วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เนโครแมนเซอร์แห่งสถานีกรุงโซล - บทที่ 119

บทที่ 119 – รบ


ทหารออร์คคำรามปลุกใจ

มันเป็นการต่อสู้ 7 ต่อ 3 ผลจึงค่อนข้างแน่นอน วูจินสิงออร์คตนหนึ่งเพื่อนำออร์คที่เหลือ

เขาเสียทหารออร์คไป 3 ทำลายทหารราบไป 4 แต่ศัตรูยังเหลืออีก 3 คน

“ทุกคนมารวมกันตรงนี้”

วูจินรวบรวมคนงานและทหารออร์ค 1 ตนที่ออกมาจากลานฝึกพอดี เขาเข้าสิงทหารออร์คและกำจัดทหารราบจนหมด

แต่วูจินเห็นทหารราบอีก 10 นายกำลังมุ่งตรงมา

“ฉันแพ้ น่าหงุดหงิดชะมัด”

แบบนี้มันเหมือนเล่นกับตุ๊กตา

วูจินยุติการซ้อมรบอย่างไม่เสียดาย

ภาพเบื้องหน้าเขาถล่มลงโลกแตกเป็นเสี่ยง วูจินกระพริบตาและเห็นอาณาเขตมิติของตัวเอง สตรีศักดิ์สิทธิ์รอเขาอยู่โดยไม่ขยับไปไหนแม้แต่น้อย

“เป็นอย่างไรบ้างคะ?”

“น่าหงุดหงิดสุดๆ”

เธอเข้าใจ ความสามารถของตัวเองถูกจำกัด ผู้ไม่ตายไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนดังนั้นเขาย่อมหงุดหงิดกว่ามาก

“ลอร์ดแห่งมิติทำแบบนี้กันทุกคนเหรอ?”

ลอร์ดคนอื่นขยายอาณาเขตมิติด้วยการสู้ไร้สาระแบบนี้? วูจินรู้สึกขมในปาก สิ่งที่ต้องใช้ในการสู้คือพลังงาน เมื่อนึกถึงวิธีที่พวกลอร์ดใช้รวบรวมพลังงานเหล่านั้น วูจินก็อดอารมณ์เสียไม่ได้

“สงครามมิติสำคัญสำหรับพวกเขาค่ะ พวกเขาเดิมพันกันทีละน้อยแต่มันคือวิธีเพิ่มอันดับที่ประหยัดและปลอดภัย”

พลังงาน 10% หากเสียไปก็ไม่ใช่จำนวนใหญ่โต อันตรายจากการร่วมสงครามต่ำ ถ้าเป็นอะไรไปก็ทำแบบสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่หักหลักฐานแห่งมิติเพื่อทิ้งตำแหน่งลอร์ดไป

“งี่เง่าชะมัด”

นี่คือเหตุผลที่พวกนั้นรุกรานอาณาเขตมิติอื่นเพื่อรวบรวมบลัดสโตน...

“แล้วดวลนี่คืออะไร?”

“สงครามมิติคือสงครามระหว่างอาณาเขตมิติ... ดวลคือการสู้กันระหว่างลอร์ดค่ะ”

“งั้นฉันก็แค่ดวล”

“การดวลต้องให้ทั้งสองฝ่ายตกลงถึงจะทำได้ค่ะ การบังคับดวลจะเกิดขึ้นก็เฉพาะตอนลอร์ดที่แพ้สงครามมิติจะแก้แค้น”

วูจินยิ้ม เขาหงุดหงิดกับสงครามมิติ แต่เขาชอบการดวลแบบนี้

“ก็ได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆฉันก็แค่ปล้นดันเจี้ยนพวกนั้น”

ถ้าเขาไม่อยากดวล เขาก็ท้าทายอาณาเขตของพวกเขาในฐานะนักผจญภัยได้ วูจินเคลียร์ห้องทดลองของรัชโมดและทุ่งราบจูเลียลมาแล้ว

เพราะว่าเขาไม่ใช่ลอร์ด เขาจึงได้แต่เลือกเคลียร์

“เอาล่ะ ดูเหมือนฉันจะต้องหาชิ้นส่วนมิติเพิ่มอีก”

ถ้าเขาจะซื้อดันเจี้ยน เขาก็ต้องมีชิ้นส่วนมิติสักชิ้น ไม่เกี่ยวว่าเขากำลังจะเปิดประตูไปที่อัลเฟนหรือไม่

เขาต้องเตรียมพร้อมเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันที่เขาอาจต้องการดันเจี้ยนสำรองที่เชื่อมต่อกับโลก วูจินต้องรวบรวมชิ้นส่วนมิติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

‘ใครจะไปสนเรื่องเสียพลังงาน 10%’

เขาวางแผนจะใช้ช่วงคุ้มครองที่เหลืออยู่เตรียมพร้อมให้เต็มที่ แต่ถ้ามันสายไปก็ช่วยไม่ได้ กังวลเรื่องนี้ไปก็ไม่ได้อะไร ถ้าอย่างไรเขาก็ต้องพออย่างนั้นทิ้งไปอย่างหมดจดเลยดีกว่า สนใจกับเรื่องหลังจากนั้นดีกว่า

วูจินลุกจากบัลลังก์

“ขอโทษที่เข้าใจเธอผิด”

“ม...ไม่เป็นไรเลยค่ะ”

ผู้ไม่ตายขอโทษ... เมโลดี้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก วูจินยิ้มแล้วเปิดอุโมงค์ไปสถานีโซลทางออกที่ 1

“เธอไปได้แล้ว ฉันยังต้องเตรียมตัวอีก”

“ค่ะ”

เมโลดี้ลา เธอผ่านอุโมงค์ออกจากโถงกว้างไป

“เจ้านาย!”

บิบิวิ่งมากอดวูจิน เธอทำแก้มป่องพลางมองไปรอบๆ

“สตรีศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเหรอ?”

“ไปแล้ว”

“เฮ้อ เราตกใจหมดเลย”

อสูรทุกตนของวูจินเกลียดสตรีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเป็นผีดิบจึงไม่เข้ากับสตรีศักดิ์สิทธิ์นัก บิบิเป็นอสูรก็ดูจะไม่ต่างกัน เธอรู้สึกรังเกียจตามสัญชาติญาณ

“ฮิๆ เจมินดีขึ้นแล้วนะ”

“โอ้ เหรอ?”

นี่เป็นข่าวดีที่สุดของวันนี้

“เขาทำอะไรอยู่ล่ะ?”

“เขาออกไปล่าตอนเช้า ตอนนี้อยู่บ้าน”

วูจินเปิดร้านแลกเปลี่ยนค่าความสำเร็จและซื้อหนังสือคู่มือเกี่ยวกับสงครามมิติ เขาอ่านผ่านๆไม่มีอะไรใหม่ มันพูดถึงพื้นฐานและระบบต่างๆที่เขารู้มาแล้วจากการซ้อมรบ

“อ่านนี่ เธอต้องไปสู้สงครามมิติแทนฉัน”

“ได้จ้า”

บิบิรับหนังสือแล้วกระโดดจากไป เธอเข้าไปในกระท่อมน่ารักหน้าปราสาท ดูเหมือนจะเธอจะซื้อบ้านให้ตัวเอง

“ฉันยกอำนาจให้ข้ารับใช้ตัวเองเป็นตัวแทนได้”

ถ้าเลี่ยงสงครามมิติไม่ได้ก็แค่ต้องเข้าร่วม ถ้าชนะก็ดีไป แต่ถ้าเขาเตรียมตัวไม่พอก็ช่วยไม่ได้

แต่เขาต้องแก้แค้นด้วยการดวล

เกรทลอร์ดของบัลลังก์ทั้ง 72 เป็นอันดับสูงมาก แต่วูจินมั่นใจว่าเขาสู้พวกมันได้ในการดวล ถ้าเขาจะแพ้ในสงครามมิติเขาก็จะไม่ร่วมสงคราม

เขาจะให้บิบิไปแทน เล่นสนุกสักหน่อย ถ้าเสียพลังงานหรือไอเทมเขาก็แค่เอาคืนมาด้วยการดวล

วูจินสลัดความหงุดหงิดจากการรบทิ้งไปแล้วเดินไปทางบ้านเจมิน

“เจมิน อยู่หรือเปล่า?”

“ครับพี่”

วูจินเปิดประตูเข้าไป เจมินกำลังนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะ

“หือ ไปเอาหนังสือมาจากไหน?”

“ผมซื้อจากร้านของชำข้างหน้านี่เอง”

ข้างนอกผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ แต่ในอาณาเขตมิติเป็นเวลาราว 20 วัน วูจินพัฒนาอาณาเขตของเขาโดยมุ่งไปที่สภาพความเป็นอยู่ของประชากร

จากเดิมที่มีแต่ที่ว่าง เขาสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นมาหลายแห่ง เขาสร้างร้านหลายร้านเช่นร้านของชำ ร้านแล่เนื้อ ผับ ร้านอาหาร มีกระทั่งร้านกาแฟ

วูจินรับผู้อพยพเข้ามาเรื่อยๆ เขาจึงมีเผ่าโฮอิน ออร์ค ดวาร์ฟ แม้แต่มนุษย์ก็มี

วูจินมีกฎเพียงข้อเดียว ไม่อนุญาตให้ประชากรล่าในดันเจี้ยนหนึ่งเดียวที่เขามี ไม่มีระบบผลงานเพราะดันเจี้ยนสถานีโซลทางออกที่ 1 ถูกห้ามล่า

เพราะเขาไม่เรียกค่าธรรมเนียมจากผู้อพยพที่มาพักไม่นาน กฎของเขาจึงไม่ทำร้ายใคร

“หนังสืออะไร?”

“แค่บันทึกท่องเที่ยวน่ะครับ”

วูจินมองหน้าปก มันเป็นบันทึกท่องเที่ยวของนักเขียนที่ไปเยี่ยมอาณาเขตมิติขึ้นชื่อต่างๆ

วูจินนั่งที่โต๊ะ

“ได้ยินว่านายไปล่ามา”

“...ครับ”

“เป็นไงบ้าง?”

“มันก็...”

วูจินเกาหัวด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก

อาการกระหายเลือดของเขาแย่ลงเรื่อยๆ เขาจึงขอไปล่ากับคิบะ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาอาจหน้ามืดกระโดดใส่ชาวเมือง

มอนสเตอร์กับชาวเมืองผู้อพยพไม่ต่างกันนัก

ถ้าพวกเขาทำตามกฎของอาณาเขตเพื่อตั้งถิ่นฐาน พวกเขาก็คือผู้อพยพ ถ้าไม่ พวกเขาก็ถูกมองเป็นมอนสเตอร์ ไม่เกี่ยวว่ามาจากเผ่าสายพันธ์ไหน

มนุษย์ล่ามนุษย์ ออร์คกับเอลฟ์ร่วมมือกัน

เจมินช็อกกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง และช็อกที่ได้รู้ว่ามีอาณาเขตมิติอื่นๆ แต่ดูเหมือนเขาจะเริ่มชินบ้างแล้ว

“เราไปหาพี่นายกันได้แล้วยัง?”

“เอ่อ ให้พี่ผมมาที่นี่ได้ไหมครับ?”

“กับพี่นายคงลำบาก”

มีแต่เราส์ที่เข้าดันเจี้ยนได้ พูดให้ถูกคือมีแต่เราส์ที่ผ่านอุโมงค์ได้

จีวอนเป็นคนธรรมดา และเมื่อนึกถึงวิญญาณบริสุทธิ์ของเธอแล้วโอกาสที่เธอจะกลายเป็นเราส์มีน้อยมาก

“ผมจะออกไป...แต่ช่วยบอกให้เธอรออีกหน่อยนะครับ”

“อืม นายไม่ต้องรีบก็ได้”

จีวอนเป็นห่วงเขามาก แต่สุดท้ายเจมินต้องจัดการกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

“แล้วก็ พี่ครับ...”

“หืม?”

เจมินมองวูจินสีหน้าเครียด

“พี่เป็นเทพเหรอ?”

“เทพ?”

เจมินอยากรู้จริงๆ

ภายในอาณาเขตมิติของตัวเอง จะคิดว่าลอร์ดเป็นเทพก็ไม่เกินไป

ถ้ามีพลังงาน ไม่ว่าอะไรก็ทำให้เป็นจริงได้

เขาเป็นเทพเหรอ?

วูจินส่ายศีรษะ

“ฉันเป็นคน”

เขาเคยเจอทวยเทพมาก่อน แต่พวกเขาต่างจากวูจิน ไม่ใช่ วูจินไม่อยากเป็นเช่นเดียวกับพวกเขา

“เฮ้อ อ้อ คนที่นี่เขากังวลกัน”

“ใคร?”

“คนในอาณาเขตครับ เขาบอกว่าลอร์ดที่นี่อ่อนแอ... พวกเขาห่วงว่าอาณาเขตของพี่จะถูกชิงไป”

เข้าใจได้ไม่ยากเลยว่าทำไมพวกเขาถึงมองว่าวูจินอ่อนแอ

ปกติแล้วลอร์ดจะเรียกภาษีสูงมากถ้าผู้อพยพต้องการมาตั้งถิ่นฐาน ตอนนี้วูจินไม่แม้แต่เรียกค่าธรรมเนียมตั้งถิ่นฐาน เขาเก็บภาษีจากธุรกิจที่เขาทำ

วูจินมีฟาร์มต้นไม้เลือด ดังนั้นจึงมีผู้อพยพหลายคนมาอยู่และอยากทำงานให้เขา

เนื่องจากวูจินไม่ล่าในดันเจี้ยน บลัดสโตนที่เขารวบรวมมาได้จึงน้อย ถ้าการป้องกันไม่แข็งแกร่งก็มีสิทธิ์กลายเป็นเหยื่อของลอร์ดคนอื่น

ถ้าอาณาเขตนี้ถูกโจมตี สภาพของพวกเขาจะเลวร้ายลงและต้องอพยพไปตามอาณาเขตอื่นๆอีก

วูจินถามกลับ

“ฉันเหมือนคนอ่อนแอเหรอ?”

“ไม่มีทาง”

วูจินไม่เห็นความจำเป็นต้องขูดรีดจากคนในอาณาเขตของเขาเอง เป้าหมายของเขาคือบัลลังก์ทั้ง 72 ที่พัฒนาไปไกลกว่าเขามาก เขาไม่มีแผนไปเกลือกกลั้วกับลอร์ดแรงค์ต่ำ

“อย่าอยู่แต่ในบ้าน นายควรออกล่าเหมือนวันนี้ มองอีกแง่นายก็เป็นเราส์แล้วนี่?”

“เราส์เหรอ?”

“ใช่ มองจากมุมมองคนธรรมดา เราส์ก็คือมอนสเตอร์”

“เราส์...”

เจมินซึมซับคำนี้ช้าๆ

เขามีความสามารถดื่มเลือดและความสามารถเปลี่ยนร่าง เขาควรมองตัวเองเป็นเราส์ที่พิเศษไปหน่อยได้ไหมนะ?

“นายพักเถอะ”

“ครับพี่”

วูจินออกจากบ้านเจมิน

วูจินมองสิ่งมีชีวิตจากเผ่าต่างๆเดินบนถนนระหว่างสิ่งปลูกสร้าง พวกเขามองวูจินและทักทาย เมื่อการทักทายจบลงพวกเขาถอยห่างไปอย่างระมัดระวัง วูจินยิ้มขำ

‘อ่อนแอเหรอ’

ถ้าคิดถึงการรบระหว่างมิติว่าทำวูจินหงุดหงิดเพียงใด พวกเขาอาจจะถูกก็ได้ ถ้าเขาไม่มีความสามารถด้านกลยุทธ์เขาคงแพ้ทุกครั้ง สงครามมิติก็เหมือนเกมของชนชั้นสูง

ลอร์ดสู้กันโดยไม่ต้องลงสนามรบเอง

พวกเขาปกป้องชีวิตตัวเองและใช้ลูกน้องรวบรวมพลังงาน วิธีนี้ไม่เข้ากับวูจิน

“จะไอ้ขี้แพ้คนไหนก็ช่าง ถ้าจะเล่นงานฉันก็เตรียมตัวไว้เถอะ”

ใครจะสนเรื่องเสียพลังงานไปหมื่นสองหมื่นหน่วย?

เขาจะแก้แค้นด้วยการดวลและเอาทั้งหมดคืนมา วูจินตั้งตารอ ใครจะเป็นคนแรกที่ประกาศสงคราม

***

อาณาเขตมิติ หนองน้ำโคโมด ลำดับที่ 3,213

หัวหน้าเผ่า โคโมด เป็นเจ้าของอาณาเขตนี้ เขามีร่างกายยาว เขี้ยวยาว เขาเป็นโทรล

“คึฮึๆ เจอเหยื่อดีๆแล้ว”

โคโมดมองอาณาเขตใหม่ อลันดาล ที่อยู่เหนือเขาลำดับหนึ่ง เขายิ้ม

ช่วงคุ้มครองมีเพื่อให้ลอร์ดใหม่ได้เตรียมพร้อม แต่ลอร์ดใหม่ที่เตรียมตัวมาพร้อมจริงๆนั้นหาเจอยาก

“ชื่อเขาคือคังวูจิน มือใหม่ยิ่งกว่าใหม่”

เขาเป็นลอร์ดแห่งมิติคนแรกจากมิติที่เรียกว่าโลก

ลอร์ดแห่งมิติคนนี้ไม่มีประสบการณ์ปกครองอาณาเขตมิติอื่นมาก่อน จึงไม่มีทางที่จะเตรียมตัวพร้อม ต่อให้เตรียมตัวมาเขาย่อมไม่ถนัดด้านสงครามมิติ

“ข้าต้องสู้กับมันก่อนคนอื่น คึฮึๆ”

อาณาเขตแบบนี้ใครมาก่อนได้ก่อน

เดิมพันด้วยพลังงานในปริมาณสูงสุดในขณะที่ลอร์ดยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรเป็นอะไรจะดีที่สุด เขาต้องขูดรีดมาให้ได้มากที่สุดในครั้งเดียว ถ้าทำได้เขามีโอกาสเพิ่มลำดับไป 300 ลำดับในทีเดียว

โคโมดรอจนช่วงคุ้มครองของอาณาเขตใหม่อลันดาลสิ้นสุด เขานั่งบนบัลลังก์ก่อนช่วงคุ้มครองสิ้นสุดหนึ่งชั่วโมง พร้อมจะส่งคำท้ารบ

เขาต้องเร็วกว่าคนอื่น!

เมื่อเวลามาถึง โคโมดส่งคำท้ารบ เขาลุ้นใจจดใจจ่อ แล้วดวงตาก็เบิกโพลง

<สงครามมิติกับอลันดาลจะเริ่มขึ้น>

“คึ ฮ่าๆๆๆ”

โคโมดร้องอย่างยินดี

“ไปปล้นเขาให้หมดเลยไหม?”

โคโมดนั่งบัลลังก์และมุ่งไปยังพื้นที่ๆจะทำสงคราม

***

<คุณได้รับคำท้ารบจากโคโมด ต้องการปฏิเสธหรือไม่?>

<คุณสามารถปฏิเสธได้ถึง 3 ครั้ง หลังจากนั้นจะถูกบังคับให้รับคำท้า>

<หากชนะ คุณจะได้รับช่วงคุ้มครอง 4 วัน หากแพ้ คุณจะได้รับช่วงคุ้มครอง 12 วัน>

“มาจนได้”

วูจินยิ้มขณะนั่งบนบัลลังก์ ตรงหน้าเขามีเก้าอี้เล็กตัวหนึ่ง

<ผู้บัญชาการอาณาเขตมิติ>

บิบิที่จะทำสงครามแทนเขานั่งตรงนั้น เธอมีสีหน้ามุ่งมั่น

“ไปเสี่ยงโชคให้เต็มที่เลย”

“ฮึ่ม เราจะชนะ เจ้านายไม่ต้องห่วง สัญญาแล้วนะว่าถ้าเราชนะจะให้เราใช้พลังงานครึ่งนึงน่ะ?”

วูจินยิ้ม

“แน่นอน”

เขาไม่สนใจว่าเธอจะชนะหรือแพ้ เขาจะแก้แค้นหลังจากรบเสร็จ


สารบัญ                                                 บทที่ 120




ปีใหม่มาถึงอีกปีแล้ว สุขสันต์วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ค่ะ ^^



3 ความคิดเห็น: