บทที่ 74.1
ช่วงเที่ยง ฮิลลิสตื่นพร้อมกับกุมขมับ หลังจากลุกและมองไปรอบๆเธอก็รู้ตัวว่าได้กลับมานอนที่ห้องของเธอ
เธอตื่นสายไปหน่อยและลงไปทานอาหารเช้า ขณะที่คิดว่าพวกเธอต้องออกแต่เช้าเพื่อไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซาฮาราม เธอก็เห็นเหล่าพาลาดินกำลังตั้งวงกินเหล้า จึงดุพวกเขา เธอจำได้ถึงแค่ตรงนี้
“อูย หัวข้า”
ฮิลลิสตื่นด้วยความรู้สึกเหมือนเมาค้าง และเมื่อตื่นดีแล้วก็รู้สึกกระหายน้ำมาก
ขณะที่ฮิลลิสเกาศีรษะคิดจะลงไปชั้นล่างเพื่อหาน้ำดื่ม ก็เห็นแก้วใส่น้ำวางอยู่บนโต๊ะ นี่เป็นตอนเที่ยงแล้วในห้องจึงเริ่มร้อน ฮิลลิสเชื่อว่าน้ำคงจะกลายเป็นน้ำอุ่นไปแล้วและรีบดื่มให้หมด
“เอ๋?”
ตรงข้ามกับที่คิด น้ำเป็นน้ำเย็น ความกระหายของเธอหมดไปด้วยน้ำเย็นสดชื่น ไม่อุ่นหรือเย็นเกินไป
ทำไมน้ำยังเย็นอยู่ได้? เมื่อมองแก้วดีๆ ฮิลลิสก็เห็นว่ามีเวทมนตร์อยู่บนแก้ว ฮิลลิสรู้จักเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ดี แต่นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ เธอจึงไม่รู้ว่ามันเป็นเวทมนตร์ประเภทไหน
ถึงอย่างนั้นเธอก็เดาได้ว่าใครเป็นคนลงเวท เลชา เธอเป็นนักเวทคนเดียวที่สามารถใช้เวทมนตร์บนแก้วน้ำที่อยู่ในห้องของฮิลลิสได้
อย่างแรกเลยคือไม่ใช่ว่าใครก็เข้ามาในห้องของเธอที่เหล่าพาลาดินเฝ้าอยู่ได้
“ฮุๆๆ”
ฮิลลิสหัวเราะพลางคิดแผน จะว่าไป เธอต้องการนักเวทสักคนมาสร้างความเย็นให้เธอนี่นะ มันเป็นเหตุผลเห็นแก่ตัว แต่เธอตัดสินใจเสนอให้เดินทางกับคนเผ่ากา
อีกอย่าง คนเผ่ากาบอกว่าพวกเขาจะจ้างคนนำทางออกจากทะเลทรายอยู่แล้ว เท่ากับต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์
ฮิลลิสฮัมเพลงเดินลงไปชั้นล่าง แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็น
ตรงกลางของชั้นหนึ่ง แมคถูกเชือกมัดและถูกห้อยกลับหัว
“นี่มันอะไรกัน?” ฮิลลิสร้อง ตกใจกับภาพที่คาดไม่ถึง
หญิงรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาถาม “ท่านเซนต์ รู้สึกดีขึ้นไหมคะ?”
“หือ? อื้อ ข้าสบายดี แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
หญิงรับใช้เบิกตาโตและถาม “ท่านจำไม่ได้เหรอ?”
“จำเหรอ? จะว่าไปแล้วข้าก็รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย” ฮิลลิสพูด
หญิงรับใช้รีบรินน้ำให้ “ดื่มน้ำสิคะจะได้รู้สึกดีขึ้น”
“ขอบใจ เอ๊ะ?” ฮิลลิสรู้สึกเหมือนเกิดเรื่องแบบนี้มาแล้วตอนรับน้ำจากหญิงรับใช้
เธอรู้สึกเหมือนเคยรับแก้วน้ำอย่างนี้มาก่อน ฮิลลิสดื่มน้ำอย่างไม่คิดมาก เธอดื่มน้ำชาและน้ำดื่มที่คนรินให้หลายครั้งจนไม่ควรจะถือว่าเป็นเดจาวู
ตรงกันข้าม สถานการณ์ที่เธอรินน้ำดื่มเองกลับมีไม่บ่อย
“อะไรเหรอคะ?” หญิงรับใช้ถาม
ฮิลลิสหัวเราะ “ไม่มีอะไร แต่ทำไมเขาถึงถูกแขวนอย่างนั้นล่ะ?”
หญิงรับใช้ตอบเก้อๆ “นั่น เขากำลังถูกลงโทษค่ะ”
“ถูกลงโทษ? ใครลงโทษเขา?” ฮิลลิสถาม
“คนนั้นค่ะ” หญิงรับใช้ชี้
ฮิลลิสมองตามไปและเห็นเลชา ที่กำลังทำหน้าโกรธขนาดฮิลลิสยังสังเกตได้
“เอ่อ คุณหนู ขอร้องล่ะ แก้มัดให้ข้าได้แล้ว!” แมคขอร้อง
เลชาอึ้งเมื่อเห็นแมค แม้จะถูกแขวนห้อยหัวยังยิ้มได้ไม่เปลี่ยน
“คุณหนูก็พูดไม่ใช่เหรอว่าอยากรู้เหมือนกัน ข้าผิดแค่เพราะคลายความสงสัยให้เจ้า” แมคพยายามให้เหตุผล
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าสมควรพูดต่อหน้าคนพวกนี้เหรอ?”
เมื่อเลชายกพวกเขามาพูด เหล่าพาลาดินส่งเสียงเชียร์ให้เธอ
“ใช่แล้ว! แม่นางจากเผ่ากา ลงโทษเขาให้หนักกว่านี้!”
“แม่นาง สู้ๆ!”
เห็นอย่างนั้นแล้วฮิลลิสก็ถามหญิงรับใช้ “พวกนั้นเป็นอะไรกัน?”
เหล่าพาลาดินมีรอยเกรียมในหลายๆที่ เหมือนถูกฟ้าผ่า หญิงรับใช้ไม่ยอมสบตาฮิลลิสพลางตอบ
“ข้าไม่แน่ใจ... เอ่อ จะบอกว่าเป็นผลกรรมก็ได้ค่ะ”
“ผลกรรม?” ฮิลลิสเอียงคออย่างไม่เข้าใจคำตอบของหญิงรับใช้
แต่แทนที่จะฟังรายละเอียด พวกเขาต้องออกไปแดนศักดิ์สิทธิ์ซาฮารามก่อนเพราะเสียเวลาไปมากแล้ว
ฮิลลิสตรงไปที่กลุ่มของแลนซีลอตเพื่อชวนพวกเขาไปด้วย
“ขอโทษนะ”
เมื่อฮิลลิสเข้ามา แลนซีลอตก็สะดุ้ง นรกเมื่อเช้ายังไม่หายไปจากความทรงจำของเขา
ฮิลลิสรู้ว่าบางอย่างไม่เข้าท่าแล้วเมื่อแลนซีลอตแสดงท่าว่ากลัวเธอ เธอรู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นแลนซีลอตหลบไปข้างหลังเลชา
“ตื่นแล้วเหรอ?” เลชาทัก มีสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย
เห็นทุกคนแปลกไปแบบนี้ ฮิลลิสก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่เธอจำไม่ได้ แต่เธอเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน
“ใช่ ข้าขอบคุณสำหรับน้ำดื่มในห้องด้วย ข้าสังเกตเห็นว่ามีเวทมนตร์บนแก้ว เลชาเป็นคนใช้เวทมนตร์ใช่ไหม?” ฮิลลิสถาม
เลชาโบกมืออย่างถ่อมตน “ไม่ใช่เวทมนตร์ยิ่งใหญ่อะไรหรอก”
“โอ๊ะ จะว่าไปแล้ว เจ้าบอกว่ากำลังหาคนนำทางออกจากทะเลทรายใช่ไหม?”
เลชาพยักหน้า “ใช่ พวกพ่อค้าที่ข้าจ้างเป็นคนนำทางทีแรกจู่ๆก็หันมาปล้น พวกข้าเลยหลงทาง”
ฮิลลิสปรบมือเหมือนพวกเขาเจอโชคดีมากและเสนอ “ถ้าอย่างนั้นมากับพวกข้าไหม? ตัวตนของพวกข้าเชื่อใจได้ และพวกข้ารู้จักทางดีเพราะมันเป็นเส้นทางแสวงบุญ ยิ่งไปกว่านั้นนะ เรามีอูฐและเกวียน เจ้าจะได้เดินทางสบายขึ้น”
ฮิลลิสพูดเหมือนใจดี แต่ที่จริง เธออยากใช้เวทมนตร์ของเลชาทำให้หายร้อนจะแย่แล้ว
“เป็นข้อเสนอที่ดีมากเลย... แต่ ข้าไม่ใช่คนตัดสินใจ” เลชาพูดและแอบมองแลนซีลอตที่หลบข้างหลังเธอ
ตั้งแต่แรกแล้ว แมคกับเลชาเป็นคนผิดที่ทำให้กลุ่มหลงทางกลางทะเลทราย ดังนั้นพวกเธอจึงตกลงที่จะทำตามคำพูดของแลนซีลอต
ฮิลลิสที่รู้เรื่องของพวกเขาเพียงคร่าวๆจึงประหลาดใจที่ได้ยินว่าลูกสาวของดูมสโตนไม่ใช่คนมีอำนาจตัดสินใจ
ฮิลลิสหันไปมองแมค ที่กำลังถูกแขวนห้อยลงมาจากเพดาน
“ฮ่าๆ ไม่ใช่ข้าเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้น?” ฮิลลิสมองแลนซีลอต ที่โผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังเลชา
แสดงว่าที่เมื่อคืนแมคผลักแลนซีลอตออกมาเป็นเพราะเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มจริงๆ ไม่ใช่เพราะเห็นว่ายุ่งยากเหรอ?
ฮิลลิสอดแปลกใจไม่ได้
“เจ้าคิดว่ายังไง?” เลชาถามแลนซีลอต
“อืม ถ้าเริ่มจากข้อสรุป ข้าคิดว่าข้อเสนอนี้ดี อย่างแรก ข้อดีหนึ่งคือตัวตนของเซนต์หญิงเชื่อถือได้ และรู้จักเส้นทางดีด้วย อย่างที่เจ้าพูด แต่กลุ่มของเซนต์หญิงกำลังเดินทางแสวงบุญ คงจะแวะเวียนวิหาร ไม่ได้ออกจากทะเลทรายทันที แต่ว่า ถ้าคิดถึงความเร็วของคนนำทางที่เป็นชาวบ้านธรรมดาแล้วคงไม่ต่างกันนักถ้าเราเดินทางกับอูฐและเกวียน เพราะฉะนั้น ข้าคิดว่าไปกับกลุ่มของเซนต์หญิงที่ไม่ต้องให้พวกเราคอยปกป้องจะดีกว่า”
ฮิลลิสมองแลนซีลอตอย่างประหลาดใจในการวิเคราะห์อย่างรอบคอบของเขา ทำให้แลนซีลอตรีบหลบข้างหลังเลชาอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงกันแล้วนะ ปล่อยข้าลงได้แล้วยัง?” แมคถาม
เลชาไม่สนใจแมคแล้วถาม
“เราจะไปกันเมื่อไหร่?”
ฮิลลิสยิ้ม “ทันทีที่ทุกคนพร้อมดีไหม?”
“ข้าจะไปเก็บของเดี๋ยวนี้แหละ”
เลชากับแลนซีลอตกลับห้องของตัวเอง
“เดี๋ยวก่อน! คุณหนู! ปล่อยข้าลงก่อน!” แมคดิ้นรนแต่ไม่มีใครสนใจ
***
เมลเซียพาผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไปยังหมู่บ้านโอเอซิสที่ใกล้จุดพบศพที่สุด
เขาไม่สามารถตามรอยคนผมดำที่ขโมยคริสตัลคานีเลียนในทะเลทราย แต่เขาแน่ใจได้อย่างหนึ่งว่าคนร้ายเป็นฝ่ายเข้าหาลูกน้องของเขา ที่แต่งตัวเป็นพ่อค้า เหตุผลที่เขาแน่ใจมี 2 ข้อ
ข้อแรกคือสัมภาระที่ลูกน้องของเขาขนย้ายทั้งหมดหายไป เหตุผลอีกข้อคือรายงานสุดท้ายที่ลูกน้องของเขาส่งมา คนร้ายให้เหรียญทองพวกเขาเป็นค่าจ้างนำทาง
เหรียญทองสูงค่าเกินกว่าค่าจ้างคนนำทางมาก ต่อให้เป็นลูกขุนนางไม่รู้ประสีประสายังรู้จักค่าของเหรียญทอง ลูกน้องของเขาคงถูกมองว่าน่าสงสัยแล้วในทันทีที่ตกลงรับเหรียญทองเป็นค่านำทาง
ยิ่งกว่านั้น คนร้ายแขวนถุงเงินไว้ที่เอวระหว่างเดินทาง ไม่ว่าจะมองอย่างไรนั่นก็เป็นการล่อลวงให้โจมตี
ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าพวกเขาแค่อยากได้คนนำทาง คงไม่แย่งสัมภาระทั้งหมดไปเพราะจะทำให้เดินทางลำบาก
ถ้าเป็นการปล้น พวกเขาจะแค่เอาเสาชุบทองและถุงเงิน แต่ ไม่แค่คริสตัลคานีเลียนแต่สัมภาระทั้งหมดหายไป คริสตัลคานีเลียนเป็นของสำคัญที่สุดในสัมภาระเหล่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องใช้ของอย่างอื่น
พวกมันเป็นของที่ใช้ในพิธีกรรม อาจไม่จำเป็นที่สุดแต่ย่อมดีกว่าถ้ามี การเตรียมพิธีกรรมจะช้าลงเพราะของเหล่านั้นหายไป
คนร้ายมีเป้าหมายชัดเจนคือการขโมยคริสตัลคานีเลียนและถ่วงเวลาประกอบพิธีกรรม
เขาหันเหความสนใจไปยังข่าวการแสวงบุญของเซนต์เพียงครู่เดียวก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น เป็นปัญหายุ่งยากจริงๆ
แม้จะพยายามเดาว่าใครเป็นคนพยายามรบกวนพิธีกรรม ก็มีสาม ไม่สิ เกินกว่าห้ากลุ่มองค์กรที่เข้าข่าย เขาจึงเดาไม่ถูก
“บ้าจริง” เมลเซียขมวดคิ้วและสบถเสียงต่ำ
พวกเขาแค่ต้องเลื่อนเวลาประกอบพิธีกรรมออกไป แต่นักเวทชราผู้ดูแลการประกอบพิธีกรรมกลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอย่างอื่นขึ้น เขาจึงเตรียมการต่อโดยไม่สนว่าเป็นการสร้างความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
เมลเซียเชื่อว่าชายชราที่เฝ้าแท่นพิธีมั่นใจในตัวเองเกินไป
เมื่อเมลเซียดูหงุดหงิด ลูกน้องของเขาก็ยิ่งกระวนกระวาย เมลเซียเกลียดการระบายความโกรธลงกับลูกน้อง แต่ลูกน้องของเขากลัวที่เขาโกรธอยู่แล้ว เขาคิดจะพูดตลกให้ลูกน้องหายกลัวแต่หยุดไว้ ไม่รู้ทำไม แต่เรื่องตลกของเขาทำให้บรรยากาศแย่ลงทุกครั้ง
เมลเซียมาถึงหมู่บ้านโอเอซิสเมื่อเลยเวลาเที่ยงไปมากแล้ว
เมลเซียชี้ลูกน้องของเขาและสั่ง “เจ้า และเจ้า ไปสำรวจที่ร้านขายของชำ เจ้า เจ้า และเจ้าไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน ที่เหลือไปโรงแรมกับข้า”
“ครับ!” ลูกน้องตอบเมลเซียเสียงดังแล้วแยกย้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น