วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 137

บทที่ 137 – โกเลมเลือด (2)


“ฮืม แมวตัวใหญ่”

เสือพูม่าตัวใหญ่ชื่อจูเปียคำรามเมื่อได้ยินคำบรรยายสั้นๆของบิบิ

[ไม่มีใครพูดกับข้าแบบนี้แล้วรอดไปได้]

“ฮึ”

บิบิมองจูเปียแล้วเชิดหน้าไปทางอื่น

[ใจกล้าไม่เบา]

จูเปียหรี่ตามองบิบิ มันย่องไปทางเธอพร้อมประเมิน หลังจากสู้ในสงครามมิติมานาน มันรู้ว่าสิ่งโง่เขลาคือการตัดสินศัตรูจากภายนอก

เด็กคนนี้ปล่อยพลังงานออกมาจำนวนมหาศาล

จูเปียหยุดนิ่ง สองฝ่ายจ้องหน้ากัน โลกเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง

หิมะตกลงมา มันเกลียดหิมะที่สุด

‘เวทน้ำแข็งหรือ?’

จูเปียส่ายศีรษะ ความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน

นี่ไม่ใช่เวทธาตุ มันเป็นจิตสำนึก...

ดวงตาสีเหลืองของจูเปียสว่างวาบ มันแยกเขี้ยวใส่บิบิ เด็กคนนี้ให้ความรู้สึกต่างจากมนุษย์คนอื่นจริงๆและมันรู้ในที่สุดว่าความรู้สึกคุ้นเคยที่มันประสบอยู่นี้มาจากไหน

[เจ้าเป็นนางมารรัตติกาล]

นางไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นอสูร ซัคคิวบัสแห่งฝันร้ายผู้ควบคุมความฝันของผู้อื่น

แสงพุ่งจากดวงตาของจูเปียทำให้โลกสว่าง หิมะหายไป ภาพรอบๆสลายไปด้วย จากนั้นมันก็ได้เห็นบิบิที่กำลังยิ้มกว้าง

“ฮิๆ ดูท่าการโจมตีของเราจะไม่ได้ผลตอนเราอยู่คนเดียว”

[พวกมายากลในงานเลี้ยง]

ผลอาจต่างไปหากจูเปียกำลังต่อสู้อยู่ แต่ตอนนี้มันอยู่ในสภาพผ่อนคลาย การโจมตีของบิบิจึงไม่ได้ผล

“เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับจูเลียล?”

แท่นที่สอง จูเลียล

เมื่อได้ยินคำถาม จูเปียหน้าบึ้งทันที

[มันเป็นพี่น้องร่วมครอกกับข้า]

“เห นายเป็นพี่น้องกับหมาบ้านั่นเหรอ? ยอดไปเลยน้า?”

[...]

จูเปียมองบิบิอย่างระแวง

[เท่าที่ข้ารู้ โลกไม่มีโลกอสูร แล้วทำไมเจ้าจึงมาขัดขวางข้า?]

บิบิยิ้มสดใส นิสัยของเธอตรงกันข้ามกับจูเปีย

เธอคุยกับมันได้ไม่เป็นไร แต่จูเปียวางแผนอะไรเอาไว้?

เธอเห็นต้นไม้ที่โตขึ้นเรื่อยๆ

“เจ้านายของเรารักโลกนี้เอามากๆ”

[เจ้านายของเจ้า?]

“เจ้าไม่เคยไปที่อัลเฟนเหรอ?”

[อัลเฟน? ที่นั่นคือสนามรบของเหล่าเกรทลอร์ดไม่ใช่รึ?]

“ฮิๆ แสดงว่าเจ้าไม่รู้เรื่องของเขาเลย”

[อะไร?]

“เจ้านายของเราน่ากลัวมาก”

[…]

ปีศาจน้อยตัวนี้ต้องการอะไรกันแน่?

“ฮิๆ เราเริ่มกันเลยดีไหม ฉันรู้สึกว่ามันจะน่ารำคาญถ้าปล่อยให้ต้นไม้แตกใบ”

[...]

เธอพูดถูก เมื่อต้นไม้ได้รับพลังงานเต็มที่มันจะกลายเป็นฐานระหว่างอาณาเขตมิติกับโลก แต่มันต้องใช้เวลาอีกหนึ่งวันเต็มจึงจะโตเต็มที่และแตกใบ

จูเปียหันไป มันเดินไปทางต้นไม้

การต่อสู้ให้เป็นหน้าที่ตัวอื่น มันต่างจากจูเลียลฝาแฝดของมันที่ทำอะไรง่ายๆ

เสือดำในบงการของมันมารวมตัวกัน มองผ่านๆมีประมาณ 200 ตัว ไม่ใช่สิ่งที่แม่มดแห่งฝันร้ายจะรับมือได้

“ฮิๆ เปลี่ยนกัน โดลเซจิง!”

วิ้ง

ขณะโดลเซมุ่งไปข้างหน้า บรรดารถในลานจอดก็ถูกดึงไปยังดวงจิตของโกเลม

รถถูกบดและแยกส่วนจากนั้นก็กลายเป็นร่างของโกเลม ในระหว่างนั้นถังน้ำมันรถถูกบดแก๊สและน้ำมันไหลออกมาท่วมร่างโดลเซ ร่างของมันเริ่มมีควัน

กึง กึง!

โดลเซกระแทกกำปั้นใส่กัน จากนั้นพุ่งเข้าหาเหล่าเสือดำ

บิบิสังเกตการณ์พลางพูดกับเจมิน

“นักเรียนเจมิน พอถอนต้นไม้นั้นได้เราก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ”

“ครับ”

ซูลกิกับเหล่าไอดอลที่ตามอยู่ข้างหลังเจมินรอเงียบๆ พวกเขาไม่รู้ว่าจะถูกบิบิทำอะไรหากพวกเขาทำนอกเหนือคำสั่งอย่างจุนซุง

***

อลันดาล

ซุงกูและฮีซอลกำลังยืนในลานฝึกกว้างใหญ่ พวกเขากำลังมองไปทางนัมซานอย่างกังวล

“คุณคิดว่ามันจะถล่มหรือเปล่า?”

“ดิฉันว่าใช่ค่ะ”

หอคอยนัมซานถูกทำลายไปตอนเกิดดันเจี้ยนระเบิดครั้งแรก มันถูกซ่อมแซมใหม่ไม่นานเพราะถือเป็นสัญลักษณ์ของโซล แต่ดูเหมือนหอแห่งนี้จะถูกทำลายอีกครั้งโดยมังกรตัวหนึ่ง

ซุงกูชี้

“คุณคิดว่าจะฝึกมันได้ไหม?”

“...ต้องยากมากแน่ค่ะ”

เธอจะฝึกมังกรตัวใหญ่ระดับนั้นได้อย่างไร? มองแวบเดียวเธอก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ฮีซอลคิดว่าเธอน่าจะทำลายไวเวิร์นที่อยู่รอบๆมังกรนั้นได้สักสองสามตัว

“ฮืม พวกเราเสียเปรียบถ้าต้องสู้กลางอากาศ... ถ้าพวกมันพุ่งมาหาเราจะทำยังไงดี?”

ความกังวลของซุงกูมีเหตุผล เครื่องบินรบสามลำมาทิ้งระเบิดใส่มัน แต่มังกรป้องกันการโจมตีได้ง่ายๆ

จรวดไม่สามารถผ่านบาเรียของมังกรไปได้ และเครื่องบินรบก็กลายเป็นชิ้นๆเมื่อถูกลมหายใจมังกร

[หึ มังกรกระจอกไม่ใช่ปัญหาของพวกเรา]

“โอ้! สมเป็นท่านอัศวิน”

ซุงกูได้ฟังคำพูดห้าวหาญของแรมสันแล้วก็ตาเป็นประกาย อัศวินมรณะ 3 ตนกลับมาที่อลันดาล ที่เหลือกำลังไล่ล่ามอนสเตอร์ในโซล

ถ้าพวกมอนสเตอร์ไม่ทำอะไรก่อนวูจินมาถึงก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่เช่นนั้น ซุงกู,ฮีซอล,อัศวินมรณะทั้ง 3 และสตรีศักดิ์สิทธิ์ต้องรวมพลังกันปกป้องอลันดาล

ตอนนี้พวกเขาได้แต่หวังว่าวูจินและอัศวินมรณะที่เหลือจะมาถึงเร็วที่สุด

“ให้ทีมนั้นมีแค่บิบิกับโดลเซจะไม่เป็นไรเหรอ?”

สตรีศักดิ์สิทธิ์ตอบความกังวลของซุงกู

“คุณไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขาหรอก ไททันแห่งการทำลายและแม่มดมายาก็เพียงพอค่ะ”

“เหรอครับ? แต่ถ้าลอร์ดมิติออกมาล่ะ? แบบนั้นไม่แปลว่ามอนสเตอร์ระดับมังกรนั่นอาจอยู่แถวนี้เหรอ?”

ซุงกูชี้ไปทางมังกร

“พวกเราต้องส่งอัศวินไปจับมอนสเตอร์ระดับนั้นไม่ใช่เหรอ?”

เมโลดี้หัวเราะเบาๆ

“ถ้าวัดพลังการต่อสู้ของคนๆเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพผีดิบคือไททันแห่งการทำลายค่ะ”

“หา?”

ซุงกูมองแรมสันอย่างสงสัย ซุงกูและฮีซอลเคยฝึกต่อสู้กับอัศวินมรณะ เขาเจอพลังต่อสู้อันล้นเหลือของพวกมันมากับตัว

โดลเซเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาไม่เคยเห็นโดลเซฝึกหรือทำอะไรแบบนั้นเลย

แรมสันพูดขึ้นเหมือนจะยืนยันคำพูดของเมโลดี้

[เราต้องการหินเพื่อจับมังกร]

“อืม”

ซุงกูยักไหล่ อสูรของวูจินล้วนแต่แข็งแกร่ง แต่เขาไม่เคยคิดว่าโดลเซจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่ใช่สิ เขารู้ว่าโดลเซเก่ง แต่เขาคิดว่าหน้าที่หลักของโดลเซคือกวาดล้างมอนสเตอร์อ่อนแอ

“ไททันแห่งการทำลายเป็นแนวหน้าของกองทัพผีดิบเสมอ”

เมโลดี้ตัวสั่นเมื่อนึกถึงครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับมันในฐานะศัตรู

“ผมไม่รู้เลย”

เป็นเพราะการล่าที่เขาเข้าร่วมด้วยง่ายไปสำหรับโดลเซหรือเปล่านะ? มาคิดดู เขาเคยเห็นโดลเซสู้ครั้งเดียวตอนมันหยุดยั้งดันเจี้ยนเบรกในอเมริกาด้วยตัวคนเดียว

วูจินเป็นคนกำจัดบอสเสมอ ดังนั้นซุงกูจึงนึกว่าโดลเซจะถูกใช้แค่กำจัดมอนสเตอร์อ่อนแอ...

“เอ๋? เหมือนพวกมันกำลังจะเคลื่อนที่แล้วเลย?”

พวกไวเวิร์นมารวมตัวรอบนัมซานและบินเป็นขบวน ซุงกูพยายามปลอบใจตัวเองตอนมองพวกไวเวิร์นที่เคลื่อนที่อย่างจริงจัง

“ประธานกลับมาเร็วๆเถอะ...”

“ผู้ไม่ตาย”

ฮีซอลและเมโลดี้ภาวนาให้วูจินกลับมาเร็วๆ

***

ลานจอดรถสีดำยิ่งมืดลงอีก

ลานจอดรถเต็มไปด้วยเลือดและศพของเสือดำ กลิ่นโลหะของเลือดเข้มข้น จูเปียไม่ขยับตัวกระทั่งลูกน้องทั้งหมดของมันถูกฆ่า ถ้ามันได้ครอบครองพลังงานมันจะเรียกลูกน้องกลับมาใหม่ได้อีก

สิ่งสำคัญคือศัตรูของมันเหนื่อยแล้ว

[ดูเหมือนเจ้าใกล้หมดแรงแล้ว]

จูเปียยืนขึ้นอย่างเฉื่อยชา มันต่างจากจูเลียล มันสู้อย่างมีเหตุผลและตัดสินใจใช้พลังงานเพื่อทำให้ศัตรูเหนื่อย

เสียงเสียดหูดังทุกครั้งที่โดลเซขยับตัว ถังน้ำมันลุกไหม้ ตอนนี้จะเรียกโดลเซเป็นโกเลมไฟก็ไม่ผิด

แต่โดลเซขยับตัวอย่างลำบากกว่าเดิมจริงๆ

ร่างใหญ่โตของจูเปียฝ่าอากาศ มันกระโดดใส่โดลเซ

ทุกครั้งที่มันสะบัดกรงเล็บ แผงเหล็กของรถก็ถูกกระชากออก

มันก้มหัวหลบหมัดของโดลเซที่เหวี่ยงมาแล้วใช้เฮดบัตใส่ทันที วิธีต่อสู้ของมันตรงๆและสมเป็นสัตว์ป่าต่างจากวิธีการพูด

[โก]

โดลเซคำรามขณะต่อสู้อย่างลำบาก แต่จูเปียแข็งแกร่งเกินไป ยิ่งกว่านั้นมันยังเร็วมากจนการโจมตีของโดลเซไม่เฉียดโดน ปัญหาอยู่ที่ความเร็ว

พลังของทั้งสองต่างกันจนคนที่ดูอยู่มองออก

“ฮือ เราจะทำยังไงดี?”

“เราตายแน่”

ถ้าโดลเซตาย พวกเขาก็ตายด้วย ไม่รู้ทำไมแต่เราส์และกองทัพไม่มาช่วยพวกเขา

“ชิ มันน่าจะสร้างร่างจากรถนอกนะ”

ชายคนหนึ่งพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นร่างของโดลเซถูกฉีกออกอย่างง่ายดาย เจมินส่ายหน้า

“พ่อบ้านบิบิ มีอะไรที่พวกเราทำได้ไหม?”

“ฮิๆ มีสิ”

บิบิยังมีสีหน้าสบายใจ ทำให้ความกังวลของเจมินลดลงไปมาก

“นายรู้ไหมว่าทำไมโดลเซจิงแสนน่ารักของพวกเราถึงได้ชื่อเล่นว่าไททันแห่งการทำลาย?”

“เพราะเขาตัวใหญ่?”

“ถูก แล้วที่เรียกการทำลายได้มาจากไหนล่ะ?”

“อืม ผมไม่รู้”

เจมินจะรู้ได้อย่างไร? เขาไม่ใช่คนอัลเฟน

“ฮิๆ โดลเซจิงน่ากลัวมากเลยล่ะเวลาโกรธ รู้ไหมทำไมเจ้านายให้เราอยู่ทีมเดียวกับเขา?”

“ผม...ไม่แน่ใจ?”

“ถ้าโดลเซจิงโกรธ เราอยู่ที่นี่เพื่อหยุดเขา ฮิๆ”

“...”

“อา แมวนั่นลำบากแล้วล่ะ”

เมื่อบิบิพูดจบก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น

ขณะที่ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด ร่างของโดลเซก็ระเบิดขึ้นมา ชิ้นส่วนร่างกายของมันกระเด็นไปทั่ว

วิ้ง

จูเปียหัวเราะเมื่อเหลือแต่ดวงจิตของโดลเซลอยอยู่

[ยอมแพ้แล้วรึ?]

คำนั้นไม่เข้ากับอสูรของผู้ไม่ตายเลย

วิ้ง!

ดวงจิตของโกเลมหมุนด้วยความเร็วสูงและเริ่มดูดเลือดจากรอบๆเข้ามา

เลือดสีแดงลอยขึ้นและหมุนเข้าหากันเหมือนลมหมุน

มีดวงจิตของโกเลมเป็นศูนย์กลาง เลือดรวมตัวกันเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง มันเล็กเกินจะคิดว่านั่นคือโดลเซ มันสูงประมาณ 2 เมตรและมีร่างเหมือนมนุษย์

เลือดจากรอบๆมีพอให้มันสร้างร่างกายได้สูงเท่านี้ แต่นั่นไม่สำคัญ เมื่อเลือดจากศัตรูไหลร่างกายของมันจะยิ่งโตขึ้นอีก

[โก!]

จูเปียหรี่ตาเหมือนรู้สึกถึงอันตรายจากเสียงคำรามของโดลเซ

[ไม่ได้มีแต่เจ้าที่แปลงกายได้]

ร่างของจูเปียสั่นและหดลง ความร้อนประหลาดถูกปล่อยออกมาจากร่างของมัน

ขาหลังของมันเหยียดตรง กรงเล็บหน้ากลายเป็นมือ เล็บของมันยาวขึ้นและหางแข็งขึ้น

ไลเคนโธรป

มันสามารถเปลี่ยนร่างเป็นครึ่งแมวครึ่งคน ความสามารถด้านการต่อสู้ของมันสูงขึ้นมาก

[เจ้าก้อนเลือด]

จูเปียออกวิ่ง มันยิ่งเร็วกว่าเดิม

โชคร้าย โดลเซเมื่อกลายร่างเหมือนอยู่คนละโลก จูเปียไม่เคยเห็นอะไรเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้มาก่อน

หมัดชกใส่หน้าของจูเปียติดต่อกัน จูเปียครองสติไว้แทบไม่อยู่ขณะแทงกรงเล็บออกไป แต่กรงเล็บทะลุร่างของโดลเซไป

จากนั้นเลือดก็แข็งตัว

[อั่ก?]

มือของจูเปียเข้าไปในร่างของโดลเซและติดอยู่ในนั้น

ก้อนเลือดไม่มีตาจมูกปาก แต่จูเปียเห็นมันยิ้ม มันแน่ใจว่าเห็น

กำปั้นของโดลเซชกใส่หน้าจูเปียต่อไป

[ด...เดี๋ยวก่อน...]

ทำไมถึงได้มีเจ้าบ้าคลั่งไร้เหตุผลแบบนี้?

มันต้องทำลายดวงจิตของโกเลม มือซ้ายมันติดอยู่ มันจึงใช้มือขวาแทงใส่ตำแหน่งหัวใจ แต่ไม่มีการต่อต้าน

‘มันย้ายที่หัวใจ’

จูเปียครางเมื่อมือทั้งสองข้างถูกจับ

โดลเซหัวเราะแล้วเฮดบัตใส่จูเปีย

กึง กึง กึง!

จูเปียถูกกระแทกล้มแล้วถูกดึงกลับมาใหม่เหมือนตุ๊กตาล้มลุก หน้ามันเงยไปข้างหลังกระทั่งคอหัก

ร่างของจูเปียสลายไปพลางส่องแสงสีเทา โดลเซคำราม

มันต้องการฉีกร่างศัตรูเป็นชิ้นๆและดื่มเลือด เลือด มันต้องการเลือด

มันต้องการสิ่งมีชีวิต

โดลเซหันไปมองเจมินและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ

[โก]

โดลเซกำลังพุ่งเข้ามาเหมือนเจอเหยื่อ ทุกคนตัวเกร็ง เขาแยกมิตรศัตรูไม่ออกเหรอ? บิบิก้าวเข้ามาขวางโดลเซที่วิ่งเข้ามาด้วยแรงมหาศาล


สารบัญ                                              บทที่ 138



จูเลียลอยู่ในบทที่ 100 ค่ะ เราไม่สงสัยทำไมหมากับแมวเป็นพี่น้องกัน แต่สงสัยทำไมบิบิรู้ว่าสองคนนี้เกี่ยวข้องกัน XD

เราเห็นนิยายเรื่องอื่น (เทพปีศาจหวนคืน) แปล immortal ว่าผู้เป็นอมตะ เท่อะ อยากเปลี่ยนมั่งแต่ขี้เกียจกลับไปแก้ เอาเป็นว่าฉายาของวูจินได้มาเพราะตอนอยู่อัลเฟนเขาเข้าสู่ระดับเดียวกับเทพแล้วน่ะค่ะ


1 ความคิดเห็น:

  1. ถ้าจำไม่ผิดตาวูจินเป็นสาวกของเทพแห่งการทำลาย แล้วฟามอยู่20ปีที่อัลเฟนค่อยกลับมาโลกนึกว่าจะเป็นแค่ระดับราชาครองอาณาจักร ผู้ไม่ตายนี่มันระดับเดียวกับเทพเลยเหรอเนี่ย

    ตอบลบ