บทที่ 64 – งานเลี้ยง (15)
“อัศวินผู้ทรงเกียรติ ผู้รู้จักคุยด้วยเหตุผล มาเหวี่ยงดาบไต่สวน ต้องมีสาเหตุแน่ ข้าคิดว่าเพราะคนที่ท่านจงใจโจมตีโดยไม่ให้ทันตั้งตัวต้องเป็นคนชั่วร้ายมาก”
เอาล่ะ ผมต้องแยกตัวเองออกจากกลุ่มคนชั่วร้ายมาก
“โอ้ แน่นอนว่าข้าเป็นแค่โจรกระจอก ถ้าเจอคนชั่วร้ายพวกนั้นข้าย่อมต้องหนีทันที”
“แล้วไง?”
ดี ยังฟังคำพล่ามอยู่
“ดูจากที่ท่านเข้าใจผิดว่าโจรอย่างข้าเป็นพวกเดียวกับคนชั่วร้ายกลุ่มนั้น แสดงว่าข้อมูลที่ท่านได้คือพวกคนชั่วจะมาที่โรงเรียน”
เดี๋ยว ไม่ใช่แล้ว! ลุงบลัดดี้รู้ได้ยังไงว่าพวกคนชั่วจะมาที่นี่?
“พูดต่อสิ”
เมื่อผมนิ่งคิดและไม่พูดต่อ ลุงบลัดดี้ก็เร่งด้วยความสนใจ ผมรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ แต่เรื่องจำเป็นที่สุดตอนนี้คือหนีจากลุงบลัดดี้
“ถ้าเหตุผลของข้าถูกต้อง พวกคนชั่วมาวันนี้ แต่ข้าไม่ใช่พวกเขา ดังนั้น ระหว่างที่ท่านอัศวินเสียสมาธิไปกับข้า พวกคนชั่วสามารถบุกเข้ามา-”
บูม!
ผมถูกตัดบทด้วยเสียงระเบิดจากที่ไกลๆ
“-มันเป็นไปได้ ใช่ไหม?”
ลุงบลัดดี้มองไปทางที่เกิดระเบิด
“เวร!”
ผมถอยจากลุงที่มีสีหน้าร้อนรน
“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัว”
ลุงบลัดดี้เหมือนจะเตรียมวิ่งไปตรงที่เกิดระเบิด แต่แล้วก็ชี้ดาบมาทางผม
“เดี๋ยว เจ้าก็มาด้วย!”
“อะไร?! ทำไมล่ะ?!”
ผมไม่อยากยุ่งกับพวกคนที่ผมตั้งชื่อให้ชั่วคราวว่า ‘กลุ่มคนชั่วที่สมควรถูกลอบแทงข้างหลังโดยไม่เตือนล่วงหน้า’
“เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าเจ้าก็เป็นคนน่าสงสัย?”
เอ่อ ก็จริง ผมใส่หน้ากากกินเป็ดบนหลังคาสถานที่จัดงานฉลองวันเกิดของเจ้าหญิง ถ้าผมเป็นลุง ผมคงเหวี่ยงเลื่อยเป็นการเปิดฉากการสนทนา
“ไม่ มองดวงตาอ่อนโยนของข้าสิ น่าสงสัยตรงไหน?”
ผมทำให้ดวงตาสดใสเท่าที่จะทำได้ ดูตาที่เป็นประกายด้วยความอ่อนโยนของข้าสิ!
“เลิกทำสายตาสกปรกอย่างนั้นได้แล้ว ไม่มีเวลาแล้ว จะมากับข้าหรือตาย เลือก!”
สายตาสกปรก! โหดร้ายมาก! เค้าเสียใจนะ!
“ให้ข้าไปก่อนไหม?”
ด้วยดาบที่ชี้มาที่ผม ผมไม่มีทางเลือกนอกจากนำทางไปตรงที่เกิดระเบิด
***
ดวงอาทิตย์ตกดินและงานเลี้ยงเริ่มขึ้น ห้องโถงเริ่มเต็มไปด้วยคนเมื่อเหล่าขุนนางในเมืองหลวงทยอยเดินทางมาถึง
วงดนตรีคลาสสิกอยู่ด้านหนึ่งของห้องโถง เติมเต็มพื้นที่ด้วยเสียงเพลง อาหารหลากหลายตั้งตรงกลางห้อง กลิ่นหอมกระตุ้นความอยากอาหารของผู้มาในงาน
อารีเลียเดินในห้องโถงในเครื่องแบบโรงเรียนเวทมนตร์ที่วิลเลียมทำขึ้นอย่างตั้งใจ เกิดเป็นเจ้าหญิง อารีเลียเคยไปงานเลี้ยงมาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกสนุก ปกติในงานแบบนี้เธอจะถูกห้อมล้อมด้วยผู้ใหญ่ที่มีรอยยิ้มโลภมาก บรรดาพี่น้องของเธอก็เจอแบบเดียวกัน แต่คราวนี้มันต่างไป ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นเจ้าหญิง และที่อยู่รอบข้างคือเพื่อนที่มองเธอเพราะเป็นเธอ ไม่ใช่ในฐานะเจ้าหญิง
“ยูเรีย! อาเรีย! คนนั้นกินสำลีอยู่ล่ะ!” อลิซชูขนมสายไหมเหมือนมันเป็นของแปลกมากและเรียกคนทั้งสอง
“จริงด้วย เขากินของตกแต่งจาน!” ยูเรียมองสุภาพสตรีคนหนึ่งที่กำลังกินขนมสายไหมเหมือนมองของแปลก
“อุ๊บ ฮ่าๆๆ”
อารีเลียหัวเราะเพราะพวกเธอน่ารักมาก เธอจะไม่รู้สึกดีได้อย่างไรกับคนไร้เดียงสาเหล่านี้ หลังจากเจอแต่ผู้ใหญ่ที่เหมือนงูเจ้าเล่ห์แต่ปิดซ่อนไว้
“อลิซ ยูเรีย นั่นเป็นขนมที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สตรีชนชั้นสูงในเมืองหลวง” อารีเลียบอก
อลิซและยูเรียดูไม่แน่ใจ
“อะไรนะ?! กินสำลีเหรอ?!” อลิซมองอารีเลียอย่างไม่เชื่อ
อลิซเป็นลูกของตระกูลขุนนางแต่มาจากบ้านนอกห่างไกล เมื่อมาถึงเมืองหลวงแล้วก็ไม่เคยร่วมงานเลี้ยงที่ไหนเพราะการเตรียมสอบและปรับตัวเข้ากับโรงเรียน การกินสำลีที่เหมือนใช้เป็นของตกแต่งเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อสำหรับเธอ
ยูเรียรู้สึกเหมือนกัน อาจจะยิ่งกว่าอลิซเสียอีก การโตมาในเผ่าผีเสื้อในฐานะผู้มีพรสวรรค์ กระทั่งไอศกรีมที่กินคราวที่แล้วก็เป็นเหมือนโลกใหม่สำหรับเธอ ไม่ต้องพูดถึงสายไหม
อารีเลียยิ้มและฉีกสายไหมที่อลิซถืออยู่เอาเข้าปาก เธอยิ้มจนแก้มบุ๋มเมื่อความหวานกระจายในปาก
“ลองสิ”
อารีเลียกินให้ดู แต่อลิซกับยูเรียมองสายไหมด้วยสายตาสงสัย
“ย้าก!” ยูเรียหลับตาแน่น ฉีกสายไหมออกมาแล้วเอาเข้าปาก
มันละลายทันทีในปาก กลายเป็นน้ำหวานและความหวานครอบปาก
“หวาน?!” ยูเรียตาเป็นประกายด้วยความประหลาดใจ ความสงสัยใคร่รู้ของนักเวทเกิดขึ้นและเธอเริ่มสงสัยว่ามันทำอย่างไร
เมื่อยูเรียกินอีก อลิซก็ลองกินชิ้นเล็กๆด้วย
“หวาน!”
ระหว่างอลิซกับยูเรียกำลังจมอยู่กับสายไหม ระฆังบอกเวลา 3 ทุ่มก็ดังขึ้น
ได้เวลาที่อารีเลียแสดงตัวในฐานะเจ้าหญิงแล้ว
“ขอโทษนะ ข้ามีนัดกับคนอื่น แต่เดี๋ยวข้าจะกลับมา” อารีเลียฉีกขนมสายไหมอย่างเสียดาย
ยูเรียที่รู้เรื่องพยักหน้า ส่วนอลิซที่ไม่รู้ก็ผงกศีรษะด้วยโดยไม่คิดอะไร
พออารีเลียไป อลิซก็มองรอบๆ “คราวนี้มิลเปียไปไหนแล้วล่ะ?”
มิลเปียหายไปตอนไหนไม่รู้ เหลือแต่อลิซกับยูเรีย เมื่อมองรอบๆอลิซเจอแต่ลิสบอน ซึ่งกำลังคุยและเต้นรำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก ช่างเก่งเรื่องการเข้าสังคมจริงๆ
“อลิซ ดูนั่น!”
ขณะอลิซนับถือความเข้ากับคนง่ายของลิสบอน ยูเรียก็เรียกแล้วชี้ไปที่น้ำพุช็อกโกแล็ต
“โอพระเจ้า!”
เด็กสาวทั้งสองสนุกกับงานเลี้ยงในแบบของตัวเอง
***
ขณะที่ผมตรงไปยังที่มีเสียงระเบิดก็คิดหาทางหนีไปด้วย ถ้าผมหนี ลุงบลัดดี้ที่กำลังปล่อยวรยุทธ์จ่อหลังผมต้องฟันใส่ทันทีแน่
แต่มีบางอย่างที่แปลก
ถ้าเหตุผลของผมถูก ลุงและผู้นำคนอื่นคงรู้อยู่แล้วว่าจะมีกลุ่มคนร้ายปรากฏในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของอารีเลีย จึงเกิดสมมติฐานขึ้นมาสองข้อ
หนึ่ง เป้าหมายของคนร้ายคือเจ้าหญิงอารีเลีย สอง สถานการณ์นี้คือกับดัก
ผมไม่รู้ทำไมคนร้ายจึงมีเป้าหมายที่อารีเลีย แต่ดูจากที่ลุงและผู้นำคนอื่นรู้ ผมคาดได้อย่างรวดเร็วว่าเธอถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ
เหตุผลที่ลุงบลัดดี้ดูงุ่นง่านคงเพราะเขาไม่ชอบที่เด็กอย่างอารีเลียถูกใช้เป็นเหยื่อล่อและเสียใจแทนเธอ
ที่ผมเห็นว่าแปลกไม่ใช่ที่ลุงผู้ไม่ชอบเอาคนอ่อนแอเข้ามาเกี่ยวเห็นด้วยกับการใช้เธอเป็นเหยื่อล่อ การพูดกดดันเขาไม่ใช่เรื่องยาก ที่ผมสงสัยคือเรื่องระเบิด
ว่าตามเหตุผลของผม เป้าหมายของคนชั่วคือลักพาตัวหรือลอบสังหารอารีเลีย ปกติงานแบบนั้นต้องทำอย่างลับๆ
แต่ มาระเบิดกันตูมตามแบบนี้? ต่อให้งานเลี้ยงเลิกไปก็ไม่แปลกเลย
“ขออภัย ท่านอัศวิน ข้าขอถามสักข้อได้ไหม?”
“อะไร?”
“ทำไมโถงจัดงานเลี้ยงเงียบทั้งๆที่เกิดระเบิดเสียงดังขนาดนั้น?”
ถ้ามีระเบิดก็ควรจะมีคนกรีดร้องและหนี แต่มันกลับเงียบ
ลุงบลัดดี้ตอบสบายๆ “เห็นพวกเขาว่าจะร่ายคาถากันเสียงเอาไว้ คนในงานคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีระเบิดเกิดขึ้น”
ประทานโทษ? เรื่องแบบนี้มันเป็นความลับไม่ใช่เหรอ?
บอกกันง่ายๆแบบนี้ออกจะน่ากลัว แต่เป็นคนอื่นผมคงคิดว่าลุงตั้งใจจะฆ่าผมปิดปากหรือจับอยู่แล้ว แต่ก็นะ ลุงแค่เป็นคนซื่อ
“ถ้าอย่างนั้นงานเลี้ยงจะจัดต่อเหรอ?” ผมถาม
“น่าจะอย่างนั้น”
ผมหยุดเดิน
“มีอะไร? ทำไมหยุดล่ะ? ข้าบอกแล้วนะว่าเราไม่มีเวลา”
“สักครู่ ขอข้าคิดก่อน”
จักรวรรดิกับองค์กรที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับจักรวรรดิ องค์กรมีเป้าหมายที่เจ้าหญิงเพื่อเหตุผลบางอย่าง จักรวรรดิใช้เจ้าหญิงเป็นเหยื่อล่อ เกิดการระเบิด โถงจัดงานเลี้ยงถูกครอบด้วยคาถาปิดกั้นเสียง ลุงบลัดดี้บอกข้อมูลที่น่าจะเป็นข้อมูลลับกับผมง่ายๆ
เดี๋ยวก่อน มันใช่ข้อมูลลับเหรอ?
ต่อให้ความคิดของลุงบลัดดี้จะเรียบง่ายแค่ไหน เขาเป็นคนรู้จักเก็บความลับ แต่เขาบอกออกมาง่ายๆโดยไม่ทำหน้าเหมือนรู้ตัวว่าหลุดปาก สรุปคือ นี่ไม่ใช่ความลับ
ถ้าองค์กรศัตรูของจักรวรรดิมีความสามารถในการเก็บข้อมูลไม่ด้อยไปกว่าป้าข้างบ้าน เป็นไปได้ว่าพวกเขาต้องรู้แล้ว
มาคิดกันใหม่ เกิดระเบิดขึ้น โดยสามัญสำนึกแล้วถ้ามีเสียงดังขนาดนั้น กำลังรักษาความปลอดภัยต้องตรงไปที่เกิดระเบิด ในเวลาเดียวกัน งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ข้าคิดเสร็จแล้ว”
ลุงบลัดดี้ทำหน้างง ก็นะ มันก็ดูพิลึกจริงที่ผมพูดว่าคิดเสร็จแล้วภายใน 10 วินาที
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ อ๊ะ! คนใส่หน้ากาก!”
ลุงบลัดดี้หันไปทางที่ผมชี้ ดีจริงๆที่เขาซื่อ ผมไขว้นิ้ว
“คาถาแยกเงาพันร่าง!”
บรรดาร่างปลอมของผมแยกย้ายหนีไปทุกทิศทาง ผมปะปนกับร่างปลอมเหล่านั้นและหนีไป
เหลือบมองด้านหลัง ลุงบลัดดี้มีสีหน้าว่างเปล่าก่อนจะทำหน้าเหมือนเข้าใจแล้วก็โกรธ
“ไอ้เวร!”
ลุงสะบัดดาบอย่างรวดเร็วและสลายร่างปลอมของผมภายในเก้าครั้ง แต่ยังเหลือร่างปลอมอีกห้าร่างไม่รวมผม เขามองเหมือนคิดว่าจะไล่ตามดีหรือไปที่จุดเกิดระเบิดดี และสุดท้ายก็เลือกอย่างหลัง
ผมกลับไปที่ห้องโถง
หุๆ ชอบตอนพระเอกทำตัวเป็นนักสืบ XD ใช้แยกเงาพันร่างได้ด้วยแฮะ