บทที่ 200 – ทราห์เน็ต (5)
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์เกร็งไหล่ด้วยความกังวล
แรงกดดันมหาศาลทำให้เขาหายใจลำบาก
วูจินยืนตรงหน้าศาสตราจารย์และจ้องเขาเขม็ง
ถ้าเขาเหวี่ยงหมัดก็จะถูกท็อปเลอร์
คิมคังชุลลังเลว่าควรจะหยุดหรือไม่ แต่เขาไม่กล้าเดินออกมาในบรรยากาศมาคุเช่นนี้
ทุกอย่างในห้องขัง...
ของต่างๆ
อากาศ
เหมือนมันกำลังถูกบีบต่อหน้าพลังของคังวูจิน
เขาเอ่ยปาก
“ฉันให้เวลา 5 นาที ถ้าทำให้ฉันเห็นด้วยไม่ได้ นายตาย”
นี่เป็นโอกาสที่คาดไม่ถึง ท็อปเลอร์ตาเป็นประกายและพูดทันที
“โลกนี้เป็นเรื่องโกหก”
“ฉันอยากจะถอนคำพูดจริงๆแฮะ”
วูจินพูดอย่างจริงจัง เขาไม่สนว่าได้ให้โอกาสท็อปเลอร์ไปแล้ว
วูจินอยากต่อยท็อปเลอร์ที่เอาปรัชญามาพูด
“...ให้ผมพูดต่อไหม?”
“หมดไป 20 วิแล้ว”
ท็อปเลอร์พูดต่ออย่างรวดเร็ว
อนาคตของโลกกับโลกพระจันทร์ขึ้นอยู่กับคำพูดของเขา
“ปี 2529
สงครามและการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติทำให้มนุษย์ชาติมีชีวิตอย่างยากลำบาก...”
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์พูดอย่างเคร่งเครียด
แต่วูจินมีสีหน้าแย่ลงเรื่อยๆ คิมคังชุลมองด้วยความกังวล
คิมคังชุลรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้เข้าเรียนวิชาที่น่าเบื่อ
ที่โชคร้ายคือชีวิตของเขาใกล้จะจบในอีก 5 นาที เขาจึงกระสับกระส่าย
ท็อปเลอร์พูดถึงการล่มสลายของโลกและความเห็นแก่ตัวของประชากรโลก
พูดไปเขาก็เริ่มใส่อารมณ์มากขึ้น คิมคังชุลจึงต้องปรามเขาไว้
“ขอโทษครับศาสตราจารย์ ช่วยพูดให้กระชับหน่อยเถอะ...”
“หา?”
คำพูดของคิมคังชุลดึงเขาจากภวังค์
“เหลือ 3 นาที”
“อุบ”
ท็อปเลอร์กลืนเสียงครางแล้วหยุดเรียบเรียงคำพูดใหม่
เขาพูดอย่างรวดเร็วและรวบรัด
“โลกล่มสลาย เราต้องหาที่อยู่ใหม่”
วูจินนึกถึงความรู้สึกอันตรายที่เขาเคยรู้สึกในวิหารของอัลเฟน
“ใช่อัลเฟนหรือเปล่า?”
“ถูกต้อง โชคร้าย เราสร้างวิธีเดินทางไปที่นั่นได้แล้ว
แต่การเตรียมการให้ที่ใหม่กลายเป็นที่ให้อาศัยอยู่ได้ยังไม่เสร็จ
มนุษย์ไม่มีทางอื่นนอกจากรอ เพราะเหตุนี้สถานีย่อยจึงถูกสร้างขึ้น
เราสร้างโลกเสมือนขึ้นมา”
“พูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้หน่อย”
“พวกเราต้องรออยู่ในโลกเสมือนจนกว่าอัลเฟนจะกลายเป็นเหมือนโลก
หรือก็คือเราอยู่ในที่พักชั่วคราวจนกว่าบ้านของเราจะสร้างเสร็จ”
“แปลว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในนั้น?”
“ถูกต้อง”
“แล้วไงต่อ?”
“อะไร?”
ไม่สงสัยในเรื่องของเขาเลยเหรอ?
ท็อปเลอร์งงไปด้วยคาดไม่ถึงกับคำถามของวูจิน
“แล้วนายต้องการอะไร? นายจะพาพวกเราออกไปจากโลกนี้?
บ้านใหม่สร้างเสร็จแล้วและนายจะพาพวกเราไปที่นั่นเหรอ?”
“...ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี แต่มันมีปัญหา”
แน่นอน ต้องมีปัญหาทำให้ทุกอย่างเละเทะทุกที
“บางคนในพวกเราเกิดความโลภ พวกเขาสร้างโลกเสมือนอื่นอีก จำนวนทั้งหมดคือ...”
“72”
“...ถูกต้อง มันเป็นโลกเสมือน แต่คนพวกนี้มีพลังเหมือนพระเจ้า
บางคนกระทั่งอยากจะกลายเป็นเทพจริงๆ
แหล่งพลังงานและสิทธิในอำนาจนั้นฝังอยู่ในรหัสที่แต่ละคนมี
และพวกเขาเกิดอยากได้รหัสของอีกคน จากนั้นก็เกิดสงครามระหว่างมิติ...”
“สุดท้ายก็คือทะเลาะกัน”
“...ใช่”
“ถ้าทุกคนตื่นจากโลกเสมือนก็หมดปัญหาแล้วไม่ใช่เหรอ?
ทำไมพวกนายยังลังเล?”
“นั่นก็มีปัญหาด้วย”
“อะไร?”
“การปรับสภาพดาวบ้านใหม่ของเรายังไม่เสร็จ”
“...”
วูจินมองท็อปเลอร์อย่างท้อใจ
“แต่เรามีวิธีแก้อย่างหนึ่ง”
“อะไร?”
“ทราห์เน็ต มันคือเครือข่ายที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวระหว่างดวงดาว
มันจะทำให้เราปรับสภาพดวงดาวสำเร็จ...”
“อธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อย”
“พวกเราสามารถสลายร่างของคนหรือสิ่งของบนโลกทำให้กลายเป็นลำแสงและก่อตัวใหม่ที่อัลเฟน”
“...”
“คุณสามารถล็อกอินจากโลกและไปล็อกเอาท์ที่อัลเฟน”
“นายกำลังพูดถึงอุโมงค์ใช่ไหม?”
“เราใช้คอนเซ็ปท์ของอุโมงค์สร้างวิธีนี้ขึ้นมา
แต่นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนมิติ
การเคลื่อนย้ายระหว่างมิติเป็นวิธีที่ใช้แต่ในโลกเสมือน”
วูจินมองนาฬิกาบนผนัง
“หมดเวลาแล้ว”
“...คุณจะฆ่าผมเหรอ?”
“นายรู้จักฉันดีนี่”
“ทำไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ? นายน่าจะหนีไปเหมือนคราวที่แล้วนะ”
“ผมตายไม่ใช่ปัญหา เราต้องช่วยโลกเสมือนและโลกจริง
คนที่เสียรหัสไปจะอยู่ได้แต่ในโลกเสมือน”
“งั้นก็ให้พวกเขาอยู่ไปสิ”
จำเป็นต้องแยกว่าอะไรจริงอะไรเป็นโลกเสมือนด้วยเหรอ?
จากประสบการณ์ของวูจิน การแบ่งแยกแบบนี้มันไร้ประโยชน์ สิ่งมีชีวิตอาศัยในโลก
สิ่งที่ตายแล้วอาศัยในโลกหลังความตาย
“โลกของคุณกับผมกำลังตกอยู่ในอันตราย”
ท็อปเลอร์เคยพูดอย่างนี้
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์เคยพูดว่าพวกเขากำลังทำเพื่อเป้าหมายเดียวกัน ประโยคนั้นดังเข้าหูวูจินอีกครั้ง
มันเคยฟังแล้วรู้สึกแย่อย่างไร ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอย่างนั้น
เขารังเกียจคนผู้นี้ พยายามเรียกร้องให้ได้ผลตามตัวเองต้องการโดยไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย
“ว่ามาสิ”
วูจินแน่ใจว่าท็อปเลอร์กำลังปิดบังบางอย่าง แต่ถ้าจำเป็นเขาจะร่วมมือกับไอ้ขี้ลังเลนี่
เขาอยากรู้ว่ามีอันตรายอะไรที่เขาต้องเจอในอนาคตอันใกล้
“พวกเราเฝ้าตรวจสอบพวกคนที่มีรหัสแอดมินมานานแล้ว
เราทำแบบนี้หลายครั้ง แต่มีคนหนึ่งที่พยายามจะเป็นเทพที่แท้จริงมาตลอด”
“เทพที่แท้จริง...”
เป้าหมายของเกมเหรอ? นี่คือสิ่งที่ลอร์ดมิติพยายามจะไปให้ถึงเหรอ?
“ฉันเดาว่านายกำลังพูดถึง 72 บัลลังก์”
“ผมแน่ใจว่าคุณเจอเขาแล้ว”
“หา? เคยแล้ว?”
วูจินงง
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์กลืนน้ำลายแล้วพูด
ทุกอย่างจะจบลงเมื่อคนนั้นลงมา
“ผมกำลังพูดถึงแอดมินแห่งห้วงมิติ”
เขาเฝ้ามองทุกอย่าง เมื่อรวบรวมรหัสทั้งหมด เขาจะเกิดใหม่เป็นเทพที่แท้จริง
เขาจะรวมมิติทั้งหมดเข้าด้วยกัน... กลายเป็นเทพเหนือทุกสิ่ง
“...แอดมินแห่งห้วงมิติ”
วูจินคิดถึงการพบกันครั้งนั้น เขาถูกอัญเชิญไปยังอัลเฟน
และต้องพยายามอย่างหนักเพื่อกลับโลก
ความพยายามของเขาเปรียบเหมือนกระเสือกกระสนออกจากนรก
และเขาได้พบกับแอดมินแห่งห้วงมิติ
ด้วยความช่วยเหลือจากเขา วูจินจึงได้กลับโลก
“นายพูดไม่เข้าท่า ทำไมมันถึงส่งฉันกลับโลก...”
ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์ตอบก่อนวูจินพูดจบ เขาไม่มีเวลามากนัก
กัปตันลีโอเน่คงใกล้ถึงสถานีโซลแล้ว
“คุณมีรหัสกับกุญแจที่เขาต้องการ”
“...”
“รหัสเดิมกระจัดกระจายไป คุณมีรหัสการลบล้าง... แอดมินแห่งห้วงมิติกำลังพยายามเก็บรหัสการลบล้างที่สมบูรณ์”
“นายกำลังพูดถึงพลังของทราช”
“ถูกต้อง เขาต้องการครอบครองรหัสทั้งหมด”
ในโลกเสมือน มนุษย์เมื่อตายจะถูกลบไป
มีช่องว่างที่ผู้ตายถูกรวบรวมไว้
วูจินเป็นตัวตนที่สามารถทวนการลบด้วยการดึงผู้ตายออกจากช่องว่างนั้น
เนโครแมนเซอร์
ความรู้สึกขัดแย้งแปลกๆที่คอยรบกวนเขาเบาลง เป็นเพราะเป้าหมายที่เคยเลือนรางของเขาชัดเจนแล้วสินะ?
“เอาล่ะ บอกฉันว่านายต้องการอะไร”
“เขากำลังจะลงมา เราต้องทำภารกิจให้เสร็จก่อนที่เขาจะลงมา
พวกเราเสียโอกาสนั้นไปแล้ว โลกเสมือนไม่มีความหวังอีกแล้ว เราต้องรีเซ็ทใหม่”
“ทำยังไง”
“คนของโลกพระจันทร์จะดึงคุณออกไป เมื่อคนตื่น
ความทรงจำที่ฝังในรหัสจะบอกคุณว่าจะต้องทำอะไร”
เหมือนการใช้ตำราทักษะ ความรู้จะใส่ลงในความคิดของเขา...
คล้ายแต่ไม่ใช่... มันเหมือนความจำที่ถูกผนึกไว้ถูกปลดผนึก
“วิธีรีเซ็ทอยู่ในรหัสการฟื้นฟูที่คุณได้จากอิเอลโล”
เมื่อเขาฆ่าอิเอลโลเขาก็ได้รหัสการฟื้นฟู
“ก่อนหน้านั้นคุณต้องทำอย่างอื่นก่อน”
“อะไร?”
“ในการฟื้นฟู คนตายจะฟื้นคืนชีพ”
เวลาจะถูกย้อนกลับทั้งหมด มันไม่ต่างจากการโรลแบ็คของเซิร์ฟเวอร์
ทุกอย่างจะย้อนไปยังจุดเซฟก่อนหน้า ขณะเดียวกัน
สิ่งที่ตกค้างจากการกระทำนี้จะกลายเป็นผู้อพยพระหว่างมิติ...
“ถ้าคุณต้องการฟื้นฟูโลก คุณต้องมีรหัสของโลก”
“...”
“คุณต้องเอามันมา”
วูจินยืนนิ่ง
“เธอจะเกิดใหม่อีกครั้ง คุณไม่จำเป็นต้องลังเล”
“หึ”
วูจินหัวเราะตอบคำขออย่างจริงใจของท็อปเลอร์
ความโกรธของเขากลายเป็นบางอย่างที่เยือกเย็น...
สายตาของเขาทำให้ท็อปเลอร์ขนลุก
“นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนตายของนาย”
“กรุณาทบทวน...”
เขาไม่เปลี่ยนใจ ท็อปเลอร์เห็นมันได้จากในสีหน้าและเสียงของคังวูจิน
ท็อปเลอร์รู้ชะตาของเขา
“ไม่มีทางอื่นนอกจากรีเซ็ท...”
ท็อปเลอร์ให้วิธีแก้ปัญหาไม่ได้ เขามีแต่วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุด
เวลาต้องถูกย้อน ปัญหาจะหายไป
คังวูจินเหวี่ยงหมัด
แทนที่จะย้อนไปแก้ปัญหา เขาเลือกฉีกมันทิ้ง
กึง!
“หนีไป!”
คิมคังชุลเข้ามาขวาง แต่ท็อปเลอร์ไม่มีเวลารู้สึกขอบคุณ
คิมคังชุลเป็นแค่เราส์แรงค์ A เขาจะทนคังวูจินได้สักกี่วินาที?
ท็อปเลอร์วิ่งไปจับลูกบิดประตูห้องน้ำ
“อีกไม่นานเราจะเอาคุณออก กรุณาอย่าลืมคำพูดของผม”
ประตูเปิดและท็อปเลอร์เข้าไป วูจินเตะคังคิมชุลที่เกาะขาเขาอยู่
“ปล่อย”
คิมคังชุลถูกเตะปลิวใส่กำแพงแล้วกลิ้งบนพื้น
“อึก”
กระแทกแรงเกินไป คิมคังชุลครางโดยไม่คิดลุกขึ้น
วูจินจับลูกบิดประตูห้องน้ำ มันถูกปิดอย่างรวดเร็วโดยท็อปเลอร์
ตุบ!
เขารู้สึกมีคนเกาะขา วูจินมองลงไป หน้าคิมคังชุลเต็มไปด้วยเลือด
ดูเหมือนจะศีรษะแตกแต่ยังเกาะขาของวูจินอย่างเอาเป็นเอาตาย
“คุณเป็นคนเดียว ช่วย...ผมด้วย”
ให้ช่วยใครนะ?
ดูเหมือนทุกคนเห็นแก่ตัวเอง
วูจินเตะคิมคังชุลออกไป เขากระชากประตูเปิดออก
แต่ศาสตราจารย์ท็อปเลอร์ไม่อยู่แล้ว
ไอ้ตัวไร้วิญญาณชอบหลบๆซ่อนๆหนีกลับโลกไปแล้ว
มันใช้การย้ายมิติโดยไม่ต้องใช้ดันเจี้ยน... ไม่สิ
เขาควรเรียกว่าล็อกเอาท์ใช่ไหม?
วูจินจ้องคิมคังชุลที่ไม่มีความผิดเขม็ง
“...”
ตั้งแต่หัวจรดเท้า เขารู้สึกถึงความโกรธเกรี้ยวรุนแรงทั่วทั้งตัว
“เป้าหมายของเราไม่เหมือนกัน”
เป้าหมายของพวกเขาคือไม่ให้เกิดเทพที่แท้จริงและช่วยโลก?
แต่เป้าหมายของเขาไม่ใช่ ถ้าพวกมันคิดว่าเหมือนกันก็หลงผิดไปแล้ว
“รีเซ็ท? หึ!”
สำหรับเขามันไม่มีทางตั้งแต่แรกแล้ว กลับไปแล้วยังไง? เขาร่อนเร่ใน
20 ปีแห่งความโหดร้ายอีกครั้ง และกลับโลกมาเพื่อดูมันล่มสลาย
เป้าหมายของเขาต่างไป
“ฉันจะจบมัน”
เขาไม่สนใจว่าโลกพระจันทร์จะเป็นอย่างไร
เขาจะปกป้องโลก ทำลายดันเจี้ยนให้หมด ตัดการเชื่อมต่อระหว่างมิติ
เขาจะสร้างโลกของเขาเอง... เขาจะปกป้องโลกนี้
“ฉันจะฆ่ามันให้หมด”
เขาจะใช้วิธีที่เขามั่นใจที่สุด
วิธีเดียวที่จะได้ผู้ประหารของทราชมาคือต้องให้โซอาหลั่งเลือด?
“ฉันไม่ต้องการมัน”
เขาไม่สนใจผู้ประหาร ต่อให้เป็นวิธีแก้ปัญหาเดียวเขาก็ไม่ต้องการ
เขาจะกลายเป็นทราช และประหารพวกมันให้หมด
วู่ว
เมื่อคังวูจินมีความโกรธท่วมท้น เขาเห็นวิญญาณร้ายที่ลอยล้อมเขาอยู่เสมอ
เสียงร้องเย็นยะเยือก แต่วูจินไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว
วิญญาณร้ายหลายพันหลายหมื่นติดตามเขา
เขานับไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีเท่าไหร่
เขาแบกภาระนี้อยู่เสมอ
วิญญาณคร่ำครวญรอบตัวเขาเริ่มหลบไป
แต่สถานการณ์ของเขาต่างไปจากเดิมเล็กน้อย...
วูจินแบ่งวิญญาณใส่เซ็ทไอเทมของทราชที่เขาสวมอยู่
ตึง
คังวูจินเดินออกจากห้อง
----
เอ่อ เรางงกับทราห์เน็ตและการย้ายดาวมากเลยค่ะ แปลไปงงไป
มันเกี่ยวอันใดกับการทำเทอร่าฟอร์มมิ่ง
เอาจริงๆถ้าพวกโลกพระจันทร์อยากรีเซ็ทก็ฆ่าอิเอลโล,วูจินกับน้องของวูจินก็ได้แล้วนะ
ปัญหาคือไม่มีปัญญาฆ่าเองเลยต้องมาขอร้องคนเป็นพี่ให้เสียสละน้อง เชื่อเค้าเลย ถ้าไม่ใช่พระเอกในนิยายบางเรื่องที่ย้อนเวลาไป
1000 กว่ารอบจนจิตใจแตกสลายไปหมดแล้วก็ไม่มีใครยอมหรอก
???+1
ตอบลบงั้นถ้าคนในโลกเสมือนมีลูก ลูกๆจะจะเป็นแค่ไฟล์ไฟล์นึงที่ถูกสร้างขึ้นมาในระบบคอมพิวเตอร์ไม่มีตัวตนในโลกจริงใช่มั้ย แล้วถ้าเด็กๆโตขึ้นแล้วมีลูกก็จะสร้างไฟล์ใหม่ขึ้นมาอีก สุดท้ายคนจริงๆในโลกจริงร่างกายแก่และตายไป ไฟล์ก็ถูกลบไป ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปโลกเสมือนนี้ก็จะมีแต่ AI จำลองไม่มีคนจริงๆซักคนน่ะสิ โดยที่ AI เหล่านั้นก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็น AI เข้าใจถูกมั้ย??
ตอบลบ