วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2565

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 49

บทที่ 49 – การสอบเข้า (13)


หลังจบการสอบของยูเรีย ผมผละจากฝาแฝดและไปถึงจุดสอบของโรงเรียนอัศวินขั้นกลางทันเห็นอัศวินตัวโตกระโจนใส่ลิสบอน

มองผ่านๆ การสอบเหมือนการจับคู่ฝึกซ้อมของเผ่ากาที่ผลักดันคนถึงขีดจำกัด แน่นอน ตอนผมอยู่ที่บ้านเกิดและมีพวกพี่ชายเป็นคู่ซ้อม การโจมตีของพวกเขาไม่ใช่ของแบบที่จะหลบได้หรือถ้าโดนก็ยังรอด แต่ในมุมมองของลิสบอน การโจมตีของคู่ต่อสู้ของเขาคงให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน

ผู้ชมตะโกนและร้องเชียร์เมื่อเห็นการรุกรับรวดเร็ว การต่อสู้ดุเดือดจบลงเร็วกว่าที่ผู้ชมต้องการมาก ความแตกต่างระหว่างความสามารถของลิสบอนกับคู่ต่อสู้เห็นได้ชัดเจนมาก

ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าอัศวินในชุดดำที่สู้กับลิสบอนแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ของผู้เข้าสอบคนอื่นสองเท่า ดูเหมือนผมควรปรบมือให้เจ้าโง่ที่ตั้งรับได้ดี ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะไม่ได้ตั้งใจดู แต่ถ้าลิสบอนสู้กับคนอื่นเขาคงไม่แพ้ง่ายๆแบบนี้ 

หลังการสอบ ลิสบอนราดน้ำใส่ศีรษะด้วยสีหน้าพ่ายแพ้ จากนั้นใช้เสื้อเช็ดหน้า เมื่อเผยซิกแพ็คกับกล้ามกำยำ บรรดาผู้ชมผู้หญิงก็วี้ดว้ายอย่างร่าเริง มันเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเขาหล่อ

“อุ๊ยแหม!”

ในกลุ่มผู้หญิงมีคนประหลาดปนอยู่ด้วย ชายกล้ามบึกบึนคนหนึ่งกำลังตะโกนให้กำลังใจ เขาใส่เสื้อคอวีแบบผู้หญิง ศีรษะล้านนิดๆ กำลังกัดนิ้วก้อยด้วยปากหนาๆ ผมขนลุกทันทีที่เห็น

หนีไป เจ้าโง่! สัตว์ร้ายกำลังเล็งนาย!

“หือ? เดน?”

ลิสบอนวิ่งมาทางผม โบกมือด้วยสีหน้ายินดี

“เดน!” 

พร้อมกับที่ลิสบอนขยับ กลุ่มผู้ชมที่มีผู้หญิงเป็นหลักก็หันมาทางผม ชายคนนั้นก็หันมาด้วย สัญชาติญาณเตือนให้ผมวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด

อย่านะ! นายกำลังพาฉันซวยไปด้วย อย่ามาทางนี้นะเจ้าโง่!

ผมโวยวายในใจ แต่ลิสบอนมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มเจิดจ้าประจำตัว ทันใดนั้นเอง ผมรู้สึกเย็นวาบที่หลัง ชายคนนั้นกำลังมองผม ผมรู้ได้ด้วยสัญชาติญาณจากรัศมีของชายคนนั้นที่กำลังไหลออกมา

ชายคนนั้นเป็นตัวอันตราย อัศวินที่ลิสบอนสู้ด้วยเทียบได้แค่นิ้วเท้าเขาเท่านั้น แองเจิล ☆รัชทีเดียวก็ทำเขาถอนตัวจากการต่อสู้ได้เลย

ในที่นี้นอกจากผมแล้วไม่มีใครล้มเขาได้ ผมคว้าข้อมือลิสบอนและพูด “สอบเสร็จแล้วใช่ไหม?”

ลิสบอนผู้สดใสตามเคยไม่รู้ตัวว่าความบริสุทธิ์ของเขากำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ “หา? อ้อ จบแล้ว”

ผมดึงข้อมือเขาแล้วตะโกน “อลิซคอยอยู่! ไปกันเถอะ!”

“หา? ก็ได้”

ลิสบอนดูงงๆกับท่าทางปุบปับของผม แต่ผมกำลังปกป้องความบริสุทธิ์ของเขาเพื่อทุกคนอยู่นะ ผมต้องวิ่งก่อนสายตาของชายคนนั้นจะจับจ้องที่ผม – เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ด้วยความที่วิ่งเร็ว ผมจึงมาถึงจุดสอบของโรงเรียนเวทมนตร์อย่างรวดเร็ว ทันทีที่มาถึง ยูเรียก็ถามหน้างอนิดๆ “เจ้าไปไหนมา?”

ผมเปลี่ยนหัวข้อเมื่อรู้สึกว่าเรื่องปวดหัวกำลังมา

“ว้าว ข้าเห็นเวทมนตร์ที่เจ้าใช้ในการสอบ”

“เอ๊ะ?”

“มหัศจรรย์มาก นักเรียนคนอื่นบินได้นิดหน่อย แต่เจ้าบินผาดโผน ข้าทึ่งมาก”

ไม่ได้โกหก ผมทึ่งจริง ไม่ใช่เพราะกายกรรมกลางอากาศแต่เป็นการควบคุมพลังเวทที่เฉียบคม

“ฮิๆ ไม่เท่าไหร่หรอก”

อื้อ ที่จริงก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ ผมไม่พูดสิ่งที่คิดออกมาและนั่งข้างยูเรียที่เขี่ยแก้มตัวเองอายๆ และชมต่อ

“ยิงเป้าจนพรุน ปราสาทน้ำแข็งด้วย น่าทึ่งมาก”

“ไม่เท่าไหร่หรอก”

ระหว่างชมยูเรียไปเรื่อยๆก็ถึงตาของอลิซ ยกเว้นยูเรีย คนอื่นที่เข้าสอบดูธรรมดาจนทำให้เวทมนตร์ของอลิซดูระดับสูงขึ้นเลย การบินกับการยิงธรรมดา แต่เวทภูติที่เธอใช้เป็นความถนัดพิเศษน่าสนใจเพราะผมไม่เคยเห็นมาก่อน

โอลิมปัสเป็นที่ซึ่งภูติ สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังเวท ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ผมคิดจะถามอลิซเรื่องภูติทีหลัง และแล้วการสอบเข้าของคนรู้จักของผมทุกคนก็จบลง

***

สิบวันผ่านไปหลังการสอบของลิสบอนกับอลิซจบลง

สิบวันก่อน ผมพยายามจะกลับหอพักแต่ลิสบอน อัลฟอนโซ และยูเรียรั้งผมไว้เพื่อดูการสอบกับพวกเขา ผมมองอลิซอย่างขอความช่วยเหลือ แต่เธอก็ตั้งใจจะดูการสอบเหมือนกัน ผมจึงต้องอยู่กับพวกเขาจนดึก วันนี้ล่ะ ผมจะได้เลิกอยู่กับพวกเขาเสียที วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบข้าราชการ!

ผมไม่ไปดูผลสอบก็ได้เพราะผ่านอยู่แล้ว แต่ที่ต้องไปเพราะที่ประกาศผลมีการแจกใบรับรองการเป็นข้าราชการและคู่มือสำหรับเข้าหอพัก

ผมอยากย้ายไปหอพักข้าราชการตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้เข้าพัก ผมจะอยู่ในบ้านที่นายกรัฐมนตรี เพื่อนของลุงผมจับตาดูอยู่ใกล้ชิดได้อย่างไร? การจับตาดูคลายความเข้มงวดลง แต่รัศมีขององค์รักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่แผ่ออกมาเป็นบางเวลาทำให้ผมเครียด

เพราะว่าศูนย์ฝึกข้าราชการ, โรงเรียนอัศวิน และโรงเรียนเวทมนตร์อยู่ถัดกัน ผมจะได้เจอลิสบอนกับอลิซบ่อยๆ จึงไม่รู้สึกเสียใจ ถ้าจะมีอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมเสียใจก็คงเป็นมื้ออาหารสุดหรู

ที่กระทรวงการคลังและต่างประเทศ ผมพบชื่อตัวเองในรายชื่อผู้สอบผ่านอย่างดีใจ ซึ่งอยู่ใน 5 ลำดับแรก

เมื่อดูเสร็จผมไปที่ตึกของกรมคลัง มันเป็นที่ผมเข้ามาทำงานหาข้อสอบ จึงรู้สึกคุ้นเคยยิ่งกว่าห้องของผมอีก

ผมตรงไปที่โต๊ะที่ติดป้ายว่า ‘ผู้สอบผ่าน’

“ขอโทษครับ ข้าเป็นผู้สอบผ่าน”

เมื่อผมพูดกับเขา พนักงานที่นั่งตรงโต๊ะมองด้วยตาที่มีรอยคล้ำใต้ตาดำปี๋

พนักงานกำลังเขียนอะไรอยู่แม้แต่ตอนกำลังมองผม พอดูดีๆ คำว่า ‘ตายซะลูแปง’ มีอยู่เต็มกระดาษ ผมพูดขณะมองกระดาษที่เต็มไปด้วยคำสาปแช่ง

“แหม ดูเหมือนเจ้าจะลำบากมาก”

เหมือนคำพูดของผมจะไปสะกิดอะไรเข้า ดวงตาแห้งผากของเขาเริ่มชื้น

“ฮึก!”

ผมมองพนักงานที่กำลังยกมือปิดตาด้วยความสงสาร ว่ากันว่าข้าราชการกรมคลังมีเงินเดือนสูงและอำนาจก็สูงด้วย แต่ผมว่าเป็นข้าราชการระดับต่ำดีกว่าลำบากแบบนี้

หืม? แต่มองดีๆแล้ว เขาเป็นคนถ่ายรูปทำบัตรให้ผมตอนมาสมัครสอบนี่นา!

ทันใดนั้นความสงสารก็หมดไป มาคิดดูอีกที ค่าถ่ายรูปตอนนั้นมันแปลกๆนะ พอผมคิดได้ก็อยากเป็นลูแปงอีกรอบ

“ขอโทษครับ ข้าได้ยินว่าให้มารับใบรับรองเป็นข้าราชการกับหนังสือคู่มือที่นี่”

ผมเอาเรื่องเป็นลูแปงไว้ทีหลัง ตอนนี้เรื่องข้าราชการกับหอพักสำคัญกว่า

“ครับ ถูกต้อง”

พนักงานตอบด้วยเสียงแห้งผาก

“ชื่ออะไรครับ?”

“เดน วอน มาร์ค”

พนักงานมองรายชื่อ ขีดชื่อผม และหาบัตรข้าราชการติดสายคล้องในลิ้นชักจนเจอ

“นี่ครับ”

ผมถามหลังจากได้บัตร “หนังสือคู่มือล่ะครับ”

“อ้อ คุณเดนไม่ใช่ผู้อาศัยในหอครับ”

“อะไรนะครับ?”

ไม่นะ! ไม่ใช่ว่าข้าราชการทุกคนต้องอยู่หอเหรอ?! รู้ไหมว่าบ้านฉันห่างจากเมืองหลวงเท่าไหร่?!

ไม่สนใจเสียงร้องตะโกนในใจของผม พนักงานพูดเสียงแห้ง “คู่มือการฝึกจะแจกให้วันเริ่มฝึก วันเริ่มเป็นวันที่ 3 สิงหาคม 10 โมงเช้านะครับ”

“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! หอพักมีให้ทุกคนไม่ใช่เหรอ?”

พนักงานมองผมด้วยความรำคาญอย่างเปิดเผย

“ไม่รู้สิครับ หอพักไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของเรา ข้าแค่บอกตามเบื้องบนสั่งมา”

“แต่-”

เจ้าหน้าที่ตัดบทและโบกมือเหมือนไล่แมลงวัน “ไม่รู้ เรื่องหอให้ติดต่อศูนย์ฝึก”

แล้วจะทำยังไงดี?

พนักงานชี้ไปที่ผู้สอบผ่านต่อแถวด้านหลังผมแล้วโบกมือ เมื่อมองคนด้านหลัง ผมตัดสินใจถอย

เตรียมตัวไว้เถอะเจ้าข้าราชการ ข้าจะเอาคืนอย่างสาสม!

ในจักรวรรดิมีหลายองค์กร แต่ที่มีอำนาจที่สุดคือราชวงศ์, กองทัพ และศาสนจักร กองทัพเป็นที่ซึ่งผมไม่อาจแตะต้องพล่อยๆและถ้าผมไปยุ่งกับราชวงศ์จะเป็นผลเสียต่อชีวิตข้าราชการของผม

ดังนั้นจึงเหลือที่เดียว ความเชื่อทางศาสนานั้นน่ากลัวไม่ว่าจะเป็นที่ไหน 

ผมไม่มีทางเลือกนอกจากกำหมัดและถอย แต่มันเป็นการถอยชั่วคราวเท่านั้น ผมได้แต่ตะโกนในใจ “ฝากไว้ก่อนเถอะ” เหมือนแก๊งตัวโกงในบอลลูนรูปหัวแมว

ผมเดินกลับหออย่างอิดโรย และเมื่อเปิดประตู-

ตูม! ตูม! ตูม!

-ยินดีด้วย ก็ระเบิด

ผมลืมตาโตอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่แล้วก็เห็นป้ายด้านหลังที่เขียนว่า “ยินดีด้วยที่สอบข้าราชการผ่าน!”

“ยินดีด้วย!”

“ยินดีด้วย!”

>เดนเบอร์กหน้ามืดเพราะถูกยินดีด้วย!

>เดนเบอร์กถูกส่งไปที่โปXม่อน เซ็นเตอร์!

ไม่เล่นแล้ว... ผมถามอย่างจริงใจ “ทำไมทุกคนมาอยู่ที่นี่?”

อัลฟอนโซที่ตะโกนยินดีด้วยกับลิสบอนยิ้ม “ข้าตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ตั้งแต่วันนี้ไป!”

...อะไรนะ?! น่ากลัวว่าช่วงนี้หูของผมจะมีปัญหา จู่ๆก็ได้ยินคำพูดไร้สาระ

เสียงของสองคนตรงหน้าผมทำให้อลิซกับยูเรียออกมาจากครัว

“มาแล้วเหรอ?”

“ฮึ่ม เข้ามากินเค้กสิ”

ผมมองยูเรียที่ยิ้มสดใสกับอลิซที่พูดเหมือนเด็กแล้วถาม “เฮ้ ข้าไม่เข้าใจ? ใครช่วยอธิบายที?”

คนที่ตอบคำถามคือคุณนายอาซิลลาที่ออกมาจากครัว

“เพื่อนใหม่เหล่านี้จะมาพักที่นี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าได้ยินจากยูเรียกับอัลฟอนโซว่าสนิทกับเดนแล้ว ดีจังนะ” นางยิ้มนุ่มนวลแล้วพูดต่อ “อ้อ เพราะพวกเขาดูเสียใจถ้าเจ้าต้องออกไปพักที่อื่น ข้าจึงขอให้เจ้าเดินทางไปกลับแทน ต้องขอบคุณเดนนะที่ทำให้ข้าได้คุยกับลูก”

ผมอดหัวเราะไม่ได้

“ฮ่า ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ”

แม่งเอ๊ย ชีวิตกู!


สารบัญ                                        บทที่ 50






บทต่อไป ลูแปงกับแผนปล้นวัด  ไม่ใช่แระ บทต่อไป งานเลี้ยง 22 ตอนค่า

Angel Rush – ท่าของ puripuri prisoner ในการ์ตูนเรื่อง one-punch man เป็นกะเทยควายที่มองปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าต้องเก่งมาก XD

ชาติที่แล้วเดนตายตอนไหนเนี่ย อ่านตั้งแต่โจโจ้ยันวันพันช์แมน เสพการ์ตูนมากไปหรือเปล่า คนแปลขี้เกียจถามกูเกิ้ลนะ 



1 ความคิดเห็น: