บทที่ 178 – ป้องกัน (2)
“คุณพบกับเทพีเหรอคะ?”
“ใช่ แปลกใจทำไม?”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ฉันแปลกใจที่คุณได้พบพระนางอีกเป็นครั้งที่สอง”
วูจินยักไหล่
“เธอไม่เคยเจอเหรอ?”
“ค่ะ ฉันแค่ได้ยินเสียง...”
วูจินส่ายหน้าแล้วเรียกชิงชิงออกมา
“เอาเถอะ ฉันต้องรีบกลับแล้ว คำทำนายมันน่ารำคาญแต่ดูเหมือนจะตรง”
“...”
วูจินติดต่อกับโดเจมินในใจ
[นายทำอะไรอยู่?]
[พี่!!!!]
วูจินได้รับการตอบกลับอย่างเร่าร้อนจนเขาเดาได้ง่ายดายว่าเจมินต้องการความช่วยเหลือจากเขา
[พยายามประคองไว้ให้นานที่สุด ฉันจะรีบกลับไป]
[ครับ เราจะปกป้องอาณานิคมไว้ให้ได้]
วูจินมีดันเจี้ยนกับอาณานิคมอย่างละแห่ง
เขามีประตูเพียงสองบาน
แต่ดูเหมือนพวกลอร์ดมิติตั้งใจจะโจมตีเขาให้ได้ พวกมันร่วมมือกัน
รวบรวมกำลังมากพอให้จบการต่อสู้ในทีเดียว
“ฉันต้องรีบกลับ”
“สถานการณ์แย่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“เห็นบอกว่ามอนสเตอร์ 100,000 ตัวรวมตัวกันที่ทุ่งเนโร”
“เป็นไปได้ยังไง...”
“มันใกล้ภูเขาเซารุสไหม?”
“มอนสเตอร์ที่เดินทางบนบกเดินทางไปถึงที่นั่นในประมาณหนึ่งสัปดาห์ค่ะ”
“หนึ่งสัปดาห์...”
เขาต้องไปให้ถึงที่นั่นก่อนสุดสัปดาห์
สหพันธ์จะไปหยุดกองทัพมอนสเตอร์ 100,000 ตัวตามลำพังได้อย่างไร
ยิ่งกว่านั้น ลอร์ดมิติต้องสู้ด้วยแน่
“เราต้องบินกลับ”
วูจินขึ้นหลังชิงชิง
“ยืนทำอะไร?”
วูจินยื่นมือให้เมโลดี้ที่ยืนนิ่ง
เธอจับมือเขาแล้วขึ้นไปนั่งข้างหลัง
ฮี้
ชิงชิงรู้สึกถึงพลังศักดิ์สิทธิ์น่ารังเกียจเมื่อก้นของเมโลดี้ถูกหลังมันจึงร้อง
แต่มันเลิกสนใจไปอย่างง่ายดาย
“จับแน่นๆ ถ้าเธอหล่นฉันไม่ลงไปเก็บนะ”
“ค่ะ”
ไม่เห็นต้องพูดแบบนั้นเลย...
แต่เมโลดี้รู้ว่าวูจินไม่ได้ขู่ลอยๆเธอจึงกอดเอวเขาแน่น
ม้าปีศาจทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
***
ทัวริคปีนหอสังเกตการณ์และมองไปทางตะวันตกอย่างกังวล
ลูกไฟดวงหนึ่งหล่นจากฟ้าลงมาตรงชั้นบนสุดของหอ ไฟกลายเป็นร่างคน
“โอ้ ราชาภูติไฟ”
“ผมไม่ใช่ภูติไฟ”
“แต่...”
“อ๊ะ ช่างเถอะ เป็นยังไงบ้าง?”
ไม่รู้ทำไมแต่ซุงกูรู้สึกเหมือนถูกล้อเล่นเขาจึงขมวดคิ้ว
เขาเข้าเรื่องทันที
“เห็นพวกมันหรือเปล่า”
“อืม พวกมันเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆแต่ยังไม่มีท่าทีจะเคลื่อนไหว”
มอนสเตอร์ไม่ได้มาจากดาวนี้ พวกมันมาจากอาณานิคมของลอร์ดมิติ
พวกลอร์ดมิติกำลังใช้แต้มเพิ่มจำนวนทหาร
“คิดว่าพวกมันจะเคลื่อนไหวเมื่อไหร่?”
“ข้าไม่ใช่เทพแห่งการทำนาย ไม่รู้หรอก”
“อืม ขอให้พวกมันอย่าเคลื่อนไหวจนกว่าลูกพี่จะมา”
ทัวริคเห็นด้วยเต็มที่
ถ้าเป็นอย่างนั้นได้จะดีมาก
ทัวริคไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะสู้กับกองทหารมากมายขนาดนั้นได้
กำลังของพวกเขาตอนนี้ ไม่นับเด็กและคนบาดเจ็บ มีเพียง 3,000
มันเป็นจำนวนน้อย
“บอกผมนะถ้าพวกนั้นเริ่มขยับ”
ทัวริคสงสัยว่าทำไมภูติไฟจากโลกจึงย้ำเรื่องนี้นัก
“ถ้าพวกมันเคลื่อนไหว เรามีเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนพวกมันจะมาถึง”
นี่ยังเป็นเวลาที่ผู้ไม่ตายบอกว่าเขาจะกลับมาถึง
ด้วยเหตุนี้ทัวริคและคนอื่นจึงยังมีความหวัง
ถ้าพวกเขาป้องกันทัพหน้าไว้ได้
พวกเขาเชื่อว่าผู้ไม่ตายจะจัดการที่เหลือเอง
“คุณไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพวกนั้นเคลื่อนไหว
ผมจะไปรั้งพวกมัน”
กองทัพเรือน 100,000 กำลังเคลื่อนมาทางพวกเขา
แต่ซุงกูจะออกไปรั้งพวกมันด้วยตัวคนเดียว?
“...ท่านไม่กลัวเหรอ?”
“ถ้าผมทำพลาดที่นี่ก็กลับบ้านไม่ได้ ผมกลัวเรื่องนั้นมากกว่า”
“...”
เมื่อทัวริคมาคิดดู คนผู้นี้มาจากโลก
แม้แต่ตอนนี้เขาสามารถใช้อุโมงค์หนีกลับโลก แต่เขายังสู้เพื่ออัลเฟน
ทัวริคค้อมศีรษะลงด้วยสีหน้าพลุ่งพล่าน
“ข้าขอบคุณท่านจากใจจริงสำหรับความกล้าหาญและความช่วยเหลือของราชาภูติไฟ”
“แหม ไม่ต้องขอบใจผมหรอก”
ซุงกูพยายามโบกมือบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่
ทุกคนมีแรงจูงใจให้ต่อสู้ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ?
พวกเขาสู้เพื่อความอยู่รอดของอัลเฟน ซุงกูสู้เพื่อปกป้องทางกลับบ้าน
ตอนนี้ ประตูใช้ไม่ได้เพราะเจ้าของอาณานิคมไม่อยู่
ถ้าวูจินยกตำแหน่งรับผิดชอบการป้องกันอาณานิคมให้ใครสักคน
คนนั้นจะสามารถใช้แต้มและประตูได้อย่างอิสระ...
แต่มาเสียใจทีหลังก็ไม่ได้อะไร
สิ่งเดียวที่ซุงกูทำได้คือภาวนาให้วูจินกลับมาเร็วๆ
“อา ราชาราอูลกำลังตามหาท่านอยู่ ท่านควรไปหาเขา”
“หืม เหรอครับ?”
ซุงกูสงสัยว่าทำไมราชาคนแคระถึงตามหาเขา
“เตือนผมทันทีนะถ้าคุณเห็นพวกนั้นเคลื่อนไหว”
“เข้าใจแล้ว”
ผู้นับถือสเกีย เทพแห่งการเดินทางเป็นคนเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของศัตรู
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจะรู้ทันทีเมื่อกองทัพศัตรูเริ่มเคลื่อนไหว
ร่างซุงกูร้อนขึ้นจนเกิดไอร้อน จากนั้นเขาบินไปยังกำแพงด้านหนึ่ง
คนแคระจำนวนหนึ่งกำลังตรวจสอบอาวุธป้องกันปราสาทบนกำแพง
พวกนี้เป็นอาวุธเวทมนตร์ที่ทำงานโดยใช้บลัดสโตน
นอกจากนั้นยังมีอาวุธโบราณติดอยู่บนกำแพงด้วย
ไม่เกี่ยวว่าโบราณหรือล้ำสมัย พวกเขาเอาอาวุธทั้งหมดที่มีออกมา
“หาผมอยู่เหรอ ราอูล”
“โอ้ ราชาภูติจากโลก”
“...”
ต้องยอมรับชื่อนั้นแล้วเหรอ?
ซุงกูไม่สนใจคำเรียกของราอูลแล้วถาม
“มีธุระอะไรกับผมเหรอ?”
“ข้าเจอไอเทมน่าสนใจอันหนึ่ง ข้าคิดว่ามันเหมาะกับราชาภูติมาก”
“มันคืออะไรเหรอ?”
“ไปด้วยกันเถอะ”
ราอูลนำซุงกูไปยังลานว่างแห่งหนึ่งในเนินเขา
“ที่นี่คือที่ตั้งของห้องทดลองของนักเวท”
ตอนที่วูจินสร้างฐานทัพ
เขาสร้างสิ่งก่อสร้างหลายอย่างรวมถึงห้องทดลอง
“ข้ามีไอเทมน่าสนใจ
และเพราะว่าราชาภูติใช้ไฟข้าจึงดัดแปลงมันเพื่อท่าน”
ราอูลภูมิใจในห้องทำงานของเขา เขาชี้ไปที่กระบอกกลมหน้าห้อง
“หืม นี่คืออะไรครับ?”
“เครื่องขยายพลังเวท ถ้าท่านไปยืนข้างในแล้วยิงเวท
มันจะกลายเป็นอาวุธที่ดี”
“โฮ่”
ซุงกูขึ้นไปยืนบนแท่นกลม
วิ้ง
ทั่วแท่นมีวงเวทซับซ้อนสลักไว้ มันส่องแสง
ทำให้ซุงกูรู้สึกถึงความลึกลับ เมื่อเขาแตะลูกบอลคริสตัลตรงหน้า
กระบอกกลมก็ชี้ตรงไปข้างหน้าเหมือนกระบอกปืนใหญ่
กระบอกกลมมีรูให้คนหนึ่งคนลอดผ่านได้และมีวงเวทหลากหลายสลักไว้เช่นกัน
“มันจะขยายเวทของผมได้เท่าไหร่?”
ซุงกูถามพลางใส่เวทเข้าไปอย่างระวัง
พลังขนาดเล็กจากตัวเขาหลุดเข้าไปในลูกบอลคริสตัล
มันลอดผ่านท่อแล้วก็เกิดผลที่คาดไม่ถึงขึ้น
ตูม!
เกิดระเบิดรุนแรงพร้อมกับเปลวไฟที่ลอยขึ้นฟ้าทิ้งรอยไฟไว้เป็นทาง
ซุงกูเอามือออกจากลูกบอลและมองราอูลอย่างอึ้งๆ
“ฮ่าๆ ไม่มีเผ่าไหนเทียบได้กับเผ่าคนแคระในเรื่องไอเทมเวท
มันขยายพลังของท่านเป็น 9 เท่า”
“เท่าไหร่นะ?”
“9 เท่า”
ราอูลยก 9 นิ้วอย่างภูมิใจ ซุงกูมองเครื่องขยายหน้าซีด
‘ไอเทมนี่สุดๆเลย’
ความทนทานของมันเป็นปัญหา
แต่ถ้าคิดถึงแต่พลังที่มันสร้างได้มันเป็นไอเทมที่ยอดเยี่ยม
ซุงกูรู้สึกเหมือนได้ไอเทมสำคัญมากมา ข้อเสียคือมันเป็นอาวุธสำหรับติดตั้งอยู่กับที่
“คุณทำให้มันเล็กลงได้ไหม ผมจะได้พกมันไปไหนมาไหนได้”
“เครื่องขยายที่พกพาได้? หมายถึงคทาของนักเวทเหรอ?”
“อา...”
นักเวทถือคทาเพราะมันทำหน้าที่เป็นเครื่องขยายเวทให้พวกเขาเหรอ?
ซุงกูพยักหน้า แต่ราชาคนแคระส่ายหน้า
“มันจะให้ผลไม่เท่ากัน คทาแค่เพิ่มพลังเวทให้ผู้ใช้ 3 เท่า”
“...”
เขาหูฝาดหรือเปล่า? สามเท่า?
“เมื่อกี๊คุณพูดว่าสามเท่าเหรอ?”
“ใช่ คทาให้พลังขนาดนี้ไม่ได้”
“ไม่เป็นไร คุณสร้างให้ผมอันหนึ่งได้ไหม?”
“หืม? ถ้าเรามีวัตถุดิบพอ...”
ราอูลหัวเราะเมื่อเห็นซุงกูตาเป็นประกาย
นักเวทไม่รู้เรื่องคทาได้อย่างไร?
เพราะเขาเป็นภูติเหรอ?
“ข้าจะรวบรวมวัตถุดิบจากผู้กล้าคนอื่นแล้วจะสร้างให้ท่าน”
ซุงกูหน้าแดงด้วยความคาดหวัง
ถ้าเขามีไอเทมนี้
เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถต้านทานศัตรูได้จนกว่าวูจินจะกลับมา
***
ชิงชิงวิ่งบนฟ้าแล้วหยุด
“...”
“...”
ทั้งวูจินและเมโลดี้พูดไม่ออกเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยมอนสเตอร์คล้ายแมลงปอ บนพื้นก็เต็มไปด้วยมอนสเตอร์
“ที่ว่ากองทัพ 100,000 มารวมกัน หมายถึงตรงนี้เหรอ?”
วูจินอึ้งมองกองทัพมอนสเตอร์ตรงหน้า มันเยอะจนนับไปก็เปล่าประโยชน์
“พวกมันจะขวางทางไม่ให้ฉันกลับสินะ?”
ศัตรูของเขาพยายามรั้งไม่ให้เขากลับ
หรือพวกมันอาจคิดว่ามอนสเตอร์จำนวนขนาดนี้สามารถฆ่าเขาได้ ไม่ว่าจะข้อไหนก็เป็นสถานการณ์ที่ไม่ดี
โดยเฉพาะเมื่อวูจินกำลังรีบ
“เปิดทาง เจนิส”
[มันผู้ใดบังอาจขวางทางลอร์ดของพวกเรา! มันผู้ใด?]
เจนิสปล่อยเพลิง มันพุ่งไปยังกองทัพส่วนหน้า
มอนสเตอร์แมลงปอหลายร้อยตัวกลายเป็นเถ้าถ่าน ชิงชิงวิ่งฝ่าเส้นทางที่เพิ่งถูกเปิด
แต่ไม่นานมอนสเตอร์ก็มาปิดทางของเขาอีก
ไม่แค่บนท้องฟ้าที่มอนสเตอร์เข้ามาขัดขวาง
มอนสเตอร์บนพื้นยิงลูกศรพิษหรือไม่ก็เวทใส่
พวกมันทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางวูจิน
“อา พวกมันทำตัวน่ารำคาญ”
ถ้าเขาอยากทำลายพวกมันก็ควรทำบนพื้นดีกว่า
มีศัตรูมากเกินกว่าวูจินจะรับมือด้วยตัวคนเดียว เมโลดี้ที่อยู่ข้างหลังจะทำให้เขาใช้พลังได้ยากขึ้น
พลังศักดิ์สิทธิ์ของเมโลดี้กับพลังบงการผีของวูจินเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
มันจะลดประสิทธิภาพของแต่ละฝ่ายลง
เมื่อชิงชิงลงพื้นพวกมอนสเตอร์ก็เข้ามารุมโจมตี
วูจินระเบิดวิญญาณที่ลอยรอบตัวเขาผลักมอนสเตอร์ออกไปแล้วเรียกอสูรออกมา
“ออกมาพวก!”
อัศวินมรณะทุกตนยกเว้นคิบะที่ปกป้องอาณาเขตมิติออกมาตามคำเรียกของเจ้านาย
[โอ้ มันคือกลิ่นของสนามรบ]
[ท่านต้องการให้เราทำอะไร?]
วูจินดึงอาวุธนักรบแล้วชี้ไปข้างหน้า
“พวกเราตรงไปยังภูเขาเซารุส
[มันคือการต่อสู้!]
[ข้าจะนำพรแห่งความตายลงมา!]
อัศวินมรณะพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
และมอนสเตอร์ที่รุมล้อมพวกมันถูกฟันดับ
พวกมันคิดจริงๆหรือว่าพวกกระจอกแบบนี้หยุดผู้ไม่ตายได้?
มันจะทำให้เขาช้าลงไปบ้าง
แต่ในทางตรงข้ามเขาจะได้บางสิ่งจากการรบครั้งนี้
“นายทำตามใจชอบได้เลย เจนิส”
[ข้าชอบคำบัญชานั่น]
เจนิสใช้เวทโดยไม่กังวลว่าจะโดนพวกเดียวกัน
เมื่อมอนสเตอร์ถูกไฟเผา ค่าประสบการณ์ของวูจินก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ดู...ดูตรงนั้นค่ะ!
มันคือแม่ทัพของทราห์เน็ต”
เมโลดี้ตะโกนอย่างหวาดหวั่นเมื่อเห็นธงที่คุ้นเคย
วูจินเงยหน้ามองท้องฟ้า มอนสเตอร์รูปร่างคล้ายปลากระเบนเฟริสกำลังลอยบนฟ้า
ตรงท้องของมันมีสัญลักษณ์อันคุ้นตา
“อิลรัคใช่ไหม? บัลลังก์ที่ 44...”
วูจินหน้าเครียด
เขามักจะมองพวกมันเป็นลูกน้องของทราห์เน็ต เป็นผู้บัญชาการทัพมอนสเตอร์
แต่ตอนนี้เขารู้สึกไม่เหมือนเดิม
มันนับเป็นเทพของดาว 44 ดวง
ตอนนี้ลอร์ดมิติมาอยู่บนอัลเฟนเพื่อรหัสที่จะทำให้มันกลายเป็นเทพของดาว
45 ดวง
“ช่าง...”
บางคนอาจบอกว่ามหัศจรรย์ ผู้สูงศักดิ์นี้ช่างพิเศษและศักดิ์สิทธิ์
แต่สำหรับวูจินมันตลก
“ไร้สาระสุดๆ”
พวกทรงศักดิ์เหล่านี้กำลังร่วมมือกันเพื่อล้มเขา
วูจินรู้สึกได้ถึงความกลัวของพวกมัน
“จะตามมาก็แล้วแต่เธอ เมโลดี้”
วูจินส่งเมโลดี้ลงพื้น เขากระชับบังเหียนแน่น
ชิงชิงพ่นลมหายใจดังพรืดแล้วควบขึ้นฟ้า มันพุ่งไปทางเฟริสของอิลรัค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น