน ที่จริงแล้วในฐานะเป็นผู้คุ้มกัน ไม่เกิดการต่อสู้ย่อมดีกว่า แต่เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย

“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วยอธิบายให้ฟังได้ไหม?” ฮิลลิสถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

แมคยักไหล่แล้วดันหลังแลนซีลอตเบาๆ “ข้าเป็นแค่คนคุ้มกัน หัวหน้าของเราควรเป็นคนตอบคำถามยากๆ”

จู่ๆก็ถูกผลัก แลนซีลอตมองแมคด้วยความตกใจ แต่แมคตอบด้วยการยิ้มหล่อ แลนซีลอตอยากถามว่าทำไมเขาต้องเป็นคนรับมือในเรื่องที่เขาไม่ได้ก่อ แต่สถานการณ์แบบนี้ไม่เหมาะกับการโต้เถียง

แลนซีลอตหยุดแล้วคิดถึงคำสอนของเดนเบอร์ก ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้ตัวว่าทำผิดอะไรและไม่ขอโทษ เราเองก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษ

เมื่อสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ แลนซีลอตตัดสินว่าจะเชื่อมั่นในฝ่ายเขา อย่างไรเสีย ระดับของอีกฝ่ายก็ดูต่ำต้อยมากจนไม่รู้ตัวว่าถูกแมคยั่วยุ

“คือว่า บางทีพวกเราควรจะได้พักที่โรงแรมด้วย ฮึก!” แลนซีลอตมองฮิลลิสด้วยดวงตามีน้ำตาคลอ

มันคือคำสอนของเดนเบอร์กว่าคนที่ร้องไห้ก่อนย่อมรอดแน่ ขณะที่น้ำตาไหลตามแก้มแลนซีลอต ฮิลลิสก็เข้าใจทุกอย่าง

เมื่อพวกเขาพยายามขอห้องแต่ไม่ได้เพราะโรงแรมถูกจองเต็มแล้ว พวกพาลาดินก็ไล่พวกเขาไปด้วยการปล่อยเจตนาต่อสู้ขนาดทำให้โรงแรมสั่นสะเทือน

ความเข้าใจของเธอไม่ผิดนัก แม้แต่เจ้าของโรงแรมที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็เข้าใจอย่างนั้น

ความจริงต่างไปเล็กน้อย แต่มันกลายเป็นจริงด้วยการแสดงของแลนซีลอต สายตาเหมือนจะบริสุทธิ์ของเขาหลอกได้กระทั่งฮิลลิสผู้ชินกับการจัดการเหล่าแรคคูนเฒ่าในวิหาร

“พวกเจ้ามีอะไรจะพูดไหม?” ฮิลลิสถาม

เหล่าพาลาดินไม่โต้ตอบความโกรธของฮิลลิส พูดให้ชัดคือ พวกเขาตกอยู่ใต้คำสั่งให้ ‘เงียบ’ และเอ่ยปากไม่ได้

พาลาดินนิ่งเงียบ ฮิลลิสก็ตำหนิด้วยสายตาเย็นชา “พวกเจ้าเป็นนักบวช แน่นอน ข้ารู้ว่าเจ้ามีหน้าที่ต้องถือดาบ เป็นโล่ให้พระเจ้า และทำลายศัตรูของพระเจ้า แต่ก่อนหน้านั้น นักบวชต้องแบ่งปันความเมตตาของพระเจ้า แต่พวกเจ้ากลับข่มขู่ผู้บริสุทธิ์ ในฐานะนักบวชแล้วนั่นเป็นสิ่งสมควรทำเหรอ?”

เหล่าพาลาดินยังเงียบ ฮิลลิสสวดต่ออย่างไม่สนใจ

“พวกเจ้าได้คิดไหมว่าการกระทำแต่ละอย่างของเจ้าสามารถทำให้นามของพระเจ้าแปดเปื้อน? คนจน คนรวย คนดี คนชั่ว ต่างเท่าเทียมกันต่อหน้าพระเจ้า ในฐานะเซนต์ ข้าผิดหวังในสิ่งที่พวกเจ้าแสดงออกมา ดังนั้น-”

ฮิลลิส ผู้หยุดบทพูดเหมือนหัวหน้ากองทหาร สูดลมหายใจลึกแล้วตะโกน “ปักหัวลง เจ้าพวกบ้า!”

เหล่าพาลาดินกดหัวลงกับพื้น จับมือพักไว้ที่หลัง

แลนซีลอตเห็นแล้วตกใจ “เอ่อ รุนแรงไปหรือเปล่า...”

มองเหล่าพาลาดินที่เส้นกล้ามเนื้อที่คอบวมขึ้นเพราะใช้ศีรษะยันพื้น แลนซีลอตขอความเห็นใจจากฮิลลิส

จุดประสงค์ของแลนซีลอตคือให้เลชาได้พักโรงแรม ไม่ใช่ให้เหล่าพาลาดินถูกทำโทษ

“ไม่ นี่คือการลงโทษจากพระเจ้า เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” ฮิลลิสเอ่ย

ไม่ใช่พระเจ้าเสียหน่อย มันเป็นการลงโทษจากเจ้าไม่ใช่เหรอ?

แลนซีลอตคิดแต่พูดไม่ออกเมื่อเห็นรอยยิ้มเมตตาแต่เหมือนได้ปลดปล่อยด้วยของฮิลลิส

ฮิลลิสค่อยๆนั่งบนหลังพาลาดินที่ใกล้เธอที่สุดแล้วพูดต่อ “ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวเลย ข้าฮิลลิส เป็นเซนต์หญิงของวิหาร ข้าอาศัยอยู่ที่วิหารหลัก เพอซิวาล”

“เอ่อ ขอโทษครับ เขาจะไม่รู้สึกหนักไปเหรอ?” แลนซีลอตถาม

เมื่อฮิลลิสแสดงความเป็นห่วงพาลาดินที่ฮิลลิสใช้เป็นเก้าอี้ เธอดูช็อก “โอ้! ข้าดูหนักมากเลยเหรอ?”

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น” แลนซีลอตตอบ

ฮิลลิสยิ้ม จากนั้นก็ตบหลังพาลาดินที่เธอนั่งอยู่และถาม “ข้าตัวหนักไหม?”

พาลาดินเกือบจะตอบว่า “หนัก!” ไปแล้ว แต่โชคดี เขายังถูกคำสั่ง’เงียบ’ สะกดอยู่และตอบไม่ได้

เมื่อไม่มีคำตอบ ฮิลลิสขมวดคิ้วและนึกขึ้นได้ว่าเขาตอบไม่ได้เพราะคำสั่งจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอ

“ตอบ! ข้าตัวหนักไหม?” ฮิลลิสถามใหม่

พาลาดินตะโกนตอบ “ไม่! ท่านเซนต์ตัวเบาเหมือนขนนกครับ!”

ที่ฮิลลิสสั่งคือให้ตอบ ไม่ได้ให้บอกความจริง

ฮิลลิสมองแลนซีลอตและยิ้ม “เขาว่าอย่างนั้น ทีนี้ เจ้าบอกได้ไหมว่าเจ้าเป็นใคร?”

แลนซีลอตนึกได้ว่าเขายังไม่ได้แนะนำตัว “โอ้! ขอโทษ ข้าคือแลนซีลอตจากทีม 3 ของกระทรวงการต่างประเทศแห่งเผ่ากา ข้าถูกส่งไปทำหน้าที่พิเศษในเมืองหลวง ข้าได้ยินเรื่องของเซนต์หญิงมามาก”

แลนซีลอตทักทายเซนต์หญิงตามที่ฝึกในกระทรวงต่างประเทศ

ฮิลลิสอดประหลาดใจไม่ได้ นอกจากบลัดดี้ หัวหน้ากองทหารหลวงแล้ว เผ่ากาก็ปิดตัวจากโลกภายนอก การติดต่อกับภายนอกมีเพียงขายชิ้นส่วนของปีศาจในวาแรนท์เท่านั้น

นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเจอกันในซาฮาราม ห่างจากป่าโอลิมปัสมาก

ตามในข่าวลือ เขามีผมสีดำและตาสีดำ คนผมสีดำมีค่อนข้างเยอะ แต่เธอไม่เคยเห็นตาสีดำมาก่อน

“นึกไม่ถึงว่าเรื่องของข้าจะไปถึงเผ่ากา ถือเป็นเกียรติ” ฮิลลิสพูด

“ไม่หรอก ขนาดหัวหน้าหมู่บ้านและผู้นำทหารก็สนใจฟังเรื่องเซนต์หญิง ก็ไม่เคยมีใครได้เป็นมาเกิน 80 ปีแล้วนี่ครับ”

8 ปีก่อน ในวันเกิดครบ 10 ปี ฮิลลิสได้รับเทพยากรณ์และกลายเป็นเซนต์หญิง

กำเนิดของเซนต์ใหม่มาหลังการตายของเซนต์คนก่อน 80 ปี กลายเป็นข่าวใหญ่ และตัวตนของฮิลลิสกลายเป็นที่รู้จักทั่วทั้งจักรวรรดิและกระทั่งทั่วโลก

“ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นกาเหมือนกันเหรอ?” ฮิลลิสถาม

แลนซีลอตพยักหน้า “ใช่ คนนั้นที่ถือไม้เท้าเวทมนตร์อยู่คือเลชา เบลด ลูกสาวของดูมสโตน เบลด หรือหัวหน้าหมู่บ้าน”

“อา! ตำนานนั่น!” ฮิลลิสร้อง

ตำนานของดูมสโตน ที่ทำลายจักรวรรดิไปครึ่งหนึ่ง ยังคงมีการบอกเล่ากันอยู่

หลักๆแล้วมันถูกใช้บอกเด็กที่กำลังร้องไห้ว่าดูมสโตนจะมาถ้าไม่ยอมหยุดร้อง ที่จริง บางคนคิดว่าดูมสโตนเป็นมังกรหรือสัตว์ในตำนานแทนที่จะเป็นคนจริงๆ

ฮิลลิสก็เหมือนกัน ได้ยินเรื่องของเขาจากพี่สาวของเธอ วิบริโอ สมัยเด็กๆที่พวกเธอไม่ยอมนอนจนดึก

“ไม่น่าเชื่อ ข้าคิดว่าลูกสาวคง ยังไงดีล่ะ บึกบึน แต่เธอดูผอมเพรียว แถมยังเป็นนักเวทอีก”

แทบนึกไม่ออกว่าจะมีนักเวทในเผ่ากา แต่ตรงข้ามกับที่เธอคิด ในเผ่ากามีนักเวทอยู่หลายคน

แม้จำนวนจะน้อยเมื่อเทียบกับเผ่าผีเสื้อ แต่คนในหมู่บ้านมากกว่าครึ่งใช้เวทมนตร์พื้นฐานเป็น เปอร์เซ็นต์ของนักเวทที่เน้นการค้นคว้าทางเวทมนตร์ยังสูงกว่าในจักรวรรดิและอาณาจักรอื่นหลายเท่า แน่นอน ส่วนใหญ่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ในระดับสร้างแสงสว่างเท่าไฟฉาย

ภาพลักษณ์ของเผ่ากาว่าไม่คุ้นเคยกับเวทมนตร์ไม่ใช่แค่เพราะสภาพแวดล้อมของป่าโอลิมปัส แต่เป็นเพราะดูมสโตนกับบลัดดี้ด้วย แม้ดูมสโตนจะออกมานอกหมู่บ้านเพียงช่วงสั้นๆ เขาสามารถทำในสิ่งที่เวทมนตร์ทรงพลังทำไม่ได้โดยใช้แค่มือเปล่า

บลัดดี้มักจะทำตัวไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้เวทมนตร์ จึงทำให้เกิดความประทับใจว่าเผ่ากาไม่ชอบเวทมนตร์นัก

เลชาโบกมือปฏิเสธ “มีพี่ชายของข้าแค่คนเดียวที่แข็งแกร่งเท่าพ่อ คนอื่นก็ปกตินะ”

“มาคิดดูแล้ว นายน้อยผอมกว่าคุณหนูอีก” แมคพูด

แลนซีลอตโกรธ “ไม่ใช่นะ! เดน! เดน... ตัวไม่ใหญ่ แต่ไม่ได้ผอมกว่าพี่เลชา หรือเปล่า?”

แลนซีลอตพูดไม่ได้ว่าเดนมีหุ่นบึกบึน

“เดี๋ยว! หุ่นข้าหนากว่าเดนเหรอ?! แลนซีลอต! เจ้าต้องพูดความจริงนะ!” จู่ๆเลชาก็รู้สึกเหมือนถูกด่า

ต่อให้จริง ได้ยินคนพูดว่าเธอตัวหนากว่าผู้ชายก็ฟังเฉยๆไม่ไหวหรอก

แลนซีลอตไม่มองเลชาที่เหมือนจะร้องไห้และกระแอม แนะนำแมคให้ฮิลลิสรู้จัก “อะแฮ่ม! นี่คือรองกัปตันของหน่วยนักรบ กลุ่มติดอาวุธกลุ่มหลักกลุ่มหนึ่งของเผ่ากา”

“ข้าแมค” แมคพูด

“ยินดีที่ได้รู้จัก” ฮิลลิสยิ้มตอบ

มองผ่านรอยยิ้มสง่างามของฮิลลิส แลนซีลอตขอโทษแทนพาลาดินอีกครั้งเมื่อเห็นเหล่าพาลาดินยังเอาศีรษะกดพื้น เหงื่อท่วมตัว

“แค่นี้พอแล้วดีไหม?” แลนซีลอตถาม

เห็นกลยุทธ์ร้องไห้ก่อนได้เปรียบของเขาทำให้กลายเป็นแบบนี้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุ

ฮิลลิสส่ายหน้า “ไม่ พวกเขาข่มขู่ผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่พวกเขารับใช้ข้า ถ้าทำผิด ก็ต้องถูกลงโทษ”

“แต่พวกเราเป็นกา ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร”

เห็นแลนซีลอตเกลี้ยกล่อมฮิลลิสไม่หยุดแล้วเหล่าพาลาดินก็รู้สึกประทับใจและทำให้รู้สึกผิดด้วย เพราะฮิลลิสพูดไม่ผิด แม้พวกเขาจะไม่รู้ตัวว่าถูกยุให้โจมตีก่อน

“พวกเจ้าบอกก่อนว่าเป็นกาเหรอ?” ฮิลลิสถาม

แลนซีลอตอยากตอบว่าใช่ แต่มองตาของฮิลลิสแล้วเขารู้สึกว่าโกหกไม่ได้

แลนซีลอตนิ่ง

“ถ้าเจ้าไม่บอกก่อน แปลว่าพวกเขาพยายามข่มขู่คนบริสุทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้พวกเขารู้ ก็ไม่ควรเร่งเจตนาต่อสู้ถึงขั้นนั้น”

ฮิลลิสยืนยัน เจ้าของโรงแรมกำลังยืนกลั้นหายใจในมุมหนึ่งเมื่อฮิลลิสเดินไปหาเขา เจ้าของโรงแรมกำลังตัวสั่นเพราะเจตนาต่อสู้ของพาลาดิน พลังของพาลาดินรุนแรงเกินไปสำหรับคนธรรมดา และเขาถูกผลกระทบจากมัน

“คนที่มีพลังแข็งแกร่งมักจะลืมสิ่งที่อยู่รอบตัวได้ง่ายๆ แต่ไม่เป็นไรแล้วนะ”

ฮิลลิสกอดเจ้าของโรงแรม เธอปล่อยพลังอบอุ่นจากมือที่ลูบหลังเขาเพื่อทำให้เจ้าของโรงแรมที่กำลังตัวสั่นสงบลง

ทุกคนเพิ่งรู้ตัวตอนนั้นว่าพวกเขาเพิกเฉยต่อเจ้าของโรงแรม

สัมผัสของฮิลลิสดูสูงส่ง น่าศรัทธาและอบอุ่น



สารบัญ                                                  บทที่ 73.2