บทที่ 201 – เทพแห่งการทำลาย (1)
วูจินออกจากห้องด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น
สิ่งแรกที่เขาเห็นคือกลุ่มคนกำลังวิ่งมาหาเขา
จุงมินชานกับวูซุงฮุน คิมเฮมินกับบลังกาที่ไม่ได้เห็นมานาน
ยังมีบิบิอีก...
“ทำไมมากันหมดเลย?”
“ไม่เป็นไรเหรอ? เสียงจากในห้อง...”
“ฮีลไอ้เวรข้างในให้ที”
บลังกามีความสามารถรักษา เขาจึงเข้าไปในห้องขังอย่างระวังตัว
คนที่เหลือเดินตามวูจิน
“พวกนายตามฉันทำไม?”
“เอ่อ... ท่านประธานไม่เป็นอะไรนะ?”
จุงมินชานรวบรวมความกล้าถาม วูจินขมวดคิ้วถามกลับ
“ทำไมฉันต้องเป็นอะไรด้วย?”
“สีหน้าท่านไม่ดี”
วูจินมองคนรอบๆ
ทุกคนมองเขาด้วยความกังวล
“หรือพวกนายเป็นห่วงฉันอยู่?”
“เฮ้อ”
วูจินยิ้ม สีหน้าผ่อนคลายลง
ในชีวิตนี้เขาคาดไม่ถึงว่าจะถูกมองด้วยสายตาเป็นห่วง
ไม่สิ มีคนหนึ่งที่มองเขาแบบนี้เสมอ
‘นี่เป็นครั้งแรกที่ได้จากคนอื่นนอกจากแม่’
มาคิดดู นี่อาจเป็นเรื่องธรรมดาก็ได้
คนพวกนี้เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวของเขาไปแล้ว
เขาสามารถเป็นห่วงพวกนี้โดยไม่เกี่ยวกับพลังที่พวกเขามี
มันเป็นความรู้สึกสดใหม่ วูจินตัดสินใจไว้แล้วว่าจะปกป้องพวกเขาทั้งหมด
แต่ไม่รู้ตัวเลยว่าพวกเขาเป็นห่วง
เขาไม่เกลียดความรู้สึกนี้
“พวกนายกังวลกันล่ะสิ?”
“ครับ? ใช่!”
เสียงจุงมินชานหนักแน่นเป็นพิเศษ
ทุกคนรู้สึกลนลาน แต่จุงมินชานเป็นหนักที่สุด
บุคคลสำคัญจากประเทศต่างๆติดต่อมินชานเยอะจนแทบท่วมศีรษะเขา
เขาปฏิเสธไปแต่คนพวกนี้ยังพยายามให้มินชานขอการสนับสนุนจากคังวูจิน
ไม่แค่พวกนี้ ทุกคนบนโลกคิดเหมือนกัน คังวูจินเป็นหัวหอกเรื่องดันเจี้ยนเบรกและการบุกรุกของมอนสเตอร์
เพราะเหตุนี้ทุกคนจึงสรุปว่าคังวูจินรู้ดีที่สุดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
ที่จริงแล้ว จุงมินชานก็คิดเช่นนั้น
แต่ถึงเขาจะได้คำตอบจากคังวูจินก็จะไม่เอาไปบอกต่อคนอื่น
หน้าที่ของเขาคือรับคำขอและคำวิพากษ์วิจารณ์
เขาหยุดคำขู่หรือคำขอความร่วมมือไม่ให้ไปถึงคังวูจิน ทำให้คังวูจินทำงานง่ายขึ้น
แต่เมื่อมินชานจับจ้องไปที่สงครามกับมอนสเตอร์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
เขาย่อมอยากรู้ว่าสงครามจะจบลงได้อย่างไร
“มารวมกันตรงนี้”
สีหน้าวูจินอ่อนลงเล็กน้อย ช่วยให้บรรยากาศอึดอัดน้อยลง
“อืม จะอธิบายยังไงดี...”
ที่เขาโกรธก็เพราะจับต้นชนปลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถูกไม่ใช่เหรอ?
แต่ทุกคนกำลังรอคำตอบของเขาด้วยตาเป็นประกาย
เขาพยายามสรุปอย่างดีที่สุด
พอพูดออกมาให้คนอื่นฟังก็ทำให้เขาเข้าใจมากขึ้น
“ในโลกจริงตอนนี้เป็นปี ค.ศ. 2529 แล้ว
โลกนี้เป็นโลกที่สร้างขึ้นในเวอร์ชวลเรียลลิตี้”
“อะไรนะ?”
ทุกคนประหลาดใจ
ซุงฮุนทำตาโตถาม
“แล้วเราเป็นอะไร?”
“เราเป็นคนที่เชื่อมต่อกับความจริง บางคนอาจจะปลอม...”
วูจินทอดเสียง และทุกคนมองกันและกัน
เหมือนไม่มีใครเข้าใจที่วูจินพูดจึงทบทวนคำพูดของเขาในใจซ้ำไปซ้ำมา
ดูเหมือนวูจินจะไม่รอให้ทุกคนเข้าใจ เขาพูดต่อ
“โลกปลอมนี่มี 72 โลก โลกเป็นหนึ่งในนั้น อัลเฟนอีกหนึ่ง
โลกจาคุก็ด้วย...”
“ง...งั้นลอร์ดมิติคืออะไร? แล้วอาณาเขตมิติ ดันเจี้ยนล่ะ...”
“มันคือรอยต่อระหว่างมิติ อาจเป็นดาวเล็กๆ
ลอร์ดมิติเป็นเจ้าของดาวนั้น พวกมันอาจเชื่อมต่อกับที่นี่จากโลกจริง
อาจเป็นมนุษย์ที่อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ”
คำพูดเขาฟังจริงใจจนเหมือนกำลังล้อเล่น
พวกเขารู้สึกอยากปฏิเสธคำพูดของวูจิน แต่พวกเขารู้สึกหนักอึ้ง
“งั้นเราส์คือมนุษย์ที่เชื่อมต่อกับที่นี่
คนอื่นเป็นมนุษย์ในโลกเสมือน... คุณกำลังบอกว่าพวกเราเป็น NPC เหรอ?”
มินชานถามเสียงสั่น วูจินยักไหล่
“ไม่รู้สิ”
เขาไม่มีความสามารถตัดสินว่าเป็นจริงหรือไม่
และไม่ใช่ว่าเขาชื่อเรื่องของศาสตราจารย์ท็อปเลอร์ 100%
“ฉันแค่ได้ยินมาอย่างนั้น เออ...นายรู้สึกว่าเป็นของปลอมไหม?”
มินชานส่ายหน้า หน้าเขาซีด
“ไม่เลย!”
วูจินยิ้ม
คนที่นี่คิด ทำและใช้ชีวิตของพวกเขา
จะถือว่าพวกเขาเป็นการรวมตัวกันของเลขฐานสองได้ยังไง?
เขาไม่ตัดสินคนที่นี่ว่าเป็นของปลอม
แต่เขาจะเรียกโปรแกรมหรือสิ่งที่สร้างคนพวกนี้ว่าเทพแทน
“ได้ยินมา... คุณได้ยินมาจากใคร?”
“ด็อกเตอร์ท็อปเลอร์”
“คุณไปเจอเขามาเหรอ?”
“เขาทำตามใจชอบ เปิดประตูมาหาฉัน บอกว่าเป็นมนุษย์จากโลกจริงปี 2529”
เรื่องมันไม่น่าเชื่อจนมินชานอดถามไม่ไหว
“...เราจะติดต่อกับพวกเขาได้ไหม?”
“ไม่รู้สิ”
“อุก”
ควรจะเรียกเขาว่าไม่รับผิดชอบดีไหม? หรือแค่ไม่คิดอะไรมาก?
วูจินเพิ่งพูดเรื่องที่ยากจะยอมรับ แต่เขาดูสงบ
“เพราะอย่างนี้...”
วูจินยิ้มพลางมองทุกคนทีละคน
“ฉันจะไปพิสูจน์”
มินชานไม่แน่ใจว่าจะหยุดวูจินดีไหม แต่เขาพูดไม่ออก เขากำลังสับสน
โลกนี้ไม่ใช่ของจริง... และเป็นไปได้ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์...
ประเทศอื่นๆขอความช่วยเหลือ ญี่ปุ่นออกมาหาเรื่อง แต่ปัญหาเหล่านั้นดูจะไม่สำคัญอีกแล้ว
แม้แต่มอนสเตอร์จากดันเจี้ยนเบรกยังดูด้อยไปเมื่อเอามาเทียบกัน
ท็อปเลอร์บอกว่าทุกอย่างในนี้เป็นของปลอม...
มินชานคิดว่าสิ่งสำคัญที่เขาควรทำที่สุดคือตรวจสอบว่าคำอ้างนี้จริงหรือไม่
วูซุงฮุนที่ฟังนิ่งๆถามขึ้นมา
“ราชาเชื่อคำพูดของเขาหรือครับ?”
“ฉันไม่รู้”
“เอ่อ ถ้ามันเป็นอุบายหลอกลวงล่ะ? ผมเคยเจอแบบนี้มาเยอะ
แล้วเรื่องนี้มันกลิ่นทะแม่งๆนะ”
วูจินยิ้มตอบ
“ถ้าเป็นเรื่องหลอก ฉันจะทุบมันให้ตาย”
“ฮ่าๆ...”
ซุงฮุนเคยหลอกให้วูจินซื้อโทรศัพท์มือถือและถูกต่อยจนน่วม เขายิ้มเจื่อนเมื่อนึกถึงอดีต
“เช็คมันหน่อยก็ดี”
“แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ?”
“เออ นายคิดว่าฉันจะทำยังไง?”
วูจินยิ้มแปลกๆ ซุงฮุนกลืนน้ำลาย
วูจินมองพวกคนที่วิตกกังวลอย่างไม่จำเป็นแล้วยกเรื่องที่เขาเก็บไว้ขึ้นมาพูด
“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ พวกนายต้องทำเรื่องนี้ให้ฉัน”
“อยากให้เราทำอะไรครับ?”
“ฉันอยากให้พวกนายทุกคนปกป้องโซอา”
“แน่นอนครับ”
การปกป้องครอบครัวของคังวูจินเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของพวกเขา
จุงมินชานตอบอย่างไม่ลังเล แต่วูจินพูดกับเขาอย่างจริงจัง
“นายต้องปกป้องโซอา ต่อให้สูญเสียทุกอย่าง”
วูจินมองไปทางบิบิ
“เข้าใจไหม?”
“ค่ะเจ้านาย”
ถ้าโซอาเป็นตัวแทนของเทพของโลก...
ลอร์ดมิติจะโจมตีไม่หยุดเพื่อเอารหัส
เขาจะไม่ส่งรหัสให้พวกมัน และเขาก็เสียโซอาไม่ได้
“ถ้าทุกคนกลับมา พวกนายบอกที่ฉันพูดให้พวกเขาฟังด้วย”
“ครับผม”
โดเจมินยังทำสงครามมิติเก็บแต้มไปเรื่อยๆ
ไม่มีข่าวคราวของซุงกู และฮีซอลจากไปโดยทิ้งไว้แต่จดหมาย
เธออยู่บนอัลเฟนและไม่มีใครรู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่
“ท่านประธานจะไปเมื่อไหร่?”
“ก่อนไป ฉันต้องไปเจอบางคนก่อน”
ไอ้พวกโลกพระจันทร์จะล็อกเอาท์เขา?
เขาเคยถูกบังคับอัญเชิญไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งเดียวก็พอแล้ว ถ้าเขามีธุระบนโลกปี
2529 เขาจะไปที่นั่นเอง
วูจินเรียกม้าปีศาจออกมา
“บิบิ”
“เจ้านาย”
“ถ้าฉันไม่กลับมา... กองทัพผีดิบให้ขึ้นกับเธอ”
เมื่อกองทัพผีดิบถูกเรียกออกมา พลังเวทจากเนโครแมนเซอร์จะถูกใช้ไป
โดยเฉพาะรงรง มันมีร่างใหญ่ยักษ์และระหว่างต่อสู้ก็บาดเจ็บไม่น้อย
การฟื้นฟูมันเท่ากับต้องใช้พลังเวทไปอีกเยอะ
ที่กองทัพผีดิบทำงานไม่สะดวกเมื่อห่างจากราชาก็ด้วยเหตุนี้
บางครั้งวูจินจะให้อำนาจควบคุมกองทัพผีดิบแก่ลิชเจนิส
และเลี่ยงไม่ได้ที่เจนิสมีพลังเวทสะสมน้อยกว่าวูจินเพราะมันแย่งชิงวิญญาณไม่ได้
แต่วูจินตั้งบิบิให้ควบคุมปราการลอยฟ้าไว้แล้ว
เหมือนกับที่วูจินรวบรวมวิญญาณใกล้ๆมาเป็นพลังเวทให้เขา
บิบิจะสามารถใช้แต้มอาณานิคมเพิ่มพลังเวทให้เธอ
แน่นอนว่าเธอต้องอยู่ใกล้อาณานิคมด้วย
ถ้าบิบิให้การสนับสนุนพวกมันได้ กองทัพผีดิบจะสู้ได้เต็มที่
“ฉันไปตรวจสอบเรื่องนี้ไม่นาน ปกป้องโซอาด้วยล่ะ”
“ค่ะเจ้านาย”
“อย่ากังวลเลยครับ”
“เราจะปกป้องโซอาด้วยทุกอย่างที่มี”
ม้าปีศาจกระโดดขึ้นฟ้า ทุกคนโบกมือลาวูจิน
กลุ่มคนที่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์ของโลก
เริ่มวางการป้องกันต่อต้านทุกอย่างที่มุ่งเป้ามาที่เธอ
***
ท็อปเลอร์ที่เชื่อมต่อผ่านเครื่องเชื่อม
ลืมตาขึ้นหลังจากรหัสของเขาถูกถอดออก
เมื่อเขาส่งเสียงคราง สมาชิกทีมคนหนึ่งก็ยื่นขวดน้ำให้
“ขอบคุณ”
“คุณโน้มน้าวเขาได้หรือเปล่า?”
“เอ่อ ผมไม่แน่ใจ”
“หา?”
เขาประหลาดใจกับคำตอบไม่แน่นอนของท็อปเลอร์
“ถ้าเราไม่มีรหัส เราจะฟื้นฟูดาวได้ยังไง?”
“อืม”
พวกเขาต้องการของสองอย่างเพื่อรีเซ็ทเซิร์ฟเวอร์โลกเสมือน
รหัสฟื้นฟูและรหัสดาว
วูจินมีรหัสลบล้างและได้รหัสฟื้นฟูจากการสังหารอิเอลโล
แต่เขามีแค่นั้น
มีแต่ 72 บัลลังก์ที่มีรหัสดาว
งานของด็อกเตอร์ท็อปเลอร์คือโน้มน้าวให้คังวูจินเอารหัสของโลกมา
และเขาจะกลายเป็นบัลลังก์ที่ 1
มีแต่วิธีนี้เขาจึงจะมีประโยชน์เมื่อล็อกเอาท์ออกมา
ถ้าเขาไม่มีรหัสดาว ต่อให้มีรหัสลบล้างและฟื้นฟูก็ไม่มีประโยชน์
“เราควรหยุดก่อนไหม? ถ้าการกระทำของเราทำให้เทพแห่งการทำลายลงมาล่ะ...”
พวกเขาฝืนทนมานานแต่มันอาจหายไปในวูบเดียว เพราะเหตุนี้ตอนแรกพวกเขาจึงไม่เข้าหาคังวูจินที่มีรหัสลบล้าง
เขารับมือยากเกินไป ความหวังของพวกเขาอยู่ที่อิเอลโล...
ท็อปเลอร์หัวเราะขื่นๆเมื่อคนตรงหน้าเขามองมาอย่างไม่เชื่อใจ เขาไม่โทษชายคนนี้
เขาสมควรถูกตำหนิเพราะทำอะไรโดยไม่บอกคนอื่น เขาอยากรับคำตำหนิและผลที่ตามมาไว้เอง
แต่เรื่องราวมันเกินเลยกว่าเขาจะทำอะไรได้แล้ว
“ผมมีเรื่องต้องสั่งคิมคังชุล”
“ผมจะเตรียมการให้”
พวกเขาต้องเตรียมรับหากเกิดเรื่องไม่คาดคิด
สถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้คือวูจินล็อกเอาท์โดยไม่มีรหัสดาว
พวกเขาต้องเตรียมตัวไว้
***
ในทะเลทรายแห่งหนึ่งที่มีแต่ทรายและลม
มีต้นไม้แห้งตายต้นหนึ่งและอาคารร้าง 2 หลัง วูจินหยุดม้ากระโดดลงมาและมองรอบตัว
รอบตัวเขาเท่าที่เห็นมีแต่ทราย ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต
แต่เขายังระวัง
“กาเกบิ”
[คึๆ เรียกข้าหรือ?]
“ไปดูว่ามีใครอยู่ใกล้ๆไหม”
[ท่านต้องการเครื่องสังเวยหรือ? หรือต้องการเลือด?]
“อย่าพูดมาก ไปดู”
[คึๆ รับคำสั่ง]
วูจินขมวดคิ้วขณะที่กาเกบิพูดอย่างร่าเริง
วูจินหาที่ๆไม่มีคน เขาอยากลดการเสียชีวิตให้น้อยที่สุด
“เริ่มเลยไหม?”
วูจินหยิบหินผนึก,หินกลับและหินอัญเชิญออกมา
เขาซื้อของเหล่านี้จากร้านแลกเปลี่ยนความสำเร็จ
หลังสู้ในอัลเฟนมา 20 ปี เขาได้วิธีนี้มาอย่างยากลำบาก
มันทำให้เขาได้กลับบ้าน
เขาเอาไอเทมทั้ง 3 มารวมกันแล้วทุบ
ไอเทมกลายเป็นผงกระจายไปเหมือนควัน ไม่นานมันก็รวมกันส่องแสงตรงหน้าวูจิน
มันเป็นก้อนแสง
ก้อนแสงใส่เกราะ มันพูดได้แม้จะไม่มีปาก
“เจ้าคือนักรบที่มาถึงจุดสูงสุด... เจ้าอยากไปที่ใด?”
วูจินยิ้มเมื่อได้ยินคำเดิมจากสิ่งนี้
บัลลังก์ที่ 72
เขาครอบครองรหัสดาวทั้งหมด... ตัวตนที่ใกล้กลายเป็นพระเจ้าเต็มที
วูจินพูดกับแอดมินแห่งมิติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น