“ฮืม แมวตัวใหญ่”
เสือพูม่าตัวใหญ่ชื่อจูเปียคำรามเมื่อได้ยินคำบรรยายสั้นๆของบิบิ
[ไม่มีใครพูดกับข้าแบบนี้แล้วรอดไปได้]
“ฮึ”
บิบิมองจูเปียแล้วเชิดหน้าไปทางอื่น
[ใจกล้าไม่เบา]
จูเปียหรี่ตามองบิบิ มันย่องไปทางเธอพร้อมประเมิน หลังจากสู้ในสงครามมิติมานาน มันรู้ว่าสิ่งโง่เขลาคือการตัดสินศัตรูจากภายนอก
เด็กคนนี้ปล่อยพลังงานออกมาจำนวนมหาศาล
จูเปียหยุดนิ่ง สองฝ่ายจ้องหน้ากัน โลกเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
หิมะตกลงมา มันเกลียดหิมะที่สุด
‘เวทน้ำแข็งหรือ?’
จูเปียส่ายศีรษะ ความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน
นี่ไม่ใช่เวทธาตุ มันเป็นจิตสำนึก...
ดวงตาสีเหลืองของจูเปียสว่างวาบ มันแยกเขี้ยวใส่บิบิ เด็กคนนี้ให้ความรู้สึกต่างจากมนุษย์คนอื่นจริงๆและมันรู้ในที่สุดว่าความรู้สึกคุ้นเคยที่มันประสบอยู่นี้มาจากไหน
[เจ้าเป็นนางมารรัตติกาล]
นางไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นอสูร ซัคคิวบัสแห่งฝันร้ายผู้ควบคุมความฝันของผู้อื่น
แสงพุ่งจากดวงตาของจูเปียทำให้โลกสว่าง หิมะหายไป ภาพรอบๆสลายไปด้วย จากนั้นมันก็ได้เห็นบิบิที่กำลังยิ้มกว้าง
“ฮิๆ ดูท่าการโจมตีของเราจะไม่ได้ผลตอนเราอยู่คนเดียว”
[พวกมายากลในงานเลี้ยง]
ผลอาจต่างไปหากจูเปียกำลังต่อสู้อยู่ แต่ตอนนี้มันอยู่ในสภาพผ่อนคลาย การโจมตีของบิบิจึงไม่ได้ผล
“เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับจูเลียล?”
แท่นที่สอง จูเลียล
เมื่อได้ยินคำถาม จูเปียหน้าบึ้งทันที
[มันเป็นพี่น้องร่วมครอกกับข้า]
“เห นายเป็นพี่น้องกับหมาบ้านั่นเหรอ? ยอดไปเลยน้า?”
[...]
จูเปียมองบิบิอย่างระแวง
[เท่าที่ข้ารู้ โลกไม่มีโลกอสูร แล้วทำไมเจ้าจึงมาขัดขวางข้า?]
บิบิยิ้มสดใส นิสัยของเธอตรงกันข้ามกับจูเปีย
เธอคุยกับมันได้ไม่เป็นไร แต่จูเปียวางแผนอะไรเอาไว้?
เธอเห็นต้นไม้ที่โตขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้านายของเรารักโลกนี้เอามากๆ”
[เจ้านายของเจ้า?]
“เจ้าไม่เคยไปที่อัลเฟนเหรอ?”
[อัลเฟน? ที่นั่นคือสนามรบของเหล่าเกรทลอร์ดไม่ใช่รึ?]
“ฮิๆ แสดงว่าเจ้าไม่รู้เรื่องของเขาเลย”
[อะไร?]
“เจ้านายของเราน่ากลัวมาก”
[…]
ปีศาจน้อยตัวนี้ต้องการอะไรกันแน่?
“ฮิๆ เราเริ่มกันเลยดีไหม ฉันรู้สึกว่ามันจะน่ารำคาญถ้าปล่อยให้ต้นไม้แตกใบ”
[...]
เธอพูดถูก เมื่อต้นไม้ได้รับพลังงานเต็มที่มันจะกลายเป็นฐานระหว่างอาณาเขตมิติกับโลก แต่มันต้องใช้เวลาอีกหนึ่งวันเต็มจึงจะโตเต็มที่และแตกใบ
จูเปียหันไป มันเดินไปทางต้นไม้
การต่อสู้ให้เป็นหน้าที่ตัวอื่น มันต่างจากจูเลียลฝาแฝดของมันที่ทำอะไรง่ายๆ
เสือดำในบงการของมันมารวมตัวกัน มองผ่านๆมีประมาณ 200 ตัว ไม่ใช่สิ่งที่แม่มดแห่งฝันร้ายจะรับมือได้
“ฮิๆ เปลี่ยนกัน โดลเซจิง!”
วิ้ง
ขณะโดลเซมุ่งไปข้างหน้า บรรดารถในลานจอดก็ถูกดึงไปยังดวงจิตของโกเลม
รถถูกบดและแยกส่วนจากนั้นก็กลายเป็นร่างของโกเลม ในระหว่างนั้นถังน้ำมันรถถูกบดแก๊สและน้ำมันไหลออกมาท่วมร่างโดลเซ ร่างของมันเริ่มมีควัน
กึง กึง!
โดลเซกระแทกกำปั้นใส่กัน จากนั้นพุ่งเข้าหาเหล่าเสือดำ
บิบิสังเกตการณ์พลางพูดกับเจมิน
“นักเรียนเจมิน พอถอนต้นไม้นั้นได้เราก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ”
“ครับ”
ซูลกิกับเหล่าไอดอลที่ตามอยู่ข้างหลังเจมินรอเงียบๆ พวกเขาไม่รู้ว่าจะถูกบิบิทำอะไรหากพวกเขาทำนอกเหนือคำสั่งอย่างจุนซุง
***
อลันดาล
ซุงกูและฮีซอลกำลังยืนในลานฝึกกว้างใหญ่ พวกเขากำลังมองไปทางนัมซานอย่างกังวล
“คุณคิดว่ามันจะถล่มหรือเปล่า?”
“ดิฉันว่าใช่ค่ะ”
หอคอยนัมซานถูกทำลายไปตอนเกิดดันเจี้ยนระเบิดครั้งแรก มันถูกซ่อมแซมใหม่ไม่นานเพราะถือเป็นสัญลักษณ์ของโซล แต่ดูเหมือนหอแห่งนี้จะถูกทำลายอีกครั้งโดยมังกรตัวหนึ่ง
ซุงกูชี้
“คุณคิดว่าจะฝึกมันได้ไหม?”
“...ต้องยากมากแน่ค่ะ”
เธอจะฝึกมังกรตัวใหญ่ระดับนั้นได้อย่างไร? มองแวบเดียวเธอก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ฮีซอลคิดว่าเธอน่าจะทำลายไวเวิร์นที่อยู่รอบๆมังกรนั้นได้สักสองสามตัว
“ฮืม พวกเราเสียเปรียบถ้าต้องสู้กลางอากาศ... ถ้าพวกมันพุ่งมาหาเราจะทำยังไงดี?”
ความกังวลของซุงกูมีเหตุผล เครื่องบินรบสามลำมาทิ้งระเบิดใส่มัน แต่มังกรป้องกันการโจมตีได้ง่ายๆ
จรวดไม่สามารถผ่านบาเรียของมังกรไปได้ และเครื่องบินรบก็กลายเป็นชิ้นๆเมื่อถูกลมหายใจมังกร
[หึ มังกรกระจอกไม่ใช่ปัญหาของพวกเรา]
“โอ้! สมเป็นท่านอัศวิน”
ซุงกูได้ฟังคำพูดห้าวหาญของแรมสันแล้วก็ตาเป็นประกาย อัศวินมรณะ 3 ตนกลับมาที่อลันดาล ที่เหลือกำลังไล่ล่ามอนสเตอร์ในโซล
ถ้าพวกมอนสเตอร์ไม่ทำอะไรก่อนวูจินมาถึงก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่เช่นนั้น ซุงกู,ฮีซอล,อัศวินมรณะทั้ง 3 และสตรีศักดิ์สิทธิ์ต้องรวมพลังกันปกป้องอลันดาล
ตอนนี้พวกเขาได้แต่หวังว่าวูจินและอัศวินมรณะที่เหลือจะมาถึงเร็วที่สุด
“ให้ทีมนั้นมีแค่บิบิกับโดลเซจะไม่เป็นไรเหรอ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ตอบความกังวลของซุงกู
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขาหรอก ไททันแห่งการทำลายและแม่มดมายาก็เพียงพอค่ะ”
“เหรอครับ? แต่ถ้าลอร์ดมิติออกมาล่ะ? แบบนั้นไม่แปลว่ามอนสเตอร์ระดับมังกรนั่นอาจอยู่แถวนี้เหรอ?”
ซุงกูชี้ไปทางมังกร
“พวกเราต้องส่งอัศวินไปจับมอนสเตอร์ระดับนั้นไม่ใช่เหรอ?”
เมโลดี้หัวเราะเบาๆ
“ถ้าวัดพลังการต่อสู้ของคนๆเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพผีดิบคือไททันแห่งการทำลายค่ะ”
“หา?”
ซุงกูมองแรมสันอย่างสงสัย ซุงกูและฮีซอลเคยฝึกต่อสู้กับอัศวินมรณะ เขาเจอพลังต่อสู้อันล้นเหลือของพวกมันมากับตัว
โดลเซเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาไม่เคยเห็นโดลเซฝึกหรือทำอะไรแบบนั้นเลย
แรมสันพูดขึ้นเหมือนจะยืนยันคำพูดของเมโลดี้
[เราต้องการหินเพื่อจับมังกร]
“อืม”
ซุงกูยักไหล่ อสูรของวูจินล้วนแต่แข็งแกร่ง แต่เขาไม่เคยคิดว่าโดลเซจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่ใช่สิ เขารู้ว่าโดลเซเก่ง แต่เขาคิดว่าหน้าที่หลักของโดลเซคือกวาดล้างมอนสเตอร์อ่อนแอ
“ไททันแห่งการทำลายเป็นแนวหน้าของกองทัพผีดิบเสมอ”
เมโลดี้ตัวสั่นเมื่อนึกถึงครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับมันในฐานะศัตรู
“ผมไม่รู้เลย”
เป็นเพราะการล่าที่เขาเข้าร่วมด้วยง่ายไปสำหรับโดลเซหรือเปล่านะ? มาคิดดู เขาเคยเห็นโดลเซสู้ครั้งเดียวตอนมันหยุดยั้งดันเจี้ยนเบรกในอเมริกาด้วยตัวคนเดียว
วูจินเป็นคนกำจัดบอสเสมอ ดังนั้นซุงกูจึงนึกว่าโดลเซจะถูกใช้แค่กำจัดมอนสเตอร์อ่อนแอ...
“เอ๋? เหมือนพวกมันกำลังจะเคลื่อนที่แล้วเลย?”
พวกไวเวิร์นมารวมตัวรอบนัมซานและบินเป็นขบวน ซุงกูพยายามปลอบใจตัวเองตอนมองพวกไวเวิร์นที่เคลื่อนที่อย่างจริงจัง
“ประธานกลับมาเร็วๆเถอะ...”
“ผู้ไม่ตาย”
ฮีซอลและเมโลดี้ภาวนาให้วูจินกลับมาเร็วๆ
***
ลานจอดรถสีดำยิ่งมืดลงอีก
ลานจอดรถเต็มไปด้วยเลือดและศพของเสือดำ กลิ่นโลหะของเลือดเข้มข้น จูเปียไม่ขยับตัวกระทั่งลูกน้องทั้งหมดของมันถูกฆ่า ถ้ามันได้ครอบครองพลังงานมันจะเรียกลูกน้องกลับมาใหม่ได้อีก
สิ่งสำคัญคือศัตรูของมันเหนื่อยแล้ว
[ดูเหมือนเจ้าใกล้หมดแรงแล้ว]
จูเปียยืนขึ้นอย่างเฉื่อยชา มันต่างจากจูเลียล มันสู้อย่างมีเหตุผลและตัดสินใจใช้พลังงานเพื่อทำให้ศัตรูเหนื่อย
เสียงเสียดหูดังทุกครั้งที่โดลเซขยับตัว ถังน้ำมันลุกไหม้ ตอนนี้จะเรียกโดลเซเป็นโกเลมไฟก็ไม่ผิด
แต่โดลเซขยับตัวอย่างลำบากกว่าเดิมจริงๆ
ร่างใหญ่โตของจูเปียฝ่าอากาศ มันกระโดดใส่โดลเซ
ทุกครั้งที่มันสะบัดกรงเล็บ แผงเหล็กของรถก็ถูกกระชากออก
มันก้มหัวหลบหมัดของโดลเซที่เหวี่ยงมาแล้วใช้เฮดบัตใส่ทันที วิธีต่อสู้ของมันตรงๆและสมเป็นสัตว์ป่าต่างจากวิธีการพูด
[โก]
โดลเซคำรามขณะต่อสู้อย่างลำบาก แต่จูเปียแข็งแกร่งเกินไป ยิ่งกว่านั้นมันยังเร็วมากจนการโจมตีของโดลเซไม่เฉียดโดน ปัญหาอยู่ที่ความเร็ว
พลังของทั้งสองต่างกันจนคนที่ดูอยู่มองออก
“ฮือ เราจะทำยังไงดี?”
“เราตายแน่”
ถ้าโดลเซตาย พวกเขาก็ตายด้วย ไม่รู้ทำไมแต่เราส์และกองทัพไม่มาช่วยพวกเขา
“ชิ มันน่าจะสร้างร่างจากรถนอกนะ”
ชายคนหนึ่งพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นร่างของโดลเซถูกฉีกออกอย่างง่ายดาย เจมินส่ายหน้า
“พ่อบ้านบิบิ มีอะไรที่พวกเราทำได้ไหม?”
“ฮิๆ มีสิ”
บิบิยังมีสีหน้าสบายใจ ทำให้ความกังวลของเจมินลดลงไปมาก
“นายรู้ไหมว่าทำไมโดลเซจิงแสนน่ารักของพวกเราถึงได้ชื่อเล่นว่าไททันแห่งการทำลาย?”
“เพราะเขาตัวใหญ่?”
“ถูก แล้วที่เรียกการทำลายได้มาจากไหนล่ะ?”
“อืม ผมไม่รู้”
เจมินจะรู้ได้อย่างไร? เขาไม่ใช่คนอัลเฟน
“ฮิๆ โดลเซจิงน่ากลัวมากเลยล่ะเวลาโกรธ รู้ไหมทำไมเจ้านายให้เราอยู่ทีมเดียวกับเขา?”
“ผม...ไม่แน่ใจ?”
“ถ้าโดลเซจิงโกรธ เราอยู่ที่นี่เพื่อหยุดเขา ฮิๆ”
“...”
“อา แมวนั่นลำบากแล้วล่ะ”
เมื่อบิบิพูดจบก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
ขณะที่ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด ร่างของโดลเซก็ระเบิดขึ้นมา ชิ้นส่วนร่างกายของมันกระเด็นไปทั่ว
วิ้ง
จูเปียหัวเราะเมื่อเหลือแต่ดวงจิตของโดลเซลอยอยู่
[ยอมแพ้แล้วรึ?]
คำนั้นไม่เข้ากับอสูรของผู้ไม่ตายเลย
วิ้ง!
ดวงจิตของโกเลมหมุนด้วยความเร็วสูงและเริ่มดูดเลือดจากรอบๆเข้ามา
เลือดสีแดงลอยขึ้นและหมุนเข้าหากันเหมือนลมหมุน
มีดวงจิตของโกเลมเป็นศูนย์กลาง เลือดรวมตัวกันเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง มันเล็กเกินจะคิดว่านั่นคือโดลเซ มันสูงประมาณ 2 เมตรและมีร่างเหมือนมนุษย์
เลือดจากรอบๆมีพอให้มันสร้างร่างกายได้สูงเท่านี้ แต่นั่นไม่สำคัญ เมื่อเลือดจากศัตรูไหลร่างกายของมันจะยิ่งโตขึ้นอีก
[โก!]
จูเปียหรี่ตาเหมือนรู้สึกถึงอันตรายจากเสียงคำรามของโดลเซ
[ไม่ได้มีแต่เจ้าที่แปลงกายได้]
ร่างของจูเปียสั่นและหดลง ความร้อนประหลาดถูกปล่อยออกมาจากร่างของมัน
ขาหลังของมันเหยียดตรง กรงเล็บหน้ากลายเป็นมือ เล็บของมันยาวขึ้นและหางแข็งขึ้น
ไลเคนโธรป
มันสามารถเปลี่ยนร่างเป็นครึ่งแมวครึ่งคน ความสามารถด้านการต่อสู้ของมันสูงขึ้นมาก
[เจ้าก้อนเลือด]
จูเปียออกวิ่ง มันยิ่งเร็วกว่าเดิม
โชคร้าย โดลเซเมื่อกลายร่างเหมือนอยู่คนละโลก จูเปียไม่เคยเห็นอะไรเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้มาก่อน
หมัดชกใส่หน้าของจูเปียติดต่อกัน จูเปียครองสติไว้แทบไม่อยู่ขณะแทงกรงเล็บออกไป แต่กรงเล็บทะลุร่างของโดลเซไป
จากนั้นเลือดก็แข็งตัว
[อั่ก?]
มือของจูเปียเข้าไปในร่างของโดลเซและติดอยู่ในนั้น
ก้อนเลือดไม่มีตาจมูกปาก แต่จูเปียเห็นมันยิ้ม มันแน่ใจว่าเห็น
กำปั้นของโดลเซชกใส่หน้าจูเปียต่อไป
[ด...เดี๋ยวก่อน...]
ทำไมถึงได้มีเจ้าบ้าคลั่งไร้เหตุผลแบบนี้?
มันต้องทำลายดวงจิตของโกเลม มือซ้ายมันติดอยู่ มันจึงใช้มือขวาแทงใส่ตำแหน่งหัวใจ แต่ไม่มีการต่อต้าน
‘มันย้ายที่หัวใจ’
จูเปียครางเมื่อมือทั้งสองข้างถูกจับ
โดลเซหัวเราะแล้วเฮดบัตใส่จูเปีย
กึง กึง กึง!
จูเปียถูกกระแทกล้มแล้วถูกดึงกลับมาใหม่เหมือนตุ๊กตาล้มลุก หน้ามันเงยไปข้างหลังกระทั่งคอหัก
ร่างของจูเปียสลายไปพลางส่องแสงสีเทา โดลเซคำราม
มันต้องการฉีกร่างศัตรูเป็นชิ้นๆและดื่มเลือด เลือด มันต้องการเลือด
มันต้องการสิ่งมีชีวิต
โดลเซหันไปมองเจมินและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ
[โก]
โดลเซกำลังพุ่งเข้ามาเหมือนเจอเหยื่อ ทุกคนตัวเกร็ง เขาแยกมิตรศัตรูไม่ออกเหรอ? บิบิก้าวเข้ามาขวางโดลเซที่วิ่งเข้ามาด้วยแรงมหาศาล
จูเลียลอยู่ในบทที่ 100 ค่ะ เราไม่สงสัยทำไมหมากับแมวเป็นพี่น้องกัน แต่สงสัยทำไมบิบิรู้ว่าสองคนนี้เกี่ยวข้องกัน XD
เราเห็นนิยายเรื่องอื่น (เทพปีศาจหวนคืน) แปล immortal ว่าผู้เป็นอมตะ เท่อะ อยากเปลี่ยนมั่งแต่ขี้เกียจกลับไปแก้ เอาเป็นว่าฉายาของวูจินได้มาเพราะตอนอยู่อัลเฟนเขาเข้าสู่ระดับเดียวกับเทพแล้วน่ะค่ะ
ถ้าจำไม่ผิดตาวูจินเป็นสาวกของเทพแห่งการทำลาย แล้วฟามอยู่20ปีที่อัลเฟนค่อยกลับมาโลกนึกว่าจะเป็นแค่ระดับราชาครองอาณาจักร ผู้ไม่ตายนี่มันระดับเดียวกับเทพเลยเหรอเนี่ย
ตอบลบ