บทที่ 177 – ป้องกัน (1)
ประตูปิดเมื่อวูจินและเมโลดี้เข้าไปในสิ่งก่อสร้าง
พวกเขาถูกตัดขาดจากภายนอกโดยสิ้นเชิง
เขาได้ยินเสียงวิ้งๆในหูและรู้สึกปวดศีรษะ วูจินขมวดคิ้วนวดขมับ
“อะไรวะ?”
เขารู้สึกถึงอันตรายที่บอกไม่ได้ และเกิดความรู้สึกระแวงรอบตัวตามสัญชาติญาณ
เขามองรอบๆแต่ไม่มีอะไรเปลี่ยน
มีทางเดินสะอาด มีรูที่มีบันไดให้ปีนลงไป
มันเป็นของที่เห็นในยานอวกาศทั่วไป
ไม่ใช่ภายนอกที่เปลี่ยน แต่เป็นบางอย่างข้างใน
“...”
เขาไม่รู้สึกถึงพลังงานเวทเลย
“แรมสัน”
“...”
วูจินเรียก แต่ไม่รู้สึกถึงตัวตนของอสูรรับใช้แรมสันแม้แต่น้อย
“โดลเซ! เจนิส!”
“...”
เสียงของเขาไปไม่ถึงเหล่าอสูร เสียงเพียงสะท้อนกลับมาในที่นี้
“คุณจะไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงของเทพีอาเรีย”
“...”
วูจินหันไปเห็นพลังเวทอ่อนโยนรอบตัวเมโลดี้
เขารู้ว่าเมโลดี้มีพลังเวทเต็มเปี่ยมเพราะมันแสดงตัวตนเป็นแสงรอบตัวเธอ
“น่าสนใจ”
นี่คือมิติเฉพาะของอาเรียหรือ?
นี่เป็นครั้แรกที่วูจินมาวิหารเทพ
เขาจึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิหารนัก
เขาได้แต่เดา
ไม่ว่าจะเป็นโลกหรืออัลเฟน เขาไม่เคยอยู่ห่างจากอสูรของเขาขนาดนี้
‘มีครั้งหนึ่งสิ’
ตอนที่เลเวลของเขาถูกเปลี่ยนกลับไปที่1
ตอนที่เขายังไม่ผ่านเงื่อนไข อสูรของเขาถูกผนึกไว้
ตอนนี้ก็ยังมีรงรง เขายังเจอมันไม่ได้จนกว่าเลเวล 90
“เธอมาที่นี่เพื่ออะไรก็ไปทำซะ”
“แล้วคุณ...”
“ฉันก็จะทำเรื่องที่ฉันมาทำ”
“...”
ผู้ไม่ตายมีธุระอะไรที่วิหารอาเรีย?
เมโลดี้ยืนนิ่งดวงตามีความกังวล วูจินพยักหน้าไปยังทางเข้าด้านล่าง
“ไป”
“ฉันจะมาหาคุณในอีกไม่นานค่ะ”
เมโลดี้ตามพลังเลือนรางที่เหมือนกำลังเรียกเธออยู่ไป
เมื่อเมโลดี้ไปแล้ว วูจินมองรอบๆภายในวิหาร
มองข้างนอก สิ่งก่อสร้างดูเป็นเหลี่ยมเป็นมุม
แต่ที่ว่างข้างในไม่ใหญ่ขนาดนั้น
ดูเหมือนเขาต้องลงรูกลางห้อง
เมื่อจับบันได เขาก็พบว่ามันเย็นเป็นน้ำแข็ง
ตึง ตึง
ทุกครั้งที่เขาไต่ลงบันไดไป
เสียงดังขึ้นเหมือนใครกำลังเอาไหล่กระแทกกำแพง มันเป็นความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่ง
ตึก
หลังจากไต่ลงมาเป็นเวลานาน เขามาถึงพื้นที่โล่งว่าง
หลุมยังลึกลงไปอีก
วูจินสามารถเห็นศีรษะของเมโลดี้ขณะเธอกำลังไต่บันไดลึกลงไป
ดูเหมือนว่าที่หมายของเธอยังอยู่อีกลึกกว่ามาก
วูจินตัดสินใจหยุดตรงนี้ และเริ่มคลำหากำแพง
มือเขาไม่โดนสวิทช์อะไร แต่เกิดแสงสว่างในห้อง มือเขายกค้าง
วูจินกำมือแล้วมองไปรอบๆ
“กว้างแฮะ”
“มันใช่ยานอวกาศแน่เหรอ?”
วูจินครอบครองอาณาเขตมิติ
เขาเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดและไอเทมมหัศจรรย์จากมิติหลากหลาย
เขาไม่ประหลาดใจนักที่เห็นสิ่งก่อสร้างที่เหมือนยานอวกาศบนอัลเฟน
ไม่มีเครื่องยืนยันว่าของแบบนี้เป็นของโลก
อย่างเดียวที่ทำให้เขาสงสัยคือเรื่องที่มันเป็นวิหารของอาเรีย
วูจินมองรอบๆแล้วขยับไปทางโต๊ะตัวหนึ่ง เขายื่นมือออก
วิ้ง
จอภาพโผล่ขึ้นมาบนโต๊ะ วูจินยิ้ม
“น่าสนใจ”
สัญลักษณ์และตัวอักษรที่อ่านไม่ออกปรากฏบนหน้าจอสัมผัส
มันไม่ใช่ภาษาเกาหลีหรืออังกฤษ เขาอ่านไม่ออก
แต่มันเป็นอินเตอร์เฟสที่คุ้นเคย
“มันคือคอมพิวเตอร์...”
ในบรรดาความรู้สึกที่เขาเคยรู้สึก 20 ปีบนอัลเฟน
ที่เขารู้สึกอยู่ในขณะพิเศษสุด
เขาไม่รู้ว่านี่เกี่ยวข้องกับโลกหรือไม่ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆ?
นี่คือสิ่งเชื่อมต่อระหว่างโลกกับอัลเฟนหรือ? หรือเทคโนโลยีปัจจุบันของโลกถูกสร้างขึ้นโดยคนในอดีต?
หรือนี่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโบราณของอัลเฟน?
วูจินแตะหน้าจอสัมผัสมั่วๆ
เสียงเตือนดังไม่หยุดเหมือนเกิดเหตุขัดข้อง แต่เขาไม่หยุดนิ้ว
“พังมันเลยดีไหม?”
เมื่อเขาตัดสินใจจะทำตามนั้น โต๊ะฉายภาพโฮโลกราฟฟิคของร่างหนึ่งขึ้นมา
“อะไร? เธอฟังอยู่ตลอดเลยเหรอ?”
วูจินมองผู้หญิงที่เขารู้จัก เขามีสีหน้างุนงง
[ไม่ได้เจอกันนาน]
“นี่เป็นครั้งที่สองที่เจอกัน”
วูจินคิดถึงตอนที่เขาเจออาเรียครั้งแรก
“นี่คือความจริง? ฝัน? หรือแค่ภาพโฮโลแกรม?”
[มันสำคัญนักเหรอที่ต้องตัดสินว่าอะไรคือความจริง?]
“อืม ฉันไม่รู้ว่ามันสำคัญหรือเปล่า”
ที่สำคัญคือต้องตัดสินว่าสิ่งนี้มีเจตนาดีหรือไม่
แต่เขามีเรื่องอื่นให้ต้องกังวลมากกว่า
สำหรับวูจินตอนนี้ นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“เธอคืออะไร?”
[ข้าคือเทพีแห่งการทำนาย พวกเขาเรียกข้าว่าอาเรีย]
“เธอเป็นพวกโปรแกรมทำนายเหรอ?”
[ข้าไม่ทราบ]
“เธอทำให้ฉันปวดหัว”
วูจินกดขมับ
“เอาอย่างนี้ ถ้าฉันถามคำถาม เธอจะตอบไหม?
หรือจะพูดวกไปวนมาแบบคราวที่แล้วอีก?”
มันเป็นแบบนั้นตอนเขาเจออาเรียครั้งแรก
เขาไม่รู้ว่ากำลังฝันหรืออยู่ในมิติอื่น เขาคุยกับเธอในที่ๆมีแต่เมฆหมอก
และเขาไม่ชอบการคุยกันครั้งนั้นนัก
ตอนนั้นเขารู้สึกเหมือนเป็นนักเรียนประถมถูกเรียกไปห้องครูใหญ่
มันเป็นประสบการณ์ที่น่าอึดอัด
เธอบอกว่าเธอเฝ้ามองเขา ชมเขาและบอกให้ขยันกว่าเดิม
“แปลว่าเธอพาฉันไปที่ๆเธออยู่ตามใจชอบแบบครั้งก่อนไม่ได้แล้ว?”
วูจินยิ้มพลางมองรอบโต๊ะ
[…]
“ตอบฉันจะดีกว่า ก่อนที่ฉันจะทำลายทุกอย่างในนี้”
[ก็ได้ แต่ว่า เจ้าไม่มีเวลาเหลือให้ถามคำถามนัก]
“รหัสคืออะไร?”
[มันคือสิ่งที่ทุกคนมี เจ้ามีรหัสสู่โลก มันเหมือนสิ่งยืนยันตัวตนของคนที่อยู่บนดาวดวงหนึ่ง
คล้ายกับสัญชาติ]
“...เป็นคำตอบที่คาดไม่ถึงเลย”
[...]
ใบหน้าวูจินเปลี่ยนเป็นดุดัน
“ลอร์ดมิติทำเรื่องวุ่นวายขนาดนี้เพราะของไม่สำคัญนั่นเหรอ?”
[พวกเขาพยายามหารหัสตัวหลัก]
“รหัสตัวหลัก?”
[ไม่ใช่รหัสที่อนุญาตให้ผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในมิตินั้น
มันมอบอำนาจในการปกครอง]
“วุ่นวายชะมัด แปลว่าพวกมันอยากเป็นเทพ?”
[…]
วูจินส่ายศีรษะขณะที่อาเรียเงียบแทนคำตอบ
“ทำยังไงถึงจะได้รหัสนั่น?”
[เจ้าเดาถูกแล้ว]
ลอร์ดมิติทำอะไร? พวกมันยึดดันเจี้ยน
สร้างอาณานิคมและค้นหาทั่วดวงดาว พวกมันทำลายและเข่นฆ่า...
“ฉันต้องฆ่าคนที่มีรหัส?”
[ใช่]
“เข้าใจล่ะ โลกหนึ่งมีรหัสแค่รหัสเดียว?”
[ขึ้นอยู่กับแต่ละโลก]
“อัลเฟนมีกี่อัน?”
[เรามี 5]
“อาเรีย สเกีย ลีเซีย เฮเรส คัวร์?”
[...ใช่]
อัลเฟนมีเทพและเทพีมากมาย
แต่มีไอเทมศักดิ์สิทธิ์เพียง 5
ชิ้นที่เป็นวัตถุดิบสร้างเซ็ทไอเทมทราช
“ฉันคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกว่านี่มันน่าขนลุก?”
[…]
“ทราช เขาเป็นรหัสเหรอ?”
[รหัสลับ มันคืออำนาจหนึ่งที่พวกเราตกลงผนึกไว้]
นี่คือคำใบ้ที่เขาไม่เคยแก้ได้ วูจินข่มใจให้สงบแล้วถาม
“ฉันจะหาผู้ประหารได้ที่ไหน?”
[...เจ้าทำได้แค่รวบรวมกุญแจบนอัลเฟน รหัสลับอยู่ที่อื่น]
คิ้ววูจินกระตุก
เขาถูกเรียกตัวจากโลกมาที่อัลเฟน
เซ็ทไอเทมทราชเป็นของเฉพาะของเนโครแมนเซอร์ มันเป็นของสำหรับเขา
“เธอจะบอกว่ามันอยู่บนโลก?”
[…]
“ตอบสิ!”
[ใช่]
“รหัสลับทำอะไรได้? มันทำให้คนกลายเป็นผู้ปกครอง? เทพ?”
[...]
ร่างในโฮโลแกรมกระพริบ
[มันต่างจากสิทธิ์ในการปกครอง มันใช้ลบล้าง]
“แปลว่ามันให้สิทธิ์ในการลบล้าง”
นี่คือสิ่งที่เขาหา มันคือความสามารถของผู้ประหาร
นี่คือสิ่งที่เจนิสยืนกรานว่าพวกเขาต้องหา
คำใบ้ถูกเฉลยแล้ว
คำตอบอยู่บนโลก
วูจินมีสีหน้าผ่อนคลายและกำลังจะหันจากไป
แต่เสียงกริ่งดังขึ้นหยุดเขา ภาพโฮโลแกรมขยับปาก
[มีผู้แข่งขันมากมาย พวกเขาเริ่มหันมาเอาจริงกับเจ้าแล้ว]
“ฉันเป็นจุดสนใจของพวกมันมาตลอดอยู่แล้ว”
วูจินไม่สนใจแม้ว่าลอร์ดมิติทั้งหมดจะเป็นศัตรูกับเขา
ต่างจากความมั่นใจของวูจิน อาเรียกังวลมาก
[มีคนมากมายพยายามแย่งประตูของเจ้าไป]
“หมายถึงอาณานิคมเหรอ? ฉันแค่ใช้อุโมงค์กลับก็ได้แล้ว”
[...เจ้าไม่มีรหัสของอัลเฟน เจ้าใช้อุโมงค์ที่นี่ไม่ได้]
“...”
นั่นมันปัญหาใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ?
“จริงอ่ะ?”
[จริง]
“...”
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมลอร์ดมิติและผู้อพยพให้ความสำคัญกับดาวบ้านเกิด
รหัสผู้อยู่อาศัย
วูจินสามารถใช้อุโมงค์กลับบนโลกได้อย่างอิสระ
นั่นเพราะเขาเป็นคนของโลก
ถ้าเขาใช้อุโมงค์ไม่ได้
ทางเดียวที่เขาจะไปยังอาณาเขตของตัวเองคือผ่านประตูของดันเจี้ยนหรือของอาณานิคม
วูจินคิดถึงความลำบาก 20 ปีกว่าจะได้กลับโลก
“เมโลดี้ใกล้เสร็จแล้วยัง?”
[เธอจะขึ้นมาที่นี่ในอีกไม่นาน]
วูจินรออย่างกระวนกระวายและจู่ๆก็นึกขึ้นได้ เขาถาม
“คำพยากรณ์... หมายถึงปัญหาของฉันตอนนี้ใช่ไหม?”
[…ใช่ เพราะอย่างนี้เจ้าจึงไม่ควรเอาเวลาเดินทางมาที่นี่]
เธอบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาจะพบคำตอบ แต่สูญสิ้นหนทาง
“เฮ้อ แทนที่จะพูดให้กำกวม พูดออกมาชัดๆเลยไม่ได้เหรอ?”
[…]
วูจินส่ายศีรษะและจู่ๆก็มีแท่นกลมออกมาจากหลุมกลางห้อง เมโลดี้กำลังยืนบนนั้น
เธอใส่รัดเกล้าแวววาว วูจินยินดีที่ได้เห็นเธอ เขารีบเดินไปหา
“ไว้เจอกันใหม่”
[ขอให้โชคดี]
แท่นกลมรองรับวูจินและเมโลดี้ มันลอยขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนลิฟต์ โฮโลแกรมของอาเรียเหลือเพียงลำพังแต่ยังไม่หายไป
[...ขอให้เจ้าโชคดี]
ไม่เพียงทางเข้าอาณาเขตมิติของเขาที่ถูกโจมตี
ประตูที่นำเขากลับโลกก็อยู่ในอันตรายเช่นกัน...
วูจินต้องมีโชคดีมากมายจึงจะช่วยโลกได้ ในทางตรงข้าม
ความอยู่รอดของอัลเฟนเป็นสิ่งแน่นอน
อัลเฟนได้ผู้กล้าที่ถูกเรียกว่าผู้ไม่ตาย
ความโกรธเกรี้ยวของเขาจะพุ่งใส่ลอร์ดมิติที่มีประตูบนอัลเฟน
***
อาณานิคมเซารุส
บรรยากาศหนักอึ้งยิ่งกว่าหนัก ผ่านไป 10 วันแล้ว
“กองทัพฝ่ายนั้นมีมากกว่า 100,000! เราต้องตัดสินใจ!”
“เราตัดสินใจไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เราต้องปกป้องอาณานิคมและต้นไม้โลก”
กราแฮมฟังคำพูดของลาตาชาแล้วส่ายศีรษะ
“ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ กำลังพลมันต่างกันเกินไป
กำแพงปราสาทไม่สามารถป้องกันเราได้ ยิ่งกว่านั้นเรายังติดต่อผู้ไม่ตายไม่ได้”
“...ถ้าเราหนีแล้วจะเป็นยังไง”
“เรายังมีชีวิตอยู่ เราสามารถคิดแผนใหม่ได้เสมอ”
“ถ้าผู้ไม่ตายอยู่ที่นี่...”
ถ้าต้องการใช้ข้อได้เปรียบเฉพาะของเมืองอาณานิคม การเติมจำนวนกำลังพลได้เรื่อยๆ
เจ้าของต้องอยู่ใช้แต้มที่นี่
“...”
ลาตาชาหันไปมองต้นไม้โลก
‘มารดา...’
เจมินที่นั่งเงียบตรงมุมหนึ่งลุกพรวด เขาตะโกน
“ครับพี่!”
เขาตื่นเต้นจนพูดคำที่ใช้ติดต่อในใจออกมา แน่นอน ทุกคนหันไปมองเจมิน
เจมินหน้าแดงพลางสนทนาในใจกับวูจิน
หลังจากนั้นเขาถ่ายทอดข้อความให้ทุกคนในที่นี้ฟัง
“ผมติดต่อเขาได้แล้ว! เขากำลังมาที่นี่”
“เฮ้อ ลูกพี่ทำให้พวกเรากังวลแทบแย่”
“เฮ้อ...”
ซุงกูบ่นพึม ลาตาชาถอนหายใจและภาวนา ผู้ไม่ตายสังหารบิดาของเธอแต่เธอกลับดีใจที่เขากำลังกลับมา
โชคชะตาช่างเป็นสิ่งไม่แน่นอน
“เขาบอกว่าต่อให้เดินทางเร็วที่สุดก็ยังต้องใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์...”
เขาอยู่ไกลขนาดนั้น คนในนี้ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ทัวริคก้าวออกมาควบคุมสถานการณ์
เป็นข่าวไม่ดีนัก แต่ตอนนี้พวกเขามีความหวังแล้ว
“พวกเรามาปกป้องอาณานิคมให้ได้หนึ่งสัปดาห์เถอะ”
พวกเขาต้องปกป้องอาณานิคมจนกว่าคังวูจินจะกลับมา เพื่อสหพันธ์และเพื่อการร่วมมือระหว่างอลันดาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น