บทที่ 27 – เหตุเกิดที่เมืองหลวง (4)
“โอย ข้าปวดหัว”
อาร์คันทาถูกทับถมในกองเอกสารแบบตรงตามตัวอักษร งานเอกสารหลั่งไหลเข้ามาไม่เบาลงเลยแม้เขาจะจัดการกับมันไปทีละอย่าง เริ่มแรกงานของเขายังไม่คั่งค้างนัก แต่เมื่อการสอบเลือกข้าราชการใกล้เข้ามา หน่วยงานหลายๆแห่งก็เริ่มแย่งคนมีความสามารถ
ช่วงนี้คือช่วงที่นักเรียนจากการสอบครั้งก่อนฝึกเสร็จและจะได้รับบรรจุในหน่วยงานต่างๆ ไม่แปลกที่จะเกิดการช่วงชิงคนมีความสามารถสูงเพราะพวกเขาจะต้องลำบากไปหลายปีหากได้คนไร้ความสามารถมาทำงาน
แต่หลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน การเคลื่อนไหวของปีศาจก็เริ่มมีปัญหา แต่ที่น่ากังวลใจที่สุดคือหลานชายผู้หนีออกจากบ้านของบลัดดี้ หัวหน้าเผ่ากาคนต่อไป เดนเบอร์ก เบลด
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ดูมสโตน หัวหน้าเผ่ากาคนปัจจุบัน ทำไว้เมื่อ 25 ปีก่อนตอนเขายังไม่ได้รับเลือกเป็นผู้สืบทอด มันทำให้กระเพาะที่แข็งแรงดีของเขาปวดขึ้นมา
ตอนนั้น อาร์คันทาเป็นเพียงเด็กเจ็ดขวบผู้ไม่รู้ประสีประสา แต่บันทึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงเก็บไว้อยู่และทรมานอาร์คันทาผู้กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรี
ที่จริงจนถึงเมื่อไม่กี่วันก่อน บันทึกก็เป็นเพียงบันทึก ไร้ความหมายและไม่ส่งผลกับกระเพาะที่อ่อนแอลงเพราะความเครียดจากการทำงานของเขา แต่ตอนนี้ บันทึกกลายเป็นสิ่งที่สามารถทำลายท้องของเขาได้เลย
พูดถึงเหตุการณ์ในบันทึกที่เป็นเรื่องเล็กน้อย ก็มีเขื่อน 15 เมตรถูกทำลายท่วมพื้นที่ทำการเกษตร สาเหตุเพราะคำพูดไร้สาระของชายชราสมองเสื่อม
หรืออีกเหตุการณ์ที่พูดถึงเคาน์ทคนหนึ่งตีเด็กคนหนึ่งเพราะเดินและทำให้ฝุ่นบนถนนฟุ้ง เคาน์ทคนนั้นถูกอัดจนกระดูกแหลกเป็นแป้ง อัศวิน 300 คนของเขาบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นยกนิ้วไม่ขึ้น
มีอีกเรื่องพูดถึงถนนแห่งหนึ่งถูกดินถล่มปิดทาง และภูเขาทั้งลูกก็หายไปเพราะคนๆหนึ่งจะใช้เส้นทางนั้น
นี่คือเหตุขั้นเบามากจากในบันทึก
ประเทศอื่นนอกจักรวรรดิ ราชวังถูกทำลายย่อยยับ ทหาร 50,000 นายรวมอัศวิน 3,000 นายพิการ ดินแดนของขุนนางระดับเคาน์ทขึ้นไปถูกทำลาย ความเสียหายมหาศาลถึงขั้นประเทศต้องประกาศหยุดทำการ
บันทึกคือส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ในอดีต แต่ตอนนี้มันอาจเกิดได้ทุกเมื่อ
“อา ยาลดกรดอยู่ไหน!”
อาร์คันทาเจอยาใต้กองเอกสารแล้วหันไปทำงานต่อ ไม่ว่าจะคิดหนักเท่าไรก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหาเหตุหนีออกจากบ้าน ถ้าเช่นนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือเตรียมตัวให้มากที่สุดและลืมมันเสีย
ก๊อกๆ
อาร์คันทาพูด “เข้ามา” โดยไม่ละสายตาจากเอกสาร ไม่นาน ผู้ช่วยของเขาก็เดินเข้ามาและยื่นเอกสารและรูปถ่ายจำนวนหนึ่งให้
“นี่... อ้อ วันนี้เด็กจากตระกูลไวส์เคาน์ทมาสินะ?”
เอกสารที่ผู้ช่วยยื่นให้คือข้อมูลของผู้อาศัยกลุ่มใหม่ที่จะพักหอที่อาร์ซิลลา แม่ของอาร์คันทา ทำเป็นงานอดิเรก
ลิสบอนกับอลิซเป็นลูกของแม่นมของอาร์คันทา เขาจึงถือพวกเขาเป็นญาติห่างๆ
ห้ารุ่นก่อน ลูกสาวของตระกูลอาร์ธีมิอุสแต่งงานเข้าตระกูลไวส์เคาน์ทนั้น จะว่าไปแล้วพวกเขาก็เป็นญาติห่างๆกันจริงๆ
“ทำไมมีเอกสารสามชุดล่ะ?”
ข้าแน่ใจว่าเด็กจากตระกูลไวส์เคาน์ทมีสองคนนะ
“อีกคนหนึ่งถูกนายหน้าจัดหาบ้านแนะนำมาครับ”
“นายหน้า?”
พวกเขาประกาศหาคนเช่าผ่านทางนายหน้าจัดหาบ้านบนถนนเวลคอนเพราะอาร์ซิลลาต้องการเช่นนั้น ถ้านึกถึงความปลอดภัยของนางแล้วมันไม่ใช่ความคิดที่ดี แต่อาร์คันทาขัดใจแม่ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้นักเรียนที่มาเช่าหออยู่บางครั้งก็มาจากนายหน้าจัดหาบ้าน
ใครส่งมาอีกล่ะ?
อาร์คันทารู้ฐานะตัวเองดี แม่ของเขาล่อตาล่อใจศัตรูทางการเมืองของเขาหรือคนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเขาเป็นอย่างดี ที่จริงก็มีหลายครั้งแล้วที่คนมาเช่าหอเพราะจุดประสงค์เหล่านี้
“คราวนี้ข้าคิดว่าไม่ใช่-”
ผู้ช่วยไม่เห็นด้วย อาร์คันทาถาม “เพราะอะไรถึงคิดอย่างนั้น?”
“เขาสนิทกับบุตรธิดาไวส์เคาน์ท คุณลิสบอนกับคุณอลิซมาก อย่างที่เห็นในรูปและเอกสาร เขาเด็กมาก คนอายุเช่นเขาหายากที่จะล้มกลุ่มองครักษ์หากไม่ใช่ชาติพันธุ์นักสู้”
อาร์คันทาอ่านเอกสารอย่างละเอียด ดูเด็กจริงๆ พวกคนที่รู้เรื่องของอาร์ซิลลาก็รู้ว่ามีคนคอยคุ้มกันนางอย่างลับๆ และรู้ว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นอัศวินระดับสูง
“เดน วอน มาร์คนี่มาจากดินแดนห่างไกลขนาดข้ายังไม่รู้จัก เจ้าทำได้ดีที่หาข้อมูลได้ในเวลาสั้นๆ”
“เขาแวะไปเปิดบัญชีที่ธนาคารเลยได้ข้อมูลจากบัตรประชาชนของเขามาเร็ว”
แม้เบื้องหน้าจะทำเหมือนไม่เกี่ยวกัน แต่ธนาคารก็เป็นหน่วยงานในสังกัดของกองคลังที่ตระกูลอาร์คันทาควบคุม หรือต่อให้ไม่ได้อยู่ในสังกัดก็ไม่มีองค์กรใดปฏิเสธเมื่อนายกรัฐมนตรีต้องการข้อมูล ถึงอย่างนั้นเพราะเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อเขา ข้อมูลจากธนาคารจึงมีความน่าเชื่อถือสูง
“อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ปลอมตัวเข้าหาแม่ ถือเป็นข่าวดี”
อาร์คันทาเชื่อถือบัตรประชาชนที่เผ่าผีเสื้อและนักเวทหลวงร่วมกันร่ายคาถาป้องกันการปลอมแปลงอย่างมาก
“ฮ่าๆ ใครจะคิดปลอมบัตรของขุนนางล่ะครับ? บัตรที่ซับซ้อนแบบนั้นปลอมแปลงยากมาก”
“จริง วาร์รันท์เมืองสุดท้ายเป็นที่ออกบัตรเหรอ?”
เพราะว่าเป็นเมืองที่ใกล้ป่าโอลิมปัสที่สุดและตั้งตรงชายแดนปีศาจ เมืองวาร์รันท์จึงได้อีกชื่อว่าเมืองสุดท้าย มันเต็มไปด้วยตระกูลขุนนางตกอับและอัศวินปกป้องจักรวรรดิจากเขตแดนปีศาจ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเมืองเดียวที่สามารถออกบัตรประชาชนขุนนางแม้จะไม่ได้เป็นดินแดนของขุนนางระดับสูง
อีกอย่าง เมืองนี้โด่งดังเรื่องออกบัตรด้วยวิธีค่อนข้างแปลก ในการทำบัตร ก่อนเจ้าของบัตรจะยืนยันตัวตน เขาต้องผ่านอัศวินและนักรบในเมืองก่อนไปถึงสถานที่ออกบัตร
อาร์คันทางงกับเรื่องนี้มาก แต่คนในเมืองนั้นเชื่อว่าคนที่ไม่มีพลังไม่ใช่ขุนนาง พูดให้ถูกมันคือข้อถกเถียงว่า “ไม่มีใครปกป้องใครได้หากไม่มีพลัง และไม่มีใครปกป้องใครได้หากไม่ใช่ขุนนาง” แต่เขาก็สงสัยอยู่ดีว่ามันเกี่ยวอะไรกับการออกบัตร
ดังนั้นจึงมีเหตุบ่อยๆที่ขุนนางที่นั่นที่เพิ่งเป็นผู้ใหญ่ยังไม่แข็งแกร่งพอ พ่อแม่เป็นคนฝ่ากองทัพอัศวินและนักรบไปทำบัตรให้แทน มันผิดกฎหมายจักรวรรดิและผิดจุดประสงค์การทำบัตรประชาชนยืนยันตัวตน แต่วาร์รันท์เป็นเมืองพิเศษ ส่วนกลางจึงทำเป็นมองไม่เห็น
เพราะถ้าจับทุกคนที่ทำผิดกฎหมาย วาร์รันท์ เมืองที่มีฐานะเป็นกันชนเขตแดนปีศาจอาจล่มสลาย
“ปกติคนที่ทำบัตรในวาร์รันท์จะอาศัยอยู่ที่นั่นเลย น่าสนใจ มีใครไปตรวจสอบที่นั่นได้บ้าง?”
เมื่ออาร์คันทาถาม ผู้ช่วยยิ้มเจื่อน “ถึงจะเป็นคำสั่งของท่าน แต่ทุกคนคงขอลาออกดีกว่าไปเมืองที่เต็มไปด้วยคนของชาติพันธุ์นักสู้”
ไม่ว่าเมืองจะโหดร้ายแค่ไหน ไม่ว่าคนที่นั่นจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยังเทียบไม่ได้กับนิ้วเท้าของเผ่ากาที่อาศัยใกล้ป่าโอลิมปัส
พวกเขายกย่องชาติพันธุ์นักสู้เป็น ‘โล่ที่ปกป้องจักรวรรดิจากปีศาจ’ แต่อาร์คันทาไม่คิดจะเพิกเฉยต่ออัศวินและนักรบในเมืองวาร์รันท์ หากไม่มีพวกเขา จักรวรรดิคงไม่ปลอดภัยอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
“ฮืม เดนคนนี้เขาสนิทกับเด็กตระกูลไวส์เคาน์ทเหรอ?”
ผู้ช่วยพยักหน้ารับหงึกๆ “ครับ สนิทกันมากๆ”
ถ้าเขาบอกว่าไม่สนิท คนจากกองคลังจะถูกส่งไปทำธุระที่วาร์รันท์ หรืออีกชื่อว่า วัลฮัลลา สวรรค์ของการต่อสู้ไม่สิ้นสุด ผู้ช่วยไม่อยากได้ยินเสียงไม่พอใจจากลูกน้องว่าทำไมเขาไม่ไปเอง
“ข้าไม่ชอบที่มีช่องว่างเต็มไปหมดในหน้าข้อมูลส่วนตัวของเขา แต่ดูไม่น่ามีปัญหา เอาแค่จับตาดูเขาอย่างใกล้ชิดเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วกัน”
“เข้าใจแล้วครับ!”
ผู้ช่วยแอบถอนหายใจโล่งอก
***
ผมพักอยู่ที่หอพักมาสามวันแล้ว ผมอยู่คนเดียวในห้องบนชั้นสอง มันกว้างและสะดวกสบายกว่าห้องที่บ้านเกิดของผม
เวลาสามวันน่าจะพอให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบผมเสร็จ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากการจับตาดูที่มีทันทีที่ผมเข้ามายังหอพัก
ดูจากเรื่องนี้แล้วเชื่อได้ว่าตัวตนปลอมของผมยังไม่ถูกจับได้ และเรื่องที่ผมสนิทกับลิสบอนและอลิซไปถึงหูนายกรัฐมนตรีไม่มีปัญหา
แต่ก็ยังมั่นใจได้ไม่เต็มร้อยอยู่ดีว่าตัวตนปลอมของผมยังไม่ถูกจับได้
ถ้าเป็นอย่างนั้น หรือว่ามีเหตุผลอื่นที่เขาแค่ดูอยู่ห่างๆ ไม่จับฉัน?
มาคิดดู เขาอาจแค่ปล่อยผมไว้เพื่อขุดคุ้ยเบื้องหลังของผม ถ้าเป็นอย่างนั้น นายกรัฐมนตรีก็เลือดเย็นมาก เขาปล่อยแม่ไว้กับคนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปโดยไม่ห่วงเลย
หรือว่าฉันคิดไปเองว่าถูกพวกเขาเฝ้าจับตาดู?
มาคิดอีกที ถูกจับตามองก็เป็นปัญหาแล้วนี่นา? ผมสร้างร่างลวงตาของผมกำลังเข้านอน ขณะเดียวกันก็ร่ายเวทล่องหนให้ตัวเอง
“อาคาริน~”
ผมออกทางหน้าต่าง ระวังไม่ให้เกิดเสียง ผมรู้สึกได้ถึงคนราว 23 คนตระเวนรอบคฤหาสน์ ดูจากที่พวกเขาดูแข็งขันดี น่าจะเป็นคนชั้นนำเมื่อเทียบกับคนธรรมดา
แต่ถ้าเพื่อการคุ้มกัน พวกเขาอ่อนแอเกินไป เห็นได้ชัดว่าถ้าเกิดการโจมตี หน้าที่ของพวกเขาคือถ่วงเวลาพาคุณนายอาซิลลาหนีและส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
ผมเฝ้าดูการเคลื่อนไหวขององครักษ์อย่างใจเย็น เมื่อผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็เริ่มเห็นสัญญาณของการเปลี่ยนกะ ผมตรงไปที่นั่น และเป็นตามที่คาด องครักษ์บางคนเปลี่ยนกะ แยกย้ายและตรงไปที่อื่น
ผมลอบโจมตีองครักษ์คนหนึ่งที่แยกย้ายไปที่อื่น และมอมเขาด้วยยาทำจากรากแมนดราโก จากนั้นสะกดจิตเขาด้วยเวทมนตร์และถามว่าเขาได้คำสั่งอะไรมาบ้าง
“เจ้าเฝ้าดูข้าตลอดเลยเหรอ?”
“ใช่แล้ว”
ลางสังหรณ์ที่บอกว่าผมกำลังถูกจับตามองอยู่กลายเป็นจริง ผมเริ่มเครียด
“รู้อะไรเกี่ยวกับข้าบ้าง?”
“ชื่อ อายุ ที่มา”
“บอกให้ละเอียด”
“ชื่อ เดน วอน มาร์ค อายุ 16 ปี ที่มา วาร์รันท์ โอลิมปัส ชายแดน”
เมื่อผมให้เขาพูดมากกว่านี้ คำพูดของเขาฟังคลุมเครือติดขัด เขาต้องมีจิตใจเข้มแข็งที่พยายามต่อต้านการสะกดจิต ผมสามารถทำให้เขาพูดคล่องกว่านี้ได้แต่ก็ลังเล เพราะผมอาจทำลายสติเขาได้จริงๆ
“เจ้ารู้มาจากไหน?”
“ธนาคาร... บัตร... ข้อมูล”
ธนาคารให้ข้อมูลส่วนตัวฉันเหรอ?
ไม่ว่าธนาคารจะมีการรักษาความปลอดภัยแค่ไหนก็คงแปลกหากไม่ส่งข้อมูลถ้าคนระดับนายกรัฐมนตรีถาม น่าจะง่ายด้วย เพราะธนาคารของจักรวรรดิไม่ใช่บริษัทเอกชนแต่เป็นองค์กรระดับชาติที่อยู่ใต้กองคลัง ผมควรหยุดแผนเปลี่ยนเหรียญทองคำขาวไว้สักพัก
-อาคารินเป็นตัวละครใน Yuru Yuri ที่ตัวตนจืดจางมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น