ในคืนมืดหลังดวงอาทิตย์ตก ชายกลุ่มหนึ่งพันผ้าโพกหัวและหน้ากากกันทรายลงจากอูฐและมองไปรอบๆ
จุดคบไฟให้แสงสว่าง พวกเขาดูเคร่งเครียด
“เจอแล้ว! ตรงนี้!”
ได้ยินเสียงตะโกนจากที่ห่างไปไม่ไกล พวกเขารีบตรงไปทางนั้น
มีศพถืออาวุธ 5 ศพและรถม้าพังถูกกลบในทราย
“กัปตันเมลเซีย ยินดีต้อนรับ!” เจ้าของเสียงตะโกนพูด
เมื่อคนกลุ่มที่เจอศพก่อนเห็นผู้มาใหม่ พวกเขาก็หยุดหาและทำความเคารพ
“ไม่เป็นไร ทำงานต่อเถอะ”
เมื่อชายวัยกลางคนที่ดูแก่ที่สุด กัปตันเมลเซียพูด ชายกลุ่มนั้นก็หาต่อโดยไม่ต้องให้สั่งซ้ำ
“พวกเจ้าก็ช่วยด้วย”
เมลเซียนวดแผลเก่าที่ทำให้เขาเสียตาไปข้างหนึ่งด้วยความเคยชินและสั่ง
ชายกลุ่มที่ใส่ผ้าโพกหัวแยกไปช่วยหาทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” เมลเซียถามพลางลดหน้ากากลง
ชายหนุ่มที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในกลุ่มค้นหาตอบตัวตรง “ครับ!
ตอนเราเจอเขาก็ตายไปแล้วครับ!”
“ข้ารู้แล้ว ที่ข้าถามคือพวกเขาตายได้ยังไง ใครทำ”
ชายหนุ่มตอบตัวแข็ง “ขอโทษครับ!”
เมลเซียมองชายหนุ่มอย่างไร้อารมณ์
ใครเห็นก็บอกได้ว่าชายคนนี้กำลังเครียดมาก แบบนี้เขาไม่มีทางทำงานให้ดีได้
เมลเซียรู้สึกหมดหนทาง เปลี่ยนไปมองศพและพูดต่อ “เอาเถอะ
ข้าจะหาคำตอบเอง แล้วของที่พวกเขาขนไปไหน”
ชายหนุ่มเหงื่อตก “นั่น... เราหาไม่เจอครับ”
“อะไรนะ!”
เมื่อเมลเซียเปลี่ยนจากพูดเสียงเบาเป็นตะโกน ชายหนุ่มก็หวาดกลัว
“ขอโทษ ขอโทษครับ!”
“บ้าเอ๊ย!”
เมลเซียตรวจศพโดยไม่สนใจชายหนุ่ม โอกาสที่ฆาตกรจะเอาของไปด้วยมีสูง
เมลเซียสำรวจสภาพศพเพื่อหาข้อมูลของฆาตกรให้ได้มากที่สุด
บนร่างไม่มีแผลจากดาบ อย่าว่าแต่รอยดาบ ศพสะอาดเกินไป ไม่มีร่องรอยบาดแผลภายนอกเลย
ถือเป็นโชคดีที่ศพยังไม่เน่าและยังไม่ถูกสัตว์ประหลาดในทะเลทรายขุดขึ้นมากิน
เมลเซียถอดเสื้อผ้าบนร่างศพออก
อาจเป็นเพราะความร้อนในทะเลทรายทำให้ศพยังไม่แข็งดี จึงถอดได้ไม่ยากนัก
หลังจากถอดเสื้อผ้าบนร่างศพออก เมลเซียสังเกตเห็นจุดที่เหมือนกัน
แต่ละศพมีรอยแดงคล้ำขนาดใหญ่กลางหน้าอก
เมลเซียกดหน้าอกศพเบาๆ นิ้วของเขากดบุ๋มลงไป
เขาไม่รู้สึกถึงกระดูกซี่โครงที่ป้องกันหัวใจ เมลเซียหยิบมีดและค่อยๆผ่าหน้าอกออก
เมื่อผ่าหน้าอกของแต่ละศพออก เขาพบว่าหัวใจและกระดูกซี่โครงถูกทำลายอย่างหมดจดในการโจมตีครั้งเดียว
คนลงมือเป็นผู้เชี่ยวชาญ
เมลเซียแน่ใจ
มันเป็นการสังหารที่หมดจดขนาดทำให้คนที่สามารถฆ่าด้วยการแทงหนึ่งครั้งตายหนึ่งครั้งกลายเป็นมือสมัครเล่นไปเลย
นักลอบสังหารเหรอ?
ไม่ ไม่มีร่องรอยของยาพิษ
เขาไม่เคยได้ยินว่ามีนักลอบสังหารที่ไม่ใช้ยาพิษ ถ้ามี
ก็ต้องเป็นนักลอบสังหารที่โง่มาก ไม่ว่าจะเก่งหรือไม่ก็ตาม ยิ่งกว่านั้น
นี่เหมือนการล่ามากกว่าการลอบสังหาร เพราะเป็นการฆ่าที่เด็ดขาดมาก
ถ้าอย่างนั้นฆาตกรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการล่า?
นอกจากนี้ก็ไม่มีข้อมูลอื่นแล้ว
เมลเซียลุกขึ้นเมื่อมาถึงทางตัน
“พวกเจ้าเก็บศพและค้นหารอบๆต่อ” เมลเซียสั่ง
“ครับ!”
ทิ้งชายหนุ่มที่ทำความเคารพตัวแข็งไว้ข้างหลัง
เมลเซียเรียกลูกน้องที่มากับเขา
“พวกเรากลับ”
“ครับ!”
เมลเซียและพวกปีนขึ้นอูฐและขี่จากไปอย่างรวดเร็ว
ที่หมายของพวกเขาคือซาฮาราน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทะเลทรายแห่งนี้ตั้งชื่อตาม
***
“ฮ้าว หลับสบายจัง” แลนซีลอตหาวและยืดตัวขณะนอนบนเตียง
ไม่เพียงแค่พวกเขาได้ห้อง
ฮิลลิสยังออกค่าที่พักทั้งหมดให้เป็นการขอโทษ
ขณะแลนซีลอตกำลังจะลุกจากเตียง แมคก็เข้ามาในห้อง “โอ้ ตื่นแล้วเหรอ?”
ดูจากผมที่เปียกชื้น แมคคงตื่นแต่เช้า ออกกำลังกายและอาบน้ำมาแล้ว
“ครับ หลับสบายดีไหม?” แลนซีลอตถาม
หลังจากทักทายตอนเช้า
แลนซีลอตกับแมคก็ลงมาที่ชั้นล่างของโรงแรมเพื่อกินอาหารเช้าด้วยรอยยิ้ม
“โอ้! สหายเผ่ากา! หลับสบายดีไหม?”
ที่ชั้นล่าง เหล่าพาลาดินนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่แล้ว
แลนซีลอตทักทายพวกเขาอย่างสดใสและถามอย่างระวัง “ครับ เอ่อ
เมื่อคืนพวกเจ้าหลับไหวเหรอ?”
เหล่าพาลาดินหัวเราะฮ่าๆ
“ฮ่าๆๆ แน่นอน พวกเราหลับสบายดี!”
“ใช่ๆ ท่านเซนต์ยอมเมตตา หยุดลงโทษพวกเราตอนเพิ่งจะตีหนึ่งเอง”
“ใช่ ช่างเมตตา”
เหล่าพาลาดินถูกลงโทษให้เอาหัวปักพื้นตอน 3 ทุ่ม
แลนซีลอตคำนวณแล้วพวกเขาถูกลงโทษสี่ชั่วโมง
แต่ถึงอย่างนั้น คำพูดของเหล่าพาลาดินไม่มีร่องรอยของการโกหก
ระหว่างที่แลนซีลอตอึ้ง
แมคแทรกเข้าไปในกลุ่มพาลาดินอย่างเป็นธรรมชาติและขโมยขนมปังมาหนึ่งชิ้นก่อนจะพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“ว้าว! เซนต์หญิงใจดีจัง ท่านทูตก็คิดอย่างนั้นใช่ไหม?”
ความเจ้าเล่ห์ของแมคทำให้แลนซีลอตพูดไม่ออก เหล่าพาลาดินพยักหน้าหงึกๆ
“ฮ่าๆๆ เจ้าก็รู้ดีเหมือนกัน!”
“แน่นอน! ข้าพอรู้อยู่บ้าง! ฮ่าๆๆ!” แมคตอบ
แลนซีลอตถอยห่างจากกลุ่มพาลาดิน
“ทำไมเจ้าขยับไปไกลนักล่ะ?”
ข้าไม่อยากอยู่ใกล้พวกชอบความซาดิสท์
แลนซีลอตกลืนคำพูดนั้นลงไปแล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะ “ฮ่าๆ
ข้าสงสัยว่ามื้อเช้ามีอะไร?”
แลนซีลอตเดินผ่านกลุ่มพาลาดินขณะที่เจ้าของโรงแรมนำเบียร์และอาหารมาวางบนโต๊ะอย่างขยันขันแข็ง
ดูสบายดีหลังจากฮิลลิสรักษาให้เมื่อคืน
ไปๆมาๆ แมคก็นั่งกับเหล่าพาลาดินและเหมือนจะตั้งวงเหล้ากันแต่เช้า
“อย่าดื่มจนเมานะ!” แลนซีลอตพูด
แมคโบกมือให้เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องห่วง
“ฮ่า! ต้องอย่างนี้สิ!”
เหล่าพาลาดินเชียร์เมื่อแมคดื่มเบียร์รวดเดียวหมดแก้ว
“สมเป็นลูกผู้ชาย!”
“เท่มาก!”
ดื่มเบียร์ที่ทำให้เย็นด้วยอากาศของทะเลทรายยามกลางคืน
เหล่าพาลาดินและแมคร้องและเต้น
“โอ้ เพื่อนเอ๋ย อย่ามองน้องนางที่ท่าเรือ อย่ามองเลย
ข้านี่ถูกกระโปรงแดงน้องจองแล้ว!”
“อย่ามอง!”
“ดื่ม!”
พวกเขาร้องเพลงที่คนคงคิดไม่ถึงว่าพาลาดินจะร้องและถือแก้วเบียร์ตะโกนเชียร์
แลนซีลอตถอนหายใจมองแมคที่อยู่ตรงกลาง
ดื่มเบียร์จากแก้วที่ใหญ่กว่าศีรษะของเขาทีเดียวหมด
“เป็นอะไรกันน่ะ?” เลชาถาม ไม่รู้ว่าลงมาที่ชั้นล่างเมื่อไหร่
แลนซีลอตคิดหาคำตอบแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นถอนหายใจ
เลชาเลิกถามและสั่งอาหารเช้า
หลังจากการดื่มยาวนาน พวกเขาก็เริ่มสงบลงเมื่อฮิลลิสลงมา
และหยุดเมื่อเธอกินอาหารเสร็จ
“โอ้? หยุดทำไมล่ะ? เทเบียร์ลงคอต่อไปสิ เจ้าพวกบ้า”
เห็นฮิลลิสยิ้มอย่างใจกว้าง เหล่าพาลาดินเริ่มเหงื่อตก
“ไม่ พอแล้วครับ” พวกเขาพูด
“ทำไมล่ะ? เห็นพวกเจ้าทำลายแผนการของพวกเราแล้วรู้สึกดีออก
ข้าก็ดื่มด้วยดีไหม?” ฮิลลิสถาม
“ขอโทษครับ อะไรก็ได้แต่อย่าให้เป็นเหล้าเลย!”
“ไม่นะ! อะไรก็ได้นอกจากเหล้า ได้โปรด!”
เมื่อพวกเขาคุกเข่า พยายามขอร้องไม่ให้ฮิลลิสดื่มเหล้า
เลชาก็สงสัยขึ้นมา
“ข้าสงสัยจังว่าเกิดอะไรขึ้นตอนเธอเมา พวกเขาถึงขอร้องขนาดนั้น?”
“ไม่รู้สิ” แลนซีลอตตอบ
แลนซีลอตก็สงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเขาก็เห็นแมคเปิดขวดไวน์
และเดินไปหาฮิลลิส
“แหม อย่าโกรธนักสิ ดื่มของเย็นๆสิจะได้รู้สึกดีขึ้น”
แมคพูดแล้วเทไวน์ใส่แก้วของฮิลลิส
“ขอบคุณ” ฮิลลิสขอบคุณและเริ่มดื่มไวน์
“นั่นไวน์ใช่ไหม?”
แลนซีลอตพยักหน้าตอบคำถามเลชา
เมื่อได้ยิน เหล่าพาลาดินก็ตะโกน
“ไม่!”
“ทุกคนหนีเร็ว!”
หน้าของฮิลลิสกลายเป็นสีแดง และเธอเริ่มสะอึก “ทัณฑ์ ฮึก! สวรรค์!”
แสงสีขาวส่องจากมือของฮิลลิสและเปลี่ยนเป็นแส้
“กล้า ฮึก! หนีเหรอ!”
แส้ฟาดใส่พาลาดินคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ประตูทางออกของโรงแรมที่สุด
รู้ว่าสายไปแล้ว เหล่าพาลาดินใช้พลังเวทคลุมร่างตัวเองเอาไว้
“อ๊าก!”
แม้จะใช้พลังเวทคลุมร่างแล้วก็ยังป้องกันพลังของฮิลลิสไม่ได้
พาลาดินถูกไฟช๊อตและลากไปทางฮิลลิส
“โอ้! ฮึก! น่าสงสาร”
พาลาดินสลบไปเพราะถูกช๊อต ฮิลลิสลูบศีรษะเขาและรักษา
“ความเมตตา ฮึก! ของพระเจ้า”
แล้วนรกก็เริ่มขึ้น
***
เมลเซียคุกเข่าหนึ่งข้างตรงหน้าแท่นบูชาเพื่อแสดงความเคารพ
เสร็จแล้วเขาลุกขึ้นและพูดกับชายที่ยืนข้างแท่นบูชา
“ขอโทษครับ แต่คริสตัลคานีเลียนถูกขโมยไประหว่างทางโดยคนร้ายที่เรายังไม่ทราบตัว”
ชายชราในเสื้อคลุมหัวสีดำโมโห “อะไรนะ!
เจ้ารายงานอย่างนี้เหรอ?!”
“ขอโทษครับ ข้าควรระวังให้มากกว่านี้ ข้ามันไร้ความสามารถจึงทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น”
เมลเซียขอโทษ ชายชราตะโกนด้วยความโกรธอีก “เจ้าแก้ตัวอย่างนี้เหรอ! ที่พูดเพราะไม่รู้ว่าคริสตัลนั่นสำคัญขนาดไหนเหรอ?!”
ชายชรายกไม้เท้าเพื่อจะตีศีรษะเมลเซียแต่หยุดเมื่อเห็นสายตาดุดันของเขา
“ขอให้ท่านปฏิบัติต่อข้าอย่างมีสติ”
แม้เมลเซียจะเป็นลูกน้องของชายชรา
แต่ภูมิหลังของเขาห้ามไม่ให้ชายชราทำรุนแรง ชายชรารู้ดี
ดังนั้นแม้เขาจะโกรธก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้
“เจ้า...! เจ้า!”
เมลเซียผละจากไป
“เจ้าจะไปไหน!”
ชายชราร้อง เมลเซียมองกลับไป ชายชราสะดุ้งเมื่อเห็นสายตาของเขา
“เราต้องหาตัวคนร้ายและเอาคริสตัลคานีเลียนกลับมา”
“เฮ้อ เจ้ารู้เหรอว่าคนร้ายเป็นใคร?”
ชายชราถามเสียงสั่น เมลเซียยิ้มตอบ
“รายงานสุดท้ายบอกว่ามีชายหญิงสามคน ผมสีดำและรวย สมบัติของพวกเขาจะช่วยได้มาก
รายงานบอกว่าจะปล้นพวกเขา จึงเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนผมดำสามคนนั่นจะเป็นคนร้าย”
เมื่อพูดจบ เมลเซียออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
อีกนานชายชราจึงตะโกนออกมา “ไอ้... ไอ้อัยการต่ำต้อย!”
ชายชราอยากทำลายข้าวของ แต่ไม่มีอะไรในห้องบูชาที่เขาจะทำลายได้
ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่อยู่ในฐานะที่จะหุนหันออกจากห้อง
จึงไม่มีทางอื่นนอกจากทนโกรธและรอในห้องบูชาจนกว่าพิธีกรรมจะจบลง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น