บทที่ 136 – โกเลมเลือด
“ทำไมพวกมันถึงมีเยอะนัก?”
วูจินขมวดคิ้วเมื่อมองมอนสเตอร์มารวมกันเป็นฝูง
พวกมันทำตัวเหมือนมอนสเตอร์ในอัลเฟน
พวกมันจะยึดพื้นที่แถบหนึ่งและเริ่มสร้างอาณานิคม จากนั้นจะเริ่มดื่มพลังงานของโลก...
“เชี่ย ไอ้ห่ามิวิช”
เขาเสียเวลากับการต่อสู้ไปมาก ไม่แค่เวลา เขายังเสียอัศวินมรณะไป 10 ตน
“ทักษะเฉพาะของอาณาเขตโคตรน่ารำคาญ”
ในโหมดพิชิต คนที่ท้าสู้กับลอร์ดจะอยู่ในฐานะนักผจญภัย ลอร์ดที่เป็นฝ่ายใช้ทักษะเฉพาะของอาณาเขตได้เปรียบกว่ามาก
ถ้าเขาเจอมิวิชบนโลกหรือที่อัลเฟน อัศวินมรณะ 2 ตนก็เพียงพอจะล้มเขา แต่ในอาณาเขต มิวิชแสดง
พลังงานมหาศาลและพาอัศวินมรณะ 10 ตนตกตายตามไปด้วย
“จะเริ่มจากที่ไหนก่อนดี?”
ในโซล มีพื้นที่ 7 แห่งที่มอนสเตอร์มารวมกัน คงเป็นลอร์ดมิติ 7 ตนกำลังสร้างอาณานิคม
ถ้าพวกมันสร้างฐานทัพได้สำเร็จจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก เขาต้องกำจัดพวกมันให้เร็วที่สุด
“เจ้าบ้านั่นก่อนไปก็ไม่ยอมทิ้งมือถือไว้ให้เลยนะ”
ก่อนวูจินเข้าดันเจี้ยนเขาฝากโทรศัพท์มือถือไว้กับซุงฮุนกันหาย หน่วยสนับสนุนที่ควรจะรอเขาได้หายไปหลังจากทิ้งโน๊ตไว้...
โชคดีที่วูจินมีวิธีติดต่อสื่อสารอย่างอื่น
[นายอยู่ไหน?]
วูจินสามารถสื่อใจกับข้ารับใช้ในอาณาเขตของเขา เขาตั้งโดเจมินให้เป็นนักกลยุทธ์เพื่อเป็นตัวแทนเขาในสงครามมิติ
[น...นี่มันอะไรกัน?]
[ฉันถามว่านายอยู่ไหน?]
[เฮือก เราจะตายแล้วสินะถึงได้ยินเสียงหลอน]
[นี่ฉัน พี่นาย]
[...]
ครู่หนึ่ง ความคิดของเจมินก็พรั่งพรูออกมา
[พี่! ตอนนี้วุ่นวายไปหมดแล้ว ผมติดอยู่ในสถานีโทรทัศน์]
[สถานีโทรทัศน์? ไม่ได้อยู่ที่กิลด์เหรอ? นายไปทำอะไรที่นั่น?]
[ผมออกมาพร้อมพี่จีวอน ตอนนี้ผมอยู่ MBS]
วูจินขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าโดจีวอนไปงานชุมนุมศิษย์เก่า
[พี่นายไปที่ไหน?]
[ครับ? ไปที่โรงแรม BB…]
วูจินหน้าเครียดเมื่ออ่านโน้ตอีกครั้ง โรงแรม BB เป็นหนึ่งในสถานที่ 7 แห่งในรายชื่อ
[ซ่อนตัวดีๆ ฉันจะส่งโดลเซไป]
[ครับ...]
อัศวินมรณะ 10 ตนของเขาถูกทำลายจึงเรียกออกมาไม่ได้ เขาต้องรอให้พวกมันคืนชีพก่อน ตอนนี้เหลืออัศวินมรณะ 44 ตนให้เขาใช้ได้
เขายังมีช่วงคุ้มครองเหลือ จึงตัดสินใจทิ้งรีลิค อัศวินมรณะคนล่าสุดไว้เฝ้าดันเจี้ยนเผื่อมีใครบุกดันเจี้ยนเข้ามา วูจินเรียกอัศวินมรณะ 43 ตนและโดลเซกับบิบิ
“ออกมา โดลเซ บิบิ”
“ว้าว โลกล่ะ”
บิบิไม่ได้ถูกเรียกออกมาที่โลกนานแล้ว เธอยิ้มกว้าง ถ้านึกถึงจำนวนทหารโครงกระดูกในสังกัดของอัศวินมรณะแต่ละตน วูจินมีกำลังพลไม่มากนัก
เขาตัดสินใจแบ่งกองทัพผีดิบไปกวาดล้างพื้นที่ 7 แห่งพร้อมกัน
ต้องใช้อัศวินมรณะอย่างน้อย 10 ตนจึงจะสู้กับลอร์ดมิติได้อย่างปลอดภัย เขาแบ่งอัศวินมรณะ 40 ตนออกเป็น 4 ทีม
“นายไปที่นี่ ส่วนนายที่นี่”
[รับบัญชา!]
วูจินหันไปมองบิบิและโดลเซ
“พวกนายไปที่ MBS ช่วยเจมินและฆ่าศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ”
“ฮิๆ ได้จ้า สนุกล่ะทีนี้!”
บิบิเอาคทาออกมาแล้วบินจากไปโดยมีโดลเซตามไปด้วย
“คิบะ นายไปอลันดาล อย่าไปมีเรื่องกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ล่ะ”
[...รับบัญชา]
เสียงคิบะฟังไม่พอใจและตอบรับเนือยๆ แต่เขาจะไม่ขัดคำสั่งเด็ดขาด วูจินไม่รู้ว่าตอนนี้ซุงกูกับฮีซอลอยู่ที่ไหน แต่เขาไม่ห่วงอลันดาลนักเพราะเมโลดี้อยู่ที่นั่น
เมื่ออสูรของเขาจากไปหมด จู่ๆวูจินก็คิดถึงมิวิชขึ้นมาอีก
“ไอ้เวรนั่น ถ้าเจออีกฉันฆ่ามันแน่”
วูจินฆ่ามิวิชไปแล้ว แต่เขาสัญญาว่าจะฆ่าอีก
เขาเสียอัศวินมรณะหลายตนไปอย่างไม่จำเป็น ยิ่งกว่านั้นมันยังให้ค่าประสบการณ์ไม่มาก วูจินเลยยังเลเวลไม่ถึง 80 เขาเสียเวลาเก็บเลเวลไปมาก
“เวลาแบบนี้ถ้ามีเจนิสอยู่...”
ถ้าเขามีลิชเจนิส ครูของเขา ลอร์ดมิติพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาสักนิด
“ไปดีกว่า”
สุดท้าย วูจินเรียกอสูรตัวสุดท้ายออกมาแล้วขี่มัน
ฮี้!
ชิงชิงวิ่งข้ามถนน ทิ้งเส้นทางที่ถูกมอนสเตอร์ทำลายไว้และกระโดดสู่ท้องฟ้า
***
ชั้นสองของสถานีโทรทัศน์ MBS
มีคน 17 คนกำลังซ่อนตัวหลังกองเอกสาร
โดเจมินกำลังจับมือลีซูลกิมั่น
เพราะรับรู้ถึงความตั้งใจของเขาที่จะปกป้องเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามหรือเปล่านะ? ซูลกิเลยไม่รู้สึกหวาดกลัวในสถานการณ์ตอนนี้
เด็กผู้ชายที่เธอชอบกลายเป็นเราส์และมาปรากฏตัวตรงหน้าเธอ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นตอนที่เธอตกอยู่ในอันตราย
โรแมนติกและงดงามขนาดไหน?
แต่ไอดอลคนอื่นไม่คิดอย่างเธอ
“นึกว่าพวกเราจะออกไปข้างนอกซะอีก ทำไมหยุดล่ะ?”
จุนซุงอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับโทนี่ เขากำลังหงุดหงิด
เราส์มาช่วยพวกเขา สังหารบรรดามอนสเตอร์ได้สำเร็จ แต่จู่ๆเราส์ก็หยุดและบอกให้ทุกคนซ่อนตัว พวกเขาอยากออกไปจากสถานีโทรทัศน์ให้เร็วที่สุด การต้องซ่อนตัวอย่างนี้ทำให้ทุกคนกระวนกระวายและหงุดหงิด
“เจมินบาดเจ็บ”
เจมินสู้บรรดามอนสเตอร์คนเดียวและปกป้องทุกคนไปด้วย เขามีรอยกรงเล็บบาดลึกตรงไหล่และมีเสื้อเชิร์ตพันท้องหลังจากถูกแทง
“เชี่ย เห็นอยู่แล้ว แต่เขาเป็นเราส์นะ”
“อะไรนะ? คำพูดนายไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ?”
“หา? ยัยหน้าใหม่! เธอมาจากกลุ่มไหนนะ? กล้าพูดแบบนี้กับรุ่นพี่ได้ยังไง...”
จุนซุงจ้องซูลกิเขม็ง ซูลกิมีชื่อเรื่องอารมณ์ร้ายมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว เธอเกือบจะออกฤทธิ์แล้วแต่โดเจมินห้ามไว้
“ซูลกิ ฉันไม่เป็นไร”
“เจมิน...”
“ฮ้า”
หน้าเจมินไร้สีสัน เขาเกือบถึงขีดจำกัดแล้วตอนที่ได้ยินเสียงวูจิน กำลังเสริมจะมาในอีกไม่ช้า เขาไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองอีก
เขาแค่ต้องรอกำลังเสริมมาถึง
“ฮ้า ฮ้า”
เขาไม่ได้หอบเพราะบาดแผล แต่ต้นเหตุเป็นเพราะร่างกายของเขาที่พยายามรักษาบาดแผล
เลือด...
เขาหิวเลือด เจมินรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียเหตุผลไป เขาพยายามอดทนเต็มที่
“เจมิน นายดูไม่ดีเลย”
“ฮ้า ฉันไม่เป็นไร”
“น่ารำคาญ รีบรักษาตัวแล้วพาพวกเราออกไปจากที่นี่สิ”
ทุกคนเมื่อได้ยินคำพูดของจุนซุงก็หันไปมองเจมิน 17 คนในนี้ต่างมีปฏิกิริยาต่างกันไป
มีคนที่สำนึกขอบคุณเจมินที่สู้แทนพวกเขา แต่พวกเขาเป็นดารานักร้องที่ถือว่าการที่เราส์ต้องเสียสละตัวเองเป็นเรื่องที่พวกเขาควรได้รับอยู่แล้ว
เจมินเริ่มโกรธกับคำพูดของจุนซุง
พูดตรงๆแล้วเขาไม่สนใครนอกจากซูลกิ
“งั้นนายมาช่วยฉันรักษาแผลไหม?”
“ฮึ่ม ว่าแล้วว่านายต้องมีวิธี”
เจมินหรี่ตา เขาไม่มีเหตุผลต้องปิดบังความโกรธจึงจ้องจุนซุงเขม็ง
“งั้นก็ขอเลือดนายให้ฉันได้ไหม? ถ้าฉันได้ดื่มเลือดแป๊บเดียวแผลก็หาย”
“...”
มันเป็นวิธีที่ประหลาดจนจุนซุงพูดไม่ออก
“ถ้านายอยากออกไปนักก็น่าจะเสียสละสักหน่อยใช่ไหม?”
“ท...ทำไมฉันต้อง...”
จุงซุนถอยหลังไปหลายก้าว แสงในดวงตาเจมินทำให้เขากลัว จุงซุนขาสั่น เขารู้สึกเหมือนถูกอสรพิษจ้อง
“ถ้าไม่ก็หุบปาก นายทำให้ฉันรำคาญ”
“หา? นายไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร ฉันจุงซุนนะ จุงซุนคนนั้นน่ะ”
แน่นอน เจมินรู้ว่าจุงซุนเป็นใคร เขาเป็นไอดอลที่เป็นที่นิยมที่สุดในเกาหลี
เจมินไม่อยากยุ่งกับเขาอีกเลยหันหน้าไปทางอื่น
ซูลกิมองเจมินแล้วขยับเข้ามาหา
“ฉันจะให้นายเอง”
“หา?”
“เลือดน่ะ”
“...”
“ฉันบริจาคเลือดบ่อยนะ”
เจมินมองซูลกิอย่างประหลาดใจ สายตาเธอแสดงความเป็นห่วง ความชอบและขอบคุณ
ความรู้สึกของเธอทำให้เจมินตัดสินใจลำบาก ความต้องการเลือดของเขาถูกกระตุ้น เขาอยากกัดเธอ อยากดื่มเลือดของเธอ
“อ่า ฉันทำไม่ได้”
ถ้าเขาดื่มเลือดเธอ เธอไม่จำเป็นต้องกลายเป็นทาสของแวมไพร์ เขามีสิทธิ์เลือกว่าจะสร้างทาสหรือไม่ แค่ต้องหยุดดื่มเลือดก่อนถึงระดับที่จะกลายเป็นทาส... แต่เขาไม่กล้าให้ซูลกิเห็นตัวตนใหม่ของเขา
“ฮ้า ไม่ล่ะ”
เจมินห้ามตัวเองไว้อย่างยากลำบากเขาจึงหันหน้าไปทางอื่น ถ้ายังมองซูลกิต่อไปเขารู้สึกเหมือนจะยอมแพ้ให้กับการเชื้อเชิญ
เขาจำเป็นต้องรักษาแผล แต่เหตุผลนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาดื่มเลือดของเธอ เขาจะไม่ทำให้ซูลกิต้องเสียเลือดเพราะความต้องการของเขา
กึง กึง
ทุกคนทำหน้าวิตกกังวลเมื่อฟังเสียงมอนสเตอร์ด้านนอก ตอนนี้คนเดียวที่พวกเขาพึ่งได้คือเจมิน
ฮื่อๆ
พวกเขายิ่งวิตกมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหายใจของมอนสเตอร์ดังขึ้นเรื่อยๆ ซูลกิรอไม่ไหวอีกแล้ว เธอยื่นข้อมือไปจ่อที่ปากเจมิน
“กัดสิ”
“อึก”
ข...เขาไม่ควรทำแบบนี้... เจมินรู้สึกมึนงงขณะที่เขี้ยวของเขาฝังลงไปในข้อมือซูลกิ
เลือดของซูลกิถูกดูดออกไป เธอครางและรู้สึกจะเป็นลม
‘ห...หวานจัง’
เลือดของเธอเป็นคนละระดับกับกาแฟเลือดที่ขายในร้านกาแฟ ความสุขล้นทำให้เจมินมึน แผลที่ไหล่และท้องของเขาปิดอย่างรวดเร็ว
“ฮะ”
เจมินอ้าปากอย่างตกใจและเขารู้สึกเสียใจทีหลัง
‘ฉ...ฉันดื่มเลือดซูลกิ...’
ดวงตาของเจมินสั่นไหวอย่างปิดไม่อยู่ ซูลกิกอดเขาแน่นเหมือนเข้าใจว่าเขารู้สึกอย่างไร
เจมินเป็นคนที่สู้กับพวกมอนสเตอร์น่ากลัวเพื่อช่วยเธอไว้ไม่ใช่เหรอ?
เธอถือว่าเลือดที่เสียไปไม่ต่างจากการบริจาคเลือด
“...ฉันไม่เป็นไร”
“ซ...ซูลกิ”
“ฉันเข้าใจ”
“ซูลกิ”
เจมินแทบร้องไห้เมื่อกอดซูลกิ มีคนอื่นนอกจากพี่วูจินและพี่สาวของเขาที่เชื่อใจเขา เขามีความสุขจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้
“เฮอะ หยุดไร้สาระสักทีเหอะ รีบออกไปจัดการมอนสเตอร์ข้างนอกสิ!”
จุงซุนกลัวถึงขีดสุดเมื่อได้ยินเสียงมอนสเตอร์ เขาจึงตะโกนออกมา
“อา นายปากเสียจริงๆเลยนะ...”
หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ เจมินขมวดคิ้วและกำลังจะลุกขึ้น เขาตาโตเมื่อเห็นตรงหน้าของเขามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนไม้คทา
“เจอนายจนได้ อาจารย์!”
“พ...พ่อบ้านบิบิ”
กำลังหนุนของเขามาแล้ว ถ้าเจมินรู้ว่าเธออยู่ที่นี่คงไม่ดื่มเลือดของซูลกิ...
บิบิลงจากไม้คทา โดลเซหมุนอยู่รอบๆศีรษะของเธอ
วิ้ง
“ฮิๆ นักเรียนเจมิน นายกลัวหรือเปล่า?”
“ครับ ผมนึกจริงๆว่าจะตายแล้ว”
“ฮิๆ นายไม่ต้องห่วงแล้วล่ะนะ”
เจมินรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดของบิบิ เธอช่างพึ่งพาได้
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนคิดเหมือนเจมิน
“ยัยจิ๋วนี่ใครวะ?”
จุนซุงมีแผลทางใจจากการตายของโทนี่ ความกลัวตายทำให้จุนซุงปากจัด
“นายเป็นใครน่ะ?”
“หา? ยัยเด็กนี่ไม่รู้จักฉันเหรอ?”
“เราจำเป็นต้องรู้จักนายด้วยเหรอ?”
“ฉันจุนซุง ลีจุนซุง!”
บิบิทำแก้มป่อง
“เราจะไปจำนายได้เหรอ? นายดูสกปรกมาก”
“ยัยเด็กนี่! บ้าไปแล้วเหรอ?”
จุนซุงขมวดคิ้ว บิบิจ้องเขาเขม็ง
เด็กเป็นคำที่เธอเกลียดที่สุด
“นายอยากตายสินะ?”
“อะไรนะ?”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตายไปซะ”
“อะไรของ...”
จุนซุงกำลังจะตะโกนด้วยความโกรธแต่แล้วเขาก็ตาเหลือกและร่วงลงไปนอนบนพื้น เขาจะถูกทรมานในฝันร้ายและเมื่อถึงตอนจบของฝันเขาก็จะตาย
“ฮึ”
บิบิอารมณ์เสีย เธอหันไปพูดกับเจมิน
“รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ เราต้องไปจับแมวตัวใหญ่ข้างนอก”
“ครับ”
เพราะพวกเขาเสียงดังเกินไปหรือเปล่า?
เสือดำสามตัวเข้ามาในสตูดิโอและส่งเสียงคำราม
ในนี้มีมนุษย์มากมาย เสือดำตั้งใจจะกินให้หมด
“ลูกแมวน้อยทั้งหลาย!”
เมื่อดวงตาของเสือดำมองไปทางเด็กน้อย... พวกมันก็ตาเหลือกแล้วล้มลง
“รีบออกไปกันเถอะ นักเรียนเจมิน”
“...”
บิบิเดินแกว่งแขนออกไปจากตึก เจมินกับซูลกิตามเธอไป คนอื่นที่ยืนรอบๆอย่างเก้ๆกังๆตามพวกเขาไป พวกเขาไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง สมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มของจุนซุงแบกเขาขึ้นหลัง
“หือ? ทิ้งศพไปเถอะ”
“...”
จุนซุงยังหายใจอยู่ เขาจะตายได้อย่างไร...
“ช่างเถอะ อยากเหนื่อยฟรีก็แล้วแต่นาย”
มนุษย์คนนั้นจะตายเมื่อความฝันสิ้นสุด แต่ไม่ใช่เรื่องของเธอ
สุดท้าย คนสำคัญของเธอก็มีแค่เจมิน
เมื่อบิบิออกจากสถานีโทรทัศน์ เธอมองไปทางต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่งตรงกลางที่จอดรถขนาดใหญ่ เสือพูม่าตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังเฝ้าต้นไม้ต้นนั้น มันย่องมาทางเธอ
ต้องดอง ค้างงง
ตอบลบเรื่องนี้ชอบปล่อยให้ค้างทุกตอนเลย...
ลบเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าหือกะโลลิ
ตอบลบXD
ลบสนุกมักๆ
ตอบลบบิบิน่ารัก
ตอบลบ