บทที่ 135 – มิวิช (2)
มิวิชหัวเราะ
“แล้วคิดว่าทำไมข้าจึงอยู่ที่นี่?”
“โง่แล้ว ฉันจะไปรู้เรอะ?”
“...”
คำพูดของวูจินทำให้มิวิชอึ้งไป ไม่นานเขาก็หัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆ เจ้าเป็นแบบนี้เสมอ สมแล้ว สมแล้วที่เป็นผู้ไม่ตาย!”
คำพูดของมิวิชเต็มไปด้วยความประชดประชัน วูจินขมวดคิ้ว
“นายมีเป้าหมายแบบเดียวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เหรอ?”
“สตรีศักดิ์สิทธิ์? เมโลดี้? โฮ่ นางยังไม่ตายอีกเรอะ?”
“...?”
พูดบ้าอะไรอีก?
เขาคิดว่าเมโลดี้ตายไปแล้ว?
“ฮ่าๆ โชคชะตาเป็นหญิงใจง่ายจริงๆ”
“จะพูดให้กำกวมไปทำไม พูดมาตรงๆสิ”
มาวิชหัวเราะเมื่อเห็นวูจินหมดความอดทน
“ฮ่าๆ ดูเหมือนเจ้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน”
“ฉัน?”
“เจ้ากำลังร้อนรน”
“...”
วูจินกระพริบตา
เขาเหรอ?
เขากำลังร้อนใจจริงๆ
วูจินผ่อนคลายลงแล้วกระตุกยิ้ม
“ก็ได้ ฉันยอมรับว่ากำลังร้อนใจ”
“โฮ่ เจ้ายอมรับ? นึกไม่ถึงว่าผู้ไม่ตายจะทำตัวแบบนี้ วิญญาณแค้นในอัลเฟนคงคืนชีพขึ้นมาเพราะตกใจจริงๆ”
วูจินยักไหล่ให้กับคำพูดหยอกล้อของมิวิช
เล่นด้วยก็ได้
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ช่วยฉันอยู่”
“โฮ่ นางทรยศพวกเรางั้นหรือ?”
“นายต่างหากที่ทรยศ”
“...นั่นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรพูด”
ตั้งแต่แรก ผู้ไม่ตายนั่นเองคือผู้ที่ไม่เคยใช้พลังของเขาเพื่อสหพันธ์ใด พวกเขาสู้กันเรื่อยมาจนในที่สุดก็ทำสัญญาไม่รุกรานกันจนได้ เรื่องทรยศไม่ใช่สิ่งที่จ้าวแห่งอลันดาลควรพูดขึ้นมาอย่างหน้าด้านๆ
“ในบรรดาผู้กล้าชื่อดังของอัลเฟน นายเจ้าเล่ห์ที่สุด”
“ข้าเป็นคนที่ยึดหลักเหตุผลที่สุด”
วูจินยิ้ม
“เพราะอย่างนั้นถึงไปเกาะทราห์เน็ตเหรอ?”
“ฮ่าๆๆ”
“อายเหรอถึงได้หัวเราะ”
“ฮ่าๆๆ ไม่ ไม่ใช่เลย”
มิวิชหัวเราะเป็นนานจากนั้นจึงพูดอย่างเคร่งขรึม
“เจ้าเข้าใจผิดทั้งหมด”
“...”
“เราไม่ควรต่อต้านทราห์เน็ตตั้งแต่แรก”
วูจินเงียบ เขาสังหรณ์ว่ามิวิชเข้าใจสถานการณ์ดีกว่าเขา ถ้าเขาเงียบ มิวิชจะให้ข้อมูลนั้นออกมาเอง
“นี่คือระบบใหม่ แม้แต่เทพก็ไม่อาจหยุดกฎสูงสุดของทราห์เน็ตได้!”
“พูดบ้าๆ”
“คนทรยศ? ไม่ถูกต้อง ถ้าเช่นนั้นแล้วเจ้าเล่า?”
“ฉัน?”
“ตลอดชีวิตข้าสู้เพื่ออัลเฟน สุดท้ายข้าไม่อาจปกป้องมันได้ แต่เจ้าเล่า เจ้ายอมรับทราห์เน็ตแต่โดยดีเลยไม่ใช่หรือ?”
“อะไร? ฉันเหรอ?”
“หลักฐานก็คือการที่เจ้ายืนอยู่ตรงนี้”
“...”
“ทำไมเจ้าไม่ปกป้องโลก? ทำไมเจ้ากลายมาเป็นลอร์ดมิติ?”
ลอร์ดมิติ
พวกเขาคือสมาชิกที่สำคัญที่สุดของทราห์เน็ต
วูจินส่ายศีรษะ
“นายมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“เจ้ามันคนขี้ขลาด เจ้าสละบ้านเกิดของตนก่อนจะสู้เพื่อมันด้วยซ้ำ”
วูจินกลายเป็นลอร์ดมิติ ตั้งแต่ก่อนเลือกปกป้องโลก ไม่ใช่ว่าเขาเลือกรักษาชีวิตตัวเองก่อนหรือ? เขาทำตัวเหมือนนักการเมือง มิวิชจึงมองเขาไม่ดี
“หึ นั่นอาจเป็นทางเลือกที่ฉลาด เจ้าชิงยอมแพ้และปรับตัว”
วูจินขมวดคิ้ว มิวิชพ่นถ้อยคำนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธ
“นายบ้าไปแล้วเหรอ?”
“...”
“ปรับตัวอะไร? กฎสูงสุดที่นายพูดถึงคืออะไร?”
“ดูท่าว่าเจ้ายังไม่ยอมรับความจริง เจ้าหยุดมันไม่ได้หรอก”
“หยุดอะไร?”
“โลกจะถูกอิทธิพลของทราห์เน็ตกลืนกิน...”
“ฉันจะหยุดทำไม?”
“อะไรนะ?”
มิวิชจ้องวูจินอย่างแปลกใจ
“ฉันจะหยุดมันไปทำไม?”
“...”
ทำไมต้องหยุด เพราะโลกเป็นดาวบ้านเกิดของเขาไม่ใช่เหรอ?
“ทุกชีวิตในมิติรู้สึกผูกพันเป็นพิเศษกับดาวบ้านเกิดของตน...”
“ไร้สาระ”
วูจินเปลี่ยนอาวุธเป็นดาบยาว มันเป็นดาบสองมือที่ช่วงนี้เขาชอบใช้
“ถ้าพวกมันอยากบุกก็บุกมา”
“...”
“ฉันแค่ต้องฆ่ามันให้หมด”
“ถึงอย่างนั้น สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน...”
“ทราห์เน็ต? กฎ?”
“มันไม่มีทางเปลี่ยน”
“ฉันจะทำลายมัน”
“...?”
นี่เป็นสิ่งที่ควรพูดจากปากของลอร์ดมิติเหรอ?
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะทำตัวให้ตกอยู่ในอันตราย...”
“เงียบ ไอ้บ้า”
วูจินถือดาบสองมือขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้า
“...”
“ถ้ากลัวตายก็ไม่ควรเข้ามาในสนามรบตั้งแต่แรกแล้ว”
“...!”
ด้วยคำพูดนั้น วูจินกระโดดสูงและฟันดาบลงมาที่มิวิช
กึง!
มิวิชชักดาบของเขาที่ซ่อนใต้เสื้อคลุมออกมาป้องกัน คำพูดก่อนหน้าของวูจินทำให้มิวิชหวั่นไหว
กึง! กึง! กึง!
มิวิชป้องกันการโจมตีดุเดือดของวูจินอย่างอัตโนมัติ
หลังผลัดกันโจมตีหลายครั้ง มิวิชเริ่มสงบลง รอยยิ้มระบายเต็มหน้าของเขา
“เข้าใจแล้ว”
เขาปัดการโจมตีออกแล้วถอดเสื้อคลุม
“เจ้าอาจไม่ใช่คนขี้ขลาด ข้าอาจใช่”
วูจินได้ยินแล้วพูดท้าทาย
“แหงล่ะ”
“โฮ่”
มิวิชยิ้มไม่หยุด
“เจ้าเรียนวิธีใช้ดาบตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ไม่นานมาก”
“หึ มาสู้กัน”
มิวิชตั้งท่า แรงกดดันแหลมคมกระจายออกมาจากร่างของเขา บรรยากาศเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้
มิวิชเป็นหนึ่งในสุดยอดนักดาบของอัลเฟน
วูจินมีสองอาชีพ แต่เขาเป็นแค่เราส์แรงค์ AA มิวิชก้าวเข้าสู่วงแหวนที่ 9 แล้ว วูจินยังไม่ถึงขั้นสู้กับนักดาบแรงค์ SS
“พรรคพวก”
สิ้นคำเรียกของวูจิน เหล่าอัศวินมรณะก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมควันดำ
“...”
พริบตาเดียว สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็น 30:1 มิวิชคิ้วกระตุก
“ไม่โกงไปหน่อยเรอะ?”
วูจินยิ้ม
“โง่”
“...”
อัศวินมรณะ 30 ตนเริ่มล้อมกรอบมิวิช มิวิชยิ้มรับแรงกดดันอย่างสงบ
“ช่วยไม่ได้นะ”
ศัตรูของเขาคือเนโครแมนเซอร์ ราชาของผู้ตาย จ้าวแห่งอลันดาล
ถ้ามิวิชต้องการฝังดาบไว้ที่ร่างผู้ไม่ตาย เขาต้องผ่านกองทัพผีดิบให้ได้ก่อน
โชคดีที่ไม่มีลิชอยู่ ดังนั้นนี่อาจเป็นไปได้...
ที่แห่งนี้เป็นถิ่นของเขา มันคือที่ราบของมิวิช
“ซื้ด”
เขาสูดลมหายใจลึก
เขาสูดลมหายใจต่อไป พลังงานไร้สภาพมารวมตัวรอบๆเขาและไหลเข้าไปในร่าง วูจินขมวดคิ้วเมื่อพลังของมิวิชเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
‘เสียเวลาแน่’
เลเวลของเขายังไม่กลับมาเท่าเดิมแต่ต้องมาเจอศัตรูตัวปัญหา คนที่มีพลังมากขนาดนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ บัลลังก์ทั้ง 72 อาจจะเท่ากัน...
ดวงตาวูจินเปล่งประกายวูบหนึ่ง
“ขอถามอะไรสักข้อ”
“อะไร?”
ผู้ไม่ตายพร้อมสู้แต่ไม่เหมือนสมัยก่อน มีความเห็นใจอยู่ในดวงตาของเขา ผู้ไม่ตายทำตัวเป็นมิตร... นี่ทำให้มิวิชประหลาดใจ
“ทำไมแรงค์ของนายถึงต่ำนัก?”
“ฮะๆ”
เมื่อลอร์ดมิติเข้ามาในอาณาเขตของลอร์ดคนอื่น พวกเขาสามารถเห็นข้อมูลพื้นฐานเช่นแรงค์และชื่อของอีกฝ่ายได้
แรงค์ของมิวิชคือ 4,231 ต่ำกว่าวูจินมาก
“แรงค์ไม่มีความหมายสำหรับข้า”
“ทำสงครามมิติไม่เก่งเหรอ? งั้นก็ท้าดวลสิ อย่างนายควรจะอยู่ระดับเดียวกับ 72 บัลลังก์ของทราห์เน็ต”
“มันไม่สามารถเปลี่ยนคืนได้”
“...?”
“ท้าดวลจะทำให้เจ้าสูญเสียทุกอย่างในที่สุด”
วูจินงง เขากลัวตายเหรอ? เพราะอย่างนั้นถึงไม่ต้องการดวล?
มิวิชมองวูจินแล้วพูด
“เจ้าไม่สามารถเพิ่มแรงค์ด้วยการดวล เป็นไปไม่ได้แม้แต่ท้าทายบัลลังก์ผ่านการดวล”
มิวิชพูดความจริง
“หากเป้าหมายของเจ้าคือบัลลังก์ เจ้าต้องให้ความสำคัญกับสงครามมิติมากกว่านี้”
บัลลังก์มีเพียง 72 บัลลังก์ คนที่ไม่คู่ควรไม่อาจครอบครองมันได้
“นักปกครองไม่จำเป็นต้องมีพลังต่อสู้ ที่พวกเขาต้องการคือความสามารถในการดูแลจัดการ”
“...”
“สู้กันต่อไหม?”
แสงสีขาวเปล่งออกมาจากดาบของมิวิช แสงสีดำเปล่งออกมาจากอาวุธของเหล่าอัศวินมรณะ แล้วอาวุธของพวกเขาก็ปะทะกัน
“ผู้ปกครอง...”
วูจินใช้เวทกดดันมิวิช เขายังใช้ทักษะของนักรบไม่คล่องนักและศัตรูของเขาก็ไม่ง่าย
มิวิชใช้ทักษะอาณาเขตของเขา เขาปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนอยู่อัลเฟน
เขาอาจต้องเรียกอัศวินมรณะออกมาทั้งหมด
เหล่าอัศวินผู้ผ่านชีวิตและความตายยังสู้ต่อไปในทุ่งราบ
***
สถานีมกดองทางออกที่ 4
“เวร”
วูซุงฮุนสบถออกมา
รายการถ่ายทอดสดสถานการณ์ปัจจุบันถูกตัดไป ดูเหมือนจะมีปัญหาด้านเครื่องมือสื่อสาร อินเตอร์เน็ตจึงล่ม สมาร์ทโฟนกลายเป็นไร้ประโยชน์ เขาเปิดวิทยุฟังข่าวในรถทันที
โซลตกอยู่ในความโกลาหล
ไม่ใช่แค่โซล ในแดกู กวางจูและปูซานก็ด้วย
ญี่ปุ่น จีน อเมริกาและฝรั่งเศสล้วนเผชิญกับดันเจี้ยนเบรก
[ซ่าๆ บอสที่แข็งแกร่งมากกำลังสั่งการพวกมอนสเตอร์... ซ่าๆๆ... อาวุธปืนไม่มีผล...]
นี่ต่างจากดันเจี้ยนเบรกธรรมดา มอนสเตอร์อยู่ในการควบคุมของมอนสเตอร์อื่น มอนสเตอร์ที่ไร้การควบคุมก็อันตรายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันเคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบ ผลเลวร้ายที่ตามมานั้นเกินกว่าจะจินตนาการได้
หากการกำจัดมอนสเตอร์ที่แล้วมาคือการล่า สถานการณ์ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปมาก
มันคือสงคราม
พวกมันเคลื่อนไหวเป็นกองทัพ สงครามกำลังเกิดขึ้นในที่ต่างๆ
“หัวหน้าแผนกครับ ที่นี่อันตราย”
“ฉันรู้”
วูซุงฮุนเม้มปาก ประธานยังไม่มีทีท่าจะออกมาและข่าวร้ายก็เกิดขึ้นตามที่ต่างๆในโซล
ฝูงมอนสเตอร์กำลังมุ่งหน้าไปทางนัมซาน เขาเป็นห่วงอลันดาลที่อยู่บริเวณนั้น
เมื่อมอนสเตอร์ปรากฏตัว พวกมันไม่ได้คลั่งอาละวาด แต่จัดเป็นกลุ่ม การที่มอนสเตอร์เคลื่อนไหวอย่างเป็นระเบียบทำให้คนกลัวมากขึ้น มันเหมือนระเบิดที่ใกล้จะระเบิด
ไซคลอปตัวหนึ่งเฝ้าที่สนามเบสบอลมกดอง และพวกมอนสเตอร์มารวมกลุ่มกันรอบๆไซคลอป ถ้าพวกมันอาละวาด สถานีมกดองจะพังทลายในพริบตาเดียว
อาจจะดีกว่าถ้าอพยพออกไปก่อนพวกมอนสเตอร์จะโจมตี
“เชี่ย ถอยกันเถอะ”
ถ้ายังรอประธานต่อไป เขาอาจตายก่อนวัยอันควร
“หาอะไรมาให้ฉันเขียนหน่อย”
“ครับ?”
“เร็วๆ”
“ได้ครับ”
พนักงานเอากระดาษโน้ตออกมาจากรถ ซุงฮุนเขียนสถานการณ์ในโซลและทั้งโลกตอนนี้ลงไปอย่างรวดเร็ว
มอนสเตอร์รวมกันอย่างเป็นระเบียบ ในนัมซาน สนามเบสบอลมกดอง กังนัม มหาวิทยาลัยโซล ป้อมซูวอน ฮวาซ็อง...
เขาเขียนย่อๆถึงข่าวที่ได้ยินมา...
กระดาษโน้ตเต็มไปด้วยข้อมูล เขาติดมันไว้ที่ทางเข้าสถานี
“เฮ้อ ไปกันเถอะ”
“ร...เราจะไปที่ไหนครับ?”
“ไปอลันดาลกันก่อน”
“ครับ”
อาจจะปลอดภัยที่สุดหากเขาออกจากโซล แต่เขาจะหนีไปคนเดียวได้อย่างไร? แม้จะแค่ในนามแต่ซุงฮุนถือตัวว่าเป็นรัฐมนตรีการต่างประเทศของอลันดาล ถ้าจะอพยพเขาก็ต้องไปพร้อมกับทุกคน
‘ถ้ากับกรรมการฮงและกรรมการเชก็เป็นไปได้’
พลังของฮงซุงกูและเชฮีซอนไม่อาจมองข้ามได้ พวกเขาเป็นเราส์ที่สามารถแย่งตำแหน่งสูงๆของเราส์ในโลก
ยิ่งกว่านั้นยังมีกองทหารมากมายรอบๆทำเนียบประธานาธิบดี
“รีบออกมาเถอะประธาน ก่อนพวกเราจะตายกันหมด”
ซุงฮุนมองบาเรียที่ไม่มีทีท่าจะหายไปตาละห้อย จากนั้นเขาและพนักงานคนอื่นๆเข้าไปในรถแล้วขับจากไป
ผ่านไปเป็นเวลานาน บาเรียก็เริ่มสลายตัว
วูจินออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
“อะไรเนี่ย? คนอื่นไปไหนหมด?”
มันเป็นการต่อสู้ที่ยากเย็น เขาอยากพักผ่อนในอ่างน้ำอุ่น แต่ซงฮุนและพนักงานแผนกเลขานุการหายไปหมด
“หา?”
วูจินขมวดคิ้วพลางอ่านกระดาษโน้ตที่แปะตรงกำแพง
เขาไม่มีเวลาพัก ต่อให้มีตัวเขาอีก 10 คนก็จัดการเรื่องพวกนี้แทบไม่ทัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น