วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 64

บทที่ 64 – งานเลี้ยง (15)

“อัศวินผู้ทรงเกียรติ ผู้รู้จักคุยด้วยเหตุผล มาเหวี่ยงดาบไต่สวน ต้องมีสาเหตุแน่ ข้าคิดว่าเพราะคนที่ท่านจงใจโจมตีโดยไม่ให้ทันตั้งตัวต้องเป็นคนชั่วร้ายมาก”

เอาล่ะ ผมต้องแยกตัวเองออกจากกลุ่มคนชั่วร้ายมาก

“โอ้ แน่นอนว่าข้าเป็นแค่โจรกระจอก ถ้าเจอคนชั่วร้ายพวกนั้นข้าย่อมต้องหนีทันที”

“แล้วไง?”

ดี ยังฟังคำพล่ามอยู่

“ดูจากที่ท่านเข้าใจผิดว่าโจรอย่างข้าเป็นพวกเดียวกับคนชั่วร้ายกลุ่มนั้น แสดงว่าข้อมูลที่ท่านได้คือพวกคนชั่วจะมาที่โรงเรียน”

เดี๋ยว ไม่ใช่แล้ว! ลุงบลัดดี้รู้ได้ยังไงว่าพวกคนชั่วจะมาที่นี่?

“พูดต่อสิ”

เมื่อผมนิ่งคิดและไม่พูดต่อ ลุงบลัดดี้ก็เร่งด้วยความสนใจ ผมรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ แต่เรื่องจำเป็นที่สุดตอนนี้คือหนีจากลุงบลัดดี้

“ถ้าเหตุผลของข้าถูกต้อง พวกคนชั่วมาวันนี้ แต่ข้าไม่ใช่พวกเขา ดังนั้น ระหว่างที่ท่านอัศวินเสียสมาธิไปกับข้า พวกคนชั่วสามารถบุกเข้ามา-”

บูม!

ผมถูกตัดบทด้วยเสียงระเบิดจากที่ไกลๆ

“-มันเป็นไปได้ ใช่ไหม?”

ลุงบลัดดี้มองไปทางที่เกิดระเบิด

“เวร!”

ผมถอยจากลุงที่มีสีหน้าร้อนรน

“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอตัว”

ลุงบลัดดี้เหมือนจะเตรียมวิ่งไปตรงที่เกิดระเบิด แต่แล้วก็ชี้ดาบมาทางผม

“เดี๋ยว เจ้าก็มาด้วย!”

“อะไร?! ทำไมล่ะ?!”

ผมไม่อยากยุ่งกับพวกคนที่ผมตั้งชื่อให้ชั่วคราวว่า ‘กลุ่มคนชั่วที่สมควรถูกลอบแทงข้างหลังโดยไม่เตือนล่วงหน้า’

“เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าเจ้าก็เป็นคนน่าสงสัย?”

เอ่อ ก็จริง ผมใส่หน้ากากกินเป็ดบนหลังคาสถานที่จัดงานฉลองวันเกิดของเจ้าหญิง ถ้าผมเป็นลุง ผมคงเหวี่ยงเลื่อยเป็นการเปิดฉากการสนทนา

“ไม่ มองดวงตาอ่อนโยนของข้าสิ น่าสงสัยตรงไหน?”

ผมทำให้ดวงตาสดใสเท่าที่จะทำได้ ดูตาที่เป็นประกายด้วยความอ่อนโยนของข้าสิ!

“เลิกทำสายตาสกปรกอย่างนั้นได้แล้ว ไม่มีเวลาแล้ว จะมากับข้าหรือตาย เลือก!”

สายตาสกปรก! โหดร้ายมาก! เค้าเสียใจนะ!

“ให้ข้าไปก่อนไหม?”

ด้วยดาบที่ชี้มาที่ผม ผมไม่มีทางเลือกนอกจากนำทางไปตรงที่เกิดระเบิด

***

ดวงอาทิตย์ตกดินและงานเลี้ยงเริ่มขึ้น ห้องโถงเริ่มเต็มไปด้วยคนเมื่อเหล่าขุนนางในเมืองหลวงทยอยเดินทางมาถึง

วงดนตรีคลาสสิกอยู่ด้านหนึ่งของห้องโถง เติมเต็มพื้นที่ด้วยเสียงเพลง อาหารหลากหลายตั้งตรงกลางห้อง กลิ่นหอมกระตุ้นความอยากอาหารของผู้มาในงาน

อารีเลียเดินในห้องโถงในเครื่องแบบโรงเรียนเวทมนตร์ที่วิลเลียมทำขึ้นอย่างตั้งใจ เกิดเป็นเจ้าหญิง อารีเลียเคยไปงานเลี้ยงมาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกสนุก ปกติในงานแบบนี้เธอจะถูกห้อมล้อมด้วยผู้ใหญ่ที่มีรอยยิ้มโลภมาก บรรดาพี่น้องของเธอก็เจอแบบเดียวกัน แต่คราวนี้มันต่างไป ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นเจ้าหญิง และที่อยู่รอบข้างคือเพื่อนที่มองเธอเพราะเป็นเธอ ไม่ใช่ในฐานะเจ้าหญิง

“ยูเรีย! อาเรีย! คนนั้นกินสำลีอยู่ล่ะ!” อลิซชูขนมสายไหมเหมือนมันเป็นของแปลกมากและเรียกคนทั้งสอง

“จริงด้วย เขากินของตกแต่งจาน!” ยูเรียมองสุภาพสตรีคนหนึ่งที่กำลังกินขนมสายไหมเหมือนมองของแปลก

“อุ๊บ ฮ่าๆๆ”

อารีเลียหัวเราะเพราะพวกเธอน่ารักมาก เธอจะไม่รู้สึกดีได้อย่างไรกับคนไร้เดียงสาเหล่านี้ หลังจากเจอแต่ผู้ใหญ่ที่เหมือนงูเจ้าเล่ห์แต่ปิดซ่อนไว้

“อลิซ ยูเรีย นั่นเป็นขนมที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สตรีชนชั้นสูงในเมืองหลวง” อารีเลียบอก

อลิซและยูเรียดูไม่แน่ใจ

“อะไรนะ?! กินสำลีเหรอ?!” อลิซมองอารีเลียอย่างไม่เชื่อ

อลิซเป็นลูกของตระกูลขุนนางแต่มาจากบ้านนอกห่างไกล เมื่อมาถึงเมืองหลวงแล้วก็ไม่เคยร่วมงานเลี้ยงที่ไหนเพราะการเตรียมสอบและปรับตัวเข้ากับโรงเรียน การกินสำลีที่เหมือนใช้เป็นของตกแต่งเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อสำหรับเธอ

ยูเรียรู้สึกเหมือนกัน อาจจะยิ่งกว่าอลิซเสียอีก การโตมาในเผ่าผีเสื้อในฐานะผู้มีพรสวรรค์ กระทั่งไอศกรีมที่กินคราวที่แล้วก็เป็นเหมือนโลกใหม่สำหรับเธอ ไม่ต้องพูดถึงสายไหม

อารีเลียยิ้มและฉีกสายไหมที่อลิซถืออยู่เอาเข้าปาก เธอยิ้มจนแก้มบุ๋มเมื่อความหวานกระจายในปาก

“ลองสิ”

อารีเลียกินให้ดู แต่อลิซกับยูเรียมองสายไหมด้วยสายตาสงสัย

“ย้าก!” ยูเรียหลับตาแน่น ฉีกสายไหมออกมาแล้วเอาเข้าปาก

มันละลายทันทีในปาก กลายเป็นน้ำหวานและความหวานครอบปาก

“หวาน?!” ยูเรียตาเป็นประกายด้วยความประหลาดใจ ความสงสัยใคร่รู้ของนักเวทเกิดขึ้นและเธอเริ่มสงสัยว่ามันทำอย่างไร

เมื่อยูเรียกินอีก อลิซก็ลองกินชิ้นเล็กๆด้วย

“หวาน!”

ระหว่างอลิซกับยูเรียกำลังจมอยู่กับสายไหม ระฆังบอกเวลา 3 ทุ่มก็ดังขึ้น

ได้เวลาที่อารีเลียแสดงตัวในฐานะเจ้าหญิงแล้ว

“ขอโทษนะ ข้ามีนัดกับคนอื่น แต่เดี๋ยวข้าจะกลับมา” อารีเลียฉีกขนมสายไหมอย่างเสียดาย

ยูเรียที่รู้เรื่องพยักหน้า ส่วนอลิซที่ไม่รู้ก็ผงกศีรษะด้วยโดยไม่คิดอะไร

พออารีเลียไป อลิซก็มองรอบๆ “คราวนี้มิลเปียไปไหนแล้วล่ะ?”

มิลเปียหายไปตอนไหนไม่รู้ เหลือแต่อลิซกับยูเรีย เมื่อมองรอบๆอลิซเจอแต่ลิสบอน ซึ่งกำลังคุยและเต้นรำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก ช่างเก่งเรื่องการเข้าสังคมจริงๆ

“อลิซ ดูนั่น!”

ขณะอลิซนับถือความเข้ากับคนง่ายของลิสบอน ยูเรียก็เรียกแล้วชี้ไปที่น้ำพุช็อกโกแล็ต

“โอพระเจ้า!”

เด็กสาวทั้งสองสนุกกับงานเลี้ยงในแบบของตัวเอง

***

ขณะที่ผมตรงไปยังที่มีเสียงระเบิดก็คิดหาทางหนีไปด้วย ถ้าผมหนี ลุงบลัดดี้ที่กำลังปล่อยวรยุทธ์จ่อหลังผมต้องฟันใส่ทันทีแน่

แต่มีบางอย่างที่แปลก

ถ้าเหตุผลของผมถูก ลุงและผู้นำคนอื่นคงรู้อยู่แล้วว่าจะมีกลุ่มคนร้ายปรากฏในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของอารีเลีย จึงเกิดสมมติฐานขึ้นมาสองข้อ

หนึ่ง เป้าหมายของคนร้ายคือเจ้าหญิงอารีเลีย สอง สถานการณ์นี้คือกับดัก

ผมไม่รู้ทำไมคนร้ายจึงมีเป้าหมายที่อารีเลีย แต่ดูจากที่ลุงและผู้นำคนอื่นรู้ ผมคาดได้อย่างรวดเร็วว่าเธอถูกใช้เป็นเหยื่อล่อ

เหตุผลที่ลุงบลัดดี้ดูงุ่นง่านคงเพราะเขาไม่ชอบที่เด็กอย่างอารีเลียถูกใช้เป็นเหยื่อล่อและเสียใจแทนเธอ

ที่ผมเห็นว่าแปลกไม่ใช่ที่ลุงผู้ไม่ชอบเอาคนอ่อนแอเข้ามาเกี่ยวเห็นด้วยกับการใช้เธอเป็นเหยื่อล่อ การพูดกดดันเขาไม่ใช่เรื่องยาก ที่ผมสงสัยคือเรื่องระเบิด

ว่าตามเหตุผลของผม เป้าหมายของคนชั่วคือลักพาตัวหรือลอบสังหารอารีเลีย ปกติงานแบบนั้นต้องทำอย่างลับๆ

แต่ มาระเบิดกันตูมตามแบบนี้? ต่อให้งานเลี้ยงเลิกไปก็ไม่แปลกเลย

“ขออภัย ท่านอัศวิน ข้าขอถามสักข้อได้ไหม?”

“อะไร?”

“ทำไมโถงจัดงานเลี้ยงเงียบทั้งๆที่เกิดระเบิดเสียงดังขนาดนั้น?”

ถ้ามีระเบิดก็ควรจะมีคนกรีดร้องและหนี แต่มันกลับเงียบ

ลุงบลัดดี้ตอบสบายๆ “เห็นพวกเขาว่าจะร่ายคาถากันเสียงเอาไว้ คนในงานคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีระเบิดเกิดขึ้น”

ประทานโทษ? เรื่องแบบนี้มันเป็นความลับไม่ใช่เหรอ?

บอกกันง่ายๆแบบนี้ออกจะน่ากลัว แต่เป็นคนอื่นผมคงคิดว่าลุงตั้งใจจะฆ่าผมปิดปากหรือจับอยู่แล้ว แต่ก็นะ ลุงแค่เป็นคนซื่อ

“ถ้าอย่างนั้นงานเลี้ยงจะจัดต่อเหรอ?” ผมถาม

“น่าจะอย่างนั้น”

ผมหยุดเดิน

“มีอะไร? ทำไมหยุดล่ะ? ข้าบอกแล้วนะว่าเราไม่มีเวลา”

“สักครู่ ขอข้าคิดก่อน”

จักรวรรดิกับองค์กรที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับจักรวรรดิ องค์กรมีเป้าหมายที่เจ้าหญิงเพื่อเหตุผลบางอย่าง จักรวรรดิใช้เจ้าหญิงเป็นเหยื่อล่อ เกิดการระเบิด โถงจัดงานเลี้ยงถูกครอบด้วยคาถาปิดกั้นเสียง ลุงบลัดดี้บอกข้อมูลที่น่าจะเป็นข้อมูลลับกับผมง่ายๆ

เดี๋ยวก่อน มันใช่ข้อมูลลับเหรอ?

ต่อให้ความคิดของลุงบลัดดี้จะเรียบง่ายแค่ไหน เขาเป็นคนรู้จักเก็บความลับ แต่เขาบอกออกมาง่ายๆโดยไม่ทำหน้าเหมือนรู้ตัวว่าหลุดปาก สรุปคือ นี่ไม่ใช่ความลับ

ถ้าองค์กรศัตรูของจักรวรรดิมีความสามารถในการเก็บข้อมูลไม่ด้อยไปกว่าป้าข้างบ้าน เป็นไปได้ว่าพวกเขาต้องรู้แล้ว

มาคิดกันใหม่ เกิดระเบิดขึ้น โดยสามัญสำนึกแล้วถ้ามีเสียงดังขนาดนั้น กำลังรักษาความปลอดภัยต้องตรงไปที่เกิดระเบิด ในเวลาเดียวกัน งานเลี้ยงดำเนินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ข้าคิดเสร็จแล้ว”

ลุงบลัดดี้ทำหน้างง ก็นะ มันก็ดูพิลึกจริงที่ผมพูดว่าคิดเสร็จแล้วภายใน 10 วินาที

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ อ๊ะ! คนใส่หน้ากาก!”

ลุงบลัดดี้หันไปทางที่ผมชี้ ดีจริงๆที่เขาซื่อ ผมไขว้นิ้ว

“คาถาแยกเงาพันร่าง!”

บรรดาร่างปลอมของผมแยกย้ายหนีไปทุกทิศทาง ผมปะปนกับร่างปลอมเหล่านั้นและหนีไป

เหลือบมองด้านหลัง ลุงบลัดดี้มีสีหน้าว่างเปล่าก่อนจะทำหน้าเหมือนเข้าใจแล้วก็โกรธ

“ไอ้เวร!”

ลุงสะบัดดาบอย่างรวดเร็วและสลายร่างปลอมของผมภายในเก้าครั้ง แต่ยังเหลือร่างปลอมอีกห้าร่างไม่รวมผม เขามองเหมือนคิดว่าจะไล่ตามดีหรือไปที่จุดเกิดระเบิดดี และสุดท้ายก็เลือกอย่างหลัง

ผมกลับไปที่ห้องโถง



สารบัญ                                            บทที่ 65


หุๆ ชอบตอนพระเอกทำตัวเป็นนักสืบ XD ใช้แยกเงาพันร่างได้ด้วยแฮะ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น