วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ชีวิตข้าฯ - บทที่ 28

บทที่ 28 – เหตุเกิดที่เมืองหลวง (5)


นายกรัฐมนตรีเอาข้อมูลของผมจากธนาคารได้ง่ายดายเลย ถ้าใช้บัตรประชาชนที่ได้จากเฮสเทียเขาคงรู้ที่มาของผมทันที โชคดีที่ผมได้เศษเหรียญจากร้านขายข่าวมามาก

“เจ้าจะจับตาดูข้านานแค่ไหน?”

“ราวหนึ่งเดือน”

เห็นได้ว่าระยะเวลาหนึ่งเดือนในสัญญาเป็นเงื่อนไขของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่คุณนายอาร์ซิลลา

องครักษ์ขัดขืนการสะกดจิตของผมมากขึ้น

“เจ้า...มีคนส่งเจ้า-”

ข้อมูลที่ได้จากการสะกดจิตมีเท่านี้ ผมปลุกเขาแล้วรีบหนี

“อะไร? เมื่อกี๊มันเกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อฟื้นขึ้นมา องค์รักษ์มองรอบตัวอย่างสับสน จากนั้นพึมพำกับตัวเอง “เหนื่อยไปเหรอ?” แล้วเดินต่อไปอย่างไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

โชคดีที่เขาไม่รู้สึกตัว อีกอย่าง เขาพูดว่ามีคนส่งผมมาเหรอ?

ตลก! ผมอดหัวเราะไม่ได้

ตุบ! ผมทุบมือ เดี๋ยวนะ ผมน่าจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ ผมสงบใจลงแล้วคิด

พวกองครักษ์จะเป็นพยานให้ผมตอนผมปล้นกองคลัง การไม่ถูกจับได้ย่อมดีที่สุดแต่ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น มาคิดดูอีกที ผมก็ไม่รู้ด้วยว่านายกรัฐมนตรีจะตรวจสอบผมอีกหรือไม่ ให้เขายุ่งกับงานจนไม่มีเวลาว่างถือเป็นทางแก้

ไม่ใช่เพราะผมรู้สึกแย่ที่ถูกจับตามองนะ นี่ทำเพื่อความปลอดภัยของผมเท่านั้น

ใช่แล้ว นี่เพื่อความปลอดภัยของฉัน

จะว่าไป มีของที่ผมต้องได้มาด้วย

แล้วจะใช้ชื่อว่าอะไรดีนะ 1412 หรือ แองเจิ้ลเกิร์ล?

***

เช้าวันถัดมาอากาศสดใส ผมแทบลืมตาไม่ขึ้นเพราะเมื่อคืนนอนดึก ถึงอย่างนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงจนได้และลงไปกินอาหารเช้า

“เดน ได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าหรือเปล่า?”

ลิสบอนโวยวายขณะถือหนังสือพิมพ์

ทำไมมาถามคนเพิ่งตื่นว่าอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าหรือเปล่า?

“เปล่า ข้าเพิ่งตื่น มีอะไรเหรอ?”

“เมื่อคืน ขุนนางระดับสูงคนหนึ่งถูกปล้น มาร์ควิสบัลเธียนสูญเสียเงินทั้งหมด รวมถึงพลอยชื่อพรเทวี”

ตราหมาป่าเงินกับใบลอเรลถูกวาดบนหนังสือพิมพ์ ผมอยากขอบคุณมาร์ควิสที่จ่ายค่าซักล้างให้ผมด้วยเงินทั้งหมดของเขา

“อ้อ เหรอ?”

พลอยชื่อพรเทวีเหรอ? ไม่รู้เลย

“อะไรนะ! พรเทวีถูกขโมย?”

อลิซร้องเสียงดังขณะออกจากห้องอาบน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวพันรอบศีรษะ เธอฉวยหนังสือพิมพ์จากมือลิสบอนไปอ่านอย่างตกใจ

“ตายแล้ว! พรเทวีคือไพลินดาวอันนั้น! ถ้าได้เห็นสักครั้งข้าคงตายตาหลับแต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสได้เห็นแล้ว”

อย่างนี้นี่เองมันถึงถูกคุ้มกันอย่างดี ผมก็สงสัยอยู่ว่าแค่เศษไพลินมันมีดีอะไรนัก

อลิซทำเป็นเรื่องใหญ่พอดู เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

ผมไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่เพราะไวส์เคานท์ไม่น่าจะมีโอกาสได้เห็นพลอยสูงค่าแบบนั้น แต่อลิซดูผิดหวังจริงๆ 

“ข้าตั้งใจจะขอให้คุณนายอาร์ซิลลาพาไปดู”

อ้อ อย่างนี้นี่เอง ถ้าใช้วิธีนั้นต้องได้ผลแน่

แต่ตอนนี้มันถูกลิขิตให้นอนในกระเป๋ามิติของผมไปตลอดกาล

“ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคืออาชญากรคนนั้นเรียกตัวเองว่า ลูแปง และเปิดเผยเป้าหมายต่อไปของเขา”

เอาชื่อมาจากหนังสือคลาสสิกดูจะเป็นความคิดที่ดี ลิขสิทธิ์ก็ใกล้จะหมดแล้วด้วย

อลิซอ่านหนังสือพิมพ์ใหม่

“จริงด้วย มันบอกว่าเขาทิ้งบัตรใบหนึ่งเขียนว่า “ข้าจะมาเยี่ยมเคานต์ดรูวาล พรุ่งนี้ 2 นาฬิกา”

“ที่คฤหาสน์เคานต์ดรูวาลมีพลอยด้วยไหม?” ลิสบอนถาม

อลิซพับหนังสือพิมพ์ตอบ “มีสิ! มีสร้อยคอชื่อผลึกแห่งความสมบูรณ์แบบ ลูแปงต้องเล็งไปที่ผลึกนั้นแน่ๆ”

ผมแค่เลือกจากรายชื่อขุนนางที่ซื้อจากร้านขายข่าวมาหนึ่งชื่อ เอาเฉพาะระดับเคานต์ขึ้นไปเพราะถ้าพวกเขาไม่มีเครื่องเพชรผมก็ขโมยเงินได้

“แบบนี้หน่วยอัศวินกับกองคลังคงมีงานยุ่งแล้วล่ะ”

ลิสบอนถามอย่างสงสัย “ข้าเข้าใจว่าทำไมหน่วยอัศวินต้องยุ่ง แต่เกี่ยวอะไรกับกองคลัง?”

อลิซถอนหายใจ “พี่ ข้ารู้ว่าพี่ใช้พลังงานทั้งหมดไปกับการฝึกฝนร่างกาย แต่ใช้สมองบ้างสิ โจรต้องขายพลอยที่เขาขโมยมา และเพราะเขาขายในตลาดไม่ได้ เขาต้องขายผ่านมือที่สามหรือขายในตลาดมืด กองคลังมีหน้าที่ติดตามกระแสเงินตรา พวกเขาจึงต้องพยายามฟังข่าวจากตลาดมืด”

“อ้อ เข้าใจแล้ว!”

“ถ้าเป็นหัวขโมยธรรมดาก็ไม่เท่าไหร่ แต่ลูแปงคนนี้หยามเกียรติของมาร์ควิสและเคานต์โดยการประกาศเป้าหมายต่อไป พวกเขาต้องพยายามจับลูแปงให้ได้แน่” 

อลิซพูดได้ถูกต้อง ตอนนี้กองคลังพยายามตามหาพลอยที่ไม่ได้ถูกขาย แน่นอน ผมวางแผนจะขายของบางชิ้นออกไปเพื่อไม่ให้พวกเขาคิดว่าของที่ถูกขโมยทั้งหมดถูกลักลอบนำออกไปที่อื่น

“อย่าเอาแต่ยืนสิ มากินข้าวเช้าเถอะ”

เสียงคุณนายอาร์ซิลลาดังมาจากห้องครัว พวกเรานั่งลงอย่างรวดเร็วและกินอาหารเช้า พวกเรากินอาหารราคาเท่ากับสองเหรียญทองแดงบริสุทธิ์ถ้าไปกินในภัตตาคารจนหมด

ค่าเช่าสี่สิบเหรียญทองแดงบริสุทธิ์ต่อเดือนถือว่าถูกมากถ้าผมได้กินอาหารแบบนี้วันละสองครั้ง สี่สิบเหรียญทองแดงบริสุทธิ์เท่ากับค่าอาหาร 10 วันเท่านั้นเอง ที่ว่าคุณนายอาร์ซิลลาทำหอพักเป็นงานอดิเรกนี่ใช่จริงๆ

“ขอบคุณสำหรับอาหาร”

เมื่อผมจะลุกขึ้นหลังจากกล่าวคำขอบคุณจากใจจริง ลิสบอนก็พูดขึ้น “ขอบคุณสำหรับอาหาร เดน ไปดูเมืองด้วยกันเถอะ”

“ขอโทษ แต่ข้าต้องไปหานายหน้าที่ถนนเวลคอนเพื่อเอาสมุดจดเตรียมสอบของลูกชายนาง ข้าต้องไปส่งเอกสารสมัครสอบด้วย”

“อ้อ-”

ลิสบอนดูผิดหวัง อลิซพูดเสริม “ข้าก็มีเวลาเหลืออีกไม่กี่วันก่อนถึงวันสอบ ข้าขอผ่านเหมือนกันนะ ต้องเตรียมสอบ”

“อะไรกัน? งั้นข้าต้องอยู่คนเดียว?”

“พี่ควรฝึกซ้อม การสอบเข้าโรงเรียนอัศวินก็ใกล้ถึงแล้วเหมือนกัน พี่เป็นแบบนี้คงสอบไม่ผ่าน”

เป้าหมายของอลิซคือเรียนจบจากโรงเรียนเวทมนตร์และเข้าหอคอยหรือเป็นนักเวทหลวง ส่วนเป้าหมายของลิสบอนคือเป็นอัศวินรับใช้ราชวงศ์ด้วยการเข้าโรงเรียนอัศวินขั้นกลาง

แผนเดิมของลิสบอนคือเข้าโรงเรียนอัศวินขั้นต้นตอนอายุ 16 แล้วต่อด้วยโรงเรียนอัศวินขั้นกลาง จากนั้นทำงานเป็นอัศวินฝึกหัดของอัศวินขั้นสูง แต่เพราะเขาเป็นลูกชายคนที่สองจึงถูกทำเป็นตัวสำรองของลูกชายคนโตและต้องเริ่มจากเข้าโรงเรียนอัศวินขั้นกลางแทน

โรงเรียนในจักรวรรดิมีข้อแปลกตรงที่เริ่มสอนในฤดูใบไม้ร่วง หรือหากพี่น้องคู่นี้สอบผ่านตอนฤดูร้อน พวกเขาจะเริ่มเรียนตอนฤดูใบไม้ร่วง

“ก็ได้” ลิสบอนตอบเสียงอ่อย

“ร่าเริงหน่อย! สอบเสร็จพวกเราค่อยมาเล่นกัน” ผมปลอบใจเขาเมื่อคิดว่าได้เจ้าโง่นี่ช่วยไว้เยอะ

“จริงเหรอ?”

ดวงตาลิสบอนเป็นประกาย ทำให้ผมรู้สึกเสียใจทีหลัง

“แล้วอลิซล่ะ?”

ลิสบอนมองอลิซด้วยความหวังเต็มเปี่ยม สีหน้าอลิซมืดครึ้มลงเรื่อยๆจนทนไม่ไหวแล้วตะโกน “ก็ได้ ไปก็ไป! เลิกมองข้าอย่างนั้นได้แล้ว แต่ถ้ามากวนข้าก่อนสอบพี่ตายแน่”

“ได้!”

ลิสบอนตอบอย่างร่าเริง คุณนายอาร์ซิลลาที่มองอยู่ข้างๆยิ้ม

“โฮะๆๆ”

ใบหน้านางบอกว่าที่ทำหอพักก็เพื่อภาพแบบนี้ ผมไม่เข้าใจนางเลย

8 โมงกว่าแล้ว เอาล่ะ

“วันนี้ข้าต้องไปไกล ไปก่อนนะครับ”

“ไปเถอะค่ะ”

คุณนายอาร์ซิลลาส่งผมที่ประตูบ้าน จุดหมายแรกของผมคือสาขาหนึ่งของกองคลังเพื่อสมัครสอบ

***

หน่วยงานของกองคลังที่ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเนื่องจากคดีปล้นชิงเมื่อคืน มาร์ควิสบัลเธียนคอยกดดันกองคลังและหน่วยอัศวินให้จับโจรมาให้ได้

ว่ากันตามทฤษฎีแล้ว คดีปล้นชิงเป็นความรับผิดชอบของอัศวินและไม่เกี่ยวกับกองคลัง แต่มาร์ควิสกดดันกองคลังด้วยเหตุผลว่าโจรต้องขายพลอยที่ปล้นมาในตลาดมืด

จัดการกับตลาดมืดเป็นความรับผิดชอบของอัศวิน แต่ก็ไม่ผิดเสียทีเดียวถ้าบอกว่ากองคลังก็ต้องรับผิดชอบเช่นกันเพราะพวกเขาต้องควบคุมเงินทั้งหมดในจักรวรรดิ ด้วยเหตุนี้ ข้าราชการในหน่วยงานนี้จึงกำลังตกอยู่ในนรก

ร้ายกว่านั้น คดีปล้นต้องมาเกิดตอนช่วงเตรียมการสอบรับราชการ หากคดีปล้นเกิดกับขุนนางระดับต่ำหรือพลอยไม่ถูกขโมยไปจากคฤหาสน์มาร์ควิส กองคลังคงถอนตัวจากคดีนี้ไปแล้วและไม่ต้องยุ่งขนาดนี้ แต่ตอนนี้ข้าราชการของกองคลังได้แต่เคียดแค้นหัวขโมยชื่อลูแปง

แม้ถึงเวลาทำงานแล้ว ที่ทำการของกองคลังยังคงว่างเปล่าเพราะข้าราชการส่วนใหญ่ออกไปตรวจตราตลาดมืด ด้วยเหตุนี้ คนที่เหลือจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับมือกับงานของทั้งหน่วยงานไว้เอง พวกเขาไม่ได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าทางเข้าด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มที่เข้ามามองไปรอบๆก่อนจะเดินไปหาข้าราชการที่อยู่ใกล้ที่สุด

“สวัสดีครับ ข้ามาสมัครสอบข้าราชการ”

“อะไรนะ?”

ข้าราชการเงยหน้ามองคนที่รบกวนการทำงานของเขาอย่างรำคาญ จากนั้นชี้ไปที่กองเอกสารบนโต๊ะ “กรุณากรอกข้อมูลบนใบสมัครแล้วขอบัตรประชาชนด้วยครับ”

เขาถอนหายใจ แต่เดิมงานนี้เป็นของการเงินทีม 4 แต่พวกเขาไปบุกตลาดมืด ข้าราชการตรวจสอบเอกสารและบัตรประชาชนของชายหนุ่มต่อ

“ชื่อ เดน วอน มาร์ค หรือครับ?”

“ครับ”

“อายุ 16 ใช่ไหม?”

“ครับ”

“มีรูปถ่ายไหม?”

“ไม่ครับ”

“ช่วยไปยืนตรงนั้นสักครู่”

ข้าราชการชี้ไปที่กำแพงขาว หยิบกล้องขนาดใหญ่กว่าหน้าคนจากโต๊ะของทีมสี่ แล้วตั้งขาตั้งกล้องจากนั้นวางกล้องลงไป

“จะถ่ายรูปติดบนใบสมัครนะครับ เงยหน้าขึ้นนิด เยอะไป ก้มลงหน่อยครับ ได้แล้ว หนึ่ง สอง สาม”

แชะ! แชะ! แชะ!

แสงแฟลชวาบขึ้นติดๆกัน หลังกดไปสามครั้ง รูปถ่ายสามใบก็เรียงออกมาจากกล้องเหมือนกล้องโพลารอยด์

ข้าราชการสะบัดรูปจนเริ่มเห็นเป็นรูปร่าง จากนั้นเขาติดมันกับใบสมัครและใบเสร็จรับเงิน

“ใช้ติดใบสมัครหนึ่งใบ ใช้ติดใบเสร็จรับเงินค่าสมัครสอบหนึ่งใบ รูปใบสุดท้ายใช้ติดบัตรข้าราชการถ้าเจ้าผ่าน ข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบทิ้งถ้าสอบไม่ผ่านนะ ค่ารูปใบละหนึ่งเหรียญทองแดงบริสุทธิ์ ค่าสมัครอีกหนึ่งเหรียญทองแดงบริสุทธิ์”

เมื่อเดนยื่นเหรียญทองแดงบริสุทธิ์สี่เหรียญให้อย่างงงๆ ข้าราชการก็ยื่นใบเสร็จรับเงินให้ ที่จริงรูปถ่ายสามรูปราคาหนึ่งเหรียญทองแดงบริสุทธิ์ เขาจึงดูดีใจที่ได้เหรียญทองแดงบริสุทธิ์สองเหรียญเข้ากระเป๋า

“เสร็จแล้วครับ เจ้าสามารถเข้าสอบที่ลานฝึกกลางในวันที่ 12 กรกฎาคม 10 โมงเช้า อย่าลืมนำบัตรประชาชน ใบเสร็จค่าสมัครสอบ และปากกาดินสอไปด้วย ที่สำคัญคือบัตรประชาชนกับใบเสร็จค่าสมัครสอบเพราะถ้าไม่มีก็เข้าสอบไม่ได้นะ” 

ข้าราชการพูดจบก็กลับไปทำงานต่ออย่างไม่สนใจ

เดนรู้สึกไม่พอใจและคิดว่าจะนอกจากคฤหาสน์เคานต์ที่วางแผนไว้แต่แรกแล้วจะปล้นที่อื่นเพิ่ม

ข้าราชการวางแผนว่าคืนนี้จะดื่มเบียร์เย็นๆด้วยเงินพิเศษที่ได้มาโดยไม่รู้เลยว่าเขาทำให้เกิดเหตุปล้นชิงเพิ่มอีกสองแห่ง โชคร้าย ความปรารถนาเล็กๆของเขาในคืนนี้ไม่สมหวังเพราะงานล่วงเวลาที่กำลังมาถึง



สารบัญ                                                     บทที่ 29


เอ่อ แก้แค้นด้วยวิธีนี้เหรอ อืมนะ ได้แก้แค้น ได้ค่าซักรีด ได้ทำให้นายกฯยุ่งจนไม่มีเวลาสืบเรื่องพระเอก ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว XD

 






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น