วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 176

บทที่ 176 – วิหารอาเรีย (2)

สัญลักษณ์ขนาดใหญ่เติบโตเหนือภูเขาเซารุส

ลาตาชา ลอร์ดแห่งเอลฟ์นอนใต้ต้นไม้โลก เธอมีชื่อที่เป็นที่รู้จักมากกว่าว่าศรเงิน

เธอมองแสงอาทิตย์ลอดผ่านใบไม้ลงมาถึงตัวเธอ รู้สึกเหมือนอยู่ในสวรรค์

เธอนอนนิ่งสัมผัสลมหายใจของต้นไม้ ระลึกถึงคืนวันที่ป่าร้องเพลงให้บรรพบุรุษของเธอฟัง

เธอไม่เคยโชคดีได้อยู่ในช่วงเวลาสงบสุขเช่นนั้น แต่มันอาจเป็นสัญชาติญาณที่อยู่ในสายเลือด

“ทำอะไรอยู่ครับ?”

เสียงของโดเจมินดังขัดจังหวะความคิดถึงอดีตของเธอ

“อา เคาท์เจมิน”

เขาเป็นคนของโลกที่เปลี่ยนเป็นลอร์ดแวมไพร์ เขามีฐานะที่แปลกและอันตรายเพราะเป็นน้องชายของผู้หญิงของผู้ไม่ตาย

“หลับอยู่เหรอ?”

“เปล่า ข้ากำลังสัมผัสลมหายใจของต้นไม้โลก”

“หืม ผมนึกว่ามันเป็นแค่สัญลักษณ์ของอาณานิคมเสียอีก...”

“มันเป็นสิ่งพิเศษสำหรับข้า”

“...”

เจมินมองต้นไม้เงียบๆ ลาตาชาเป็นคนแรกที่หัวเราะก่อน เธอเห็นเจมินทำหน้าเคร่งขรึมเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ

“ฮึๆ แล้วเจ้ามาหาข้าทำไม?”

“อ๊ะ ทัวริคกำลังเรียกผู้กล้าทุกคน”

“เข้าใจแล้ว”

พวกเขาเดินไปทางปราสาทสร้างใกล้ต้นไม้โลก ปราสาทที่ผู้ไม่ตายสร้างนี้ใหญ่โต แม้ผู้กล้า 10 คนมาอาศัยอยู่แล้วก็ยังดูว่างเปล่า

“ศรเงิน”

“มีอะไรกันหรือ?”

ลาตาชาถามเมื่อเห็นผู้กล้ามารวมกัน

ผู้กล้าแต่ละคนมีหน้าที่นำทีมของตัวเอง พวกเขาควรขยายฐานด้วยการออกไปต่อสู้กับมอนสเตอร์รอบๆภูเขาเซารุส ด้วยเหตุนี้การรวมตัวแบบนี้จึงไม่เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วัน

“ทางใต้มีมอนสเตอร์จำนวนมากกำลังรวมตัวกันที่ที่ราบเนโร”

“...นั่นเป็นเรื่องแย่ที่สุดในช่วงนี้เท่าที่ข้าเคยได้ยิน”

“มันแย่กว่านั้นอีก”

ทัวริคกางแผนที่บนโต๊ะ มันเป็นแผนที่แสดงรายละเอียดระหว่างภูเขาเซารุสกับที่ราบเนโร ระยะทางระหว่างสองที่ห่างกันใช้เวลาเดินทางราวสองสัปดาห์ อาณาจักรของมนุษย์เคยครอบครองแถบนั้น แต่ตอนนี้มันอยู่ใต้การปกครองของลอร์ดมิติชื่ออูนอน

“ไม่ใช่แค่กองทัพของอูนอน ชิราโอ ปาทู เลียและกองกองก็อยู่ที่นั่น”

ลาตาชาตาโตแทบหลุดจากเบ้าเมื่อได้ยินคำพูดของทัวริค

“พระเจ้า เจ้ากำลังจะบอกว่าลอร์ดมิติร่วมมือกัน?”

“โชคไม่ดี นั่นคือสิ่งที่กำลังเป็นอยู่”

“...”

ลอร์ดมิติไม่เคยร่วมมือกัน พวกมันแม้ไม่ใช่ศัตรูที่คอยเข่นฆ่ากันแต่ก็สู้เพื่อแย่งชิงอาณาเขต เพราะเหตุนี้สหพันธ์จึงยังรอดมาได้

ลอร์ดมิติสู้กันเอง คนของโลกเป็นเพียงเหยื่อของพวกมัน

ถ้าพวกมันร่วมมือกัน เพียงปีเดียวก็ทำลายอัลเฟนได้แล้ว

“เรื่องที่ไม่น่าเชื่อนี่เกิดขึ้นได้อย่างไร”

สหพันธ์กำลังจนมุม พวกเขากำลังรวบรวมกองกำลังที่เหลืออยู่

พวกเขาเป็นภัยคุกคามขนาดนั้นเลยเหรอ?

พวกเขาไม่น่าจะกระตุ้นความสนใจของพวกลอร์ดมิติได้

การเกิดสหพันธ์ไม่แม้แต่ทำให้ลอร์ดมิติโกชูชูหรือจูเลียลระวังตัวขึ้น ในอดีต สหพันธ์รวมตัวกันบ่อยๆโดยไม่เกิดการตอบโต้ร้ายแรงแบบนี้

“ไม่แน่ใจ ถ้าให้ข้าเดา คงเป็นเพราะคนผู้นั้นกลับมา...”

“ผู้ไม่ตาย...”

ตัวตนเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นภาระหนักของเหล่าลอร์ดมิติ

ลอร์ดมิติเริ่มร่วมมือกันเมื่อผู้ไม่ตายปรากฏตัวอีกครั้ง เหตุผลที่พวกมันร่วมมือกันเดาได้ง่ายมาก

ลอร์ดมิติเพียงคนเดียวก็เป็นศัตรูร้ายกาจแล้ว แต่พวกเขาต้องสู้กับลอร์ดมิติ 5 ตน สหพันธ์ไม่ต่างจากเปลวเทียนกลางลม

ยิ่งกว่านั้น ตัวตนที่สามารถป้องกันลมนั้นได้ก็อยู่กับเมโลดี้ กำลังมุ่งหน้าไปทางวิหารอาเรีย พวกเขาล่วงลึกผ่านทุ่งราบเนโรเข้าไปในเขตแดนของศัตรู

“ถ้าผู้ไม่ตายไม่อยู่ที่นี่ การปกป้องฐานทัพคงยากเกินไป เราต้องหาที่ซ่อนใหม่”

คอนทซ์ ราชาแห่งฮอนชูพูดขึ้น จอมเวทกราแฮมเห็นด้วย

“ถูกต้อง อย่างไรเสียภูเขาเซารุสก็เป็นที่ๆไม่เหมาะกับการป้องกันการโจมตีจากศัตรูตั้งแต่แรกแล้ว มีโอกาสที่ศัตรูจะโดดเดี่ยวพวกเรา เราต้องย้ายฐานก่อน”

“ไม่นะ คุณจะทิ้งอาณานิคมไปง่ายๆได้ยังไง?”

ซุงกูร้อง

อาณานิคมไม่ใช่แค่ที่ๆพวกเขาสามารถซื้อไอเทมได้ สำหรับคนจากโลกที่นี่คือประตูกลับโลกของพวกเขา

“ราชาธาตุไฟพูดถูก อีกอย่าง ข้าจะไม่ทิ้งต้นไม้โลก”

“ผมเป็นราชาธาตุไฟเหรอ...”

กราแฮมพยายามหว่านล้อมลาตาชา

“ลอร์ดเอลฟ์ เรียกมันว่าต้นไม้โลกอาจจะเกินไป”

“ไม่ มันคือต้นไม้โลก”

“เอ่อ”

ลอร์ดแห่งเอลฟ์คนปัจจุบันบอกว่ามันคือต้นไม้โลก นักเวทชาวมนุษย์จะเถียงได้อย่างไร? แต่การอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องฉลาด พวกเขาจะถูกฆ่า

“พวกเราทำอะไรได้บ้าง? อูนอนเป็นนายพลตำแหน่งสูง เขาครอบครองบัลลังก์ที่ 36”

“...เขาสร้างเมืองนี้ขึ้น เขาจะปกป้องมัน”

เธอไม่อยากเสียศักดิ์ศรีด้วยการพึ่งพิงผู้ไม่ตาย แต่เธอพูดคำนั้นออกมาเบาๆ เจมินที่ยืนฟังเงียบๆเดินออกมา

“ผมติดต่อเขาได้”

“โอ้!”

โดเจมินเป็นเสนาธิการของอลันดาล เขาสามารถเชื่อมต่อความคิดของเขากับลอร์ดมิติคังวูจินได้

“เขาสามารถใช้อุโมงค์มาที่นี่ได้ทันทีถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน”

“นั่นเป็นข่าวดี”

บรรยากาศหดหู่ดีขึ้นทันที ผู้ไม่ตายเป็นคนๆเดียว แต่ตัวตนของเขาเพียงพอจะสลายความกังวลว่าจะแพ้
ทุกคนเชื่อมั่นว่าผู้ไม่ตายสามารถจัดการศัตรูเหล่านั้นได้

“รายงานปัญหาของเราให้เขาฟังด้วยเถอะ”

กราแฮมเรียกร้อง โดเจมินรีบติดต่อกับวูจิน

[พี่วูจิน]

[…]

ทุกคนมองเจมินอย่างมีความหวัง เจมินเรียกวูจินแต่ไม่มีคำตอบรับ

เจมินเลียริมฝีปากเมื่อความคาดหวังเปลี่ยนเป็นกังขา

‘ถ้าอยู่คนละมิติจะติดต่อไม่ได้หรือเปล่านะ?’

โดเจมินเป็นเสนาธิการก็จริง แต่เขาไม่รู้จักพลังและความสามารถในการติดต่อสื่อสารของลอร์ดมิตินัก
เขาเกาศีรษะพลางพูด

“ผมคิดว่าเขากำลังเคลียร์ดันเจี้ยนอยู่”

“หืม ท่านติดต่อกับเขาไม่ได้ถ้าเขาอยู่ในดันเจี้ยน?”

“น่าจะอย่างนั้น”

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นอึดอัดเหมือนพวกเขาไม่เชื่อ ทัวริคเป็นคนออกหน้าพูดเพื่อคลี่คลายความอึดอัด

ผู้ไม่ตายและสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่อยู่ พระของสเกียกลายเป็นเสาหลักทางจิตใจของคนที่นี่

“ข้ารู้ว่ามีบ้างที่ไม่เห็นด้วยที่มาตั้งฐานทัพตรงนี้ แต่สุดท้ายพวกเราก็ยินยอม”

“...”

“เราตั้งฐานทัพที่นี่ เพราะมันเป็นที่ๆเหมาะกับการตอบโต้ เราไม่อาจหนีตั้งแต่แรกเห็นศัตรูมารวมกัน”

“ท่านพูดถูก”

ผู้นำเผ่าออร์ค ครูเกอร์เงียบมาตลอดตั้งแต่ลาตาชาพูด ตอนนี้เขาชูกำปั้นขึ้น

“ข้าไม่อยากตายระหว่างกำลังหนี เราไม่ควรสู้เพื่อเอาตัวรอด เราต้องสู้เพื่อชัยชนะ”

พวกเขามักจะผลัดแผนการไปไว้ทีหลังเสมอ สหายร่วมรบเท่าไหร่แล้วที่ถูกพวกเขาทิ้งไว้ข้างหลังขณะหนี? บางทีนี่อาจเป็นเวลาที่พวกเขารอมาตลอด

“อลันดาลกับสหพันธ์ร่วมมือกัน ถ้าพวกเราปกป้องอาณานิคมไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะร่วมมือกัน”

ราชาคนแคระ ราอูล พูดขึ้นบ้าง

“สู้เถอะ! ถ้าเราเร่งมือรวบรวมกำลังและสร้างฐานทัพเสร็จ ทำไมเราจะปกป้องที่นี่ไม่ได้”

เมื่อทุกคนเห็นตรงกัน ทัวริคก็ประกาศ

“พวกเราเตรียมตัวป้องกันอาณานิคมเถอะ”

“โอ้!”

จะไม่มีการหนีอีกต่อไป ในเมื่อพวกเขาได้ดาบที่สามารถใช้สู้ พวกเขาจะไม่ปล่อยมันไปแม้จะหนักแค่ไหนก็ตาม

พวกเขาแค่ต้องรอจนกว่าดาบคมอันตรายชื่อว่าผู้ไม่ตายกลับมา

***

ดินเหนียวหนืดจนชวนให้สงสัยว่าใต้เท้าพวกเขาเป็นดินจริงๆเหรอ มันให้ความรู้สึกไม่สบาย

ต้นไม้ใหญ่เน่า เห็ดราประหลาดปกคลุมกิ่งไม้

อากาศเป็นพิษส่งกลิ่นเหม็น ในป่าไม่มีสิ่งมีชีวิต

วูจินบ่น

“ทำไมเจ๊มาสร้างวิหารที่นี่นะ?”

เมโลดี้ที่ได้รับการปกป้องจากคำอวยพรของเทพีตอบ

“เทพีไม่หลบหนีความลำบาก ท่านเลือกมาอยู่ในสภาพแวดล้อมทารุณเช่นนี้...”

วูจินตัดบท

“อย่ากุเรื่องหน่อยเลย”

“...ไม่ได้กุเรื่องค่ะ มันถูกเล่าต่อมา...”

“เออ ช่างเถอะ เรื่องโกหกถ้ามันพูดซ้ำๆก็เป็นจริงได้นี่นะ”

“...”

เมโลดี้มีคำโต้เถียงเต็มไปหมด แต่เธออดกลั้นไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะวูจินเธอคงฝ่าศัตรูกลับมาที่นี่ไม่ได้

ถ้าเป็นเธอคงต้องใช้เวลาสองเดือนถึงจะเดินมาถึงที่นี่ได้ พวกเขาล้มดันเจี้ยนและอาณานิคมทุกแห่งที่อยู่ระหว่างทางแต่ยังใช้เวลาเพียงเดือนเดียว

ถ้าขี่ม้าปีศาจมาโดยไม่แวะที่ไหนเลยคงลดเวลาได้อีกครึ่งหนึ่ง

“ฉันไม่เคยได้ยินคนพูดถึงที่ย่ำแย่ขนาดนี้มาก่อน”

วูจินส่ายศีรษะขณะมองไปรอบตัว

ต้นอ้อที่ใหญ่เท่าขาคน โตสูงก่อนจะตายไป เหลือเพียงตอแห้งปกคลุมพื้น มันดูน่ากลัว

เขาเห็นซากศพของแมลงปอตัวเท่าไวเวิร์น โครงกระดูกของหมีแปดขา และต้นไม้เน่าตาย พวกมันล้วนแต่ใหญ่มาก

ถ้าเมืองๆหนึ่งถูกเปลี่ยนเป็นให้กลายเป็นยักษ์และสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ มันจะเหมือนที่นี่

“คงไม่ใช่น้ำมันนะ นี่อะไร?”

น้ำเหนียวดำนองพื้น มันดูไม่เข้ากับที่นี่เลย

“เราเกือบถึงแล้วค่ะ น่าจะเป็นตรงโน้น”

เมโลดี้ได้รับการนำทางจากเทพี เธอเดินผ่านทางป่าวงกตและมาถึงที่หมายในที่สุด

พวกเขาเดินทางผ่านป่าและพื้นดินร้อนระอุด้วยน้ำสีดำ ที่รอรับพวกเขาอยู่คือแอ่งขนาดใหญ่
มันเหมือนเป็นๆที่มีอุกกาบาตตกใส่

ใจกลางแอ่งเห็นสิ่งก่อสร้างเล็กๆแห่งหนึ่ง ถูกปกคลุมด้วยมอสสีดำ

ดูผาดๆมันเหมือนก้อนหินแหลม แต่ภาพนั้นไม่สอดคล้องกับรอบข้างอย่างประหลาด

“มันคืออะไร?”

“วิหารของเทพีอาเรียค่ะ”

“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้ถามถึงอันนั้น”

วูจินเดินลงแอ่งไปช้าๆ

พื้นร่วงลงมาทุกครั้งที่เท้าวูจินเหยียบลง พื้นดินไม่มั่นคงและหินแหลมโดนเท้าเขา

“พวกนี้มันกระดูกเหรอ?”

มันไม่ใช่หินแหลม มันคือกระดูก

เขาไม่รู้ว่ามันเป็นของสัตว์หรือคน กระดูกนับหมื่นชิ้นกลายเป็นพื้น

“...”

วูจินเดินไปเงียบๆ เมโลดี้เดินตามหลัง สีหน้าเธอกลายเป็นเคร่งเครียดเช่นกัน

“เธอเคยมาที่นี่หรือเปล่า?”

“นี่เป็นครั้งแรกค่ะ”

“นี่คือ...”

เทพีแห่งคำพยากรณ์ อาเรีย

เมโลดี้เรียกมันว่าวิหาร วูจินจึงคิดว่า...

วูจินและเมโลดี้ไปถึงใจกลางแอ่ง พวกเขายืนตรงหน้าสิ่งก่อสร้างสีดำ มันเหมือนเสาที่โค้งเหมือนเขา

“มันดูไม่สมดุลนะ?”

“...”

เมโลดี้ไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอไม่เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับวิหารอาเรียเช่นกัน เธอรู้สึกถึงแรงดึงจากเทพี และรู้ว่าจะมาที่นี่อย่างไรโดยสัญชาติญาณ

มอสสีดำเริ่มร่วงหลุดไป เผยกรอบเหลี่ยมเห็นได้ว่าเป็นวงกบประตู

มอสหล่นลงพื้นขณะที่ประตูเปิดออก

วูจินเงียบเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่อีกด้านของทางเข้า

“...”

“โอ เทพี”

เมื่อประตูเปิดออก พลังของเทพีจำนวนมหาศาลก็ลอยเข้ามาในตัวเมโลดี้ เมโลดี้คุกเข่าลงคำนับตรงประตู

วูจินรู้สึกขัดแย้งเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ

“มันคือยานอวกาศ”

ไม่มีคำอธิบายอื่น

ถ้าเขาอยากรู้เหตุผลทั้งหมด เขาต้องเผชิญหน้ากับมันตรงๆ

วูจินก้าวผ่านประตูไป



สารบัญ                                                บทที่ 177


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น